ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 352 เสิ่นอวี้อิ๋งหมดคำแก้ตัว
ตอนที่ 352 เสิ่นอวี้อิ๋งหมดคำแก้ตัว
ตอนที่ 352 เสิ่นอวี้อิ๋งหมดคำแก้ตัว
เมื่อเสิ่นเถี่ยจวินปฏิเสธที่จะมอบมันให้กับเขา ผู้เฒ่าเสิ่นก็ออกคำสั่งอย่างเข้มงวด “เอามานี่”
เสิ่นเถี่ยจวินทำได้เพียงมอบให้เขาเท่านั้น
ผู้เฒ่าเสิ่นรับสมุดไดอารี่มาแล้วพลิกเปิดอ่าน
เมื่อเขาเห็นสิ่งที่เสิ่นอวี้อิ๋งเขียนลงในสมุด ว่าหล่อนกลัวครอบครัวจะแบ่งเงินชดเชยการเสียชีวิตของหลินต้าฝูไปให้หลินจินซานไว้แต่งภรรยา จึงจงใจใส่ความว่าหลินจินซานแอบถ้ำมองหล่อนขณะหลับเพื่อทำลายชื่อเสียงของหลินจินซานและบีบบังคับให้เขาหนีออกจากบ้าน ชายชราก็ตกตะลึงมากจนพูดไม่ออก
หลานสาวคนนี้ภายนอกดูไร้เดียงสาและไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่จริง ๆ แล้วกลับเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างร้ายกาจ
หล่อนไม่ใช่คนดีอย่างเปลือกนอกที่แสดงออกให้เห็น
อย่างไรก็ตาม เขายังปลอบใจตัวเองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ เป็นธรรมดาที่คนจะเห็นแก่ตัว
ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อาจให้อภัยเรื่องที่หล่อนทำเรื่องผิดศีลธรรมได้
แถมหล่อนยังพูดโกหกต่อหน้าสมาชิกในครอบครัว ทำให้พวกเขาได้รับความอับอายอย่างเปล่าประโยชน์
ผู้เฒ่าเสิ่นทนรับความอัปยศอดสูในระดับนี้ไม่ได้จริง ๆ
เมื่อพวกเขากลับมาถึงบ้าน เสิ่นอวี้อิ๋งที่กำลังรออย่างใจจดใจจ่อเห็นพวกเขากลับมา ก็รีบเข้าไปทักทายพวกเขาทันที “พ่อ กลับมากันแล้วเหรอคะ?”
หล่อนอยากรู้ว่าพ่อและปู่ออกไปสอนบทเรียนหลินเซี่ยแทนตนแล้วหรือยัง
แต่ใบหน้าของเสิ่นเถี่ยจวินกลับมืดมน เขาไม่สนใจมองหล่อนด้วยซ้ำ
เสิ่นอวี้อิ๋งเห็นว่าเสิ่นเถี่ยจวินอารมณ์ไม่ดี อีกทั้งใบหน้าของปู่ก็ย่ำแย่มากกว่าเขาเสียอีก
ดูเหมือนว่าหลินเซี่ยจะตั้งรับได้เป็นอย่างดี
ครอบครัวของพวกเขาไม่เคยเอาชนะหลินเซี่ยได้เลยสักครั้ง
หล่อนได้แต่ยืนตัวสั่นอยู่ตรงนั้น
จากนั้นก็ทำได้เพียงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่เสิ่นเสี่ยวเหมย เอ่ยปากถามบางอย่าง “คุณอา…”
เดิมทีเสิ่นเสี่ยวเหมยต้องการตอบกลับ แต่เมื่อเห็นว่าการแสดงออกของเสิ่นเถี่ยจวินย่ำแย่มากเพียงใด จึงอดกลั้นคำพูดไม่ให้ออกจากริมฝีปาก
หล่อนพลั้งปากอย่างไม่น่าให้อภัยไปแล้วครั้งหนึ่งที่บ้านของเฉินเจียเหอ จึงไม่กล้าพูดอะไรพล่อย ๆ อีก
ทันใดนั้นเสิ่นเถี่ยจวินก็หยิบสมุดไดอารี่เล่มนั้นออกมาจากกระเป๋า แล้วขว้างปามันลงต่อหน้าเสิ่นอวี้อิ๋ง
ตอนแรกเสิ่นอวี้อิ๋งตกตะลึง จนกระทั่งเห็นสมุดบันทึกเล่มนั้นอย่างชัดเจน ถึงรู้ว่ามันคืออะไร
นี่…
ดูจากปกสมุดสภาพเก่าโทรมและล้าสมัยแบบนี้ นี่มันไดอารี่ที่หล่อนเคยเขียนระบายความในใจสมัยอยู่บ้านนอกไม่ใช่เหรอ?
เมื่อเสิ่นอวี้อิ๋งคิดมาถึงตรงนี้ ท่าทางของหล่อนก็เปลี่ยนไปทันที
จากนั้นก็รีบก้มลงไปหยิบมันขึ้นมา
เมื่อก่อนหล่อนมีนิสัยชอบเขียนไดอารี่ เหตุผลหลักเป็นเพราะไม่ชอบคุยกับพวกญาติโง่ ๆ ที่บ้าน และไม่ค่อยได้เจอเพื่อนที่สามารถพูดคุยด้วยได้อย่างสนิทใจ เช่นเดียวกับเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงวัยรุ่นคนอื่น ๆ ที่มักจะเขียนความคิดของตัวเองลงในสมุดไดอารี่
เมื่อกลับมาที่ไห่เฉิง แน่นอนว่าหล่อนไม่ได้เอาอะไรติดตัวไปด้วยแม้แต่ชิ้นเดียว หล่อนต้องการขีดเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่างตัวตนใหม่กับตัวตนในอดีต ดังนั้นจึงเอาข้าวของเครื่องใช้สมัยที่อยู่บ้านตระกูลหลินทิ้งไปทั้งหมด
หล่อนเขียนไดอารี่จบไปหลายเล่มตั้งแต่ตอนเรียนชั้นมัธยมต้นถึงมัธยมปลาย นึกว่าสมุดไดอารี่ทั้งหมดถูกทำลายไปแล้วเสียอีก
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา ทำให้หล่อนรู้ทันทีว่าหลินเซี่ยน่าจะเป็นคนส่งมอบสิ่งนี้ให้กับเสิ่นเถี่ยจวิน
เสิ่นอวี้อิ๋งไม่แน่ใจว่าตัวเองเขียนอะไรลงไปในไดอารี่เล่มนี้บ้าง แต่เมื่อพิจารณาจากการแสดงออกของพ่อและปู่ เนื้อหาด้านในจะต้องเป็นอันตรายต่อหล่อนมากอย่างแน่นอน
หล่อนอยากหยิบไดอารี่ขึ้นมา แต่เสิ่นเถี่ยจวินกลับคว้ามันไปเสียก่อน
เสิ่นเถี่ยจวินเปิดสมุดไดอารี่ไปยังหน้าหนึ่งต่อหน้าเสิ่นอวี้อิ๋ง ใช้นิ้วจิ้มกระดาษหน้านั้นอย่างแรง แล้วมองหล่อนด้วยความผิดหวังและโกรธเคือง “นี่ลายมือของแกใช่ไหม?”
เสิ่นอวี้อิ๋งไม่มีคำพูดใดที่จะตอบโต้ ทำได้เพียงร้องไห้เพื่อให้ได้รับความเห็นอกเห็นใจและการอภัย
“อวี้อิ๋ง แกทำให้พวกเราผิดหวังจริง ๆ ผู้ชายคนนั้นตามรังควานแกเสียที่ไหน ฉันว่าเป็นแกต่างหากที่พาตัวเองเข้าไปอยู่ในชีวิตมัน”
“คุณปู่ ฉันไม่ได้ทำแบบนั้นนะคะ” เสิ่นอวี้อิ๋งตอบกลับอย่างอ่อนแรง
เสิ่นเถี่ยจวินถามอย่างเย็นชา “แกเอามรดกตกทอดของครอบครัวเขาไปจริงเหรอ?”
“มันก็แค่แหวนวงหนึ่ง สภาพเก่ามาก ไม่มีมูลค่าสูงมากหรอกค่ะ”
เสิ่นเสี่ยวเหมยไม่เห็นด้วยกับคำพูดของอีกฝ่าย กล่าวว่า “อวี้อิ๋ง เธอจะคิดอย่างนั้นก็ไม่ถูก มรดกตกทอดของตระกูลเป็นทรัพย์สมบัติที่ได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น แม้ว่ามันจะเก่าและไร้ค่าขนาดไหน แต่ก็อาจจะมีความสำคัญทางใจสำหรับเขา ใช่ไหมคะคุณลุง?”
เพราะตอนที่หล่อนแต่งงานกับเฉินเจียซิ่งเมื่อปีที่แล้ว ลุงของหล่อนได้มอบสร้อยข้อมืออันเป็นมรดกที่ป้าทิ้งไว้ก่อนที่นางจะเสียชีวิต ในเวลานั้นหล่อนก็คิดเหมือนกันว่ามันช่างล้าสมัยและไร้ค่า แต่ลุงบอกว่ามันเป็นสมบัติที่สืบทอดต่อกันมาสี่หรือห้าชั่วอายุคน แปลว่าสิ่งที่อยู่ในมือหล่อนมีความสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงควรรักษามันไว้ให้ดี อย่าปล่อยให้หลุดมือไป
ดังนั้นเสิ่นเสี่ยวเหมยจึงเข้าใจความหมายของมรดกตกทอดของตระกูลเป็นอย่างดี
เสิ่นอวี้อิ๋งไปเอามรดกของใครบางคนมา นั่นหมายความว่าหล่อนต้องแต่งงานกับคนคนนั้น ไม่งั้นก็ต้องเอาของสิ่งนั้นคืนให้กับเจ้าของ
เสิ่นเถี่ยจวินมองหน้าหล่อนแล้วถามต่อไป “ตอนนี้ของชิ้นนั้นอยู่ไหนแล้ว? เอาคืนให้ไอ้หมอนั่นไปซะ จากนี้ไปจะได้ขีดเส้นแบ่งที่ชัดเจนกับเขา ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีกต่อไป”
เสิ่นอวี้อิ๋งก้มหน้างุด ใช้มือขยุ้มชายเสื้อของตัวเอง แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ฉันบังเอิญทำมันหายไปแล้วค่ะ”
เป็นเพราะหล่อนทำแหวนอันเป็นมรดกตกทอดที่เจิ้งต้าหมิงมอบให้หายไป ทำให้หล่อนไม่สามารถสลัดเขาหลุดได้
หล่อนได้แต่รับปากว่าจะแต่งงานกับเขาหลังจากได้รับมรดกอีกฝ่าย ก่อนหน้านี้เสิ่นอวี้อิ๋งเคยเสนอว่าจะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้เขาเพื่อเป็นการชดเชย แต่เจิ้งต้าหมิงดื้อรั้นมาก เขาต้องการให้หล่อนแต่งงานด้วยโดยไม่ให้ทางเลือกอื่น
เขายังขู่หล่อนด้วยว่าจะบุกไปที่บ้านตระกูลเสิ่นเพื่อทวงของชิ้นนี้จากพ่อแม่ของหล่อน และบอกให้พวกเขารับรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา
หล่อนเพิ่งกลับมาอยู่กับตระกูลเสิ่นได้ไม่นาน ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวไม่ลึกซึ้ง รากฐานยังไม่มั่นคง เพื่อไม่ให้ภาพลักษณ์อันใสซื่อของตนเสียหาย หล่อนทำได้เพียงประคองความสัมพันธ์จอมปลอมกับเจิ้งต้าหมิงต่อไป และค่อย ๆ หาวิธีที่จะกำจัดเขา
ผู้เฒ่าเสิ่นนั่งอยู่บนโซฟา เคาะไม้เท้าของเขาลงกับพื้น พูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองและผิดหวังอย่างที่สุด “แกนี่นะ กล้าดียังไงถึงทำเรื่องผิดศีลธรรมตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้ฉันอับอายจนไม่กล้าสู้หน้าใครอีกแล้ว
“วันนี้ฉันเชื่อคำพูดของแก แล้วบุกไปหาหลินเซี่ยเพื่อชำระบัญชี แต่ตระกูลเฉินกลับทำให้พวกเราได้รับความอับอายขายหน้าอีกครั้ง ฉันเสิ่นเว่ยกั๋ว ไม่เคยเผชิญความอัปยศขนาดนี้มาก่อนในชีวิตจนกระทั่งอายุเจ็ดสิบปี!”
ผู้เฒ่าเสิ่นเริ่มหอบหายใจแรงอีกครั้ง จนเสิ่นเสี่ยวเหมยก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและตบหน้าอกเขา “ลุง ลุงโกรธจนหัวใจถูกกระตุ้นแล้วนะคะ เดี๋ยวจะเป็นอันตรายต่อร่างกายเอา”
เสิ่นอวี้อิ๋งทรุดลงคุกเข่าต่อหน้าผู้เฒ่าเสิ่น ร้องไห้ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง “คุณปู่ ฉันผิดไปแล้ว ฉันรู้แล้วว่าฉันทำผิด เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านนอกฉันไม่ได้รับการศึกษาที่เพียงพอ เลยยอมปล่อยให้เจิ้งต้าหมิงเข้ามาในชีวิต แต่ทั้งหมดก็เพื่อประโยชน์ด้านการเรียน ฉันไม่มีค่าครองชีพ เจิ้งต้าหมิงเป็นคนเดียวที่ช่วยฉันได้ ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องคบกับเขา ฉันมีความทะเยอทะยานสูง อยากทุ่มให้กับการเรียนหนังสืออย่างหนักเพื่อออกมาจากที่นั่น”
เสิ่นเสี่ยวเหมยทนฟังต่อไปไม่ได้จริง ๆ หล่อนเบ้ปากเยาะเย้ย “เธอยังกล้าโยนความผิดให้เขาอีกนะ พวกเรารู้แล้วว่าเธอน่ะชอบพี่ชายของเขาต่างหาก แต่เขาไม่สนใจ ดังนั้นจึงจงใจแก้แค้นด้วยการเข้าหาผู้ชายที่ชื่อเจิ้งต้าหมิง”
เสิ่นอวี้อิ๋ง ”!!!”
หล่อนปฏิเสธที่จะยอมรับ ยังคงปฏิเสธต่อไปว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นเลยค่ะ หลินเซี่ยพูดแบบนั้นเหรอ? หล่อนจงใจใส่ร้ายฉันชัด ๆ”
“เธอเป็นคนเขียนทุกอย่างไว้ในไดอารี่เองนะ ฉันอ่านลายมือของเธอกับตา” เสิ่นเสี่ยวเหมยเชิดหน้าขึ้นแล้วพยักพเยิดไปทางสมุดไดอารี่โทรม ๆ ซึ่งเสิ่นเถี่ยจวินเพิ่งโยนไว้บนโต๊ะกาแฟ
ในที่สุดเสิ่นอวี้อิ๋งก็หมดคำแก้ตัว!
เมื่อมองไปยังสมุดไดอารี่ตัวประจานความชั่วด้วยใบหน้าซีดเซียว หล่อนก็นึกอยากฉีกมันทิ้งซะเดี๋ยวนี้
ต่อให้คนตระกูลเสิ่นจะรู้เนื้อหาข้างในหมดแล้วก็ช่างเถอะ ยังมีอีกคนหนึ่งที่หล่อนใส่ใจมากกว่า
หล่อนต้องหาทางทำลายมัน ไม่ให้เซี่ยหลานเห็นเด็ดขาด!
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หากเป็นสมัยนี้ก็มีคำว่าดิจิตอลฟุตปริ้นท์นะคะ ความชั่วมันปิดบังกันไม่ได้หรอก สุดท้ายก็มีคนขุดคุ้ยมาประจานจนได้
เซี่ยเซี่ยจะแอบคัดลอกไดอารี่นังอวี้อิ๋งเอาไว้ไหมนะ ถ้าแอบคัดลอกเอาไว้ก็บันเทิงล่ะ ต่อให้ต้นฉบับโดนทำลายก็ยังเหลือหลักฐานอยู่งี้
ไหหม่า(海馬)