ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 253 เปลี่ยนแวดวงสังคมใหม่
ตอนที่ 253 เปลี่ยนแวดวงสังคมใหม่
ตอนที่ 253 เปลี่ยนแวดวงสังคมใหม่
เมื่อสบสายตาประหม่าของเฉินเจียวั่ง เฉินเจียเหอก็ยิ้มและพูดว่า “ฉันรู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์ต่อให้นายคิดเรื่องนี้ก็ตาม ยังไงพี่สะใภ้ใหญ่ของนายก็ใส่ใจแค่กับฉันเท่านั้น”
เฉินเจียวั่ง “…”
เฉินเจียซิ่งปล่อยมือจากเฉินเจียวั่ง มองเขาแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “นายควรรักษาโรคนี้ให้หายขาดก่อนแล้วค่อยหาแฟนนะ ขอบอกเลยว่าผู้หญิงมีความจริงจังมาก ถ้านายสุขภาพไม่ดี ถึงตอนแรกหล่อนจะบอกว่าไม่สนใจ แต่ลับหลังแล้วหล่อนไม่ชอบใจนักหรอก นายต้องไม่เชื่อคำโกหกของผู้หญิงนะรู้ไหม เสิ่นเสี่ยวเหมยไม่ดูถูกฉันเพราะคิดว่าความสามารถในการทำงานของฉันไม่ดีหรือว่าฉันมีรายได้น้อยหรอก”
เฉินเจียเหอมองเฉินเจียวั่งแล้วพูดว่า “อย่าไปฟังเขาเลย แค่คนเดียวจะเหมารวมทุกคนไม่ได้หรอก”
“หยุดดื่มแล้วไปนอนซะ”
เฉินเจียซิ่งเดินโซเซเล็กน้อย กว่าจะขึ้นไปชั้นบนได้เหล่าพี่น้องต้องมาช่วยพยุงแล้วโยนลงบนเตียง จากนั้นต่างแยกย้ายกลับเข้าห้อง
…
วันรุ่งขึ้น เฉินเจียเหอไม่ต้องไปทำงาน จึงไปส่งหลินเซี่ยที่ร้านตัดผมแต่เช้าได้
ส่วนเฉินเจียซิ่งนั้นนอนหลับจนถึงเที่ยงวัน
พอลงมาชั้นล่าง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เฉินเจียซิ่งเดินไปเปิดประตูพร้อมกับผมเผ้ายุ่งเหยิง และมีอาการปวดหัวอันเป็นผลจากการเมาค้าง
เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตู เขาก็ทักทายอย่างไม่ใส่ใจว่า “พี่หลิง มาที่นี่ทำไมครับ?”
ถังหลิงยิ้มอย่างสดใสและพูดว่า “เจียซิ่ง ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย”
เฉินเจียซิ่งเหลือบมองถังหลิง พอจะคาดเดาจุดประสงค์ที่หล่อนมาหาได้
“พี่หลิง ถ้ามาที่นี่เพื่อเกลี้ยกล่อมให้ผมกลับไปหาเสิ่นเสี่ยวเหมย บอกเลยว่าลืมไปซะเถอะ”บราวนี่ออนไลน์
เฉินเจียซิ่งไม่มีความตั้งใจที่จะเชิญหล่อนเข้ามาในบ้านด้วยซ้ำ
ถังหลิงมองเขาและพูดด้วยน้ำเสียงอย่างจริงใจ “เจียซิ่ง ฉันว่านายกำลังคิดผิด ออกไปข้างนอกแล้วคุยกันก่อนเถอะ”
“อืม งั้นรอเดี๋ยว”
เฉินเจียซิ่งไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้า และออกไปข้างนอก
เขาไปสวนสาธารณะใกล้ ๆ กับถังหลิง
เฉินเจียซิ่งรู้ดีว่าถังหลิงต้องการจะพูดอะไร เขานั่งลงบนม้านั่ง ขณะที่ถังหลิงแทบจะรอไม่ไหวแล้วพูดขึ้นว่า “เจียซิ่ง เสี่ยวเหมยร้องไห้หนักมากเลยนะ ครั้งนี้หล่อนสับสนจนตัดสินใจผิดพลาดไปชั่ววูบ เหตุผลก็เพราะใส่ใจนายมากเกินไปนั่นแหละ และกลัวว่าถ้านายรู้นายจะโกรธที่หล่อนไม่ได้ท้องจริง เลยเกิดความคิดนั้นขึ้นมา”
เฉินเจียซิ่งปฏิเสธคำพูดของหล่อนด้วยสีหน้าเหน็บแนม “พี่หลิง หล่อนไม่ได้สนใจอะไรผมหรอก หล่อนปฏิบัติต่อผมเหมือนคนโง่ และพวกเราทุกคนก็เป็นคนโง่ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยจะนิสัยแย่ขนาดนี้ ใจดำอำมหิตเหมือนอสรพิษไม่มีผิดเลย”
ถังหลิงมองเขาและพูดสิ่งดี ๆ เกี่ยวกับเสิ่นเสี่ยวเหมยอย่างจริงจัง “หล่อนรู้ตัวแล้วว่าตัวเองผิดและไม่ต้องการหย่ากับนาย ฉันหวังว่านายจะเห็นแก่ฉันและให้โอกาสหล่อนอีกครั้ง อย่างน้อยยอมไปเจอหล่อนหน่อยก็ยังดี เรามาหันหน้าคุยกันก่อนเถอะ”
ตราบใดที่คนสองคนได้พบเจอกัน ก็อาจจะยังมีโอกาส
เฉินเจียซิ่งกลับตัดรอนอย่างเด็ดขาด ไม่มีที่ว่างสำหรับการประนีประนอมใดๆ “ไม่มีอะไรต้องคุย เพราะเราจะไปหย่ากันวันจันทร์นี้”
ชายหนุ่มยืนขึ้นและไม่ต้องการพูดหัวข้อนี้ต่อ “พี่หลิง ผมรู้ว่าพี่หวังดี แต่นี่ถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตของผม ผมยังเด็ก และยังมีเส้นทางอีกยาวไกล ผมไม่อยากเอาชีวิตที่เหลือมาทิ้งกับคนอย่างหล่อนจริง ๆ แล้วผมก็ขอแนะนำให้พี่อยู่ห่างจากหล่อนด้วยเหมือนกัน”
“ขอตัวก่อน”
ถังหลิงยืนอยู่ที่นั่น มองดูแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยความเด็ดขาดของเฉินเจียซิ่งก็รู้แล้วว่าหล่อนไม่สามารถรักษาชีวิตคู่ของเสิ่นเสี่ยวเหมยได้อีกต่อไป
บางที เฉินเจียซิ่งอาจจะพูดถูก
มาถึงจุดนี้ หล่อนเองก็ควรอยู่ให้ห่างจากเสิ่นเสี่ยวเหมยด้วยจะดีกว่า
เธอควรจัดระเบียบแวดวงสังคมของตัวเองใหม่โดยด่วน
เสิ่นเสี่ยวเหมยไม่อาจอดทนรอฟังข่าวจากถังหลิงเฉย ๆ ที่บ้านได้ หล่อนกังวลมากจนร้อนใจแทบไม่ไหว จึงรีบออกไปที่ร้านเสริมสวย
ด้วยกลัวว่าหลินเซี่ยจะเห็น หล่อนจึงสวมหน้ากากและแอบเข้าไปในร้านเสริมสวยอย่างรวดเร็ว
หลิวลี่ลี่เป็นคนเดียวที่อยู่ในร้าน
เสิ่นเสี่ยวเหมยมองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นถังหลิง จึงถามหลิวลี่ลี่ว่า ”พี่หลิงอยู่ไหน?”
“ไปอีกฝั่งน่ะ”
เสิ่นเสี่ยวเหมยคิดว่าอีกฝั่งที่หลิวลี่ลี่พูดถึงคือร้านตัดผมของหลินเซี่ย เธอก็รู้สึกโกรธทันที “ทำไมถึงไปอยู่อีกฝั่งล่ะ?”
“ฉันก็ไม่รู้ พี่หลิงมักจะไปที่ห้องเต้นรำนั่นบ่อย ๆ รู้สึกเหมือนจะไปหาเถ้าแก่เซี่ยอะไรนั่นแหละ” หลิวลี่ลี่เข้ามาซุบซิบอย่างลึกลับ
หลังจากได้ยินว่าอีกฝ่ายไปห้องเต้นรำ เสิ่นเสี่ยวเหมยก็สงบลงอีกครั้งและพูดว่า “อย่าพูดไร้สาระ”
การไปที่ห้องเต้นรำเพื่อตามหาเซี่ยไห่ อาจเป็นเพราะหล่อนไปในฐานะผู้เจรจาสันติภาพแน่ เพื่อให้ชายคนนั้นไปคุยกับเฉินเจียเหอ ให้เจรจากับเฉินเจียซิ่งไม่ให้หย่า
“พี่เซี่ย ฉันกลับร้านก่อนนะคะ”
ถังหลิงหยิบสายวัดตัวที่ยืมมาจากเซี่ยไห่ เหยียบรองเท้าส้นสูง บิดเอวเล็ก ๆ แล้วเดินจากไป
ทันทีที่ถังหลิงจากไป หลินจินซานก็เข้ามาหาเซี่ยไห่ และเริ่มซุบซิบ “เถ้าแก่เซี่ย คุณถังคนนี้แอบชอบคุณหรือเปล่าครับ?”
ปกติคนเรามักจะมาคุยกับคนที่แอบชอบโดยอ้างว่าขอยืมอะไรบางอย่างเสมอ
ใครก็ตามที่มีสายตามีแววจะสามารถมองสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ออก
เซี่ยไห่กลอกตาไปที่หลินจินซาน
“พูดไร้สาระ ฉันแก่กว่าหล่อนเป็นสิบปี เป็นลุงของหล่อนได้แล้วมั้ง”
หลินจินซานพูดอย่างจริงจังว่า “น้องเขยของผมแก่กว่าน้องสาวตั้งสิบปีไม่ใช่เหรอ? นอกจากนี้หัวหน้ายังดูไม่แก่เลย และก็ดูเหมาะกับหล่อนด้วยนะ”
เมื่อหลินจินซานชื่นชมเขาที่ยังดูอ่อนเยาว์ เซี่ยไห่ก็สัมผัสใบหน้าตัวเอง พลางรู้สึกภูมิใจอย่างมาก
แต่ถึงอย่างนั้นคำพูดถัดไปของหลินจินซานก็ทำให้เซี่ยไห่กลอกตาด้วยความขุ่นเคือง “ถ้าหัวหน้าเข้ากับหล่อนได้ดี หล่อนก็จะไม่หันเหสายตามามองน้องเขยของผม คิดซะว่าตัวเองได้ทำความดีความชอบครั้งใหญ่เถอะครับ”
“ไปให้พ้นเลย ฉันไม่มีแผนจะแต่งงานทั้งนั้น นายคิดว่าการแต่งงานมันง่ายนักเหรอ? คนสองคนจะต้องมีหัวใจดวงเดียวกันเพราะความรัก พอแต่งงานกันแล้ว พวกเขาจะต้องภักดีต่อกันและไว้วางใจซึ่งกันและกัน ถ้าน้องเขยของนายไม่มีสิ่งพวกนั้นแม้แต่น้อย และต้องการให้ฉันเสียสละความสุขของตัวเองเพื่อที่จะช่วยกำจัดคู่แข่งทางความรักของตัวเอง หลานสาวฉันคงได้ทิ้งเขาแบบเร็วทันใจแน่ ๆ”
“ห้องเต้นรำใกล้เปิดแล้ว กลับไปอบรมต่อเถอะ พวกนายทุกคนควรเป็นงานให้ไวและมีขวัญกำลังใจที่ดีนะ”
…
ทันทีที่ถังหลิงมาถึงประตูร้าน พอเห็นเสิ่นเสี่ยวเหมยนั่งอยู่ในร้านก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เสี่ยวเหมย มาที่นี่มีธุระอะไรเหรอ?” หล่อนเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม มองอีกฝ่ายแล้วถาม
เสิ่นเสี่ยวเหมยลุกขึ้นยืนอย่างเร่งรีบ มองดูถังหลิงอย่างคาดหวังแล้วถามว่า “ฉันขอถามพี่หน่อย พี่ไปหาเฉินเจียซิ่งมาใช่ไหม?”
ถังหลิงพูดอย่างลังเลว่า “ใช่ ฉันไปเจอเขามา แต่ตอนนี้เขายังคงโกรธอยู่ รอให้เขาใจเย็นลงกว่านี้ก่อนเถอะ”
“ต้องรอให้ใจเย็นอีกนานแค่ไหน?” เดิมทีหล่อนรู้สึกมั่นใจมากเมื่อถังหลิงไปพบอีกฝ่าย แต่ผลปรากฏว่าอีกฝ่ายอะไรไม่ได้เลย เสิ่นเสี่ยวเหมยจึงอดไม่ได้ที่จะผิดหวังมากยิ่งขึ้น
“เสี่ยวเหมย ฉันได้บอกสิ่งดี ๆ ทั้งหมดเกี่ยวกับเธอให้เฉินเจียซิ่งไปหมดแล้ว แต่เขามีทัศนคติที่ค่อนข้างอธิบายได้ยาก และยังเล่าปัญหาก่อนหน้านี้ที่เธอก่อเป็นหางว่าว ดูเหมือนเธอจะกดขี่ข่มเหงเขาสารพัดเลยใช่ไหมล่ะ? ทำให้มีความสัมพันธ์ที่แย่ระหว่างกันมานาน ฉันเลยบอกเขาไปว่าเธอพยายามปรับปรุงตัวเองแล้ว แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยมั่นใจในตัวเธอเท่าไหร่ ฉะนั้นรอให้เขาใจเย็นลงอีกนิด แล้วฉันจะไปหาเขาทีหลัง เธอทำใจให้สบายๆ ไว้นะ”
เสิ่นเสี่ยวเหมยเองก็รู้ด้วยว่าหลังจากหล่อนตบเฉินเจียซิ่งในที่สาธารณะเมื่อครั้งก่อน ทัศนคติของเขาที่มีต่อหล่อนก็แตกต่างจากเมื่อก่อนมาก
“พี่หลิง อย่าลืมคุยกับเขาอย่างระมัดระวังนะ ครั้งนี้ฉันเปลี่ยนตัวเองแล้ว และจะไม่มีวันอารมณ์เสียใส่เขาอีก”
เสิ่นเสี่ยวเหมยมองใบหน้าตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกบนผนัง ซึ่งดูซีดเซียวและสูญเสียความเย้ายวนแบบหญิงสาวก่อนหน้านี้ไปมากโข ด้วยสภาพร่างกายแบบนี้ หล่อนไม่กล้ากลับไปเผชิญหน้ากับเฉินเจียซิ่งเลย
จึงบอกกับถังหลิงว่า
“พี่หลิง ช่วยทำทรีตเมนต์ใบหน้าให้ฉันหน่อยสิ ช่วงนี้สภาพผิวของฉันแย่มากเลย ฉันปล่อยให้เฉินเจียซิ่งเห็นว่าฉันดูน่าเกลียดแบบนี้ไม่ได้”
ถังหลิงขอโทษ “เสี่ยวเหมย ฉันยังต้องออกไปข้างนอก ให้ลี่ลี่เป็นคนทำให้แทนนะ เรื่องโรงพยาบาลยังไม่คลี่คลาย ฉันต้องออกไปหาคนรู้จักมาช่วย”
ถังหลิงไม่ต้องการติดต่อใกล้ชิดกับเสิ่นเสี่ยวเหมยอีก จึงหาข้ออ้างและเดินออกจากร้านไป
…
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ยัยเหมยเน่าจะรู้ตัวไหมนี่ว่าตัวเองกำลังจะโดนคนรอบตัวเททิ้งทีละคน
ไหหม่า(海馬)
ปล. ขออภัยที่มาช้านะคะ ผู้แปลป่วยอีกแล้ว คราวนี้ติดโควิดล่ะค่ะ