ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 344 คุณอยากทำลายชีวิตฉันใช่ไหม
ตอนที่ 344 คุณอยากทำลายชีวิตฉันใช่ไหม
ตอนที่ 344 คุณอยากทำลายชีวิตฉันใช่ไหม
เมื่อแม่ของหลิวจื้อหมิงกล่าวคำพูดนี้ เสิ่นเถี่ยจวินก็ชะงักเล็กน้อย ก่อนออกอาการเดือดดาลทันที “คุณพูดว่าไงนะ?”
“ใครท้อง?” เขาคว้าคอเสื้อของหลิวจื้อหมิงขณะขบกรามแน่นและเค้นถาม “เธอพูดมา ใครท้อง?”
ปฏิกิริยาอันรุนแรงของเสิ่นเถี่ยจวินทำให้หลิวจื้อหมิงตื่นตระหนกจนกายสั่นสะท้าน เอ่ยอธิบายด้วยเสียงสั่นเครือ “วันนี้ผมพาอวี้อิ๋งไปตรวจที่โรงพยาบาลครับ หล่อนท้องได้สามเดือนแล้ว…….”
เสิ่นเถี่ยจวินได้ยินเช่นนั้นก็ต่อยใบหน้าของหลิวจื้อหมิงอย่างแรง “สารเลว! ไหนแกพูดอีกทีซิ!”
หลิวจื้อหมิงคุกเข่าลงกับพื้นจนเกิดเสียงดังลั่นและเอ่ยยอมรับผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า “คุณอาเสิ่น ขอโทษครับ ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วจริงๆ แต่ผมชอบอวี้อิ๋งอย่างจริงใจ ผมอยากแต่งงานกับหล่อน ผมอยากอยู่กับหล่อนไปตลอดชีวิต คุณอาเสิ่น ได้โปรดยอมรับพวกเราและอนุญาตให้ผมกับอวี้อิ๋งแต่งงานกันเถอะนะครับ”
เสิ่นเถี่ยจวินยกเท้าขึ้นถีบอกของหลิวจื้อหมิงจนเขาล้มกลิ้งลงบนพื้น “ลูกสาวของฉันยังเรียนอยู่ จะแต่งงานได้ยังไง? หล่อนถูกไอ้สารเลวอย่างแกหลอกลวงใช่ไหม? แกกับหล่อนรู้จักกันนานแค่ไหน? ถึงได้กล้าทำเรื่องไร้ยางอายแบบนี้กับหล่อน ฉันมองแกผิดไปจริงๆ ก่อนหน้านี้แกคอยวนเวียนอยู่กับหลินเซี่ย แต่พออวี้อิ๋งกลับมาแกก็ไปยุ่งวุ่นวายกับหล่อน ตอนนั้นฉันจะน่ามองออกว่าแกไม่ใช่คนดีอะไร”
เสิ่นเถี่ยจวินปล่อยหมัดออกไปอีกครั้ง “แกเข้าหาพวกหล่อนเพราะจุดประสงค์อะไร คิดว่าฉันไม่รู้เหรอ?”
หลิวจื้อหมิงรีบอธิบาย “คุณอาเสิ่น ก่อนหน้านี้ที่ผมไปป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวหลินเซี่ยเพราะเห็นว่าหล่อนเป็นน้องสาว ผมคอยดูแลหล่อนเพราะเห็นแก่หน้าคุณ แต่อวี้อิ๋งนั้นไม่เหมือนกัน หลังจากผมได้พบกับอวี้อิ๋ง ความรู้สึกนั้นคือความรักใคร่ชอบพอระหว่างชายหญิง หล่อนเองก็ชอบผม พวกเรารักกันด้วยใจจริงครับ”
“คุณอาเสิ่น ผมได้รับการฝึกฝนอบรมจากคุณ คุณไม่เพียงแต่จะเป็นหัวหน้าของผม เมื่อสักครู่นี้แม่ของผมก็พูดไปแล้ว ภายในหัวใจของผม คุณเป็นเหมือนกับพ่อของผม ภายในโรงงานเครื่องจักรผมจงรักภักดีต่อคุณมากที่สุด เรื่องอาหารเป็นพิษครั้งนี้คุณก็เห็นอยู่ว่าผมแสดงออกอย่างไร? ผมสัญญาว่าหลังจากนี้ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ผมจะรุดหน้าไปอยู่ข้างหน้าคุณและปกป้องคุณ ผมเองก็รักอวี้อิ๋งด้วยใจจริง คุณยินยอมให้ผมแต่งงานกับอวี้อิ๋งได้ไหม?”
หลิวจื้อหมิงคุกเข่าลงกับพื้น แสดงความจงรักภักดีด้วยใจจริง ในที่สุดสีหน้าเขียวคล้ำของเสิ่นเถี่ยจวินก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
หลิวจื้อหมิงเป็นผู้ช่วยชีวิตเขาในคดีอาหารเป็นพิษจริงๆ
หากเขาเอ่ยถึงตนเอง เช่นนั้นตอนนี้คนที่ถูกพักงานคงไม่ได้มีเพียงแค่หลิวจื้อหมิง
ชายหนุ่มคนนี้ถือได้ว่าซื่อสัตย์และภักดี
แม่ของหลิวจื้อหมิงมองลูกชายตนเองกำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างรู้สึกปวดใจยิ่ง และรีบไปดึงเขาให้ลุกขึ้น
หลิวจื้อหมิงกลับไม่ยอมลุกขึ้น ยังนั่งคุกเข่าร้องขออยู่บนพื้นด้วยความจริงใจ
“沈叔,对不起,我错了,您别生气,我跟玉莹两情相悦,迟早是要结婚的,现在只是将婚期提前了而已,这或许也是我们大家之间的缘分,上天让我们提前成为一家人。
“คุณอาเสิ่น ขอโทษครับ ผมผิดไปแล้ว คุณอย่าโกรธเลย ผมกับอวี้อิ๋งรักกัน ไม่ช้าก็เร็วอย่างไรก็ต้องแต่งงานกัน เหลือแค่เลื่อนวันแต่งงานให้เร็วขึ้นเท่านั้น บางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตาของพวกเราทุกคน สวรรค์ต้องการให้พวกเราเป็นทองแผ่นเดียวกันเร็วขึ้น
ภายในตระกูลก็จะได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ คุณปู่เสิ่นอายุมากแล้ว ถ้ามีหลานชายสักคนจะต้องดีใจมากอย่างแน่นอน ช่วงนี้พวกเราพบเจอเรื่องมากมาย การมาของเด็กน้อยถือเป็นความหวังใหม่ นี่คือของขวัญที่สวรรค์มอบให้แก่พวกเรา”
หลิวจื้อหมิงมีพรสวรรค์ด้านการพูด เหตุการณ์น่าอับอายที่พวกเขาตั้งครรภ์ก่อนแต่งได้ถูกอธิบายให้กลายเป็นเรื่องประหลาดใจที่พระเจ้ามอบให้
สีหน้าของเสิ่นเถี่ยจวินอ่อนโยนลงเล็กน้อยเพราะคำพูดของเขา
เขากล่าว
“พวกคุณกลับไปก่อนเถอะ”
“คุณอาเสิ่นครับ…….”
เสิ่นเถี่ยจวินเห็นว่าพวกเขาไม่ยอมไป จึงแผดเสียงดังก้องด้วยสีหน้ามืดมน “นายคิดว่านายเป็นใคร? บอกว่าจะแต่งงานกับลูกสาวของฉันแล้วก็จะแต่งได้เลยเหรอ? นายคิดว่าฉันจะปิดบังคนภายในตระกูลได้เหรอ? ไม่จำเป็นต้องถามความเห็นคนอื่นเหรอ?”
หลิวจื้อหมิงได้ยินว่าเสิ่นเถี่ยจวินต้องปรึกษาหารือกับคนภายในตระกูลก่อนจากนั้นค่อยตัดสินใจ เขารีบเอ่ยตอบ “คุณอาเสิ่น ผมเข้าใจความหมายของคุณแล้วครับ”
แม่ของหลิวจื้อหมิงกลัวว่าเสิ่นเถี่ยจวินจะฟังคำพูดของเสิ่นอวี้อิ๋งและให้หล่อนไปทำแท้ง ก่อนออกไปก็เอ่ยเตือนอย่างกล้าหาญ “ผู้อำนวยการเสิ่น เด็กคนนั้นอายุมากกว่าสามเดือนแล้ว อวี้อิ๋งอาจยอมรับความจริงนี้ไม่ได้สักระยะหนึ่งและต้องการทำแท้ง แต่การทำแท้งจะเป็นการทำร้ายร่างกายของอวี้อิ๋งเป็นอย่างมาก พวกเราในฐานะผู้อาวุโสจะต้องรับผิดชอบต่อเหล่าเด็กๆ ไม่สามารถปล่อยให้เสิ่นอวี้อิ๋งทำร้ายร่างกายตนเองและทำร้ายเด็กได้ตามอำเภอใจ ถึงอย่างไรก็นั่นก็คือชีวิตหนึ่ง”
“พวกคุณกลับไปก่อน!” เสิ่นเถี่ยจวินขับไล่พวกเขาด้วยสีหน้ามืดมน
“อือ ตกลง คุณอย่าโมโหเลย พวกเราจะออกไปเดี๋ยวนี้”
สองแม่ลูกรีบออกไป
ผนังตึกอาคารพักอาศัยที่พวกเขาอาศัยอยู่เก็บเสียงไม่ค่อยดีนัก หากเพื่อนบ้านทำอะไรเสียงดัง ชั้นด้านบนและชั้นด้านล่างก็จะได้ยินเสียง
เสิ่นเถี่ยจวินอาศัยอยู่ชั้นกลางพอดี ทำให้เพื่อนบ้านต่างก็ได้ยินเสียงตะโกนและเสียงชกต่อยหลิวจื้อหมิงเมื่อสักครู่นี้หมดแล้ว และทุกบ้านก็โผล่ศีรษะออกมาบริเวณหน้าต่างหรือไม่ก็ประตู
เมื่อเห็นว่าหลิวจื้อหมิงและแม่ของเขาออกมาจากบ้านของเสิ่นเถี่ยจวิน ภรรยาของหัวหน้าหวังที่อยู่บ้านถัดไปพลันรีบปิดประตู
เสิ่นเถี่ยจวินโกรธมากจนนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นเขาจึงโทรหาทางโรงเรียนของเสิ่นอวี้อิ๋งและบอกให้เสิ่นอวี้อิ๋งกลับบ้าน
เขาครุ่นคิดตลอดทั้งคืน ให้เสิ่นอวี้อิ๋งแต่งงานกับหลิวจื้อหมิงตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเสิ่นอวี้อิ๋งไม่อาจเข้ามหาวิทยาลัยได้ ก็ให้หล่อนลงทะเบียนเรียนวิชาบัญชี จากนั้นวางแผนให้หล่อนทำงานภายในแผนกบัญชีของโรงงานได้
เสิ่นเสี่ยวเหมยเป็นคนไร้ความสามารถ ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ เขาเองก็ว่าจะเลิกสนใจหล่อนแล้วเช่นกัน หากต้องการฝึกอบรมคนที่สามารถไว้ใจได้อีกครั้ง ลูกสาวของเขาก็คือตัวเลือกที่ดีที่สุด
เดิมทีเสิ่นอวี้อิ๋งกำลังคอยให้หลิวจื้อหมิงนำเงินมาและไปโรงพยาบาลพร้อมกับหล่อน สุดท้ายกลับมีโทรศัพท์จากเสิ่นเถี่ยจวินเรียกให้หล่อนกลับบ้าน
เสิ่นอวี้อิ๋งตื่นตระหนกจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง
หล่อนมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีนัก
เกรงว่าหลิวจื้อหมิงจะนำเรื่องที่หล่อนตั้งครรภ์ไปบอกกับพ่อของหล่อนแล้ว เพื่อบีบบังคับให้หล่อนแต่งงานด้วย
เสิ่นอวี้อิ๋งเดินออกจากโรงเรียนอย่างเชื่องช้า หลิวจื้อหมิงกำลังรออยู่ตรงประตูโรงเรียน
“อวี้อิ๋ง”
หลิวจื้อหมิงเดินเข้ามา เสิ่นอวี้อิ๋งมองเขาพลางกัดฟันแน่นและเอ่ยถามเสียงเบา
“คุณเอาเรื่องที่ฉันท้องไปบอกกับพ่อของฉันแล้วใช่ไหม?”
หลิวจื้อหมิงหลบสายตาและนิ่งเงียบ
เป็นการยอมรับโดยปริยาย
ร่างกายของเสิ่นอวี้อิ๋งสั่นสะท้านด้วยความโกรธ หัวใจพลันเย็นชา
“หลิวจื้อหมิง คาดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเลวแบบนี้ พวกเราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าวันนี้จะไปโรงพยาบาล? ทำไมคุณต้องบอกพ่อของฉันด้วย? คุณอยากทำลายชีวิตฉันใช่ไหม?”
เสิ่นอวี้อิ๋งน้ำตาคลอเบ้าขณะแผดเสียงตะโกนด้วยความโกรธ
เดิมทีวันนี้จะไปโรงพยาบาลเพื่อทำแท้งโดยที่ไม่มีใครรับรู้ เป็นเช่นนั้นแล้วหล่อนจะยังร่ำเรียนในโรงเรียนต่อไปและสอบเข้ามหาวิทยาลัยภายในหนึ่งเดือนหลังจากนี้ได้
ตอนนี้ทุกอย่างพังทลายลงแล้ว!
หลิวจื้อหมิงจับมือของหล่อนไว้และรีบอธิบาย
“ไม่ใช่ อวี๋อิง คุณฟังผมก่อน ผมเองก็ทำเพื่อรับผิดชอบคุณ หมอบอกว่าการทำแท้งจะเป็นการทำร้ายร่างกายของคุณและยังเป็นอันตราย ผมไม่อาจนำเรื่องร่างกายของคุณมาล้อเล่นได้หรอก หากเกิดเรื่องอะไรกับคุณ คุณอาเสิ่นต้องฆ่าผมแน่ และผมเองก็ไม่อาจให้อภัยตัวเองได้”
เสิ่นอวี้อิ๋งสะบัดมือของเขาออก “พูดชัดๆ ก็คือคุณกลัวว่าตัวเองจะต้องรับผิดชอบต่างหาก”
อันที่จริงการรับผิดชอบนี้บางทีอาจไม่ใช่หน้าที่เขาเลย
“ฉันไม่ต้องการให้คุณมาสนใจ ฉันจะไปทำแท้งด้วยตัวเอง คุณกลับไปบอกพ่อของฉันเถอะว่าทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิด คุณสร้างปัญหาเรื่องนี้ คุณก็ต้องแก้ไขเอง”
เสิ่นอวี้อิ๋งกล่าวพลางเดินไปยังทิศทางของโรงพยาบาล
หล่อนไม่รู้ว่าหากตนเองกลับไปพร้อมกับหลิวจื้อหมิง สิ่งที่รอคอยอยู่จะเป็นอะไร
หล่อนจะเป็นความผิดหวังของทุกคนภายในตระกูลเสิ่น กลายเป็นขี้ปากของเพื่อนบ้านและชีวิตพังทลาย
ขณะนี้หล่อนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่ตนเองหุนหันพลันแล่นขาดความยับยั้งชั่งใจและทำเรื่องเหล่านั้น
หล่อนคิดว่าตนเองอายุยี่สิบปีแล้ว สามารถรับผิดชอบการกระทำของตนเองได้ และเพลิดเพลินไปกับความสุขของวัยผู้ใหญ่โดยไร้การควบคุม
แต่ก็เกิดสิ่งที่หล่อนคาดไม่ถึง เพียงครั้งหนึ่งที่สองคนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว เรื่องมันก็กลายเป็นเช่นนี้
“อวี้อิ๋ง เดี๋ยวก่อน คุณอาเสิ่นไม่ใช่คนโง่ อีกอย่างต่อให้คุณไปโรงพยาบาลตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้หรอก เพราะมันต้องให้คนในครอบครัวเซ็นยินยอมด้วย”
หลิวจื้อหมิงขวางทางเสิ่นอวี้อิ๋งไว้ขณะมองหล่อนและเอ่ยแนะนำด้วยเสียงอ่อนโยน “ผมจะเผชิญกับเรื่องนี้อย่างกล้าหาญ คุณไม่ต้องกังวลนะ”
เสิ่นอวี้อิ๋งไม่มีทางเลือกอื่น สุดท้ายก็ถูกหลิวจื้อหมิงพากลับบ้าน
เมื่อเข้ามาภายในบ้าน เสิ่นเถี่ยจวินก็ขว้างจอกชามาทันใด
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ยัยอวี้อิ๋งจะทำยังไงทีนี้ ความแตกรู้กันทั้งบ้านแล้ว
ไหหม่า(海馬)