ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 330 เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงร่วมหุ้นเปิดร้านอาหาร
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80
- ตอนที่ 330 เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงร่วมหุ้นเปิดร้านอาหาร
ตอนที่ 330 เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงร่วมหุ้นเปิดร้านอาหาร
ตอนที่ 330 เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงร่วมหุ้นเปิดร้านอาหาร
เมื่อได้ยินหลินจินซานพูดว่ามีคนตามจีบหลิวกุ้ยอิง เซี่ยอวี่ก็ตกใจและรีบถามขึ้นว่า “เดี๋ยวนะจินซาน เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ? มีคนมาตามจีบแม่นายด้วยเหรอ?”
“ใช่ครับ” หลินจินซานตอบด้วยความมั่นใจ “จะเป็นใครไปได้นอกจากรองผู้อำนวยการเจียงแห่งโรงงานเครื่องจักร เขาตามจีบแม่มาพักใหญ่แล้ว ดูค่อนข้างจริงใจเลยครับ มาอุดหนุนเหลียงเฝิ่นที่ร้านทุกวัน แต่แม่ของเราไม่เล่นด้วย”
ขณะเดียวกัน หลังจากที่หลินจินซานพูดถึงเรื่องนี้ เขาแอบคิดว่าถ้าแม่เต็มใจพัฒนาความสัมพันธ์กับรองผู้อำนวยการเจียง ตัวเขาก็แอบเห็นด้วยอยู่หรอก
บางทีเขาอาจจะมีโอกาสได้ย้ายไปทำงานที่โรงงานเครื่องจักรก็ได้
ถึงอย่างนั้น สถานการณ์ตอนนี้ก็ค่อนข้างไปได้ดีเหมือนกัน
หลินเซี่ยพูดถูก แม่ของเขาอายุแค่สี่สิบต้น ๆ เท่านั้น ยังมีเส้นทางชีวิตอีกยาวไกล เขาไม่อาจปล่อยให้หล่อนอยู่ตามลำพังได้
ถ้าหลิวกุ้ยอิงต้องการหาคู่ครองในภายหน้า หลินจินซานก็หวังว่าคนคนนั้นควรจะเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดของหลินเซี่ย
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง หลินเซี่ยก็จะได้กลับมาอยู่กับพ่อแม่อย่างพร้อมหน้า
แต่ถ้าผู้เป็นแม่แต่งงานกับรองผู้อำนวยการโรงงานเจียง พวกเขาจะอยู่ในสถานะพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงทั้งคู่
เมื่อมองความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว มันเปราะบางเกินไป คงไม่สามารถทนต่อพายุฝนได้แม้แต่น้อย
สิ่งสำคัญที่สุดคือหลินจินซานไม่อยากเป็นพี่ชายของเจียงอวี่เฟย
แม้โดยส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะไม่มีความสัมพันธ์อื่นที่เกี่ยวข้องกันก็ตาม
หลังจากเซี่ยอวี่ได้ยินว่ามีคนตามจีบหลิวกุ้ยอิง หล่อนจึงเป็นกังวลเรื่องพี่ใหญ่ขึ้นมาทันที เนื่องจากหลิวกุ้ยอิงเป็นพี่สะใภ้ของหล่อน จึงไม่ควรมีใครมาตามจีบอีก
“พี่อิงจื่อทั้งสวยและเป็นคนดีมาก ไม่แปลกถ้าจะถูกใครสักคนตามจีบ ตอนนี้หล่อนปฏิเสธรองผู้อำนวยการโรงงานเจียงไปแล้ว คาดว่าอีกไม่นานรองผู้อำนวยการหลี่หรือไม่ก็รองผู้อำนวยการหวังคงโผล่หัวตาม ๆ กันมาแน่”
น้ำเสียงของเซี่ยอวี่ดูจริงจังมาก พลางสังเกตเห็นการแสดงออกของเซี่ยเหลยอย่างสงบ ขณะที่กำลังพูดต่อไป “เอาจริง ๆ ฉันก็อยากจะแนะนำใครสักคนให้พี่อิงจื่อรู้จักเหมือนกันนะ”
ระหว่างเซี่ยเหลยคุยกับฟางจิ้นเป่าอยู่นั้น เมื่อได้ยินว่าหล่อนอยากแนะนำใครบางคนให้หลิวกุ้ยอิงรู้จัก ความรู้สึกแปลก ๆ ก็ผุดขึ้นในใจของเขา
ภายในใจเขานึกไปถึงวันที่เซี่ยไห่เล่าให้ฟังว่าหลิวกุ้ยอิงแต่งงานกับสหายหลินต้าฝูตอนที่หล่อนกำลังตั้งท้องหลินเซี่ย
ถ้าอย่างนั้นพ่อของหลินเซี่ยคือใคร และทำไมเธอถึงคล้ายกับเซี่ยอวี่มาก?
ทันทีที่เขามาถึงไห่เฉิง ทำไมแม่และเซี่ยไห่ถึงพยายามคะยั้นคะยอจะให้เขาไปเจอหลิวกุ้ยอิงให้ได้?
แต่สุดท้ายเขากลับจำอะไรไม่ได้เลย และพวกเขาก็ไม่ยอมพูดอะไรเลยด้วย
แม้เขาจะมีความสงสัยและพยายามคาดเดาอยู่ในใจ แต่ก็ไม่สามารถถามพวกเขาตรง ๆ ออกไปว่ามีอะไรปิดบังอยู่หรือเปล่า
ตอนนี้เขาแค่หวังว่าหมอเย่จะช่วยรักษาจนฟื้นความทรงจำกลับมา จนสามารถจดจำตัวตนก่อนหน้านี้ของเขาได้
เซี่ยเหลยต้องการค้นหาความจริงด้วยตัวเอง
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขาก็หยุดกินและมองไปที่หลินเซี่ย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงบ “เซี่ยเซี่ย ช่วยไปคุยกับแม่เธอเรื่องเปิดร้านอาหารให้เร็วที่สุดทีนะ พรุ่งนี้ฉันต้องการพบกับหล่อนเพื่อหารือเรื่องนี้”
หลินเซี่ยคาดไม่ถึงว่าเซี่ยเหลยจะกระตือรือร้นในการให้ความร่วมมือกับหลิวกุ้ยอิง จึงรีบตอบกลับว่า “ได้เลยค่ะ ได้เลย ไว้ฉันจะกลับไปบอกแม่เรื่องนี้หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จนะคะ”
เซี่ยเหลยพยักหน้า “อืม ขอบใจมาก”
หลังจากกินข้าวกันเสร็จแล้ว ทุกคนต่างแยกย้าย เซี่ยไห่ส่งพี่ใหญ่และพี่สาวของเขากลับบ้าน
ส่วนหลินจินซานกับลู่เจิ้งอวี่พากันกลับห้องเต้นรำเพื่อทำงานต่อ
เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยพาหู่จือไปบ้านของหลิวกุ้ยอิง
อันที่จริงหลิวกุ้ยอิงรู้สึกไม่สบายใจมากในช่วงสองวันที่ผ่านมา เมื่อหลินเยี่ยนกลับมาจากเลิกงาน และบอกว่าเซี่ยไห่กำลังดูเรื่องร้านค้าให้อยู่ อารมณ์ของหล่อนก็เกิดซับซ้อนขึ้น
ลึก ๆ แล้วหล่อนแอบมีความหวัง แต่อีกใจก็นึกละอายเช่นกัน
หล่อนต้องการช่วยเซี่ยเหลยฟื้นความทรงจำ เพราะอยากให้เขาจำหล่อนได้ อยากให้เซี่ยเหลยรู้ว่ามันยากแค่ไหนสำหรับหล่อนที่ต้องเลี้ยงลูกตัวคนเดียว
หล่อนอยากให้เขาจดจำช่วงวันเวลาดี ๆ ที่ทั้งสองเคยมีร่วมกันมา
นั่นเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตหล่อนแล้ว
หู่จือผลักประตูที่ลานหน้าบ้านออก วิ่งกระโดดเข้ามาในบ้านแล้วตะโกนว่า “คุณยาย พวกเรามาแล้วครับ”
หลิวกุ้ยอิงเดินออกมาจากห้องครัวหลังได้ยินเสียง มองพวกเขาพลางเผยรอยยิ้มอันอบอุ่นทักทายว่า “มาตรงนี้สิหู่จือ”
“แม่กินข้าวหรือยังคะ?” หลินเซี่ยถาม
หลิวกุ้ยอิงตอบว่า “แม่กับเสี่ยวเยี่ยนกินกันแล้ว ลูกบอกว่าเพิ่งไปร้านอาหารกันมาเหรอ กินอิ่มไหม? หรืออยากให้แม่ทำอะไรเพิ่ม?”
“เราอิ่มแล้วค่ะแม่ พักบ้างก็ได้”
“อืม งั้นเข้ามานั่งด้านในกันก่อน ไม่นานแม่ก็ล้างหม้อเสร็จแล้ว”
หลิวกุ้ยอิงดูเหมือนจะมีลางสังหรณ์ถึงสิ่งที่หลินเซี่ยและเฉินเจียเหอกำลังจะพูดเมื่อมาถึง หล่อนจึงรีบล้างหม้อ ถอดผ้ากันเปื้อน และรีบมาที่ห้องรับแขก
หลินเยี่ยนเห็นพวกเขามาถึง จึงไปเอาผลไม้มาให้หู่จือ
เมื่อหลิวกุ้ยอิงเข้ามาและนั่งลง หลินเซี่ยมุ่งไปที่หัวข้อและพูดเรื่องธุรกิจทันที “แม่คะ ตามที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าเซี่ยไห่กับฉันเช่าร้านต่อจากถังหลิง และวางแผนจะเปิดร้านอาหารตรงนั้นแทน”
หลิวกุ้ยอิงพยักหน้า “อืม แม่รู้แล้ว”
เฉินเจียเหอพูดเสริมจากคำพูดของหลินเซี่ย “วันนี้พ่อตาของผมมาดูสภาพร้าน เขาคิดว่ามันดีมากและตัดสินใจเปิดร้านอาหาร ระหว่างที่เรากินมื้อเย็นกัน เขาเสนอเป็นหุ้นส่วนกับแม่เพื่อทำร้านด้วยกันครับ”
“เขาพูดอย่างนั้นเหรอ?” จู่ ๆ ดวงตาของหลิวกุ้ยอิงก็พลันสว่างขึ้น และดูประหลาดใจมาก
หลินเซี่ยตอบว่า “ใช่ค่ะแม่ พ่อเป็นคนเปิดประเด็นก่อนเลย เขาบอกว่าเขาอยากเจอแม่วันพรุ่งนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับธุรกิจ”
หลังจากหลิวกุ้ยอิงได้ยินสิ่งที่หลินเซี่ยและเฉินเจียเหอพูด มันคงเป็นเรื่องโกหกถ้าในใจหล่อนจะไม่รู้สึกอะไรเลย
ครั้งสุดท้ายที่หล่อนพบกับเซี่ยเหลย เขาเหมือนกลายเป็นคนแปลกหน้าไปอย่างสิ้นเชิง พูดตามตรงว่าหล่อนทั้งผิดหวังและเสียใจมาก
หลินเซี่ยขอให้หล่อนช่วยเซี่ยเหลยฟื้นความทรงจำ ซึ่งหล่อนเองก็ต้องการทำอย่างนั้น แต่ขลาดกลัวเกินกว่าจะเริ่มก่อน
ในเมื่อเซี่ยเหลยเป็นคนเสนอร่วมหุ้นส่วนแบบนี้ หล่อนก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
“แม่คะ ไว้พรุ่งนี้เราค่อยนัดเจอกันนะ พ่อเป็นคนใจกว้างและมีหลักการมากพอ ถึงจะยังจำแม่ไม่ได้ แต่พ่อไม่มีวันทำให้แม่ลำบากใจแน่นอน แม่ก็แค่พูดคุยเรื่องธุรกิจกับเขาตามปกติ รวมถึงเรื่องทักษะการทำอาหาร เรื่องรสมือแม่ไม่เป็นรองใครเลย แม่ก็เอาเรื่องนี้มาหารือสิ่งที่จะทำขายก็ได้“
หลินเซี่ยกลัวว่าหลิวกุ้ยอิงจะเอาแต่ห่วงหน้าพะวงหลัง เธอจึงพูดต่อว่า “พี่ชายเองก็สนับสนุนเรื่องนี้อย่างเต็มที่ วันนี้เขาก็เพิ่งไปกินมื้อเย็นร่วมกับพ่อมา แม่ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ”
พูดจบแล้ว เธอมองไปทางหลินเยี่ยนด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเยี่ยนเองก็คงไม่มีอะไรคัดค้านใช่ไหม?”
ตั้งแต่หลินเยี่ยนเรียนแต่งหน้า หล่อนก็มีทิศทางอาชีพสำหรับตัวเองในภายภาคหน้าแล้ว จึงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ฉันไม่คัดค้านหรอก ฉันเคารพการตัดสินใจของแม่”
เพื่อเห็นแก่คำพูดของลูกสาว ถ้าหลิวกุ้ยอิงยังคงดิ้นรนไม่ยอมต่อไปคงเป็นการเสแสร้ง
หล่อนตอบกลับว่า “ได้ งั้นฝากลูกช่วยจัดการต่อทีนะ”
หลินเซี่ยและเฉินเจียเหอร่วมมือกันได้ดีมาก หลังออกจากบ้านหลิวกุ้ยอิง เธอก็โทรหาเซี่ยเหลย เพื่อบอกเขาว่าหลิวกุ้ยอิงจะนัดคุยกับเขาที่ร้านตอนเช้าของวันพรุ่งนี้
หลังจากโทรหาเซี่ยไห่แล้ว หลินเซี่ยก็เตือนเฉินเจียเหอ
“คุณอย่าลืมโทรกลับไปที่บ้านเกิดด้วย จะได้ถามคุณน้าว่าไปดูสถานการณ์ที่บ้านของเอ้อร์เลิ่งแล้วหรือยัง”
บ่ายวันนี้หลินเซี่ยเอาแต่ครุ่นคิดกังวลถึงความปลอดภัยของเด็กผู้หญิงที่ถูกค้ามนุษย์ในบ้านของเอ้อร์เลิ่ง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เหลือแค่มาพูดคุยกันแล้ว หวังว่าการเจรจาธุรกิจด้วยกันจะทำให้ความสัมพันธ์คืบหน้าขึ้นมาบ้างนะคะ
ทางฝั่งบ้านเอ้อร์เลิ่งเป็นยังไงบ้างนะ น่าเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นจัง
ไหหม่า(海馬)