ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 243 เขาปกป้องของเขาไป ฉันก็ปกป้องของฉัน
ตอนที่ 243 เขาปกป้องของเขาไป ฉันก็ปกป้องของฉัน
ตอนที่ 243 เขาปกป้องของเขาไป ฉันก็ปกป้องของฉัน
เย่ไป๋ให้ข้อมูลเพิ่มเติม “โรงพยาบาลเหรินกวงเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่เพิ่งจะก่อตั้งเมื่อสองปีที่แล้ว ชื่อเสียงไม่ค่อยดีนัก ระบบภายในค่อนข้างวุ่นวาย เป็นไปได้ว่าหมอที่เข้าเวรในวันนั้นอาจรับสินบน จงใจปกปิดข้อมูล และวินิจฉัยผลตรวจเป็นเท็จ”
เย่ไป๋ถามพวกเขาต่อ “แพทย์เจ้าของไข้เสิ่นเสี่ยวเหมยชื่ออะไรล่ะ? พวกคุณเคยเห็นเวชระเบียนทั้งหมดของคนไข้หรือเปล่า?”
หลินเซี่ยส่ายหัว “ไม่เลยค่ะ”
ตอนที่อยู่ในโรงพยาบาล เธอถูกผู้คนจำนวนมากรุมล้อม จากนั้นสถานการณ์ก็กลายเป็นความยุ่งเหยิง จนไม่ได้ฉุกใจคิดว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยท้องปลอม ๆ ด้วยซ้ำ
เย่ไป๋จึงให้คำแนะนำกับหลินเซี่ยและคนอื่น ๆ ทันที
เนื่องจากพวกเขามีข้อสงสัยเกี่ยวกับการตั้งครรภ์เท็จของเสิ่นเสี่ยวเหมย จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะพิสูจน์สมมติฐานนี้
ก่อนอื่นต้องเริ่มตรวจสอบจากทางโรงพยาบาล
“พรุ่งนี้พวกคุณไปโรงพยาบาล แล้วดูว่าแพทย์เจ้าของไข้ชื่ออะไร จากนั้นขอผลการตรวจร่างกายและผลจากห้องปฏิบัติการทั้งหมดออกมา ผมจะพิจารณาให้”
“ได้ค่ะ ขอบคุณคุณหมอเย่นะคะ”
เย่ไป๋พูดต่อไป “ผมพอจะมีคนรู้จักอยู่สองสามคนในโรงพยาบาลนั้น ตราบใดที่รู้ชื่อหมอ ผมสามารถหาข้อมูลเฉพาะได้ทันที ถ้าในระหว่างการสอบสวนเกิดปัญหาอะไรก็ตาม พวกคุณสามารถไปแจ้งผู้บริหารของโรงพยาบาลได้”
“ค่ะ เข้าใจแล้ว”
เซี่ยไห่มีสีหน้าเศร้าหมอง พูดด้วยความโกรธว่า “ถ้าเป็นจริงอย่างที่เซี่ยเซี่ยบอกว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยไม่ได้ท้องตั้งแต่แรก พวกเราคงต้องแจ้งความและปล่อยให้ตำรวจมาจับหล่อนแล้วล่ะ อายุยังไม่เท่าไหร่ ทำไมถึงมีความคิดชั่วร้ายได้ขนาดนี้”
เซี่ยไห่มองหลานสาวของเขาด้วยสีหน้าลำบากใจ
จากทัศนคติของผู้เฒ่าเสิ่นที่มีต่อหลินเซี่ยในวันนี้ จะเห็นได้ว่าการเอาตัวรอดอยู่ในบ้านตระกูลเสิ่นนั้นยากลำบากแค่ไหน
นอกจากนี้ อาจเป็นเพราะเธอยิ่งโตยิ่งหน้าคล้ายพี่สาวของเขา ก็ไม่แปลกที่เธอจะได้รับการปฏิบัติอย่างเลวร้ายจากคนพวกนั้น
โชคดีที่โชคชะตาไม่โหดร้ายกับเธอจนเกินไป หลังจากพลัดพรากจากกันไปมา ในที่สุดเธอก็ได้พบกับครอบครัวของพวกเขา
ตอนนี้ในที่สุดพวกเขาก็คิดหาวิธีแก้ปัญหาได้แล้ว เย่ไป๋และเซี่ยไห่จึงเตรียมตัวแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมันบราวนี่ออนไลน์
“เจียวั่ง คืนนี้หู่จือไม่อยู่ที่นี่ งั้นนายก็ไปอาศัยเตียงเล็ก ๆ ของเขาสักคืนหนึ่งเถอะ อย่าเพิ่งกลับบ้านตอนดึกดื่นแบบนี้เลย”
เย่ไป๋มองไปที่เฉินเจียวั่ง และถามด้วยรอยยิ้มว่า “ช่วงนี้ฉันสังเกตเห็นว่าอาการของเจียวั่งดูดีขึ้นมาก ได้ยินมาว่านายไปให้หมอแผนจีนเย่ช่วยรักษาอีกแรงเหรอ?”
“ครับ”
“หมอเย่คะ อาการของเสิ่นอวี้หลงเป็นยังไงบ้าง? หมอแผนจีนเย่ได้แวะเข้าไปตรวจรักษาให้เขาหรือยังคะ?” หลินเซี่ยใช้โอกาสนี้ถามเย่ไป๋เกี่ยวกับสภาพร่างกายของเสิ่นอวี้หลง
“เริ่มรักษาแล้ว เขาบอกว่าจำเป็นต้องฝังเข็ม แต่เนื่องจากเขายังเป็นผู้ป่วยในความดูแลของโรงพยาบาลเรา พวกเราเลยเสนอว่าถ้าครอบครัวของเสิ่นอวี้หลงต้องการรับการรักษาจากแพทย์ภายนอก เขาต้องออกจากโรงพยาบาล” เย่ไป๋พูดต่อ “หมอเซี่ยกำลังหารือกับคนในครอบครัว ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะให้หมอแผนจีนเย่รักษาอย่างเต็มรูปแบบหรือเปล่า”
เย่ไป๋และเซี่ยไห่กล่าวคำอำลาและจากไป เฉินเจียวั่งก็ปลีกตัวไปพักในห้องของหู่จือ
หลินเซี่ยและเฉินเจียเหอนอนไม่หลับเกือบทั้งคืน
พอเช้าวันรุ่งขึ้น เซี่ยไห่ก็ขอให้หลินจินซานช่วยไปส่งหู่จือที่โรงเรียน ส่วนเขาขับรถพาเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยไปที่โรงพยาบาลเหรินกวง
เฉินเจียวั่งบอกว่าวันนี้เขาไม่มีเรียนตอนเช้า ฉะนั้นจึงขอติดรถไปด้วยกัน
ห้องเต้นรำของเซี่ยไห่ใกล้จะถึงเวลาเปิดให้บริการแล้ว หลินเซี่ยกลัวว่าธุระของเธออาจทำให้เขาล่าช้า จึงพูดกับเขาว่า
“เถ้าแก่เซี่ย คุณไปทำงานของตัวเองต่อเถอะค่ะ พวกเราไปกันเองได้”
เซี่ยไห่พูดด้วยน้ำเสียงดื้อรั้น “ได้ยังไงกัน ตาเฒ่าเสิ่นคนนั้นแค่เห็นหน้าเธอก็พร้อมจะอาละวาดทุกเมื่อ ฉันต้องไปเพื่อปกป้องเธอ อย่าหวังเลยว่าใครจะมารังแกเธอได้”
เซี่ยไห่มองหลินเซี่ยด้วยสายตาอ่อนโยน แน่นอนว่าสิ่งที่เขาพูดก็ค่อนข้าง ‘คลุมเครือ’ ไม่น้อย
เฉินเจียวั่งมองพวกเขาด้วยสีหน้าแปลก ๆ จากนั้นมองไปที่เฉินเจียเหอ
เซี่ยไห่เป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่กลับไม่ละอายที่จะทำตัวมีลับลมคมในกับภรรยาของสหายรุ่นน้องตัวเอง น่าแปลกจริง ๆ ที่พี่ใหญ่ของเขาได้แต่รับฟังนิ่ง ๆ อย่างเฉยเมยราวกับท่อนไม้
เฉินเจียวั่งทนไม่ไหวอีกต่อไป เขากระแอมไอเล็กน้อยและออกปากเตือนว่า “พี่ไห่ หลินเซี่ยมีพี่ใหญ่ของผมคอยปกป้องอยู่แล้วนะครับ”
เซี่ยไห่ให้เหตุผลที่ดีมาก “เขาปกป้องของเขาไป ฉันก็ปกป้องของฉัน”
เฉินเจียวั่งหันไปมองเฉินเจียเหอด้วยสายตาแปลก ๆ เซี่ยไห่พูดถึงขนาดนี้ แม้ว่าพี่ใหญ่ของเขาจะไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยมากมายอะไร แต่ถึงขั้นนี้แล้วเขาก็ควรตักเตือนเพื่อนเสียหน่อย
อย่างไรก็ตาม เฉินเจียเหอกลับไม่โต้ตอบอะไรเลย “ไปเร็วเข้า รีบไปจัดการธุระกัน”
เฉินเจียวั่งได้แต่ขึ้นรถไปกับพวกเขาด้วยสีหน้ามึนงงราวกับเห็นผี
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล พวกเขาก็ตรงไปหาฝ่ายเวชระเบียนก่อนเพื่อสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลการรักษาพยาบาลของเสิ่นเสี่ยวเหมยเมื่อวานนี้
แต่พวกเขาได้รับแจ้งว่าเมื่อวานแพทย์ที่ประจำการเมื่อวานขอลาหยุดกะทันหัน พอขอดูรายการตรวจรักษา พยาบาลก็บอกว่ามีเพียงญาติคนไข้เท่านั้นที่มีสิทธิ์ และแม้จะเป็นญาติก็ยังต้องรอจนกว่าคนไข้จะได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลพร้อมกับเวชระเบียน
พวกเขาทำอะไรไม่ได้จึงขึ้นไปที่วอร์ด
เวลานี้ที่แผนกผู้ป่วยใน เฉินเจียซิ่งกำลังป้อนซุปไข่ให้เสิ่นเสี่ยวเหมย
เมื่อเห็นหลินเซี่ยและคนอื่น ๆ บุกเข้ามาด้วยสีหน้าแข็งกร้าว เสิ่นเสี่ยวเหมยก็ทำหน้าตาดุร้ายขึ้นมาทันที “พวกคุณมาทำอะไรที่นี่”
พวกเขาเพิกเฉยต่อเสิ่นเสี่ยวเหมย เฉินเจียเหอมองตรงไปที่เฉินเจียซิ่งแล้วถามว่า “เจียซิ่ง เมื่อวานนี้หมอคนไหนเป็นคนรักษาพยาบาลให้กับน้องสะใภ้?”
“พี่อยากรู้ไปทำไม?” เฉินเจียซิ่งสับสน
“บอกมาเถอะว่าเป็นหมอคนไหน”
“เสี่ยวเหมย หมอที่รักษาคุณชื่ออะไร?” เฉินเจียซิ่งหันไปมองเสิ่นเสี่ยวเหมย
หัวใจของเสิ่นเสี่ยวเหมยเต้นผิดจังหวะ หล่อนตอบอย่างลังเล
“ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนั้นสถานการณ์เร่งด่วนมาก ฉันปวดท้องเจียนตาย ใครจะมีสติมากพอไปถามชื่อหมอล่ะ แล้วพวกคุณอยากรู้ชื่อเขาไปทำไม?”
“ไม่มีอะไรมากหรอก พวกเราแค่อยากตรวจสอบดูหน่อยว่าในรายการตรวจร่างกายถูกบันทึกข้อมูลไว้ยังไงบ้าง เป็นภาวะแท้งบุตรจริง ๆ หรือเป็นแค่เลือดประจำเดือนธรรมดา ๆ?” เมื่อหลินเซี่ยพูดแบบนั้น เธอก็จ้องเขม็งมองหล่อนด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ พยายามสังเกตพิรุธบางอย่างจากการแสดงออกเล็ก ๆ น้อย ๆ ของอีกฝ่าย
เสิ่นเสี่ยวเหมยไม่ได้มีอารมณ์มั่นคงนัก คำว่าพิรุธถูกเขียนเอาไว้ทั่วใบหน้า
หล่อนไม่คาดคิดว่าหลินเซี่ยและเฉินเจียเหอจะรับมือได้ยากขนาดนี้ หลังจากผ่านไปเพียงคืนเดียว พวกเขาก็เริ่มสงสัยตนแล้ว
เดิมทีหล่อนวางแผนว่าจะออกจากโรงพยาบาลภายในช่วงบ่ายของวันนี้ และกลับไปที่บ้านเพื่อพักฟื้นต่อ แต่ก่อนที่จะออกจากโรงพยาบาล พวกเขาก็บุกมาหาเสียก่อน
พอไม่มีถังหลิงเป็นกองหนุน ก็เห็นได้ชัดว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยเริ่มสูญเสียจุดยืนของตัวเอง มีอาการกระสับกระส่ายเล็กน้อย
เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกพวกเขาคาดคั้น หล่อนก็เริ่มบีบน้ำตา ถามด้วยความโกรธและเสียใจว่า “พวกคุณหมายความว่ายังไง ไม่ทันไรก็บุกมาคาดคั้นเอานั่นนี่จากฉันตั้งแต่เช้า? หลินเซี่ย ลูกฉันถูกเธอทำให้แท้งตายไปแล้ว เธอยังเอาแต่สร้างปัญหาไม่หยุด ไม่คิดจะปล่อยให้ฉันมีโอกาสได้พักฟื้นร่างกายหลังจากผ่านเหตุการณ์สะเทือนใจอีกเหรอ?”
ขณะที่พูดแบบนั้น หล่อนก็ปาดน้ำตาด้วยความคับข้องใจ
ในเวลานี้ ความอ่อนแอคือเกราะชั้นดีในการป้องกันตัวเอง
เฉินเจียซิ่งขมวดคิ้ว จากนั้นมองไปที่เฉินเจียเหอและคนอื่น ๆ “พี่ใหญ่ พวกคุณคิดจะทำอะไรกันแน่? คิดจะทำลายชีวิตให้ตายกันไปข้างเลยหรือไง? หล่อนฆ่าเด็กในท้องยังไม่พอ ตอนนี้ยังตามมาทำร้ายจิตใจแม้กระทั่งผู้ใหญ่?”
“ไม่ยอมพูดดี ๆ ใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะสอบสวนความจริงกันเอง ฉันจะไปขอความช่วยเหลือจากผู้บริหารของทางโรงพยาบาลและตำรวจให้เข้ามาแทรกแซงโดยตรง ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเราจะสืบเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ไม่ได้”
หลังจากที่เฉินเจียเหอพูดจบ เขาก็โบกมือให้หลินเซี่ย เซี่ยไห่ และคนอื่น ๆ ออกไปจากห้อง เพื่อรายงานสถานการณ์ต่อผู้บริหารของโรงพยาบาล
ก่อนออกจากวอร์ด ตรงทางเดินคับแคบ ผู้เฒ่าเสิ่นและเสิ่นเถี่ยจวินก็มาถึง
เสิ่นเถี่ยจวินถือกล่องอาหารกลางวันแบบกันความร้อน พวกเขามาที่นี่เพื่อส่งอาหารเช้าให้เสิ่นเสี่ยวเหมย
ที่บังเอิญกว่านั้นคือ โจวลี่หรงและเฉินเจิ้นเจียงก็เดินตามมาข้างหลัง ถือกล่องอาหารแบบกันความร้อนมาด้วยเช่นเดียวกัน
น่าจะมาที่นี่เพื่อส่งข้าวส่งน้ำกันทั้งคู่
ทันใดนั้นในวอร์ดก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย
บรรยากาศเหมือนกับเมื่อวานทุกประการ
เสิ่นเสี่ยวเหมยซึ่งแต่เดิมอยู่ในสภาพตื่นตระหนก มองเห็นผู้ช่วยชีวิตทันทีเมื่อเห็นใครบางคนที่มาจากบ้านของพ่อแม่ตัวเอง “คุณลุง พี่ พวกคุณต้องตัดสินใจแทนฉันนะ ฉันเสียใจมากพออยู่แล้วที่ลูกจากไป เช้านี้หลินเซี่ยยังพาผู้ชายสามคนมาหาเรื่องฉันอีก ฉันคงอยู่อย่างสงบสุขต่อไปไม่ได้แล้ว”
“พวกเธอมาทำอะไรที่นี่?”
เมื่อผู้เฒ่าเสิ่นกับเสิ่นเถี่ยจวินเห็นหลินเซี่ยและคนอื่น ๆ สีหน้าของพวกเขาก็ดูน่าเกลียดมาก
“ผู้อำนวยการเสิ่น เราเจอกันอีกแล้ว” เซี่ยไห่มองไปที่เสิ่นเถี่ยจวินด้วยสีหน้าราวกับคนที่เหนือกว่า
“จริงด้วย เถ้าแก่เซี่ย เราเจอกันอีกแล้ว”
ผู้เฒ่าเสิ่นเป็นชายชราคนหนึ่ง เมื่อวานนี้ตอนอยู่ในโรงพยาบาล เขาเห็นเซี่ยไห่ยืนอยู่ตรงหน้าหลินเซี่ยเพื่อปกป้องเธอ แต่เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคนคนนี้เป็นใคร
เมื่อฉันได้ยินว่าแซ่ของเขาคือเซี่ย ก็อดไม่ได้ที่จะมองดูอีกครั้ง ในที่สุดก็จำเขาได้
เขามองไปที่เซี่ยไห่และหลินเซี่ย ไม่รู้ว่าเป็นผลทางจิตวิทยาหรือเปล่า แต่ไม่ว่าจะมองพวกเขาอย่างไร เขาก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าเมื่อชายหญิงสองคนนี้ยืนอยู่ด้วยกัน ออร่าบางอย่างที่คล้ายคลึงกันก็แผ่ออกมาอย่างเห็นได้ชัด
เซี่ยไห่กอดอก เผชิญกับสายตาที่จ้องมองมาอย่างพินิจพิเคราะห์ของผู้เฒ่าเสิ่น บนใบหน้าเผยรอยยิ้มยียวน จากนั้นจึงเบือนหน้าไปทางอื่น
เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับหลินเซี่ย…
ยังไม่ใช่เวลาที่จะเปิดเผยตอนนี้ ควรเก็บไว้สำหรับจุดระเบิดในภายหลัง
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
แผนจะแตกในคราวนี้แล้วไหมนะยัยเหมยเน่า น้ำตาที่เสียไปเป็นถังๆ จะช่วยให้เธอรอดความผิดครั้งนี้หรือเปล่า
ไหหม่า(海馬)