ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 272 อาหารเป็นพิษ
ตอนที่ 272 อาหารเป็นพิษ
ตอนที่ 272 อาหารเป็นพิษ
ถังหลิงดีใจมาก ตั้งใจว่าจะหารือเกี่ยวกับแผนธุรกิจของตัวเองโดยละเอียดต่อไป
หลินเซี่ยกลับขัดจังหวะหล่อนเสียก่อน “แต่ฉันจะได้ประโยชน์อะไรจากการร่วมมือกับคุณ? เมื่อกี้คุณบอกว่าร้านของพวกเราจะมีการแบ่งปันทรัพยากรร่วมกันใช่ไหม? ถ้าฉันเดาไม่ผิด ดูเหมือนร้านคุณจะไม่มีลูกค้ามาใช้บริการเลยนี่ หลิวลี่ลี่เอาแต่เดินออกไปหาลูกค้าทั้งวัน ป่านนี้เท้าบวมหมดแล้วมั้ง”
ถังหลิงรีบอธิบาย “ฉันเพิ่งเปิดร้านได้ไม่นานนี้เอง ทุกคนไม่ค่อยรู้จักอุตสาหกรรมการเสริมความงามสักเท่าไหร่ แถมผู้หญิงที่นี่ก็ไม่ใส่ใจเรื่องการดูแลผิวหน้า ไม่แปลกที่ร้านของฉันจะเงียบเหงา
ถึงอย่างนั้นฉันก็มีประสบการณ์ไม่น้อยในการดูแลผิวพรรณ แถมยังมีช่องทางการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์แบรนด์ดังมากมาย นี่ถือเป็นจุดแข็งของฉันเลยก็ว่าได้ ถ้าเราร่วมมือกัน ฉันก็จะรับผิดชอบโครงการด้านความงาม เธอก็จะมีแหล่งลูกค้าที่มั่นคง ตราบใดที่อุตสาหกรรมความงามเป็นที่รู้จักและยอมรับจากคนหมู่มาก มันก็จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ”
หลินเซี่ยเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าถังหลิงหมายถึงอะไร ภายใต้การจ้องมองอย่างคาดหวังของถังหลิง เธอลุกขึ้นยืน จ้องมองหล่อนแล้วพูดว่า “ขอบคุณคุณถังมากนะคะที่อุตส่าห์นึกถึงฉัน แต่ฉันไม่มีความตั้งใจที่จะร่วมมือกับคุณค่ะ”
รอยยิ้มอ่อนโยนของถังหลิงพลันแข็งทื่อไปทันที “ทำไมล่ะ? ช่วยบอกเหตุผลที่เธอปฏิเสธหน่อยได้ไหม?”
หลินเซี่ยมองหล่อนอย่างห่างเหิน จากนั้นก็พูดโดยที่ไม่เกรงใจอีก “คุณถัง คุณไม่รู้ตัวหรือไงว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน คุณบอกว่าคุณไม่ชอบผูกมิตรกับคนที่มีเจตนาชั่วร้ายไม่ใช่เหรอ? บังเอิญว่าฉันเองก็มีความคิดเหมือนกันกับคุณ”
หลินเซี่ยไม่แม้แต่จะมองหน้าหล่อน ทำให้ถังหลิงเข้าใจว่าหลินเซี่ยหมายถึงอะไร อีกฝ่ายยังมีอคติต่อหล่อนเพราะเรื่องของเสิ่นเสี่ยวเหมย
แสงจาง ๆ แวบผ่านดวงตาของถังหลิง
ถึงผู้หญิงคนนี้จะยังเด็ก แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย ๆ
หล่อนมองอีกฝ่ายด้วยท่าทางเศร้าโศก “เซี่ยเซี่ย ฉันอุตส่าห์พูดปรับความเข้าใจกับเธอตั้งนาน เธอยังเข้าใจฉันผิดอีก”
“จะเข้าใจคุณผิดหรือเปล่า ตัวคุณเองน่าจะรู้ดีที่สุด”
หลินเซี่ยมองความคิดอีกฝ่ายออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ไม่คิดจะเสวนากับหล่อนอีกต่อไป เธอลุกขึ้น เริ่มหันไปหยิบจับทำสิ่งอื่นและหยุดพูดคุย
ถังหลิงปฏิเสธที่จะยอมแพ้ ยังคงปกป้องตัวเองต่อไป “เดี๋ยวนี้ฉันไม่ได้ติดต่อกับเสิ่นเสี่ยวเหมยแล้ว”
“แหงสิ คุณถังน่ะเก่งที่สุดในการ ‘ทิ้ง’ คนอื่นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
ขณะที่หลินเซี่ยพูดเน้นคำว่า ‘ทิ้ง’ เป็นพิเศษ การแสดงออกบนใบหน้าของเธอก็แฝงความหมายบางอย่างเช่นกัน
ถังหลิงที่เดิมมีชนักติดหลังอยู่แล้ว จู่ ๆ ก็สัมผัสได้ถึงความปั่นป่วนที่ปะทุขึ้นในใจ
หล่อนตกตะลึงจนนิ่งงันไปทั้งร่าง ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนั้นอย่างไร
ปฏิกิริยาแรกที่นึกขึ้นได้ คือหลินเซี่ยไปรู้อะไรบางอย่างมาหรือเปล่า? ครั้งล่าสุดที่ลองทดสอบอีกฝ่าย ดูเหมือนเธอจะไม่รู้อะไรเลย แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าคำพูดของเธอมีนัยยะบางอย่าง
แต่ถ้าเธอรู้อะไรบางอย่างมาจริง ๆ ทำไมถึงไม่ยอมใช้เรื่องนั้นมาสวนกลับ หรือข่มขู่ตนด้วยเรื่องนั้น?
ถังหลิงรู้สึกวิตกกังวล เพราะไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
ทันใดนั้นเอง มีผู้หญิงวัยกลางคนสองคนเดินเข้ามาในร้าน
“เสี่ยวหลิน ยุ่งอยู่หรือเปล่า?”
หลินเซี่ยเห็นพี่สาวหลิวจากอาคารพักอาศัยของโรงงานยานยนต์มากับพี่สาวอีกคนหนึ่ง ก็รีบหันไปทักทายเธอด้วยรอยยิ้ม “พี่สาวหลิว วันนี้พวกคุณมาที่นี่ทำไมคะ? ผมของคุณเพิ่งจะดัดไปไม่นานนี้เองไม่ใช่เหรอ?”
พี่สาวหลิวพูดด้วยรอยยิ้ม “วันนี้เรามาที่นี่เพราะอยากให้เธอช่วยบำรุงผิวหน้าให้หน่อย ได้ยินพี่สาวจางบอกว่าหลังจากเธอทาผลิตภัณฑ์เสริมความงามบนหน้าให้เขาเมื่อไม่กี่วันก่อน หน้าก็ไม่ลอกอีกเลย ทุกวันนี้หน้าเราสากเหมือนกับเปลือกไม้ ยิ่งพอโดนลมก็ยิ่งหยาบกร้าน เห็นไหมว่าหน้าเรามักจะลอกเป็นขุย เกาแล้วคัน ฝ้ากระก็ขึ้นง่าย”
หลินเซี่ยมองผิวหน้าของพี่สาวทั้งสองคน พบว่ามันแย่มากจริง ๆ
ที่นี่อากาศแห้ง ยิ่งเมื่อไม่ได้ใส่ใจดูแลผิวเท่าที่ควร ไม่แปลกที่ผิวพรรณจะแห้งผากเพราะขาดความชุ่มชื้น แถมยังลอกเมื่อโดนลมพัดผ่าน
“เชิญนั่งก่อนค่ะ ฉันจะบำรุงผิวหน้าให้คุณเดี๋ยวนี้เลย”
หลินเซี่ยหันกลับมา เมื่อเห็นว่าถังหลิงยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เธอก็ส่งยิ้มให้และเชิญอีกฝ่ายอย่างสุภาพ “คุณถัง ฉันยังต้องดูแลลูกค้า งานค่อนข้างยุ่งทีเดียว ไว้คราวหน้าเราค่อยคุยกันใหม่นะคะ”
ถังหลิงไม่รู้มาก่อนว่าหลินเซี่ยเองก็มีบริการทำทรีตเมนต์ผิวหน้าให้กับลูกค้าด้วย
ไม่น่าแปลกใจเลยที่หล่อนไม่ยอมร่วมมือกับฉัน
ไม่สิ ประเด็นคือ หล่อนไปเรียนเคล็ดลับการเสริมความงามมาจากไหน?
ทันทีที่ถังหลิงเดินออกไป พี่สาวหลิวก็มองตามไปทางประตูแล้วถามหลินเซี่ย
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเจ้าของร้านเสริมสวยฝั่งตรงข้ามไม่ใช่เหรอ? ทำไมหล่อนถึงมานี่ได้ล่ะ?”
หลินเซี่ยตอบกลับ “ร้านหล่อนไม่มีลูกค้าน่ะค่ะ ก็เลยข้ามมาคุยเล่นกับฉัน”
“ฉันได้ยินมาว่าหล่อนเคยมีความสัมพันธ์กับเสี่ยวเฉินมาก่อนด้วยไม่ใช่เหรอ?” พี่สาวอีกคนที่มาพร้อมกับพี่สาวหลิวมองหลินเซี่ยด้วยสีหน้าซุกซน ถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
หลินเซี่ยแปลกใจ ไม่ยักรู้ว่าแม้แต่พนักงานในโรงงานยานยนต์ก็เคยได้ยินเรื่องซุบซิบพวกนี้มาเหมือนกัน
“หืม ใครบอกเหรอคะ?”
พี่สาวคนนั้นบอกว่า “หวังซิ่วฟางบอกว่าเถ้าแก่เนี้ยถังจากร้านเสริมสวยฝั่งตรงข้ามเคยชอบเสี่ยวเฉิน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมหล่อนถึงจงใจมาเปิดร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอ ก็เพราะอยากหาทางใกล้ชิดกับเสี่ยวเฉินยังไงล่ะ”
พี่สาวหลิวพูดเสริมด้วยความโมโห “ไม่กี่วันก่อน เด็กฝึกงานจากร้านหล่อนออกมาตระเวนโฆษณาตามถนนเพื่อให้คนสนใจไม่ใช่เหรอ? บอกว่ามีโปรทดลองใช้บริการฟรี พวกเราหลายคนในโรงงานเลยบอกต่อให้เพื่อน ๆ ผู้หญิงในโรงงานรู้ว่าแม้แต่พวกเรายังไม่คิดจะไปอุดหนุนหล่อนเลย ต่อให้ทำฟรีก็จริง แต่อาจจะใช้ของคุณภาพแย่ก็ได้”
หลินเซี่ยรู้สึกซาบซึ้งใจเมื่อได้ยินแบบนี้
ที่แท้การที่ร้านฝั่งตรงข้ามไม่มีลูกค้าเข้าเลย ต้องขอบคุณน้ำใจของพี่สาวร่วมเขตพักอาศัยเดียวกัน
หลินเซี่ยมองไปที่พวกเขา รู้สึกประทับใจมาก “พี่สาวหลิว ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยสนับสนุนฉัน”
“ชุนฟาง ให้พี่สาวสองคนล้างหน้าก่อน”
ถังหลิงเดินกลับไปที่ร้านด้วยความโกรธ เห็นว่าหลิวลี่ลี่ยังคงนั่งหงอยเหงาอยู่คนเดียวภายในร้านอีกตามเคย
ทันทีที่เข้าไปแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ หล่อนก็โกรธมากจนแทบจะโยนผ้าคลุมขาทิ้ง
หล่อนไม่คาดคิดว่าร้านของหลินเซี่ยจะมีบริการทำทรีตเมนต์ผิวหน้าอยู่ก่อนแล้ว
คนแถวนี้ไม่ยอมเข้าร้านหล่อนก็เพราะเหตุนี้จริง ๆ ด้วย
เมื่อเห็นว่าถังหลิงดูโมโห หลิวลี่ลี่จึงถามอย่างระมัดระวัง “พี่หลิง เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
ถังหลิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ สองครั้ง จากนั้นถามหลิวลี่ลี่ว่า “ลี่ลี่ ตอนนี้ร้านตัดผมของรัฐที่เธอเคยทำงานก่อนหน้านี้ยังมีรายได้ซบเซาอยู่หรือเปล่า?”
หลิวลี่ลี่พยักหน้า “ใช่ค่ะ ร้านตัดผมส่วนบุคคลกับแผงลอยรับตัดผมชายตามริมถนนแย่งลูกค้าประจำของพวกเขาไปหมดแล้ว ช่างตัดผมในร้านรับลูกค้าได้แค่วันละสองถึงสามหัวเองมั้ง”
“คนหนุ่มสาวที่เปิดร้านตัดผมของตัวเองส่วนใหญ่ไปเรียนฝึกทักษะมาจากเมืองอื่นกันทั้งนั้น ร้านตัดผมที่บริหารโดยรัฐมีทรงผมให้เลือกแค่ไม่กี่แบบเท่านั้น พวกเขาตามกระแสนิยมของยุคสมัยใหม่ไม่ทันอีกต่อไป”
หลังจากได้ยินคำพูดของหลิวลี่ลี่ ถังหลิงก็หรี่ตาลงพลางครุ่นคิด
หลังจากนั้นไม่นาน หล่อนก็พูดกับหลิวลี่ลี่
“ช่างตัดผมคนไหนฝีมือดีที่สุดในร้านตัดผมของรัฐ? เธอช่วยเป็นธุระไปนัดเขาออกมาหน่อย ฉันจะคุยกับเขาส่วนตัว”
หลิวลี่ลี่รู้ว่าถังหลิงน่าจะนำเอาข้อเสนอแนะของหล่อนไปพิจารณาแล้ว และอาจต้องการขยายบริการทำผมเพิ่ม จึงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ได้ค่ะ”
หลินเซี่ยบริการพี่สาวหลิวและคนอื่น ๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่พวกหล่อนจากไป หลินเยี่ยนก็วิ่งกระหืดกระหอบมาหาทั้งน้ำตา
หลินเซี่ยเห็นว่าดวงตาของหลินเยี่ยนแดงก่ำและบวมปูด แถมยังวิ่งมาด้วยความร้อนใจ จึงถามอย่างเป็นกังวล “เสี่ยวเยี่ยน เกิดอะไรขึ้น?”
หลินเยี่ยนร้องไห้และตอบว่า “พี่สาว มีคุณยายคนหนึ่งกินเหลียงเฝิ่นที่ร้านเรา จากนั้นก็ร้องโวยวายว่าตัวเองป่วยเพราะอาหารเป็นพิษ หล่อนมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงจนถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล กลุ่มคนต่างมาเสร้างปัญหาที่แผงขายอาหารของเรา ตอนนี้แม่โดนเจ้าหน้าที่พาตัวไปแล้ว”
หลินเซี่ยตกใจมาก “อะไรนะ อาหารเป็นพิษ?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เซี่ยเซี่ยรู้ทันเธอหรอกน่ายัยถัง อย่ามาโน้มน้าวให้เป็นพวกเลย
ใครวางแผนเล่นงานแม่เซี่ยเซี่ยกันนะ คนบ้านเสิ่นหรือเปล่า
ไหหม่า(海馬)