ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 302 มาช่วยให้เขาฟื้นความทรงจำกันเถอะ
ตอนที่ 302 มาช่วยให้เขาฟื้นความทรงจำกันเถอะ
เมื่อได้ยินว่าหลินเซี่ยพบกับเซี่ยเหลยแล้ว หลิวกุ้ยอิงก็ตกใจยืนตัวแข็งทื่อ สีหน้าแฝงความคิดที่ซับซ้อน
“แม่ อย่าทิ้งเขาไปไหนเลยนะ เรามาช่วยฟื้นความทรงจำให้พ่อกันดีไหม?”
หลินเซี่ยมองหล่อนและพูดน้ำเสียงวิงวอน “ฉันไม่คิดอะไรอย่างอื่นเลย แค่อยากให้แม่ร่วมมือและมาช่วยพ่อ ให้เขาจำเรื่องในอดีตได้ อย่างน้อยก็ให้เขารู้ว่าตัวเองเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน นะคะแม่ เรามาช่วยทำให้พ่อกลับมาภูมิใจตัวเองกัน ได้ไหมคะ?”
สีหน้าของหลินเซี่ยเต็มไปด้วยความโศกเศร้า น้ำเสียงเต็มไปด้วยความจริงใจ จนหลิวกุ้ยอิงทนไม่ได้ที่จะปฏิเสธ หลังจากนั้นไม่นานก็ตอบกลับว่า “อืม”
“ขอบคุณนะคะแม่” หลินเซี่ยเช็ดน้ำตา พลางยืนยิ้มทั้งน้ำตา
หลินเยี่ยนเพิ่งตื่นนอน เห็นพี่สาวและแม่พากันร้องไห้ และหล่อนเองก็ได้ยินพวกเธอพูดคุยกันบางส่วนแล้ว
หล่อนรู้ว่าพ่อแท้ ๆ ของพี่สาวมาถึงที่นี่แล้ว
หล่อนเคยกังวลและหวาดกลัวมาก ๆ มาก่อน แต่เนื่องจากได้ยินพี่สาวพูดถึงเรื่องนั้นเมื่อครั้งก่อน หล่อนจึงรู้สึกโล่งใจ
หล่อนกำลังเป็นผู้ใหญ่ อีกหน่อยจะได้ไปมีชีวิตของตัวเอง
แม่ก็ควรมีชีวิตเป็นของตัวเองเช่นกัน
ไม่ว่าหล่อนจะตัดสินใจยังไง มันก็เป็นสิทธิ์ของหล่อน
หลินเยี่ยนถามหลินเซี่ย “พี่สาว ร้านเปิดหรือยัง?”
หลินเซี่ยเข้ามาใกล้แล้วพูดว่า “กุญแจอยู่นี่ เดี๋ยวเราไปเปิดร้านกัน บทเรียนของเธอวันนี้คือการเรียนรู้วิธีเขียนคิ้ว กระดาษและดินสอเขียนคิ้วอยู่ในลิ้นชัก เธอต้องตั้งใจฝึกให้หนักหน่อยนะ พออาจารย์หวังกับชุนฟางมาทำงาน บอกพวกเขาด้วยว่าตอนเช้าฉันอาจไม่ได้เข้าไปที่ร้าน ถ้ามีลูกค้าอยากทำผมหรือแต่งหน้ากับฉัน บอกว่าฉันจะกลับมาตอนบ่าย”
“ได้”
หลินเยี่ยนไม่ได้ถามคำถามหรือรบกวนเธอต่อ เริ่มเก็บข้าวของและออกไปที่ร้านเสริมสวย
แม่และลูกสาวพากันเข้ามาในบ้าน หลินเซี่ยพูดกับหลิวกุ้ยอิงว่า “แม่คะ คุณย่าและอาของฉันอยากเจอแม่”
จู่ ๆ หลิวกุ้ยอิงก็รู้สึกเป็นกังวลเมื่อได้ยินแบบนั้น “เมื่อไหร่เหรอ?”
“เวลาไหนก็ได้ที่แม่สะดวก ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี”
ขณะหลิวกุ้ยอิงลังเล หลินเซี่ยแนะนำว่า “งั้นไปตอนนี้เลยแล้วกัน ถ้าแม่มัวแต่ลังเล แม่คงเปลี่ยนใจทีหลังแน่นอน”
หลิวกุ้ยอิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “แม่จะฟังและทำตามลูกแล้วกัน”
หลินเซี่ยขอให้หลิวกุ้ยอิงกลับเข้าบ้านไปทำความสะอาดรอ ส่วนเธอไปที่ตู้โทรศัพท์ตรงปากซอยเพื่อโทรหาเซี่ยไห่
เมื่อเธอกลับมา ก็เห็นหลิวกุ้ยอิงยืนอยู่ที่ลานบ้าน “เซี่ยเซี่ย แม่ควรเจอพวกเขาจริง ๆ เหรอ?”
“แม่ อย่าทำให้เรื่องมันยากเลย ฉันไปเจอพวกเขามาแล้ว ในฐานะที่แม่เป็นคนเลี้ยงฉันมา พวกหล่อนต้องอยากเจอแม่เป็นธรรมดา ไม่มีอะไรอย่างอื่นแอบแฝงแน่นอน พวกเขาแค่อยากมาขอบคุณน่ะ”
สุดท้าย คำพูดของหลินเซี่ยก็ขจัดความกังวลในใจหลิวกุ้ยอิงลงไปบ้าง “งั้นก็ได้”
“เถ้าแก่เซี่ยบอกว่าแม่และพี่สาวของเขาจะมาเจอกันที่บ้านของเรา”
“อ้าว ไม่ไปบ้านนู้นหรอกเหรอ?” หลิวกุ้ยอิงมองไปรอบ ๆ ลานหน้าบ้านโดยไม่รู้ตัวด้วยสีหน้าร้อนรน
หลินเซี่ยอธิบายว่า “คืออย่างนี้ค่ะ สมัยเซี่ยไห่กับพี่น้องของเขายังเด็ก พวกเขาเคยอาศัยอยู่ตรงถนนโฮ่วช่าง ต่อมาบ้านหลังนั้นถูกขายไป แล้วพวกเขาก็ไม่ได้ผ่านมาแถวนี้อีก เลยอยากใช้โอกาสนี้มาเยือนเพื่อรำลึกความหลัง”
หลิวกุ้ยอิงพยักหน้า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวแม่รีบไปทำความสะอาดบ้านอีกที”
ช่วงนี้หลิวกุ้ยอิงไม่มีอะไรทำ หล่อนจึงดูแลบ้านได้อย่างสะอาดเรียบร้อยมาก ในบ้านไม่มีฝุ่นแม้แต่น้อย เวลาว่าง ๆ ก็มักจะตวงน้ำใส่กะละมัง และหยิบผ้าขี้ริ้วออกมาเช็ดถูซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลินเซี่ยนั่งอยู่ที่นั่น ดูหลิวกุ้ยอิงทำงานอย่างขยันขันแข็งด้วยอารมณ์ที่เงียบสงบ
“แม่ ทำไมแม่ไม่ถามเลยล่ะว่าตอนนี้พ่อเป็นยังไงบ้าง?”
หลิวกุ้ยอิงปัดฝุ่นแบบลม ๆ แล้ง ๆ ด้วยไม้ปัดขนไก่ พยายามควบคุมอารมณ์ที่ซ่อนอยู่ภายใน และพูดอย่างเฉยเมย “แม่จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อก่อนเขาดูเป็นยังไง ตอนนี้แม่จะถามถึงเขาให้ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา?”
“เขาไม่มาด้วยเหรอ?” หลังผ่านไปนาน หล่อนยังคงอดใจไม่ไหว แสร้งถามด้วยท่าทางสบาย ๆ
หลินเซี่ยตอบกลับว่า “อาจไม่ได้มา เขายังจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้เลย คุณย่ากลัวว่าถ้าพวกเรารุกหนักไปจะทำให้เขาหงุดหงิด จึงไม่บอกเขาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรากับเขา”
เซี่ยเหลยเกือบจะสงบราบเรียบกับการทดสอบของเซี่ยไห่เมื่อวานนี้
“เขาความจำเสื่อมมาหลายปีแล้ว หลังจากนี้คงรื้อฟื้นยากกว่าเดิมอีกใช่ไหม?”
เมื่อหลิวกุ้ยอิงถามแบบนี้ หล่อนก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยในใจ
ถ้าเขาไม่สามารถฟื้นความทรงจำของตัวเองได้ ก็แสดงว่าไม่สามารถคิดถึงเรื่องของหล่อนได้อีกต่อไป
เขาไม่มีทางจดจำคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับผู้หญิงคนหนึ่งแน่
ไม่มีทางที่จะรับรู้ถึงความทุกข์ทรมานจากการที่หล่อนต้องกล้ำกลืนฝืนทนเพื่อทิ้งเขาให้เป็นแค่ความทรงจำ
จู่ ๆ หลิวกุ้ยอิงก็รู้สึกแสบจมูก อารมณ์ที่ซับซ้อนต่าง ๆ ถาโถมเข้าใส่หัวใจ
เมื่อหลิวกุ้ยอิงทำความสะอาดบ้านเสร็จแล้ว แต่ยังคงไม่มีใครมา หล่อนก็นั่งนิ่งอย่างอดกังวลไม่ได้ “เซี่ยเซี่ย แม่ขอไปทำความสะอาดห้องครัวก่อนนะ”
“แม่ นั่งลงก่อนเถอะ ใครเขาจะเข้าไปเยี่ยมชมห้องครัวบ้านคนอื่นกัน?”
หลินเซี่ยไม่ยอมให้หล่อนหนีไปไหน และบังคับให้นั่งลง
เธอทัดไรผมของหลิวกุ้ยอิงไว้หลังใบหู แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “แม่ ผ่อนคลายลงหน่อย ทำตัวเป็นลูกสะใภ้ที่ไม่กล้าสู้หน้าพ่อแม่สามีไปได้”
คำพูดของหลินเซี่ยทำให้หลิวกุ้ยอิงรู้สึกอายเล็กน้อย
และแล้วหล่อนก็เบือนหน้าหนีอย่างไม่สบายใจ
ขณะเดียวกันก็มีคนมาเคาะประตูบ้าน
“พวกเขามาถึงกันแล้ว”
หลินเซี่ยลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ฉันจะไปเปิดประตูเอง”
เมื่อเธอเปิดประตู
แน่นอนว่าแขกที่มาก็คือเซี่ยไห่ เซี่ยอวี่ และหญิงชราที่ยืนอยู่หน้าประตู
สองพี่น้องถือข้าวของหลายอย่างอยู่ในมือ
เซี่ยไห่พูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง “เซี่ยเซี่ย เรามาแล้ว”
คุณแม่เซี่ยแทบรอไม่ไหวที่จะเบียดตัวเองแหวกทางลูกชายลูกสาวเข้ามาพลางพูดว่า “หลานสาวแสนรัก แม่เธออยู่ไหนล่ะ?”
“ในบ้านค่ะ” หลินเซี่ยก้าวถอยหลัง “เชิญเข้ามาก่อนค่ะ”
ทันทีที่เซี่ยไห่เข้ามาถึงลานหน้าบ้าน เขาตะโกนเสียงดังอย่างกระตือรือร้นว่า “พี่อิงจื่อ เรามาหาแล้ว”
หลิวกุ้ยอิงซึ่งมีแต่ความกังวลใจได้ยินเสียงของเซี่ยไห่ จึงรู้ตัวว่าไม่สามารถหลบซ่อนได้อีกต่อไป ยอมออกมาจากห้องในที่สุด
หล่อนลูบเส้นผมตัวเอง แสร้งทำเป็นสงบเสงี่ยม “เถ้าแก่เซี่ย มาแล้วเหรอคะ?”
“พี่อิงจื่อ นี่คือแม่และเซี่ยอวี่พี่สาวของผมเอง”
หลิวกุ้ยอิงมองไปยังหญิงชราสีหน้าใจดี และดาราสาวชื่อดังที่มีออร่าเจิดจรัส พลางพูดอย่างเชื่องช้าว่า “สวัสดีค่ะ”
“อิงจื่อ ที่ผ่านมาเธอคงต้องทนทุกข์มามากเลยสินะ” แม่เซี่ยรีบเดินไปหาหลิวกุ้ยอิง จับมือหล่อนไว้และสบตาด้วยความทุกข์และรู้สึกผิด “ฉันขอโทษ ถ้าพวกเรารู้ว่าเธอมีตัวตนอยู่บนโลก ฉันจะไม่ทำให้เรื่องมันเป็นอย่างนี้แน่ และคงจะตามหาเธอตั้งนานแล้ว ไม่ยอมให้เธอต้องแบกรับอะไรหลาย ๆ อย่างและเลี้ยงลูกตามลำพังแบบนี้แน่”
หญิงชราแสดงอารมณ์ที่ลึกซึ้งมาก ขณะที่หลิวกุ้ยอิงยิ่งเขินอายมากขึ้น “อย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะ”
พอหลินเซี่ยเห็นผู้เป็นย่าพูดติดลมไม่หยุดเมื่อเข้ามา เธอจึงพูดขัดอย่างเร่งรีบว่า “เข้ามานั่งคุยกันดี ๆ เถอะค่ะ เดี๋ยวเพื่อนบ้านแถวนี้ได้ยินกันหมด”
หลังจากเข้ามาในบ้าน หลิวกุ้ยอิงอยากจะเสิร์ฟน้ำให้พวกเขา แต่หญิงชราจับมือหล่อนแน่นไม่ยอมปล่อย โดยบอกว่าพวกเขาหิวน้ำก็จริง แต่จะรินน้ำสำหรับดื่มกันเอง ไม่ยอมให้หลิวกุ้ยอิงทำอะไรทั้งนั้น
หล่อนมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยความรัก ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความโล่งใจ
เมื่อมองแวบแรกก็รู้แล้วว่าเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนมาก
เซี่ยอวี่เองก็มองไปยังหลิวกุ้ยอิงอย่างใจเย็น
ระหว่างทาง หล่อนนึกสงสัยมาตลอดว่าผู้หญิงแบบไหนที่สามารถเจาะเข้าไปในหัวใจอันแข็งกระด้างของพี่ใหญ่หล่อนได้?
เมื่อมองดูผู้หญิงตรงหน้าในตอนนี้ หล่อนทั้งซูบผอม สีผิวหมองคล้ำ และมีกระมากมายบนใบหน้า ดูเหมือนว่าในตัวหล่อนไม่มีอะไรพิเศษเลย
ในตอนนั้น พี่ใหญ่แทบไม่มองเซี่ยหลานคนสวยที่เรียกได้ว่าหมกมุ่นอยู่กับเขาด้วยซ้ำ
ทำไมเขาถึงหลงรักสาวท้องถิ่นทันทีที่เดินทางไปเข้าร่วมกับกองทัพกันนะ?
เซี่ยอวี่ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลยจนกระทั่งตอนนี้
ยิ่งมองหน้าตาของหลิวกุ้ยอิงมากเท่าใด หล่อนก็ยิ่งไม่เข้าใจมากเท่านั้น
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อาจเป็นเพราะนิสัยที่เข้ากันได้ และเป็นเพราะฤทธิ์เหล้าด้วยน่ะค่ะ ตอนนั้นอิงจื่อน่าจะเป็นคนที่เข้าใจพี่เหลยมากที่สุดแล้ว
ไหหม่า(海馬)