ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 229 ใช่แท้งหรือเปล่า
ตอนที่ 229 ใช่แท้งหรือเปล่า
ตอนที่ 229 ใช่แท้งหรือเปล่า
“หา เลือดไหล?” ถังหลิงสะดุ้งเมื่อได้ยิน ก่อนถามเสียงดังโดยไม่รู้ตัว “แท้งหรือเปล่าเนี่ย?”
สีหน้าของเสิ่นเสี่ยวเหมยซีดเผือด พูดด้วยเสียงสะอื้นไห้ “ฉันคิดว่ามันอาจจะเป็นแค่ประจำเดือนก็ได้”
“หืม?” ถังหลิงดูสับสนเมื่อฟังจบ “เธอไม่ได้ท้องหรอกเหรอ? ทำไมถึงมีประจำเดือนได้ล่ะ?”
เสิ่นเสี่ยวเหมยตกใจมากจนแทบเกือบหมดสติ ร่างกายสั่นเทา และสูญเสียการควบคุม “ฉันไม่รู้ว่าตกลงมันเป็นแค่เลือดประจำเดือนหรือเลือดแท้งกันแน่ แต่เลือดไหลไม่เยอะมาก สีแดงสดกว่าปกติ”
ถังหลิงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “มาเถอะ ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาลให้หมอตรวจ ถ้าเป็นสัญญาณว่าแท้งจริง เธอควรเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด”
จากนั้นหล่อนก็วิ่งเข้าไปในร้านแล้วพูดกับหลิวลี่ลี่ที่นอนอยู่ว่า
“ลี่ลี่ ภายในสิบนาทีรีบไปล้างหน้าให้เรียบร้อย แล้วอยู่เฝ้าร้านไปก่อน ถ้าใครมาแล้วถามถึงฉันก็บอกไปว่าฉันจะกลับมาเร็ว ๆ นี้”
“พี่หลิง จะไปไหนเหรอ?” หลิวลี่ลี่ที่ยังคงมีบางสิ่งเปื้อนบนใบหน้าอยู่ เป็นครั้งแรกที่หล่อนประสบเหตุการณ์แบบนี้จึงไม่กล้าอ้าปากเยอะเกินไป
เพื่อเป็นการกันไวดีกว่าแก้ ถังหลิงจึงไม่ได้บอกความจริง แต่บอกแค่ว่า “ฉันจะพาเสี่ยวเหมยไปซื้อของบางอย่างน่ะ”
“อืม”
ในฐานะสุนัขรับใช้ตัวยง ข้อได้เปรียบยิ่งใหญ่ที่สุดของหลิวลี่ลี่ก็คือหล่อนเป็นคนที่เชื่อฟังอย่างว่าง่าย “พี่ไปเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันดูร้านเอง”
หลังออกจากร้าน ถังหลิงกลัวที่จะต้องรับผิดชอบเรื่องเงิน จึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วพูดว่า
“ฉันจะส่งข่าวให้เฉินเจียซิ่งก่อน แล้วขอให้เขารีบตามเรามาเร็ว ๆ”
เสิ่นเสี่ยวเหมยดูหวาดกลัว รีบห้ามอีกฝ่าย “พี่หลิง อย่าเพิ่งบอกเขา ถ้าเกิดมันเป็นแค่ประจำเดือนขึ้นมาจริง ๆ ล่ะ?”
เสิ่นเสี่ยวเหมยรู้ดีเสมอว่านี่ไม่ใช่การแท้งลูกแน่ ทุกครั้งที่มีประจำเดือน ปริมาณเลือดจะน้อยมากในช่วงแรก ตามมาด้วยอาการปวดหลัง อาการเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นปกติ
จู่ ๆ หล่อนก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย กลัวว่าถ้าตัวเองไม่ท้อง แต่เป็นเพราะประจำเดือนมาล่าช้า…
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ หล่อนก็ตัวสั่นและแทบจะสูญเสียการทรงตัวอีกครั้ง
“แต่ว่า…” ถังหลิงตอบกลับอย่างชั่งใจ
หล่อนกลัวว่าถ้าเสิ่นเสี่ยวเหมยแท้งลูกจริง แถมเหตุการณ์ดังกล่าวยังเกิดขึ้นในร้านของตนด้วย เฉินเจียซิ่งและตระกูลเฉินจะต้องตำหนิหล่อนแน่ ซึ่งหล่อนไม่สามารถแบกรับความรับผิดชอบใหญ่โตนี้ได้
สิ่งที่เป็นอันตรายยิ่งกว่านั้น คือเมื่อเฉินเจียซิ่งมาถึง เขาต้องโวยวายแน่ที่หล่อนขอให้เสิ่นเสี่ยวเหมยใช้บริการเสริมความงาม เพราะเชื่อว่ามันไม่ดีต่อเด็กในท้อง
เสิ่นเสี่ยวเหมยเริ่มมีเลือดออกทันทีหลังใช้บริการเสริมความงาม ถ้าเป็นการแท้งลูกจริง หล่อนคงหาทางแก้ตัวไม่ได้จริง ๆ และคงไม่ดีต่อชื่อเสียงของร้านอีกต่างหาก
เสิ่นเสี่ยวเหมยมองหน้าหล่อนและขอร้อง
“พี่หลิง พาฉันไปโรงพยาบาลให้หมอตรวจก่อนเถอะ ถ้ารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เดี๋ยวฉันจะเป็นคนโทรหาเฉินเจียซิ่งเอง”
“โอเค งั้นรีบไปกัน”
ถังหลิงรีบพาเสิ่นเสี่ยวเหมยไปโรงพยาบาลไห่เฉิงอย่างรวดเร็ว
มาถึงก็รีบไปที่แผนกสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา เพื่อรอฟังผลตรวจร่างกาย
สูตินรีแพทย์คนนี้เป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่ใจดีมาก หลังจากฟังผลตรวจของเสิ่นเสี่ยวเหมยแล้ว ก็สั่งอัลตราซาวด์ B ให้หล่อน
เมื่อแผ่นอัลตราซาวด์ B ออกมา คุณหมอก็อ่านรายละเอียด ก่อนมองไปทางเสิ่นเสี่ยวเหมยกับถังหลิงและพูดพร้อมเผยรอยยิ้ม “สาวน้อย ไม่ต้องกังวลไป เป็นแค่ประจำเดือนธรรมดา ไม่ใช่สัญญาณของการแท้งลูกแน่นอน”
หลังได้ฟังคำตอบจากคุณหมอ เสิ่นเสี่ยวเหมยก็นั่งลงบนม้านั่งแล้วส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้ ฉันท้องนี่นา แถมไม่มีประจำเดือนมาเกือบสองเดือนแล้ว และยังรู้สึกคลื่นไส้และอาเจียนเกือบทุกเช้า ยังไงก็ต้องเป็นอาการของคนตั้งท้องแน่”
คุณหมอชี้ไปที่ผลตรวจในแผ่นอัลตราซาวด์ B แล้วอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผลแผ่นอัลตราซาวด์ B ออกมาแล้ว ไม่ผิดหรอกค่ะ คนไข้ไม่ได้ท้อง ถ้ามันไม่มาตั้งสองเดือนแล้วก็แสดงว่าประจำเดือนอาจมาไม่ปกติ ไว้เรามารักษากัน ส่วนอาการอาเจียนและคลื่นไส้หลังจากตื่นนอนตอนเช้า อาจเกิดจากการไม่สบายท้องหรือคออักเสบ ตรงนี้อาจต้องไปแผนกอื่นเพื่อตรวจสอบทีหลัง”
ถังหลิงถามจากที่นั่งด้านข้าง “คุณหมอ ผลตรวจมีอะไรผิดพลาดหรือเปล่าคะ?”
“สาว ๆ เราเพิ่งนำอุปกรณ์ชนิดใหม่เข้ามา อัลตราซาวด์ B สามารถแสดงสภาพของมดลูกของบุคคลนั้นได้อย่างชัดเจน ไม่มีข้อผิดพลาดแน่นอน นอกจากนี้สภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติของสาวน้อยคนนี้ยังต้องได้รับการรักษาโดยเร็วด้วย ไม่อย่างงั้นจะส่งผลต่อการตั้งท้องในอนาคต”
แพทย์หญิงตอบอย่างเป็นมืออาชีพ และผลการตรวจสอบก็เชื่อถือได้จริง ๆ
เมื่อออกมาจากห้องตรวจของหมอ เสิ่นเสี่ยวเหมยรู้สึกสับสนอย่างสิ้นเชิง
หล่อนหยิบแผ่นอัลตราซาวด์ B และตรวจสอบมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“พี่หลิง ฉันไม่ได้ท้องแต่เป็นแค่อาการอาเจียนและคลื่นไส้เฉย ๆ จริงเหรอ? แปลว่าก่อนหน้านี้พวกเราคาดเดาผิดพลาดครั้งใหญ่ แล้วทีนี้จะอธิบายให้เฉินเจียซิ่งฟังยังไงดี?”
เฉินเจียซิ่งยังพอคุยและเจรจาง่าย แต่ผู้อาวุโสของตระกูลเฉินนั้นอธิบายด้วยยาก
น้ำเสียงที่เสิ่นเสี่ยวเหมยบ่นให้ถังหลิงฟังในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่ายังยอมรับความจริงไม่ได้
หล่อนมักจะรู้สึกเสมอว่าถังหลิงเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง ซึ่งรอบรู้ทุกอย่าง และสิ่งที่พูดก็น่าเชื่อถือ
เมื่อเป็นแบบนี้แล้วหล่อนควรทำอย่างไรต่อไป?
ถังหลิงตอบกลับ “เสี่ยวเหมย อาการที่เธออธิบายให้ฉันฟังก่อนหน้านี้เป็นอาการของคนท้องจริง ๆ ใครจะไปรู้ล่ะว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ล่ะ?”
เมื่อถังหลิงพูดจบ เห็นได้ชัดว่าหล่อนขาดความมั่นใจไปไม่น้อย
เมื่อหล่อนเห็นว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยมีอาการคลื่นไส้และอาเจียน ทั้งยังได้ยินว่าประจำเดือนไม่มาด้วย จึงคิดว่าอีกฝ่ายท้องโดยไม่สงสัยว่าเป็นอื่น แถมในเวลานั้นหล่อนยังต้องการให้เสิ่นเสี่ยวเหมยกลับไปที่บ้านตระกูลเฉินโดยเร็ว เพื่อสร้างปัญหาให้หลินเซี่ย…
“ว่าแต่ เธอไม่ได้ไปตรวจสุขภาพก่อนคลอดหรอกเหรอ? ทำไมไม่มาตรวจที่โรงพยาบาลก่อนล่ะ?” ถังหลิงจับมือหล่อนแล้วถอนหายใจ “ตระกูลเฉินก็คงจะไม่รู้เรื่องเหมือนกัน แถมไม่ฉุกคิดว่าต้องพาเธอไปตรวจสุขภาพก่อนคลอดด้วยซ้ำ เรื่องนี้ทุกฝ่ายพลาดกันหมด ยังไงพวกเขาก็ต้องรับผิดชอบด้วย”
“แม่สามีกับคุณย่าเตือนฉันเรื่องฝากครรภ์อยู่หลายครั้ง แต่ฉันมัวยุ่งอยู่กับงาน และไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้เลย”
เสิ่นเสี่ยวเหมยในตอนนี้เต็มไปด้วยความกังวล ปกติหล่อนมักจะเย่อหยิ่งและหลงในอำนาจ เพราะรู้สึกว่าตัวเองมีต้นทุนชีวิตสูงอยู่เสมอ
ตัวอย่างเช่นการได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวฝั่งแม่
ต่อมาหล่อนพบว่าตระกูลเฉินดูเหมือนจะไม่ให้ความสำคัญกับครอบครัวฝั่งแม่ของหล่อนสักเท่าใด
ตอนนี้หล่อนตั้งท้องทายาทของอีกฝ่าย ตระกูลเฉินจึงเริ่มที่จะให้ความสนใจและทำดีด้วย แม้แต่หลินเซี่ยเองก็ยังต้องหลีกทางให้
ถ้าผลออกมาตรงข้ามกับก่อนหน้า นอกจากพวกเขาจะผิดหวังแล้ว หล่อนยังสูญเสียการดูแลและสถานะที่พิเศษในบ้านไปด้วย
หล่อนรู้สึกว่าเฉินเจียซิ่งไม่ได้หลงใหลในตัวหล่อนอย่างไม่มีเงื่อนไขเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป แม้เขาจะเกรงใจอยู่บ้าง แต่ก็ทำตัวเฉยเมย เห็นแก่เด็กในท้องของหล่อนมากกว่า
สีหน้าของเสิ่นเสี่ยวเหมยน่าเกลียดลงมาก ทั้งเคร่งขรึมและเป็นกังวล
หล่อนไม่รู้ว่าจะอธิบายให้คนอื่นฟังยังไงดี
ช่วงนี้ใคร ๆ ก็รู้กันทั่วว่าหล่อนกำลังตั้งท้องลูกของเขา!
ดวงตาของถังหลิงกระตุกเล็กน้อย น้ำเสียงดูอ่อนโยนขึ้นเพื่อปลอบใจอีกฝ่าย “เสี่ยวเหมย ในเมื่อเรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้ เราต้องพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อแก้ไขปัญหา และอย่าปล่อยให้ตระกูลเฉินมีความคิดลบ ๆ กับเธอเด็ดขาด”
“แล้วจะแก้ข่าวยังไงดีล่ะ?” เสิ่นเสี่ยวเหมยสับสนมาก ตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากถังหลิงอีกครั้ง
ถังหลิงเข้าไปใกล้ๆ และกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหู
สีหน้าของเสิ่นเสี่ยวเหมยสดใสขึ้น จากนั้นก็ซีดลงอีกครั้ง ถามด้วยความลังเล “จะได้ผลจริงเหรอ?”
“นี่เป็นวิธีเดียวที่ทำได้ ถ้าเธอแสดงละครได้ดี ก็เท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว” ถังหลิงคว้าแขนหล่อนแล้วพูดเสริม “ไปเถอะ เดินไปคุยไป”
ครั้นถึงเวลาเลิกงาน เซี่ยหลานถอดเสื้อกาวน์ออกแล้วเดินไปตามทางพร้อมกระเป๋าสะพาย บังเอิญว่าในขณะนั้นเหลือบไปเห็นด้านหลังของเสิ่นเสี่ยวเหมยและถังหลิงที่เดินอยู่ทางข้างหน้าพอดี
หลังจากอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับเสิ่นเสี่ยวเหมยมาหลายปี เซี่ยหลานก็จำหล่อนได้ทันที โดยดูจากการแต่งตัวและท่าเดิน
หล่อนเหลือบมองไปตามทางเดิน จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองชื่อแผนกที่พวกหล่อนเพิ่งเดินจากไป
แพทย์หญิงที่รักษาเสิ่นเสี่ยวเหมยเดินออกมาจากห้องหลังเลิกงานพอดี เซี่ยหลานมองหล่อนแล้วถามว่า “หมอจาง ผู้หญิงสองคนนั้นมาตรวจสุขภาพก่อนคลอดเหรอคะ?”
“หมอเซี่ยนั่นเอง เมื่อกี้คุณกำลังพูดถึงสองสาวที่แต่งตัวทันสมัยสองคนนั้นใช่ไหมคะ?”
เซี่ยหลานพยักหน้า “ใช่ค่ะ ฉันกำลังพูดถึงพวกหล่อน”
หมอจางพูดพร้อมเผยรอยยิ้มว่า “โอ้ เดิมทีพวกหล่อนก็ตั้งใจมาตรวจสุขภาพก่อนคลอดนี่แหละ แต่เหมือนว่าพวกหล่อนจะเข้าใจบางอย่างผิดพลาด ความจริงเป็นแค่ประจำเดือนมาผิดปกติ แต่พวกหล่อนก็คิดว่ามันเป็นการแท้ง เลยตื่นตระหนกกันใหญ่ ฉันบอกพวกหล่อนไปแล้วว่าไม่ได้ท้องแต่แรก แต่พวกหล่อนก็ไม่ยอมเชื่อ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ว้ายยย สรุปกลายเป็นแค่เมนส์มาช้าผิดปกติ จะแก้ข่าวยังไงล่ะทีนี้ โพนทะนาว่าตัวเองท้องซะใหญ่โตเลย
ไหหม่า(海馬)