ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 235 เกือบจะตั้งชื่อว่าหลินตงเหมย
ตอนที่ 235 เกือบจะตั้งชื่อว่าหลินตงเหมย
ตอนที่ 235 เกือบจะตั้งชื่อว่าหลินตงเหมย
หลินจินซานลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นตะลึงอีกครั้ง มองไปที่หลิวกุ้ยอิง และหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง “แม่ แม่กำลังจะบอกพวกเราว่าอะไร?”
หลิวกุ้ยอิงไม่กล้ามองไปที่หลินจินซานโดยตรง หลบเลี่ยงสายตาเขาที่จ้องมองมาด้วยความรู้สึกผิด
หล่อนคิดว่าตัวเองพูดตรงไปตรงมาพอแล้ว หลินจินซานเป็นผู้ใหญ่พอ ถ้าลองคิดทบทวนดูสักพัก ไม่นานก็จะเข้าใจสิ่งที่หล่อนต้องการสื่อ
แน่นอนว่าหลังจากนั้นแค่ไม่กี่วินาที หลินจินซานก็เข้าใจความหมายของหลิวกุ้ยอิงจากปฏิกิริยาและคำพูดของหล่อน
“แม่ แม่ล้อพวกเราเล่นหรือไงกัน?” หลินจินซานมองไปที่หลิวกุ้ยอิง ดวงตาหมองคล้ำลง แทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
เขามองไปที่หลินเซี่ย คาดว่าตัวเองจะได้เห็นสีหน้าตกใจและไม่อยากเชื่อแบบเดียวกันนี้บนใบหน้าของหลินเซี่ยเช่นกัน
เขามั่นใจเหลือเกินว่าหลินเซี่ยต้องตกใจกับความจริงนี้มากกว่าเขา
“เซี่ยเซี่ย เธอได้ยินสิ่งที่แม่พูดเมื่อกี้ไหม?”
หลินเซี่ยพยักหน้ารับอย่างสงบ
ท่าทางสงบเสงี่ยมไร้อาการแตกตื่นของเธอทำให้หลินจินซานรู้สึกสับสนเข้าไปใหญ่
เขาพลันรู้สึกว่าสมองของตัวเองอาจน้อยเกินกว่าจะทำความเข้าใจ
ทำไมหลินเซี่ยถึงสงบสติอารมณ์อยู่ได้ ราวกับว่าเธอได้เตรียมใจเอาไว้ก่อนแล้ว
ใบหน้าของหลินจินซานเปลี่ยนจากตกใจไปสู่จริงจัง และแปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น
เขามองไปที่หลิวกุ้ยอิง ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แม่ นี่หมายความว่าก่อนแม่จะมาแต่งงานกับพ่อ แม่ก็ตั้งท้องอยู่ก่อนแล้วงั้นเหรอ?”
หลิวกุ้ยอิงไม่กล้ามองหน้าเขา ได้แต่พยักหน้าอย่างละอายใจ
“ถ้าอย่างนั้น เซี่ยเซี่ยก็ไม่ใช่ลูกสาวของพ่อผมน่ะสิ?” เขาถามต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
หลิวกุ้ยอิงยังคงเงียบและพยักหน้ารับตามเดิม
ในเวลานี้หล่อนไม่สามารถอธิบายอะไรได้เลยนอกจากพยักหน้า ยิ่งไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับหลินจินซานอย่างไรบราวนี่ออนไลน์
หล่อนรู้สึกฝังใจว่าตนเองเป็นคนผิดมาโดยตลอด
ท่าทางยอมรับของหลิวกุ้ยอิง ทำให้หัวใจของหลินจินซานจมลงสู่ก้นบึ้ง
หลินเยี่ยนยังมองหลินเซี่ยด้วยสายตาว่างเปล่า จากนั้นมองไปที่หลิวกุ้ยอิง ไม่อาจคิดตามจังหวะการสนทนาของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์
หลินเซี่ยไม่ใช่พี่สาวแท้ ๆ ของหล่อนหรอกเหรอ?
พ่อที่แท้จริงของหล่อนเป็นคนอื่นหรือนี่?
หลินเยี่ยนอยากถามอะไรสักอย่าง แต่ไม่รู้ว่าจะถามอะไรดี
หลินจินซานเหมือนจะกลายเป็นบ้า ปกติหลิวกุ้ยอิงก็เป็นแม่เลี้ยงของเขาอยู่แล้ว ความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างเขากับน้องสาวทั้งสองคนผูกพันกันด้วยเลือดของพ่อเพียงอย่างเดียว
ถ้าทั้งหมดเป็นไปตามที่หลิวกุ้ยอิงบอก หลินเซี่ยก็ถือเป็นน้องต่างแม่ไม่พอ ยังเป็นน้องต่างพ่ออีกด้วย
พอเป็นแบบนี้ หากพวกเขาขาดหลิวกุ้ยอิงที่เป็นสะพานเชื่อมให้กับความสัมพันธ์ พวกเขาทั้งสามก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้า
ตอนแรกที่รู้ความจริงว่าหลินเซี่ยกับเสิ่นอวี้อิ๋งถูกอุ้มผิดฝาผิดตัว เวลานั้นเขาไม่ได้ตกใจมากนัก
แต่เมื่อหลินจินซานหวนคิดถึงว่าพ่อที่ซื่อสัตย์ของเขาใจดีกับภรรยาอย่างหลิวกุ้ยอิงและเสิ่นอวี้อิ๋งตอนเด็ก ๆ มากแค่ไหน ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเดือดดาลขึ้นมา แม้แต่น้ำเสียงก็รุนแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ “หมายความว่าที่ผ่านมาพ่อผมต้องมานั่งเลี้ยงลูกของผู้ชายคนอื่นเหรอ? แม่ แม่ทำแบบนั้นลงคอได้ยังไง?”
ดวงตาของหลินจินซานเต็มไปด้วยความผิดหวังและโศกเศร้าเมื่อเขามองไปที่หลิวกุ้ยอิง
หลินเซี่ยลุกยืนขึ้น ดึงแขนหลินจินซานและเกลี้ยกล่อมเขาเบา ๆ “พี่ชาย อย่าเพิ่งโมโหไปเลย ฟังแม่อธิบายก่อนเถอะ”
“จะไม่ให้ฉันโมโหได้ยังไง? แต่เล็กจนโต ทุกครั้งที่บ้านเรามีของอร่อย เสิ่นอวี้อิ๋งจะเป็นคนแรกที่ได้กินมันก่อนเสมอ ตอนนั้นพ่อมักจะให้เหตุผลว่าร่างกายของหล่อนอ่อนแอ ต้องการสารอาหารเป็นพิเศษ ในฐานะลูกชาย ฉันกลับทำได้แค่เฝ้าดูพ่อทุ่มเทความพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยชีวิตเสิ่นอวี้อิ๋ง แต่สุดท้ายเขาก็เลี้ยงดูอุ้มชูลูกสาวผิดคน”
เนื่องจากตื่นตระหนกและโกรธสุดขีด ร่างกายของเขาจึงสั่นเทาเมื่อพูดต่อ “แต่ต่อให้พ่อจะเลี้ยงลูกสาวผิดคนก็ไม่สำคัญ อย่างน้อยยี่สิบปีต่อมา ฉันก็ได้เจอน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเอง อย่างน้อยก็สามารถปลอบประโลมดวงวิญญาณของพ่อที่อยู่บนสวรรค์ แล้วสุดท้ายผลออกมาเป็นยังไง? น้องสาวแท้ ๆ กลับไม่ใช่น้องสาวแท้ ๆ ของฉันอีกต่อไป แล้วเงินจำนวนมากของพ่อที่เสียไปกับหล่อนล่ะ? แม่กล้าหลอกลวงคนซื่อสัตย์แบบพ่อได้ยังไง?”
คำพูดสุดท้ายของหลินจินซานแทบจะเป็นเสียงตะโกนออกมา
หลิวกุ้ยอิงเห็นว่าหลินจินซานโกรธมาก หล่อนก็รีบอธิบายว่า “จินซาน พ่อของลูกรู้เรื่องที่แม่ท้องตั้งแต่ก่อนจะมาแต่งงานกับเขาแล้ว เพราะแม่ท้องก่อนแต่ง เขาถึงยินดีที่จะแต่งงานกับแม่ แม่ไม่เคยสวมเขาหรือมีชู้ลับหลังเขาเลย”
หลินจินซานมองหลิวกุ้ยอิงด้วยดวงตาสีแดงก่ำ ไม่ยอมรับคำอธิบายของหล่อนเลย “พ่อรู้แต่แรกงั้นเหรอ? เขารู้อยู่เต็มอกแต่ก็ยังและยังเสนอตัวรับเป็นพ่อเนี่ยนะ? โกหกหรือเปล่า? คิดว่าเขาป่วยทางจิตหรือไง?”
หลินจินซานเองก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าพ่อตัวเองจะเต็มใจแต่งงานกับหล่อน แม้เขาจะรู้ว่าในท้องของหล่อนมีลูกของคนอื่นอยู่ก็ตาม
ในมุมมองของหลินจินซาน การรับเลี้ยงเด็กกับการอุปการะเด็กในท้องเป็นอะไรที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
หลิวกุ้ยอิงเริ่มร้องไห้ อธิบายด้วยน้ำเสียงร้อนใจ “จินซาน แม่ไม่ได้โกหกลูกจริง ๆ เวลานั้นมีแต่พ่อกับแม่แค่สองคนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ตอนที่พ่อแต่งงานกับแม่ เราสองคนได้ตกลงกันว่าจะเก็บความลับนี้ไว้ตลอดไป เรื่องราวในอดีตถูกซ่อนเร้นไว้ส่วนลึกในใจของแม่เสมอ และจะไม่มีวันเปิดเผยให้บุคคลที่สามรู้”
“แล้วทำไมแม่ถึงมาบอกพวกเราเอาตอนนี้?” ความจริงดังกล่าวกะทันหันเกินไป ทั้งยังโจมตีสภาพจิตใจของหลินจินซานอย่างรุนแรง จนเขาไม่สามารถยอมรับได้ในทันที
ใช่ว่าเขายอมรับไม่ได้ว่าหลินเซี่ยไม่ใช่น้องสาวแท้ ๆ ของเขา แต่เขาแค่รู้สึกว่าแม่เลี้ยงช่างไม่คู่ควรกับพ่อผู้ซื่อสัตย์ของเขาที่ล่วงลับไปแล้ว
หลินเซี่ยตอบแทน “เพราะว่าครอบครัวพ่อแท้ ๆ ของฉันกำลังออกตามหาแม่ และตอนนี้พวกเขาก็เจอฉันแล้ว แม่ไม่สามารถซ่อนตัวจากพวกเขาได้ตลอดไป ดังนั้นแม่ถึงเลือกที่จะบอกความลับนี้กับพี่และเสี่ยวเยี่ยน”
หลินเซี่ยมองเขาอย่างเคร่งขรึมพลางพูดว่า “พี่ชาย สิ่งที่แม่ใส่ใจมากที่สุดคือความรู้สึกของนาย ท่านชั่งใจอยู่นาน ไม่กล้าบอกความลับนี้กับนายก็เพราะกลัวว่าจะเป็นการสร้างช่องว่างระหว่างแม่กับลูกให้ห่างเหินขึ้นไปอีก ฉันเองที่เป็นคนขอร้องให้ท่านบอกความจริง เพราะเชื่อว่านายจะต้องเข้าใจท่าน”
หลินจินซานโต้ “งั้นแม่จะกลับไปหาผู้ชายคนนั้นเหรอ? คิดจะรอให้พวกคุณสามคนกลับไปรวมครอบครัวกันอย่างพร้อมหน้า แล้วค่อยบอกเราเรื่องนี้หรือไง? พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว พ่อแทบไม่มีความหมายอะไรกับแม่เลยสินะ”
หลินจินซานไม่ทันพิจารณาเหตุผลต่าง ๆ อย่างรอบคอบ พอเขาได้ยินข่าวที่น่าตกใจแบบนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายทำผิดกับพ่อตัวเองอย่างใหญ่หลวง
เมื่อพ่อของเขายังมีชีวิตอยู่ เขาเห็นด้วยตาตัวเองว่าชายคนนั้นใจดีกับหลิวกุ้ยอิงและเสิ่นอวี้อิ๋งที่ถูกอุ้มสลับตัวกลับมามากขนาดไหน
แน่นอนว่าหลิวกุ้ยอิงก็ปฏิบัติต่อเขาราวกับว่าเขาเป็นลูกแท้ ๆ ของหล่อนเอง
พอคิดว่าหลิวกุ้ยอิงมีแนวโน้มว่าจะกลับไปหาผู้ชายอีกคน และเขาก็จะกลายเป็นคนนอก ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็เริ่มบิดเบี้ยว
จะให้เขายอมละทิ้งความสัมพันธ์ฉันแม่ลูกที่ยาวนานถึงยี่สิบปีลงได้อย่างไร?
หลิวกุ้ยอิงร้องไห้ เอาแต่สั่นศีรษะปฏิเสธ
“จินซาน นั่นไม่ใช่เหตุผลเลย แม่แค่อยากบอกความจริงกับลูก ไม่มีความคิดอื่นใด ลูกเพิ่งบอกว่าพ่อใจดีกับเสิ่นอวี้อิ๋งมาก ถึงขั้นเก็บอาหารอร่อยทั้งหมดไว้ให้หล่อนเป็นคนแรก แล้วลูกรู้ไหมว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น?”
หลินจินซานพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “เขาไม่ได้อ้างว่าหล่อนร่างกายอ่อนแอหรอกเหรอ? ปรากฏว่าหล่อนกินดื่มสิ้นเปลืองมาก แถมยังแข็งแรงเหมือนกับลูกวัว”
“เหตุผลหนึ่งเป็นเพราะตอนเด็กหล่อนอ่อนแอมาก เขาถึงทำดีกับเสิ่นอวี้อิ๋ง แต่เหตุผลที่สำคัญกว่านั้น ก็เพราะตัวตนของพ่อเซี่ยเซี่ย”
หลิวกุ้ยอิงมองดูพวกเขาแล้วอธิบายต่อไป “พ่อแท้ ๆ ของเซี่ยเซี่ยเสียสละชีวิตในสงคราม เขาถือเป็นวีรบุรุษของชาติ เพราะอย่างนั้นพ่อของลูกถึงได้ใจดีกับผู้หญิงคนนั้นมาก จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความภักดีและต้องการจะตอบแทนเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา เขาไม่เคยยอมให้หล่อนอยู่ในตระกูลหลินอย่างลำบาก แม้กระทั่งชื่อหลินเซี่ย พ่อของลูกก็เป็นคนตั้ง”
แม้ว่าเด็กหญิงที่เขาเลี้ยงดูมาแต่อ้อนแต่ออกจะกลายเป็นลูกสาวของคนอื่นไปในที่สุด แต่ความทุ่มเทของหลินต้าฝูก็เป็นที่ประจักษ์ของคนทั่วทั้งหมู่บ้าน รวมถึงหมอแผนจีนเย่
หลินเซี่ยอธิบายที่มาของชื่อตัวเองเพิ่มเติม “เพราะว่าพ่อแท้ ๆ ของฉันใช้แซ่เซี่ย พ่อต้าฝูก็เลยตั้งชื่อให้ฉันว่าหลินเซี่ย”
เมื่อหลินจินซานได้ยินแบบนี้ น้ำเสียงของเขาก็ลากยาวขึ้น
“ฉันว่าแล้วเชียว ตอนนั้นเธอเกิดในช่วงฤดูหนาว ย่าวางแผนจะตั้งชื่อให้เธอว่าหลินตงเหมย แต่พ่อไม่เห็นด้วยท่าเดียว แถมยังยืนกรานที่จะตั้งชื่อให้เธอว่าหลินเซี่ย ย่าเอาแต่ดุด่าพ่อไม่หยุดว่าเขาไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างสี่ฤดูได้”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เกือบไปแล้ว ดีที่เซี่ยเซี่ยห้ามทัพไว้ทัน ถึงจะมีปะทะคารมกันบ้าง แต่ก็ดีกว่าความจริงไปแตกโพละต่อหน้าคนอื่นๆ มากคนก็ยิ่งมากความ อาจพากันเข้าใจแม่เซี่ยเซี่ยผิดกันหมดก็ได้
ไหหม่า(海馬)