ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 271 คุณไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับฉัน
ตอนที่ 271 คุณไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับฉัน
ตอนที่ 271 คุณไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับฉัน
ทันทีที่หลินจินซานออกไป ถังหลิงก็ดึงเก้าอี้มาแล้วนั่งลงด้วยตัวเอง ก่อนจะมองไปที่หลินเซี่ยแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“เสี่ยวหลิน ฉันว่าช่วงนี้ธุรกิจของเธอคงค่อนข้างดีเลยใช่ไหม?”
หลินเซี่ยก้มหน้ากินข้าวต่อไปด้วยทัศนคติที่ไม่เป็นมิตรนัก “ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ”
ถังหลิงนั่งอยู่ตรงนั้น กวาดตาดูเฟอร์นิเจอร์ในร้านตัดผม จากนั้นก็ไม่ลืมชื่นชมหลินเซี่ยในความสามารถของเธอ
“คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?” หลินเซี่ยขี้เกียจเกินกว่าจะมานั่งฟังเรื่องไร้สาระของหล่อน จึงเหลือบตาขึ้นแล้วถาม
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของถังหลิง น้ำเสียงนุ่มนวลกว่าทุกครั้ง “เสี่ยวหลิน ฉันแค่คิดว่าก่อนหน้านี้ระหว่างเราอาจจะมีความเข้าใจผิดต่อกันบางอย่าง”
“เข้าใจผิดยังไงเหรอ?” หลินเซี่ยเงยหน้ามองหล่อน
ทันใดนั้นเธอก็เพิ่มความระมัดระวังทันที ผู้หญิงคนนี้กำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่?
“ฉันรู้ว่าเธอมีอคติกับฉันเพราะเหตุการณ์ของเสิ่นเสี่ยวเหมย” ถังหลิงตีหน้าเศร้า “ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ของฉันกับเสิ่นเสี่ยวเหมยก็ยังโอเคอยู่หรอก แต่ฉันไม่ได้คาดคิดเลยว่าหล่อนจะกลายเป็นคนแบบนั้นไปได้ หล่อนสับสนมากจนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองท้องจริงหรือเปล่า แถมยังจงใจใส่ร้ายคนอื่น นี่มันมากเกินไปจริง ๆ
ฉันแค่อยากจะบอกเธอว่าฉัน… ถังหลิง เป็นคนซื่อสัตย์มาโดยตลอด และจะไม่มีวันผูกมิตรกับใครก็ตามที่มีเจตนาชั่วร้าย เกรงว่ามิตรภาพระหว่างฉันกับหล่อนจะสิ้นสุดลงหลังจากเหตุการณ์นี้จบลง”
หลังจากที่ถังหลิงพูดจบ หล่อนก็ถอนหายใจด้วยความเสียใจ
เมื่อเห็นทักษะการแสดงที่เกินจริงของหล่อน หลินเซี่ยก็แทบจะอาเจียนหมูตุ๋นที่เธอเพิ่งกินเข้าไปออกมา “คุณถังเป็นคนตรงไปตรงมาจริง ๆ เลยนะคะ”
ถังหลิงยิ้มและพูดว่า “คนเราไม่เคยมีใครมองคนผิดพลาดเลยเหรอ? เฮ้อ อาจเป็นเพราะฉันใจดีเกินไป แถมยังเชื่อใจคนง่าย ดันไปผูกมิตรอย่างไม่ระมัดระวัง จนเกือบจะติดร่างแหไปด้วยซะแล้ว”
ถังหลิงนั่งหลังตรงด้วยท่าทางที่สง่างามและใสซื่อ รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าตลอดเวลา ทำให้ดูเหมือนแม่ดอกบัวขาวน้อย
หลินเซี่ยเพิกเฉยหล่อน มุ่งความสนใจไปที่การกิน
ถังหลิงไม่มีอะไรจะพูดอีก พยายามกระชับความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น แถมยังระบายความผิดหวังเกี่ยวกับเสิ่นเสี่ยวเหมยต่าง ๆ นานา
หลินเซี่ยกินข้าวจนเสร็จ เก็บข้าวกล่อง ไม่อยากดูการแสดงละครของอีกฝ่ายต่อไป พูดตรง ๆ ว่า “ไม่ง่ายเลยที่คุณจะมาหาฉัน คุณคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อบ่นเรื่องพฤติกรรมของน้องสาวคุณหรอกใช่ไหม? ถ้ามีธุระอย่างอื่น คุณถังช่วยบอกฉันมาตามตรงเลยดีกว่า”
ถังหลิงเปลี่ยนท่านั่ง จากนั้นมองไปที่หลินเซี่ยแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “เสี่ยวหลิน เราสองคนก็รู้จักกันมานานแล้ว แต่เรายังไม่เคยนั่งคุยกันจริง ๆ จัง ๆ เลยสักที ก่อนหน้านี้ทั้งเจียเหอและฉันต่างก็เป็นเพียงเพื่อนเล่นธรรมดา ๆ จนกระทั่งก่อนหน้านี้ป้าโจวและคนอื่น ๆ รู้สึกว่าเจียเหออายุพอสมควรแล้ว แต่ยังหาคู่ครองที่เหมาะสมไม่ได้ พอรู้ว่าฉันยังโสด ดังนั้นพวกเขาจึงอยากจับคู่พวกเรา
ตอนนั้นฉันปฏิเสธอย่างไม่เต็มใจ และบอกไปว่าขอคิดดูก่อน ต่อมาฉันถึงรู้ข่าวว่าเจียเหอแต่งงานกับใครบางคนในชนบทแบบสายฟ้าแลบ ฉันไม่รู้สถานการณ์ในเวลานั้น เสิ่นเสี่ยวเหมยกับเฉินเจียซิ่งก็มาเป่าหูและพาฉันไปที่บ้านตระกูลเฉินเพื่อทำให้เธออับอาย โชคดีที่ฉันไม่ตกหลุมพรางของพวกเขา ฉันชอบอิสระและนับถือตัวเองสูง ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้มีใจตรงกันกับฉัน ฉันก็จะไม่ตามตื๊อเขาอีก โลกนี้ยังมีผู้ชายดี ๆ อีกมาก
นอกจากนี้ ฉันคิดว่าผู้หญิงอย่างพวกเราควรให้ความสำคัญกับอาชีพการงานมากกว่า ไม่ควรเอาแต่คิดเรื่องความรักโลภโกรธหลงเป็นใหญ่ เธอว่าไหมล่ะ? “
ช่วงที่ผ่านมาถังหลิงได้รู้จักตัวตนของหลินเซี่ยอย่างจริงจัง เห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีความเป็นมืออาชีพสูง แถมยังมีความคิดอ่านเป็นของตัวเอง
ดังนั้นหล่อนจึงเลือกคำพูดอย่างระมัดระวัง โดยเน้นเฉพาะหัวข้อที่อีกฝ่ายน่าจะชอบ ค่านิยมที่แสดงออกในคำพูดจึงคล้ายคลึงกับนิสัยของหลินเซี่ยมาก
หลินเซี่ยยิ้มและพูดว่า “คุณถังพูดถูก เจียเหอเคยเล่าให้ฉันฟังเหมือนกันค่ะ ว่าตั้งแต่หนุ่ม ๆ มาจนถึงตอนที่เขาอายุสามสิบ ฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขาสนใจ ในสายตาของเขาผู้หญิงคนอื่นเป็นแค่คนธรรมดาดาษดื่น ไม่ได้ให้ความสำคัญด้วยซ้ำไป”
จากท่าทางมั่นใจของหลินเซี่ย ถังหลิงก็สังเกตว่าทัศนคติของอีกฝ่ายเริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น และดูเหมือนจะเชื่อในคำพูดของหล่อน รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งกว้างขึ้น มองเธอด้วยสีหน้าของพี่สาวใจดีแล้วพูดต่อไป “คราวนี้ความเข้าใจระหว่างเราก็เป็นอันชัดเจนแล้ว จากนี้ไปเธอจะได้ไม่รู้สึกหึงหวงฉัน”
“คุณถัง คุณไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับฉันตั้งแต่แรก ฉันไม่เคยหึงหวงใครโดยไม่มีเหตุผล”
หลินเซี่ยยังมีท่าทางเย่อหยิ่ง จนถังหลิงรู้สึกกระดากอายมากที่อีกฝ่ายพูดอย่างไม่ให้เกียรติ
หล่อนลอบขบกรามกรอด ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการใช้อีกฝ่ายเป็นสะพานข้ามไปหาเซี่ยไห่ เรื่องอะไรจะยอมทนถึงขนาดนี้?
ดวงตาของหลินเซี่ยขยับเล็กน้อยขณะที่มองไปยังหญิงสาวซึ่งนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างงุ่มง่าม ลากพื้นรองเท้าอย่างเชื่องช้า ดูเหมือนไม่ตั้งใจว่าจะออกไป
หากเธอเดาถูก สาเหตุที่ผู้หญิงคนนี้ต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเธออย่างจริงใจ ต้องเป็นเพราะมีเจตนาบางอย่างลับหลังอย่างแน่นอน
ถ้าการคาดเดาไม่ผิดพลาด มันคงจะเกี่ยวข้องกับเซี่ยไห่
เป็นไปได้ว่าหล่อนอาจรู้ตัวว่าไม่สามารถงัดมารยาไหนมาใช้กับเซี่ยไห่ได้เลย ดังนั้นจึงใช้กลยุทธ์เอาชนะใจคนรอบข้างของเป้าหมายโดยเริ่มจากเธอก่อน
หรือไม่ ถังหลิงอาจจะคิดว่าสาเหตุที่เซี่ยไห่ยอมตกหลุมรักตัวเองง่าย ๆ อาจเป็นเพราะเธอเคยพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับหล่อนต่อหน้าเซี่ยไห่งั้นเหรอ?
เพราะอย่างนี้ถึงได้พยายามเข้าหาเธอก่อนใครสินะ?
ในขณะที่หลินเซี่ยกำลังคิดใคร่ครวญอย่างดุเดือด ถังหลิงก็พูดขึ้นอีกครั้ง
“เสี่ยวหลิน ดีแล้วที่เธอไม่เคยมองว่าฉันเป็นคู่แข่งด้านความรัก ฉันรู้สึกโล่งใจมาก ที่จริงฉันมีไอเดียบางอย่างอยากจะบอกเธอด้วย เธอลองฟังดูว่าพอจะเป็นไปได้ไหม”
ริมฝีปากของหลินเซี่ยโค้งขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า “ว่าไงคะ”
เมื่อเห็นว่าหลินเซี่ยดูสนใจ ถังหลิงก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวเดิมแล้วมานั่งลงตรงหน้าเธอ พูดอย่างกระตือรือร้นว่า “ฉันจะบอกให้ อุตสาหกรรมที่พวกเราทำกันอยู่ในตอนนี้ ที่จริงแล้วเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับความนิยมสูงมากทางตอนใต้หรือฮ่องกง เธอพอจะรู้ไหมว่าการเสริมความงามกับการทำผมอยู่ในแวดวงเดียวกัน?”
ดวงตาของหลินเซี่ยขยับเล็กน้อย
เธอเดาผิดไปเหรอเนี่ย?
หล่อนไม่ได้มาเพื่อพูดเรื่องเซี่ยไห่ แต่พูดถึงการร่วมงานกันอย่างนั้นเหรอ?
“ไม่รู้ค่ะ” หลินเซี่ยตอบกลับอย่างสุภาพและห่างเหิน
“ในเมื่อเป็นแบบนั้น คุณกำลังจะบอกอะไรฉันเหรอคะ?”
เห็นว่าหลินเซี่ยเริ่มสนใจ ถังหลิงจึงรีบบอกแผนของตัวเอง “ฉันคิดว่าเราสองคนสามารถร่วมมือกันได้ ทำธุรกิจโดยที่เอื้อเฟื้อผลประโยชน์ให้ทั้งสองร้าน ตัวอย่างเช่น เธอรับผิดชอบงานทำผมไป ส่วนฉันจะรับผิดชอบงานเสริมความงาม ด้วยวิธีนี้ เราจะสามารถแบ่งปันทรัพยากรให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกัน และให้ผลลัพธ์แบบวิน-วิน แล้วถ้าอีกหน่อยมีหน้าร้านขนาดใหญ่ทำเลดี เราก็หารค่าเช่าและรวมธุรกิจเข้าด้วยกันได้ กลายเป็นเจ้าของร่วมเพื่อทำให้ธุรกิจใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น”
หลินเซี่ยไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าถังหลิงจะมาหาเธอเพื่อเสนอแนวคิดแบบนี้
เกมกระดานหมากรุกของหล่อนใหญ่นับว่าใหญ่ใช้ได้
“ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ผู้หญิงอย่างเรา ๆ จะเปิดกิจการเป็นของตัวเองในสังคมแบบนี้ ฉันคิดว่าเราควรร่วมมือกันเพื่อรักษาความสัมพันธ์ทางการค้า และสร้างรายได้ร่วมกัน เพื่อที่เราจะมีโอกาสตั้งหลักในสังคมได้อย่างมั่นคงยังไงล่ะ”
หลินเซี่ยนั่งอยู่ที่นั่น ฟังแผนธุรกิจของถังหลิงอย่างเงียบ ๆ ต้องบอกเลยว่าผู้หญิงคนนี้มีความเฉียบแหลมทางธุรกิจพอสมควร ความทะเยอทะยานในการพัฒนาตัวเองของหล่อนก็ชัดเจนมากเช่นเดียวกัน
ถ้าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ของเธอ บางทีเธออาจจะเก็บข้อเสนอนี้กลับไปพิจารณาอย่างจริงจัง
ถือเป็นเรื่องธรรมดามากที่ผองเพื่อนจะกลายมาเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกันในภายหลัง
สุดท้ายแล้วแผนการพัฒนาธุรกิจของเธอก็ยังเหมือนเดิม ทำร้านตัดผมเพื่อสร้างฐานลูกค้าให้มั่นคงก่อน หลังจากนั้นเมื่อมีทุนทรัพย์เพียงพอ ก็ค่อยวางแผนที่จะขยายโครงการออกไป
พอมีผู้ทำงานร่วมกัน ความเสี่ยงก็พลอยลดต่ำลงตามไปด้วย
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผู้หญิงตรงหน้าเธอคือใครกันล่ะ? หล่อนเป็นหญิงสาวที่บูชาเงินและสักแต่จะแสวงหากำไรในชีวิต ถึงขั้นทอดทิ้งสามีกับลูกชาย แล้วหอบเงินทองของครอบครัวสามีเก่าหนีออกมา แสร้งทำตัวเป็นสาวโสดที่แข็งแกร่งและประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน เทียวไปเทียวมาอยู่แถวนี้เพราะมีเป้าหมายคือการดึงดูดสามีใหม่ผู้มั่งคั่ง
เพื่อที่จะกดดันเธอให้เกิดความระหองระแหงกับเฉินเจียเหอ เสิ่นเสี่ยวเหมยจึงถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความขัดแย้งภายในครอบครัว แต่แล้วพอเสิ่นเสี่ยวเหมยล้มเหลวไม่บรรลุเป้าหมาย หล่อนก็ตัดความสัมพันธ์จากเสิ่นเสี่ยวเหมยอย่างไร้ความปรานี
พอรู้แน่แล้วว่าตัวเองไม่มีโอกาสได้ลงเอยกับเฉินเจียเหอ จึงตั้งเป้าไปที่เซี่ยไห่แทน
เธอจะทำใจร่วมมือทางธุรกิจกับผู้หญิงร้ายลึกคนนี้ได้อย่างไร?
เกรงว่าข้อเสนอความร่วมมือก็เป็นเรื่องรองเหมือนกัน
หล่อนกับหลิวลี่ลี่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเอาแต่จ้องเขม็งมองเธอราวกับเป็นวิญญาณอาฆาตตลอดทั้งวัน พวกหล่อนคงเห็นว่าเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเซี่ยไห่ ดังนั้น จึงตั้งใจมาที่นี่เอาชนะใจเธอ
ให้ตายสิ ผู้หญิงเลว ๆ ที่มีเจตนาชั่ว ๆ คนนี้ ช่างรู้จักใช้งานคนโง่เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อตัวเองจริง ๆ
หลังจากที่ถังหลิงเล่าความคิดของหล่อนจบ แล้วเห็นหลินเซี่ยนั่งนิ่งอย่างว่างเปล่าโดยไม่มีการตอบสนองใด ๆ หล่อนก็มองหน้าเธอ ดวงตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง “เซี่ยเซี่ย เธอคิดว่าไอเดียของฉันเป็นยังไงบ้าง?”
เมื่อหลินเซี่ยได้ยินเสียงอีกฝ่าย เธอก็เงยหน้าขึ้น พร้อมกับมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า “คุณถัง ความคิดของคุณเข้าท่ามากเลยค่ะ”
ถังหลิงรู้สึกยินดีทันที มองหลินเซี่ยด้วยความชื่นชม “ฉันรู้อยู่แล้วว่าเซี่ยเซี่ยมีหัวด้านธุรกิจ ต้องเข้าใจแผนการและแนวคิดที่ฉันเพิ่งพูดไปแน่ ๆ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เซี่ยเซี่ยอย่าได้หลงกลตอบรับข้อเสนอเป็นเจ้าของร่วมกันเชียว หุ้นส่วนธุรกิจแบบนี้ไว้ใจไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะหันมาแทงข้างหลังเราวันไหน ต่างคนต่างแบ่งอาณาเขตกันทำงานไม่ยุ่งเกี่ยวกันน่ะดีแล้ว
เป็นไปได้ไหมนะว่ายัยถังนี่จะเป็นแม่แท้ๆ ของหู่จือ?
ไหหม่า(海馬)