ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 319 ไปรับพี่สาวมาจากที่ไหน?
ตอนที่ 319 ไปรับพี่สาวมาจากที่ไหน?
ตอนที่ 319 ไปรับพี่สาวมาจากที่ไหน?
ขณะที่ชื่อของเฉินเจียเหอผุดขึ้นมาในความคิด โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น และชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอคือเฉินเจียเหอ
เขารับโทรศัพท์ก่อนจะพูดขึ้นว่า “อื้ม ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
เย่ไป๋ตรงไปที่ห้องพักของเสิ่นอวี้หลง และได้พบกับเสิ่นเถี่ยจวิน เสิ่นอวี้อิ๋ง แต่เซี่ยหลานกับเพื่อนสนิทของเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย
เย่ไป๋เดินกลับออกมาและได้เจอกับเซี่ยหลานตรงทางเดิน
“หมอเซี่ย รถพยาบาลยังมาไม่ถึง ยังไงซะกระบวนการต่าง ๆ ยังไม่เรียบร้อยดี แต่ถ้ารถพยาบาลมาแล้วผมจัดให้หมอเสี่ยวหวังไปกับรถพยาบาลด้วยตลอดทาง ส่วนผมจะไปหาคุณหมอเย่ก่อนล่วงหน้าเพื่อเตรียมการรักษาอวี้หลงนะครับ”
“ขอบคุณค่ะหมอเย่ ฉันรบกวนคุณมากจริง ๆ”
เย่ไป๋ถอดเสื้อคลุมสีขาวออกแล้วสวมใส่เสื้อกันลม จากนั้นก็ออกจากโรงพยาบาล
ทันทีที่เขาขับมอเตอร์ไซค์ออกมาถึงประตูของโรงพยาบาล เขาเห็นเซี่ยอวี่ยืนอยู่ข้างถนนเพื่อรอรถแท็กซี่
เย่ไป๋ขับผ่านหล่อน เขาหยุดรถและกล่าวกับหล่อนด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ถนนเส้นนี้ค่อนข้างแคบ และแท็กซี่จะไม่มาที่นี่หรอกครับ เดินไปข้างหน้าสักหน่อยก็จะถึงป้ายรถโดยสารแล้ว”
“แล้วมีรถโดยสารไปถนนไป่อวิ๋นไหม?” เซี่ยอวี่เงยหน้าถามเขา
“ไม่มีครับ”
ได้ยินว่าหล่อนกำลังจะไปทางเดียวกับเขา เย่ไป๋จึงถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ “คุณจะไปไหนเหรอครับ?”
เซี่ยอวี่ยืนริมถนนตอบกลับว่า “ไปพบแพทย์แผนจีนที่จะรักษาลูกชายของเซี่ยหลานน่ะ”
“ผมก็จะไปพบแพทย์แผนจีนเย่เหมือนกันเพื่อเตรียมการรักษาให้เสิ่นอวี้หลงล่วงหน้า ถ้าคุณไม่รังเกียจก็ซ้อนมอเตอร์ไซค์ของผมได้นะครับ”
เซี่ยอวี่ปฏิเสธอย่างสุภาพ และแสดงท่าทีห่างเหิน “ไม่ล่ะ ขอบคุณ”
ท่าทางของหล่อนแตกต่างจากคราวที่อยู่ในห้องทำงานแพทย์โดยสมบูรณ์
“อย่างนั้นคุณก็รอรถโดยสารก็ได้ครับ”
“เดี๋ยว”
เซี่ยอวี่เหลือบมองถนนที่ว่างเปล่า เวลานี้หล่อนเปลี่ยนใจพร้อมก้าวขาอย่างรวดเร็ว ขายาวคร่อมมอเตอร์ไซค์อย่างสบาย ๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ขอบคุณ เราไปกันเถอะ”
ใบหน้าอ่อนโยนของเย่ไป๋มีรอยยิ้มอีกครั้ง เขามอบหมวกกันน็อคที่มีเพียงใบเดียวให้กับหล่อน
ด้วยมีสาวสวยซ้อนอยู่ด้านหลัง เย่ไป๋ขับรถมอเตอร์ไซค์ช้ามาก เพราะกลัวว่าถ้าหากล้มไปเขาจะสร้างปัญหาใหญ่ให้กับอีกฝ่าย
สุดสัปดาห์นี้ เฉินเจียเหอได้หยุดพักผ่อน เขาและหลินเซี่ย พร้อมกับเซี่ยไห่และเซี่ยเหลยมาพบแพทย์แผนจีนเย่เพื่อหาแนวทางการรักษา
เซี่ยไห่มาที่บ้านของหมอเป็นครั้งแรก และเขากังวลว่าหมอจะไม่ยอมรับคนไข้ เขาจึงเตรียมของขวัญติดมือมาด้วยมากมาย เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคุณภาพสูงหลายกล่องที่ซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
รถเก๋งซานตานาหยุดอยู่ที่ประตูบ้านหลังหนึ่งที่ดูยิ่งใหญ่
แพทย์แผนจีนสกุลเย่เพิ่งรักษาคนไข้รายหนึ่งเสร็จแล้ว ทันทีที่เห็นเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าสง่างาม ทั้งหมดถือเป็นคนแปลกหน้าทั้งสิ้น เพราะเวลานี้เขากำลังนัดฝังเข็มเฉินเจียวั่งในช่วงสุดสัปดาห์เท่านั้น เขาหันไปหาเฉินเจียเหอว่า “เจียวั่งอยู่ไหน?”
“ผู้เฒ่าเย่ เจียวั่งจะตามมาทีหลังครับ”
เฉินเจียเหอให้เซี่ยไห่และคนอื่น ๆ รอก่อนสักครู่ จากนั้นเขาก็เดินเข้าหาแพทย์แผนจีนเย่แล้วกล่าวแนะนำ “คนที่ขาไม่ดีคือสหายเซี่ยเหลย เขาเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่เพิ่งผ่านพ้นความตายจากสนามรบกลับมา และสูญเสียความทรงจำทั้งหมดไป ที่ผมบอกคุณหมอก่อนหน้านี้ไว้ว่าจะพาเขามารักษาที่นี่น่ะครับ”
ได้ยินเฉินเจียเหอพูดอย่างนั้นแล้ว ผู้เฒ่าเย่จ้องมองเซี่ยเหลยที่ยืนอยู่ไม่ไกลก่อนจะพูดว่า “บิดาผู้ให้กำเนิดหลินเซี่ยเหรอ?”
“ผู้เฒ่าเย่ เพราะเขาจำอะไรไม่ได้เลย เราก็เลยยังไม่ได้บอกถึงความสัมพันธ์ของเขากับเซี่ยเซี่ย ตอนนี้เราอย่าเพิ่งพูดเรื่องนั้นเลยดีกว่าครับ ตอนนี้พวกเราอยากให้เขารักษาอาการความจำเสื่อมให้หายก่อนน่ะครับ”
“อืม”
เรื่องราวของเซี่ยเหลย หมอเย่เคยได้ยินหลินต้าฝูกล่าวเอาไว้เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว
เขาไม่คิดเลยว่าวีรบุรุษที่เสียชีวิตในสนามรบเพื่อปกป้องประเทศและครอบครัวที่หลินต้าฝูเคยบอกกล่าวยังมีชีวิตอยู่มาถึงทุกวันนี้
อีกอย่างทั้งหมดยังเดินทางมาจากเมืองฮ่องกงเพื่อรับการรักษากับเขาด้วย
เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว เพื่อที่จะช่วยเหลือภรรยาของเซี่ยเหลย หลินต้าฝูอุ้มของสาวของเขาไว้บนหลังเพื่อเข้ารับการรักษา
แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่เขาทิ้งเอาไว้เบื้องหลังกลับกลายเป็นของคนอื่นไปเสียแล้ว
โชคชะตามักจะเล่นตลกกับผู้คนเสมอ
ผู้เฒ่าเย่มองหลินเซี่ยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เซี่ยเหลย ใบหน้าเหี่ยวย่นของเขาเริ่มผ่อนคลายลงมาก
หลิวกุ้ยอิงก็ยังคงฟังคำแนะนำของเขา
หลินเซี่ยยอมกลับมาพบเจอกับญาติของเธออีกครั้ง
หลินต้าฝูเป็นชาวชนบทใจดี เขาคงจะยินดีแล้วถ้าหากเห็นฉากตรงหน้านี้จากบนท้องฟ้า
เฉินเจียเหอเดินเข้าไปพูดคุยกับเซี่ยเหลยและคนอื่น ๆ “ผู้เฒ่าเย่ยินดีที่จะให้ทุกคนเข้าไปข้างในแล้ว”
ผู้เฒ่าเย่นั่งอยู่ที่โต๊ะตรวจ เขามองชายที่เดินกะเผลกเข้ามาหาด้วยความตกตะลึง
“นั่งลงก่อนสิ”
ผู้เฒ่าเย่พูดกับเขาว่า “เหยียดมือออกมาก่อน ฉันขอจับชีพจรสักหน่อย”
หลังจากซักถามมากมาย นางเซี่ยเอ่ยปากด้วยความกระตือรือร้น
“ผู้เฒ่าเย่คะ เป็นยังไงบ้างคะ?”
“เขาเคยได้รับการผ่าตัดที่ศีรษะไหม?” ผู้เฒ่าเย่ถาม
“ไม่เคยค่ะ”
นางเซี่ยอธิบายว่า “หมอบอกว่าเขาจะมีอาการปวดศีรษะอยู่ และการผ่าตัดเปิดกะโหลกมันเสี่ยงเกินไปค่ะ อยากจะปล่อยให้อาการทุกอย่างค่อย ๆ ดีขึ้นเอง เขาเพิ่งจะตื่นขึ้นมาหลังจากหมดสติอยู่ในโรงพยาบาลมานาน”
ผู้เฒ่าเย่ถามอีกครั้ง “คุณจำเหตุการณ์ช่วงหลายปีที่ผ่านมาไม่ได้เลยเหรอ?”
เซี่ยเหลยตอบว่า “มันเป็นภาพที่เลือนลางมากครับ”
“ขอฉันดูขาของคุณหน่อย”
เซี่ยเหลยพับขากางเกงขึ้น รอยแผลเป็นที่ขาของเขาทำให้ผู้เฒ่าเย่ถึงกับตื่นตระหนก
ผู้เฒ่าเย่เอ่ยปากถาม “มีเหล็กดามไว้ไหม?”
“ครับ ทั้งสองข้าง”
แม้ผู้เฒ่าเย่จะเคยพบเจอคนไข้มามากมายนับไม่ถ้วน แต่เมื่อเห็นภาพตรงหน้าเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาว
ผู้เฒ่าเย่เอ่ยปากขึ้นด้วยความจริงใจ “ถ้าคุณเชื่อใจฉัน ฉันจะฝังเข็มให้ แต่สุดท้ายแล้วฉันก็ไม่รับประกันว่าจะฟื้นคืนความทรงจำได้สมบูรณ์ อีกอย่างสภาพแวดล้อมก็จำเป็นจะต้องสนับสนุนคุณด้วย คุณต้องอยู่กับผู้คนในอดีตให้มากขึ้น สมาชิกในครอบครัวควรจะพาสหายเซี่ยเหลยไปยังสถานที่ที่เขาคุ้นเคยในอดีต และสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในชีวิตของเขาเพื่อร่วมกันระลึกถึง แบบนี้จึงจะได้ผลดีที่สุด”
หมอเย่คนนี้ไม่ได้หลอกลวง เขาพูดทุกอย่างด้วยความจริงใจ นางเซี่ยดีใจมากก่อนจะกล่าวขอบคุณหลายครั้ง “ผู้เฒ่าเย่ ขอบคุณ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมาก ๆ เพราะคุณพวกเราถึงมีความหวังอีกครั้ง”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่สาว ผมยินดี”
ผู้เฒ่าเย่หันมองเซี่ยเหลยก่อนจะถามต่อด้วยรอยยิ้ม “คุณสระผมหรือยัง? ถ้าทำความสะอาดมาแล้วก็สามารถฝังเข็มตอนนี้ได้เลย”
เซี่ยเหลยตอบกลับ “ผมสระเมื่อเช้านี้แล้วครับ”
“พวกคุณรอด้านนอก ฉันจะพาเขาเข้าห้องรักษา”
ผู้เฒ่าเย่หันไปบอกเฉินเจียเหอ “ถ้ามีคนไข้มาที่นี่บอกให้เขารอด้านนอก และห้ามใครเข้ารบกวนฉันเด็ดขาด”
“ครับ”
เฉินเจียเหอยกเก้าอี้ออกมาให้นางเซี่ย และทุกคนนั่งรออยู่ในลาน
นางเซี่ยเหลือบมองนาฬิกาก่อนจะเอ่ยปากถามเซี่ยไห่ด้วยความกังวล “ลูกบอกพี่สาวหรือยังว่าพวกเราอยู่ที่นี่? เธอหลงทางไหม? รีบโทรหาเธอเร็วเข้าจะได้รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน? หรือควรจะไปรับเธอเพราะถูกแฟนคลับรายล้อมจนไม่สามารถออกมาได้ดี?”
เซี่ยไห่ได้ยินแล้วอดไม่ได้ที่จะเม้มปาก “แม่คงจะคิดว่าชื่อเสียงของลูกสาวสูงเกินไปแล้ว ในเมืองไห่เฉิงนี้ไม่มีใครรู้จักเธอหรอกละมั้งเนี้ย”
“แม่บอกให้โทรถามว่าเธออยู่ที่ไหนไง”
“แหมม” เซี่ยไห่อุทานออกมา แต่ไม่มีใครสนใจเขา
“ผมจะไปดูเองครับ”
ขณะที่เขากำลังเดินไปที่ประตู มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งกำลังขับเข้ามาจากระยะไกล
เซี่ยไห่จดจำได้ว่าเจ้าของมอเตอร์ไซค์คันนั้นคือเย่ไป๋
เขาเพิ่งเจอกับอีกฝ่าย และเห็นมอเตอร์ไซค์ของอีกฝ่ายเมื่อสองวันก่อน
ดูเหมือนจะมีคนซ้อนท้ายมาด้วย อีกฝ่ายสวมหมวกกันน็อคและใส่ชุดสีดำ ไม่แน่ชัดว่าชายหรือหญิง
เย่ไป๋เห็นเซี่ยไห่แล้วจึงหยุดรถ
เซี่ยไห่โบกมือ “หมอเย่”
“เถ้าแก่เซี่ย มาทำอะไรที่นี่ครับ?”
“พี่ใหญ่ของฉันมาหาหมอน่ะ” เซี่ยไห่รีบถาม “ตอนขับรถเข้ามา คุณเห็นผู้หญิงแต่งตัวดีเดินอยู่ในซอยนี้ไหม? เธอสวมต่างหูใหญ่ ๆ และมีแว่นกันแดดด้วย หน้าตาสวย ๆ หน่อย”
เย่ไป๋นั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์ก่อนจะส่ายศีรษะตอบ “ไม่ครับ”
“ผู้หญิงนั่นหลงทางจริง ๆ เหรอเนี่ย?”
เซี่ยไห่บ่นพึมพำพร้อมกับกดโทรศัพท์มือถือ
เวลานี้เสียงกริ่งของโทรศัพท์มือถือดังขึ้นด้านหลังของเย่ไป๋
เซี่ยอวี่ถอดหมวกกันน็อคออกช้า ๆ
“นี่ตาบอดหรือไง?”
เซี่ยไห่ได้ยินเสียงคุ้นเคยก่อนจะเงยหน้ามองผู้หญิงที่กำลังก้าวขาลงจากรถมอเตอร์ไซค์ด้วยสีหน้าตกตะลึง “พี่… ทำอะไรน่ะ?”
เมื่อเช้าไม่ได้ใส่ชุดสีขาวออกไปงั้นเหรอ?
แล้วทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นสีดำล้วนแล้วล่ะ?
เสื้อผ้าพวกนี้ไม่ต่างจากเสื้อผ้าของพนักงานธนาคารเลย
“แม่กับพี่ใหญ่อยู่ไหน?” เซี่ยอวี่หันมองเซี่ยไห่แล้วถามออกมาอย่างสบาย ๆ ส่วนมือก็ยื่นหมวกกันน็อคคืนให้เย่ไปโดยไม่คิดจะชายตามองเขาแม้แต่น้อย
ราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงคนรับใช้ตัวน้อย
นอกจากนี้การเคลื่อนไหวของเธอยังเป็นธรรมชาติ ดูเหมือนว่าเธอจะคุ้นเคยกับการปฏิบัติแบบนี้
เซี่ยไห่พูดต่อว่า “ผู้เฒ่าเย่กำลังรักษาพี่ใหญ่ เขาไม่ให้ใครรบกวน และพวกเรารออยู่ด้านนอกน่ะ”
“อืม” เซี่ยอวี่เดินเข้าไปในลานบ้านของผู้เฒ่าเย่
เย่ไป๋เข็นมอเตอร์ไซค์ไปที่ประตูก่อนจะล็อคมันไว้
เซี่ยไห่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เขารอเย่ไป๋จัดการกับรถมอเตอร์ไซค์ให้เรียบร้อยก่อนจะถามด้วยความสงสัย “หมอเย่ นี่มันเรื่องอะไรกัน? ไปรับพี่สาวของฉันมาจากที่ไหนน่ะ?”