ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 230 เซี่ยไห่กลับมาแล้ว
ตอนที่ 230 เซี่ยไห่กลับมาแล้ว
ตอนที่ 230 เซี่ยไห่กลับมาแล้ว
“ไม่ได้ท้องหรอกเหรอ?” เซี่ยหลานมองไปที่หมอจางด้วยความประหลาดใจ
“ใช่ค่ะ หล่อนมีภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติ ล่าช้าไปถึงสองเดือน แต่เพราะก่อนหน้านี้มีอาการคลื่นไส้และอาเจียน หล่อนเลยคิดว่าตัวเองกำลังตั้งท้อง”
จากนั้นหมอจางก็บ่นพึมพำ “คนหนุ่มสาวในปัจจุบันทุกคนดูทันสมัยและมีความรู้ก็จริง แต่ประสบการณ์ชีวิตกลับน้อยมาก ไม่รู้จักร่างกายตัวเองดีพอด้วยซ้ำ ถ้าตัดสินได้อย่างแม่นยำว่าตัวเองกำลังตั้งท้องแบบนั้น หมออย่างพวกเราก็คงไม่มีความจำเป็นแล้วล่ะ”
“หมอเซี่ย ฉันขอตัวเลิกงานก่อนนะคะ” หลังจากที่หมอจางพูดจบ หล่อนก็จากไปโดยสะพายกระเป๋าไว้บนหลัง
“ค่ะ ลาก่อน”
เซี่ยหลานยืนนิ่งอยู่ตรงทางเดิน สีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
หลังจากเสแสร้งมานาน สรุปว่าไม่ได้ท้องสินะ
หล่อนหัวเราะเบา ๆ ส่ายหน้า จากนั้นก็เดินขึ้นไปที่วอร์ดของลูกชายตัวเอง
ถังหลิงและเสิ่นเสี่ยวเหมยกลับมาที่ร้าน ขณะที่หลิวลี่ลี่ยังคงทำหน้าที่เฝ้าร้านเป็นอย่างดี
เฉินเจียซิ่งมารอรับเสิ่นเสี่ยวเหมยหลังจากเลิกงาน ตอนนี้เขาจึงนั่งอยู่ในร้านเช่นกัน
เมื่อเสิ่นเสี่ยวเหมยเห็นเฉินเจียซิ่ง ดวงตาของหล่อนก็เฉไฉมองไปทางอื่นเพราะความรู้สึกผิด
เฉินเจียซิ่งถามขึ้น “คุณหายไปไหนมา?”
เสิ่นเสี่ยวเหมยกระแอมไอเบา ๆ แล้วตอบว่า “ฉันกับพี่หลิงออกไปซื้อของข้างนอกกันมา”
ทันทีที่หลิวลี่ลี่เห็นว่าสองสาวกลับมาแล้ว หล่อนก็เริ่มเข้ามารายงานข้อมูลบราวนี่ออนไลน์
“พี่หลิง อาเสี่ยวเหมย ร้านของหลินเซี่ยมีลูกค้ามาอุดหนุนเยอะมากเลย แถมเมื่อกี้นี้ยังมีช่างทำผมหลายคนแวะเวียนมาสมัครงานด้วย”
หลิวลี่ลี่นั่งอยู่ที่หน้าต่าง จ้องมองกิจการร้านตัดผมที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพลางนับลูกค้าไปด้วย หลังจากเฝ้าสังเกตอยู่สักพัก ผลสรุปที่ได้คือมีลูกค้าเทียวเข้าเทียวออกหลายราย และลูกค้าทุกคนที่เดินออกมาก็ออกมาพร้อมกับทรงผมใหม่สวยพริ้ง ทั้งยังมีรอยยิ้มพึงพอใจและมีความสุข
หลิวลี่ลี่ทั้งกังวลและหมั่นไส้ในเวลาเดียวกัน
ร้านเสริมสวยแห่งนี้เปิดอย่างเป็นทางการแล้วแท้ ๆ ทำไมไม่มีใครสนใจมาลองใช้บริการเลย?
แม้ไม่คิดมาทำทรีตเมนต์ความงามทันที อย่างน้อยแวะเวียนเข้ามาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหน่อยก็ได้
หลิวลี่ลี่แอบบ่นในใจว่าผู้หญิงบนถนนสายนี้ช่างไม่รู้จักดูแลความสวยความงามเอาซะเลย ทั้งยังหัวโบราณไม่ไม่รู้จักยอมรับสิ่งใหม่ ๆ
หลังจากได้ยินคำพูดของหลิวลี่ลี่ เสิ่นเสี่ยวเหมยและถังหลิงไม่ได้ตอบอะไร กลายเป็นเฉินเจียซิ่งที่บอกว่า “ผู้หญิงคนนั้นฝีมือดี ไม่แปลกหรอกที่ธุรกิจจะดีตามไปด้วย”
ถ้าเป็นเวลาปกติ เมื่อได้ยินเฉินเจียซิ่งพูดถึงหลินเซี่ยในเชิงบวกแบบนี้ เสิ่นเสี่ยวเหมยต้องอดรนทนไม่ได้แน่นอน
แต่ในเวลานี้หล่อนไม่มีกะจิตกะใจจะสนใจเรื่องอะไรทั้งนั้น ได้แต่นั่งอยู่กับที่ด้วยอาการเหม่อลอย
ถังหลิงเหลือบมองอีกด้านหนึ่ง จากนั้นมองไปที่หลิวลี่ลี่ซึ่งสีหน้าเต็มไปด้วยความอิจฉาและริษยา พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ลี่ลี่ เธอกับหลินเซี่ยต่างก็เป็นเด็กฝึกงานให้กับร้านตัดผมของรัฐมาก่อน ทำไมทักษะถึงได้ห่างชั้นกันมากขนาดนี้ล่ะ?”
ถ้าไม่บอกก็คงไม่รู้ว่าพวกเธอมีอาจารย์สอนงานคนเดียวกัน
หลิวลี่ลี่ยอมไม่ได้ รีบโต้กลับทันทีว่า “เมื่อก่อนหล่อนฝีมือไม่ได้ดีไปกว่าฉันจริง ๆ ใครจะรู้ว่าหลังจากหล่อนย้ายกลับบ้านนอกไป พอกลับมาอีกครั้งทักษะจะดีขึ้นเป็นกอง”
“ตอนอยู่บ้านนอกเธอก็ไม่ได้ไปเรียนที่ไหนเพิ่มนะ ทันทีที่เธอแต่งงานกับพี่ใหญ่ฉัน เธอก็อาสาตัดผมให้ชาวบ้าน ฝีมือเธอดีตั้งแต่ตอนนั้นเลย” เฉินเจียซิ่งเหลือบมองเสิ่นเสี่ยวเหมย “เสี่ยวเหมยเป็นพยานในเรื่องนี้ได้ เพื่อนบ้านของตาฉันเป็นคนเสียสติ เขามักจะทำตัวสกปรกรุงรังอยู่เสมอ แต่พอหล่อนจัดระเบียบทรงผมให้ใหม่ เขาก็หล่อขึ้นทันที”
เสิ่นเสี่ยวเหมยยังคงเหม่อลอยและเงียบกริบ
เมื่อหลิวลี่ลี่เห็นว่าเฉินเจียซิ่งดูจะชื่นชมหลินเซี่ยอย่างออกหน้าออกตา หล่อนก็ทำหน้าบูดบึ้ง รู้สึกไม่มีความสุขอีกต่อไป
ถังหลิงก็ดูเหมือนจะไม่ถูกใจเท่าไรนัก
หลิวลี่ลี่มองไปที่ถังหลิงและบ่นว่า “พี่หลิง ฉันลาออกจากที่ทำงานเก่าก็เพราะเชื่อพี่ ดูตอนนี้สิ ฉันไม่มีงานทำด้วยซ้ำ”
ความหมายก็คือ คุณต้องรับผิดชอบต่ออนาคตของฉัน
เนื่องจากเฉินเจียซิ่งยังคงนั่งอยู่ข้าง ๆ ถังหลิงจึงรักษาบุคลิกที่สง่างามและใจดีของตัวเองไว้ พูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ลี่ลี่ เธออาจจะทำผมไม่เก่งก็จริง แต่เห็นแก่ประโยชน์ของเสี่ยวเหมย จากนี้เธอก็มาทำงานในร้านของฉัน และเรียนรู้ขั้นตอนการเสริมความงามได้ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ถ้าตั้งใจเรียนจนชำนาญ อาชีพนี้ดีกว่าช่างตัดผมเป็นไหน ๆ”
ในที่สุดความกังวลของหลิวลี่ลี่ก็สงบลง หล่อนกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจทันที “ขอบคุณค่ะพี่หลิง”
เฉินเจียซิ่งลุกขึ้นยืน และพูดกับเสิ่นเสี่ยวเหมยว่า “กลับบ้านกันเถอะ”
“โอ้”
หลังจากออกไปและเห็นว่าประตูร้านตัดผมฝั่งตรงข้ามยังคงเปิดอยู่ เสิ่นเสี่ยวเหมยก็มองไปที่เฉินเจียซิ่งแล้วพูดว่า “ลองชวนหลินเซี่ยกลับบ้านด้วยกันไหม?”
เมื่อเฉินเจียซิ่งได้ยินแบบนี้ เขาก็ตัวสั่นด้วยความตกใจ มองดูหล่อนอย่างสงสัยและระมัดระวังทันที “ทำไมจู่ ๆ ถึงมีน้ำใจกับหล่อนขึ้นมา คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”
ผู้หญิงคนนี้ ไม่ยอมหยุดสร้างปัญหาให้คนอื่นสักวันเลยจริง ๆ!
ดวงตาของเสิ่นเสี่ยวเหมยกะพริบปริบ ก่อนจะอธิบาย
“ยังไงซะเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ในเมื่อหลีกเลี่ยงกันไม่ได้แน่แล้ว สู้อยู่อย่างปรองดองดีกว่า”
เฉินเจียซิ่งหรือจะเชื่อในสิ่งที่ออกมาจากปากของเสิ่นเสี่ยวเหมย
“เฮ้อ ทำไมจู่ ๆ คุณก็ตระหนักถึงความจริงอันลึกซึ้งแบบนี้ขึ้นมาได้? แถมยังรู้จักวิธีการอยู่ร่วมกันอย่างปรองดองด้วย??”
“จะไปเรียกหล่อนดี ๆ ไหม” เสิ่นเสี่ยวเหมยเริ่มหัวเสีย
แน่นอนว่าเฉินเจียซิ่งไม่อยากเป็นชนวนริเริ่มให้ผู้หญิงทั้งสองคนมาเจอกันเพื่อสร้างปัญหาให้กับตัวเองและครอบครัวของเขา
“ช่างเถอะ อยู่ดี ๆ อย่าไปกวนน้ำให้ขุ่นเลย”
แม้ว่าหล่อนจะทุบตีเขาจนตาย เขาก็ไม่มีทางเชื่อว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยจะกลับตัวเป็นคนมีน้ำใจ
ต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับหล่อนแน่
เมื่อสามีปฏิเสธ เสิ่นเสี่ยวเหมยจึงเม้มริมฝีปากไม่คะยั้นคะยออีก
ถังหลิงเพิ่งเดินออกไปส่งเฉินเจียซิ่งและเสิ่นเสี่ยวเหมยที่หน้าประตู ก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มแต่งตัวทันสมัย หิ้วกระเป๋าเดินทางและสวมเสื้อกันลมสีกากีเดินตรงมาทางนี้
เมื่อถังหลิงเห็นเขา สีหน้าของหล่อนก็สดใสขึ้นทันที รอยยิ้มหวานปรากฏบนใบหน้าอันละเอียดอ่อน รีบปรี่เข้าไปทักทายเขาอย่างมีความสุข “เถ้าแก่เซี่ย กลับมาแล้วเหรอคะ?”
“อืม” เซี่ยไห่เห็นถังหลิงจึงตอบกลับสั้น ๆ
ถังหลิงเดินลากรองเท้าส้นสูงลงบันไดไปหาเขาอย่างเร่งรีบ พูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อแผ่วเบา “วันนี้ฉันเปิดร้านอย่างเป็นทางการแล้ว ไหนคุณสัญญาว่าจะมาตัดริบบิ้นให้ฉันไงคะ”
“ขอโทษด้วยครับ พอดีผมมีธุระที่ต้องทำ รอบนี้เดินทางไกลด้วย”
“ฉันรู้ค่ะว่าคุณงานยุ่ง”
ถังหลิงแสดงความอ่อนโยนและเข้าอกเข้าใจ ดูเป็นผู้หญิงใจกว้างที่รู้จักให้พื้นที่อีกฝ่าย “คุณคงเหนื่อยจากการนั่งรถเป็นเวลานาน เข้ามาดื่มชาสักแก้วสิคะ จะได้ดูการตกแต่งร้านของฉันด้วย”
“ไว้ครั้งหน้าแล้วกัน ผมยังมีอย่างอื่นต้องทำ”
เซี่ยไห่พูดอย่างไม่รักษาน้ำใจ จากนั้นก็เดินตรงไปร้านตัดผมพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง ทันทีที่เขาไปถึงหน้าประตู ก็ตะโกนเรียกด้วยน้ำเสียงอันดังและเป็นมิตรว่า “เซี่ยเซี่ย ฉันกลับมาแล้ว”
ถังหลิงถูกทิ้งให้อยู่ข้างหลัง เมื่อเห็นเซี่ยไห่เดินเข้าไปในร้านตัดผมและเรียกหาหลินเซี่ยด้วยสีหน้าแจ่มใสโดยไม่สงวนท่าที ร่องรอยของความขุ่นเคืองก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าบอบบาง
ให้ตายสิ ผู้หญิงคนนี้มีพลังเวทมนตร์แบบไหนกัน หล่อนแต่งงานแล้วแท้ ๆ แต่ยังดึงดูดชายอื่นอยู่เรื่อย
เซี่ยไห่นี่ก็ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจต่อภรรยาของสหายน้องชายตัวเองอะไรเอาเสียเลย?
วันนี้หลินเซี่ยงานล้นมือมาก ตอนนี้เธอเพิ่งจะมีเวลาว่าง และอยู่ในระหว่างการสรุปยอดร่วมกับชุนฟางว่าวันนี้มีลูกค้ามาใช้บริการกี่คน
ชุนฟางอุทาน “ว้าว วันนี้มีลูกค้ามาดัดผมแค่ห้าคนเอง แต่มีคนมาตัดผมตั้งสิบคนแน่ะ สุดยอดไปเลย”
ชุนฟางมองหลินเซี่ยและพูดอย่างมีความสุข “วันนี้ฉันตัดผมให้คุณลุงสองคนเลยนะ”
หล่อนยังไม่ใจกล้าพอที่จะลองทำผมทรงที่มีความซับซ้อนและทันสมัย ดังนั้นจึงเลือกดูแลลูกค้าที่มีอายุเป็นหลัก
เวลาว่างก็มักจะออกไปข้างนอกเพื่อ ‘หาลูกค้า’
เมื่อเห็นชายชราคนไหนผมยาวหรือหนวดเครายังไม่ได้โกน หล่อนก็จะเชิญเขาเข้ามารับบริการที่ร้านอย่างกระตือรือร้น ชายชราบนถนนสายนี้ล้วนพอใจกับการบริการและฝีมือของชุนฟางดี
พวกเขาจึงยินดีให้หล่อนตัดผมและโกนหนวดง่าย ๆ
“อย่าลืมจดไว้ด้วยล่ะ”
ขณะที่เธอพูดจบ ก็ได้ยินเสียงใครบางคนเรียกเธอ
หลินเซี่ยเงยหน้ามอง เห็นว่าเป็นเซี่ยไห่ที่ร่างของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อผสมฝุ่น
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสถานะตอนนี้ หลินเซี่ยจึงเคอะเขินขึ้นมาทันทีเมื่อต้องสนทนากับเซี่ยไห่อีกครั้ง
เธอยืนขึ้น กล่าวทักทายอย่างสุภาพว่า “เถ้าแก่เซี่ย กลับมาแล้วเหรอคะ?”
“กลับมาแล้ว” เซี่ยไห่ลากกระเป๋าเดินทาง พร้อมกันนั้นก็มองไปที่หลินเซี่ยด้วยความอาทร
ผู้หญิงตรงหน้า คือหลานสาวของเขาจริง ๆ!
ระหว่างเดินทางกลับ เซี่ยไห่พยายามรวบรวมสิ่งที่เขาจะพูดมากมายหลังจากได้เจอหน้าหลินเซี่ย
แต่เวลานี้เมื่อได้เห็นหน้าเธอจริง ๆ เขากลับไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน
บรรยากาศน่าอึดอัดเกิดขึ้นไม่กี่วินาที ก่อนที่เซี่ยไห่จะถามว่า “เหล่าเฉินไปไหนล่ะ?”
หลินเซี่ยตอบว่า “เขายังไม่กลับมาเลยค่ะ”
“ชุนฟาง เธอยังไม่เลิกงานอีกเหรอ?” เซี่ยไห่มองไปที่ชุนฟางแล้วถามด้วยรอยยิ้ม
ชุนฟางความรู้สึกช้าเกินกว่าจะทันสังเกตเห็นความละเอียดอ่อนของบรรยากาศ หล่อนยิ้มแล้วตอบกลับ “เถ้าแก่เซี่ย ยังไม่ถึงเวลาเลยค่ะ”
หลินเซี่ยหันไปพูดกับชุนฟาง “ชุนฟาง วันนี้กลับเร็วหน่อยก็ได้นะ”
“โอเค”
เซี่ยไห่วางกระเป๋าเดินทางลง จากนั้นหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการคุยกับหลินเซี่ยถึงเรื่องความสัมพันธ์
หลินเซี่ยไม่มีทางเลือกนอกจากปิดประตูร้าน
พอเดินกลับเข้ามา ก็รินน้ำใส่แก้วแล้วยื่นให้เซี่ยไห่
เซี่ยไห่รับแก้วน้ำขึ้นมา พร้อมกับกล่าวขอบคุณ
จากนั้น เขามองไปที่หลินเซี่ย และถามอย่างไม่แน่ใจ
“เซี่ยเซี่ย เจียเหอได้เล่าเรื่องพี่ใหญ่ของฉันให้เธอฟังแล้วหรือยัง?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จะปิดก็ปิดไม่ได้แล้วล่ะยัยเสี่ยวเหมย พี่สะใภ้รู้เรื่องแล้ว
อาหลานหมาดๆ คู่นี้จะคุยอะไรกันน้า?
ไหหม่า(海馬)