ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 288 นัดบอดของคนขี้เกียจ
ตอนที่ 288 นัดบอดของคนขี้เกียจ
เฉินเจียเหอเอ่ยตอบ “ครับ คุณย่า พวกเราเพิ่งกลับมาจากบ้านตระกูลเซี่ย”
เมื่อเห็นว่าเซี่ยไห่ก็มาด้วย สายตาของคุณย่าเฉินก็ยังคงจับจ้องไปยังการแสดงในโทรทัศน์ หญิงชรายกยิ้มและทักทายอย่างง่าย ๆ แบบไม่เป็นทางการนัก
“มา เซี่ยไห่ นั่งก่อน”
คุณย่าเฉินชักชวนให้หลินเซี่ยเข้ามาดูละครสั้นแนวตลกขบขันเรื่องนัดบอดของคนขี้เกียจด้วยคน แต่ทันทีที่ผู้เฒ่าเฉินเข้ามา เขาก็สั่งเฉินเจียเหอให้ปิดโทรทัศน์ทันที
หญิงชราซึ่งกำลังดูถึงช่วงสำคัญพอดีจึงรีบเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ “ปิดทำไมล่ะ? เจียวั่งกับฉันกำลังดูอย่างสนุกคึกคัก รีบดูสิ นัดบอดของคนขี้เกียจ ดูสิบครั้งก็ไม่พอ”
“ไม่ต้องดูแล้ว” ผู้เฒ่าเฉินเอ่ยถามเฉินเจียวั่ง “แม่และพี่รองของหลานอยู่ไหน”
เฉินเจียวั่งกล่าวตอบ “แม่กำลังทำความสะอาดอยู่ข้างบนครับ ส่วนพี่รอง ผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาไปไหน”
“หู่จือ ไปเรียกคุณย่าของเธอลงมา เจียวั่งส่งเพจเจอร์บอกให้เจียซิ่งรีบกลับมาด่วน”
หลังจากที่ผู้เฒ่าเฉินออกคำสั่ง เขาก็นั่งลงบนโซฟากับเซี่ยไห่
“ครับ” ตอนนี้หู่จือไม่ได้รู้สึกว่าโจวลี่หรงเป็นแม่มดเฒ่าแล้ว ทั้งยังไม่กลัวโจวลี่หรงอีก เด็กชายจึงเดินขึ้นไปชั้นบนพร้อมตะโกนเรียกคุณย่าของเขาอย่างว่าง่าย
เฉินเจียวั่งก็รู้สึกราวกับยกภูเขาออกจาก ในที่สุดก็หลุดพ้น ไม่ต้องดูละครสั้นและหัวเราะเจื่อน ๆ เป็นเพื่อนคุณย่าแล้ว เขารีบใช้โทรศัพท์มือถือส่งเพจเจอร์ถึงเฉินเจียซิ่งทันที
เมื่อคุณย่าเฉินเห็นว่าสีหน้าของตาเฒ่าและเฉินเจียเหอต่างเคร่งเครียดจริงจัง หัวใจของนางก็พลันเต้นตึกตัก “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ช่วงหลังมานี้เป็นช่วงที่เต็มไปด้วยปัญหามาหมาย โดยเฉพาะยิ่งในวันนี้ที่พวกเขาไปบ้านตระกูลเซี่ย แน่นอนว่าต้องได้พบกับคนของตระกูลเสิ่นเป็นแน่
เมื่อนึกถึงเสิ่นเสี่ยวเหมยและตาเฒ่าเสิ่นนั่น ในใจของคุณย่าเฉินก็รู้สึกกังวลขึ้นมา
นางถูกคนตระกูลนั้นตามหลอกหลอนอยู่ในจิตใจแล้ว
“รอให้มาครบกันก่อนค่อยพูดทีเดียว”
เฉินเจียเหอชงชา แล้วจึงรินชาให้ทุกคน
“เซี่ยไห่ ดื่มชา” ผู้เฒ่าเฉินหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาแล้วส่งให้เซี่ยไห่
เซี่ยไห่นั้นรู้สึกประหลาดใจ ด้วยได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดฝัน เขาจึงรีบรับถ้วยน้ำชาไว้
เพียงครู่เดียว โจวลี่หรงก็ลงมาชั้นล่างและทักทายเซี่ยไห่ซึ่งเป็นแขกก่อน
เมื่อก่อนนี้ เซี่ยไห่เรียกขานโจวลี่หรงว่าคุณป้า ต่อมารู้สึกว่าอายุของตนนั้นไม่เหมาะจะเรียกเธอว่าคุณป้า จึงเอ่ยเรียกว่าพี่สาวหรือไม่ก็รุ่นพี่ และจากนั้นก็ไม่เรียกคำนำหน้าอะไรเลย
แน่นอนว่าในหนึ่งปีพวกเขาเจอหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้ง
เพียงลวงหลอกตบตากันไปเรื่อยเปื่อย
แต่วันนี้เซี่ยไห่ไม่ได้เรียกโจวลี่หรงว่าเป็นพี่สาวอย่างขอไปทีเลยสักนิด
จากนี้ไป การเรียกหล่อนเช่นนี้จะถือเป็นปกติวิสัย
มุมปากของโจวลี่หรงกระตุกขึ้นเล็ก ๆ เมื่อได้ยินสรรพนามที่เซี่ยไห่ใช้เรียกตน
สหายของเจียเหอคนนี้นั้นดีทุกอย่าง เพียงแต่ถ้อยคำของเขามักจะสับสนยุ่งเหยิง ไม่แยกลำดับอาวุโส
เขารียกคุณปู่เฉินเจียเหอว่าคุณลุงอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่อีกพักหนึ่งจะเปลี่ยนไปเรียกคุณปู่เสียอย่างนั้น ผู้เฒ่าอยู่ที่บ้านจึงถูกแซะอยู่ไม่น้อย
มาตอนนี้ยังมาเรียกหล่อนว่าพี่สาวอีก
“ลี่หรงนั่งลง” ผู้เฒ่าเฉินกล่าว “ยังขาดเจียซิ่ง ตอนนี้ไม่รอแล้ว”
ทั้งครอบครัวนั่งลง ผู้เฒ่าเฉินมองไปยังเซี่ยไห่ ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง “มา เซี่ยไห่ พูดเรื่องที่เธอกล่าวบอกเมื่อครั้งอยู่ที่บ้านตระกูลเซี่ยให้พวกเราฟังอีกครั้งต่อหน้าทั้งครอบครัวของเราหน่อยสิ”
สีหน้าของผู้เฒ่าเฉินจริงจัง ตอนนี้ในสมองยังคงสับสนมึนงงจนถึงขั้นสงสัยว่าเซี่ยไห่ต้องการสนับสนุนหลินเซี่ย ตอนอยู่ที่บ้านตระกูลเซี่ยเขาจึงพูดจาส่งเดชไปเรื่อยหรือเปล่า
ด้วยนิสัยก่อนหน้านี้ของเซี่ยไห่ที่มักพูดจาไม่รู้สี่รู้แปดในเรื่องที่สำคัญ จึงจำเป็นต้องมีการยืนยันซ้ำแล้วซ้ำอีก
“ในเมื่อคุณลุงเฉินเอ่ยบอกให้ผมประกาศออกมาอีกครั้ง ดังนั้นแล้ว ผมขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักอย่างเป็นทางการ เซี่ยเซี่ยเป็นลูกสาวของเซี่ยเหลย พี่ใหญ่ของผม หล่อนเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของผม และผมเป็นครอบครัวเดิมของเซี่ยเซี่ย” เซี่ยไห่มองไปที่หลินเซี่ย ก่อนจะกันไปมองทุกคนในตระกูลเฉิน พร้อมเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยจริงจัง
“เธอว่าอะไรนะ?” คุณย่าเฉินและโจวลี่หรงมองเซี่ยไห่อย่างตกตะลึง
โจวลี่หรงปริปากเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “พ่อของเซี่ยเซี่ยชื่อหลินต้าฝูไม่ใช่เหรอ? เขามาจากหมู่บ้านเดียวกันกับฉัน แล้วเธอจะกลายเป็นลูกสาวของพี่ใหญ่ของคุณได้อย่างไร”
ความคิดแรกของโจวลี่หรงคือ หรือว่าในตอนนั้น ยังมีเด็กคนที่สามที่ถูกอุ้มผิดไปจากโรงพยาบาลสุขภาพอีกงั้นหรือ?
ตระกูลเสิ่นอุ้มลูกของหลิวกุ้ยอิงมา ส่วนหลิวกุ้ยอิงอุ้มเด็กจากครอบครัวอื่นผิดไปงั้นหรือ?
แล้ว… แล้วเด็กอีกคนล่ะ?
สมมติฐานหลายประการปรากฏขึ้นในใจของโจวลี่หรง
เฉินเจียวั่งผู้ไม่แยแสสิ่งใดมาโดยตลอดพลันเงยหน้าขึ้นมองหลินเซี่ยเมื่อเขาได้ยินถ้อยคำของเซี่ยไห่
เซี่ยไห่กล่าวว่า “เรื่องราวก็เป็นแบบนี้แหละครับ ตอนที่พี่สาวอิงจื่อแต่งงานกับหลินต้าฝู หล่อนก็มีเซี่ยเซี่ยอยู่ในท้องอยู่แล้ว”
หลังจากเซี่ยไห่เอ่ยจบ เขาก็รีบอธิบายว่า “อย่าได้เข้าใจผิด หล่อนไม่ได้นอกใจพี่หลิน แต่หลังจากที่พี่ชายของผมออกไปรบทัพจับศึก ข่าวร้ายเรื่องที่เขาสละชีพก็มาถึง พี่หลินนั้นซื่อสัตย์จริงใจ เพื่อที่จะช่วยเหลือพี่สาวอิงจื่อเลี้ยงลูกของวีรบุรุษ ด้วยเหตุนี้เขาจึงแต่งงานกับหล่อน”
หลินเซี่ยรับช่วงเอ่ยต่อ “ใช่ค่ะ เหตุผลที่คุณพ่อหลินของฉันเคยปฏิบัติต่อเสิ่นอวี้อิ๋งอย่างดีเช่นนั้น ก็เพราะชาติกำเนิดของหล่อน เขารู้สึกว่าตนไม่สามารถปฏิบัติไม่ดีต่อลูกของวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ได้ และยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่สามารถปล่อยให้ผู้ที่ยอมพลีชีพเสียสละจากโลกนี้ไปโดยไม่มีคนสืบสายวงศ์ตระกูล ดังนั้นเขาจึงทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยเสิ่นอวี้อิ๋ง เขาเป็นคนดีค่ะ”
เซี่ยไห่เล่ารายละเอียดให้ตระกูลเฉินฟังอีกหนึ่งครั้ง
อีกทั้งหลินเซี่ยยังกล่าวเสริมด้วยท่าทีสงบนิ่ง
ถือได้ว่าเรื่องราวความเป็นมาเป็นไปในอดีทั้งหมดได้รับการอธิบายอย่างชัดเจน
ไม่มีใครในตระกูลเฉินที่ไม่ตกใจ
ในตอนนั้นเอง เฉินเจียซิ่งก็กลับมา
เขาเข้ามาในบ้านอย่างเอ้อละเหย ก่อนจะพบว่าทั้งครอบครัวอยู่พร้อมหน้า รวมทั้งเซี่ยไห่ก็นั่งอยู่ที่นี่เช่นกัน แต่ละคนมีสีหน้าซับซ้อนอย่างมาก
เมื่อเฉินเจียซิ่งเห็นสถานการณ์นี้ ก็พลันรู้สึกกดดันขึ้นมา
ด้วยเกรงว่าจะเกี่ยวกับตัวเองอีกแล้ว
เขาเข้ามาแล้วเอ่ยถาม “เริ่มประชุมกันแล้วเหรอครับ?”
“รีบนั่งลงเถอะ”
เฉินเจียซิ่งตอบรับเบา ๆ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง
ผู้เฒ่าเฉินถามหลินเซี่ยว่า “เรื่องที่เสิ่นเถี่ยจวินใส่ร้ายแผงขายอาหารของแม่เธอแท้จริงแล้วเป็นมาอย่างไร? ในตอนนั้นเสิ่นเถี่ยจวินเป็นคนจงใจอุ้มเธอกลับไปจริง ๆ หรือเปล่า?”
ผู้เฒ่าเฉินอายุไม่น้อยแล้ว สมองประมวลผลได้ช้า แม้ครู่ตอนอยู่ที่บ้านตระกูลเซี่ย เขาจะได้ยินเรื่องราวคร่าว ๆ ทว่าที่นั่นก็จอกแจกจอแจเกินไป ด้วยเหตุนี้ เมื่อได้ยินเรื่องราวชัดเจนแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าแยกแยะไม่ออกอย่างชัดแจ้ง
เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง พวกเขาต้องการให้เซี่ยไห่และหลินเซี่ยกล่าวบอกความจริงกับพวกเขาด้วยตนเอง
เมื่อเอ่ยถึงเสิ่นเถี่ยจวิน เซี่ยไห่ก็กัดฟันกรอด
ใบหน้าของหลินเซี่ยเองก็แข็งกระด้างขึ้นเช่นกัน หญิงสาวพยักหน้า “ค่ะคุณปู่”
เซี่ยไห่กล่าวว่าเสิ่นเถี่ยจวินสงสัยในความบริสุทธิ์ของเซี่ยหลาน จึงแอบสับเปลี่ยนเด็ก มาวันนี้เมื่อสถานการณ์ถูกเปิดเผยแล้ว เขาจึงพยายามใส่ร้ายหลิวกุ้ยอิงเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากพฤติกรรมที่เป็นภัยของตน
“พวกคุณแน่ใจเหรอ?” เฉินเจิ้นเจียงถาม
ในตอนที่อยู่บ้านตระกูลเซี่ย เสิ่นเถี่ยจวินยังยืนกรานว่าเขาได้กระทำการโดยประมาท
ไม่ได้มีเจตนาเชิงอัตวิสัยใด
“มั่นใจครับ แม้ว่าเขาจะไม่ยอมรับ แต่ข้อเท็จจริงก็อยู่ตรงหน้าเรา ทุกคนสามารถตัดสินเองได้”
“เซี่ยหลานคลอดก่อนกำหนด เสิ่นเถี่ยจวินจึงสงสัยว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของเขา เขาจึงทำเรื่องไร้คุณธรรมเช่นนี้”
“พี่เจิ้นเจียง คุณเคยเห็นพี่สาวของผมไหม? เซี่ยเซี่ยหน้าเหมือนหล่อนมาก”
เมื่อพูดถึงเซี่ยอวี่ ใบหน้าที่เดิมจริงจังอย่างยิ่งของเฉินเจิ้นเจียงก็พลันขึ้นสีด้วยความเขินอาย
“ฉันเคยดูหนังของหล่อน”
เฉินเจิ้นเจียงนึกถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณบนจอเงิน แล้วมองหลินเซี่ยอีกครั้ง จากนั้นจึงทอดถอนหายใจ “พอพูดแล้วก็ค่อนข้างคล้ายกันจริง ๆ”
ผู้เฒ่าเฉินถามเซี่ยไห่ว่า “เมื่อไหร่พวกพี่ใหญ่และพี่สาวของเธอจะมาถึงเมืองไห่เฉิงล่ะ?”
“คาดว่าจะมาถึงวันพรุ่งนี้หรือวันมะรืนครับ”
ผู้เฒ่าเฉินมีความสุขมากที่ได้ยินข่าวเช่นนี้จนแทบจะสะอึกสะอื้น “เยี่ยม เยี่ยมจริง ๆ”
“พี่ชายของเธอเป็นวีรบุรุษที่ปกป้องครอบครัวและป้องกันมาตุภูมิ ตอนนี้เมื่อรู้ข่าว พี่สาวและแม่ของเธอก็พาเขาไปที่ฮ่องกงแล้ว และเราในฐานะหัวหน้าไม่ทันได้ไปส่งเขาอย่างเหมาะสม หากเขาไม่ไป องค์กรก็จะรับผิดชอบดูแลเขาเช่นกัน จะให้การรักษาพยาบาลให้ดีที่สุด ทั้งยังจะดูแลเขาอย่างดีอย่างแน่นอน”
เซี่ยไห่อธิบายว่า “พี่สาวของผมไปฮ่องกงเพื่อพัฒนาตัวเอง ญาติ ๆ ก็สบายใจมากกว่า ตอนนี้พี่ชายของผมฟื้นตัวได้ค่อนข้างดีแล้ว นอกจากความทรงจำที่หายไปบางส่วน อย่างอื่นก็ไม่มีปัญหาอะไร”
“เขารู้ถึงการมีอยู่ของเซี่ยเซี่ยไหม?” คุณย่าเฉินถามอย่างสงสัย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เหลือแค่รอลุ้นให้พี่ใหญ่ของพี่ไห่มานี่แหละ จะจำรักแรกของตัวเองได้ไหมหนอ
ไหหม่า(海馬)