ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 364 ประหลาดใจ? เหนือความคาดหมาย?
ตอนที่ 364 ประหลาดใจ? เหนือความคาดหมาย?
ตอนที่ 364 ประหลาดใจ? เหนือความคาดหมาย?
เฉินเจียเหอและหู่จือออกมาจากสวนแล้วไปล้างมือ จากนั้นเฉินเจียเหอก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “ในเมื่อพวกเขาใกล้จะมาถึงแล้ว เราควรออกไปรอข้างนอกดีไหมครับ?”
แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยว่า “ไม่ต้อง ไม่ต้อง พวกเราเข้าไปนั่งในบ้านกันเถอะ วันนี้ถือเป็นวันที่ว่าที่ลูกเขยมาพบแม่ยาย พวกเราเป็นครอบครัวฝ่ายหญิง ต้องรักษากิริยาให้นอบน้อมเข้าไว้ เดี๋ยวอีกสักครู่ถ้าพวกเขามาถึงแล้วก็ช่วยกันสังเกตจริงจัง แม้คุณอาของหลานจะอายุไม่น้อย และย่าเองก็อยากให้หล่อนรีบแต่งงานก็จริง แต่ก็ไม่อาจให้หล่อนแต่งงานออกไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้าได้ ยังไงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด”
หญิงชราดึงพวกเขาเข้าไปในบ้าน ก่อนที่ทุกคนจะนั่งลงบนโซฟา
หลินเซี่ยเห็นด้วยอย่างมากกับคำพูดของหญิงชรา ถูกต้อง จะเร่งรีบให้ลูกสาวแต่งงานออกเรือนไปเพียงเพราะเซี่ยอวี่ถึงวัยอันควรแล้วไม่ได้
หากทำอย่างนั้นก็น่าขายหน้าเกินไป
“คุณย่าพูดถูกอย่างยิ่งค่ะ”
หญิงชราเอ่ยกับหลินเซี่ยว่า “เซี่ยเซี่ย ไปเรียกพ่อและแม่ของหลานออกมา บอกพวกเขาว่าเซี่ยอวี่ใกล้จะมาถึงแล้ว ให้พวกเขามานั่งที่นี่ด้วยกัน”
หลินเซี่ยวิ่งตรงไปยังห้องครัวเพื่อเอ่ยเรียกพวกเขา
เซี่ยเหลยเพิ่งทำหมูผัดผักเสร็จ กำลังให้หลิวกุ้ยอิงชิมรสดูว่าเป็นอย่างไร
หลิวกุ้ยอิงหยิบเนื้อหมูที่เซี่ยเหลยคีบขึ้นมาชิม พร้อมบอกว่าอร่อยมากโดยไม่ต้องปรุงรสใด ๆ เพิ่มอีก เซี่ยเหลยจึงระบายยิ้มออกมา
เขากล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นก็เอาลงจากกระทะเลยนะครับ”
“ค่ะ เอาลงจากกระทะเลย”
หลินเซี่ยมองดูภาพที่ทั้งสองคนเข้ากันได้ดีตรงหน้าแล้ว น้ำตาของเธอก็เอ่อคลอพร้อมกับรู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาอย่างฉับพลัน
เธอพยายามควบคุมอารมณ์ ก่อนจะหันทางพวกเขาแล้วเอ่ยคำ
“แม่คะ ลุงเซี่ย คุณย่าเซี่ยบอกว่าคุณอาเซี่ยอวี่ใกล้จะมาถึงแล้ว ให้พวกคุณออกไป”
ช่วงหลังมานี้หลินเซี่ยเอ่ยเรียกเขาว่าลุงเซี่ยมาโดยตลอด ในเวลานี้เมื่อเธอเอ่ยถึงเซี่ยอวี่ หญิงสาวจึงเพิ่มคำว่าคุณอาเข้าไปในด้วย
เธอคิดว่าการที่เธอเปลี่ยนคำเรียกขาน เขาเองก็คงจะรู้สึกอะไรอยู่บ้างใช่ไหม?
แต่เซี่ยเหลยเป็นคนสุขุม ไร้ซึ่งการแสดงออกทางอารมณ์ผ่านสีหน้า ทั้งยังไม่เป็นฝ่ายปริปากเอ่ยถามก่อน หญิงสาวจึงรู้สึกว่าการคาดเดาความคิดของเขานั่นไม่ง่าย
เซี่ยเหลยบอกว่า “ยังเหลืออาหารอีกสองจานที่ต้องทำ หลังจากจัดการเสร็จแล้วจะออกไป”
“ค่ะ อย่างนั้นฉันขอตัวก่อน”
หลินเซี่ยรู้ดีว่าสิ่งใดควรไม่ควร หญิงสาวไม่รั้งรอแม้เพียงสักนิด รีบสาวเท้าออกไปทันทีที่สิ้นประโยค
หลิวกุ้ยอิงพลันเอ่ยกับเซี่ยเหลยอย่างมีน้ำใจ “คุณออกไปเถอะค่ะ ที่เหลือเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
เซี่ยเหลยนำเนื้อที่ผัดแล้วออกจากกระทะ ก่อนจะใส่น้ำมันลงไปอีกครั้ง “ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมทำเอง”
หลิวกุ้ยอิงทำทุกอย่างที่ควรทำแล้ว จานที่เหลือเซี่ยเหลยต้องการทำด้วยตัวเอง และการที่หล่อนยืนนิ่งอยู่เฉย ๆ ที่นี่ก็รู้สึกว่าจะเกินความจำเป็นไปเสียหน่อย
ในท้ายที่สุด หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หล่อนก็เอ่ยขึ้น “หากไม่มีอะไรให้ทำแล้ว อย่างนั้นฉันขอตัวก่อน”
เซี่ยเหลยไม่เข้าใจความหมายของหล่อน อีกทั้งเขาเองก็กำลังยุ่ง จึงตอบอย่างไม่แยแสว่า “ได้ครับ คุณออกไปนั่งก่อน”
“ฉันไม่นั่งหรอกค่ะ หากไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวกลับบ้านก่อน”
เซี่ยเหลยเมื่อได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้น แล้วมองไปยังหลิวกุ้ยอิง “อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนสิครับ”
หลิวกุ้ยอิงมัดผมพลางปฏิเสธอย่างสุภาพ “ไม่หรอกค่ะ วันนี้เป็นวันรวมญาติของคุณ ให้ฉันอยู่ต่อเห็นทีว่าคงไม่เหมาะ”
ในแววตาของเซี่ยเหลยนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หล่อนไม่เข้าใจ เขาย้อนถามว่า “ไม่ใช่ว่าเจียเหอและเซี่ยเซี่ยเองก็อยู่ที่นี่ด้วยหรอกหรือ?”
หลิวกุ้ยอิงรู้สึกอยู่เสมอว่าถ้อยคำของเซี่ยเหลยดูเหมือนจะมีนัยยะอันลึกซึ้ง หล่อนจึงไม่กล้าสบตาเขา
เซี่ยเหลยเอ่ยต่อ “กินข้าวเย็นเสร็จแล้วค่อยกลับเถอะครับ”
“ฉัน… ”
ในขณะที่หลิวกุ้ยอิงกำลังลังเล เซี่ยเหลยก็พลันยื่นตะหลิวให้หล่อน “ผมไม่เคยผัดอาหารจานนี้มาก่อน คุณช่วยทำหน่อยแล้วกัน ผมจะไปหั่นส่วนที่เหลือ”
เซี่ยเหลยดันตัวหล่อนไปหน้าเตาไฟ หลิวกุ้ยอิงจึงทำได้เพียงทำอาหารต่อ
“คุณย่าคะ พวกเขายังทำอาหารอยู่ค่ะ หลังจากทำเสร็จแล้วจะออกมา”
เฉินเจียเหอต้มน้ำในกาน้ำชา แล้วชงชาอย่างดี ถ้วยชาใด ๆ ล้วนถูกจัดวางอย่างประณีต เป็นระเบียบเรียบร้อย แม่เฒ่าเซี่ยยังได้เตรียมขนมขบเคี้ยวและเมล็ดทานตะวันแผ่น บนโต๊ะจึงเต็มไปด้วยของว่าง
ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังมาจากหน้าประตู
หู่จือไม่อาจอดทนนั่งนิ่งอยู่ได้ จึงวิ่งออกไปที่ลานบ้านอย่างตื่นเต้น
“มา ทุกคนนั่งลง” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยสั่งให้เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยนั่งลง
หู่จือซึ่งกำลังมองไปทางประตู เมื่อเห็นมีคนเดินเข้ามาจึงรีบทายทักด้วยเสียงหวานหู “คุณอา คุณอาเย่”
“หู่จือก็มาด้วยเหมือนกันเหรอจ้ะ?” เซี่ยอวี่ลูบหัวหู่จือเบา ๆ แล้วหยิบขนมออกมาจากกระเป๋า
หู่จือรับขนมมาแล้วรีบวิ่งตึงตังกลับมายังห้องโถงใหญ่เพื่อรายงานข่าวอีกครั้ง
“พ่อครับ แม่ครับ คุณย่าทวด คุณอากลับมาพร้อมคุณอาเย่ครับ”
เฉินเจียเหอถามว่า “คุณอาเย่คนไหน?”
“ก็คุณอาเย่ไป๋ไงครับ”
เมื่อได้ยินวาจาของหู่จือ เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยพลันสบตากันอย่างตื่นตะลึง
เป็นเย่ไป๋อย่างนั้นหรือ?
ทันทีที่พวกเขาเดินไปยังหน้าประตูห้องโถงใหญ่ก็เห็นเย่ไป๋ซึ่งถือถุงใบน้อยใหญ่อยู่ในมือ เดินเคียงข้างเซี่ยอวี่เข้ามาในบ้าน
เฉินเจียเหอ “…”
หลินเซี่ย “…”
เย่ไป๋เมื่อเห็นเฉินเจียเหอและหลินเซี่ย แววตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย พลางกระแอมไอเบา ๆ ฝีเท้าที่ก้าวเดินพลันชะงัก
พอจะมองออกได้ว่าเขาเองก็ไม่สบายใจอย่างยิ่ง
เซี่ยอวี่ทักทายสองสามีภรรยาอย่างอบอุ่น “เซี่ยเซี่ย เจียเหอ พวกเธอมาแล้วหรือ?”
ทั้งคู่มองพวกเขาด้วยสีหน้าท่าทางกระอักกระอ่วน ทั้งยังไม่เอ่ยตอบโต้คำทักทายของเซี่ยอวี่
“ทำไมพวกเธอถึงมองพวกเราด้วยสายตาแบบนั้นล่ะ” เซี่ยอวี่มองพวกเขาแล้วเอ่ยต่อ “ใช่แล้ว เย่ไป๋คือคนรักของฉันเองแหละ”
และเพื่อพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับเย่ไป๋ในฐานะคู่รัก เซี่ยอวี่จึงคล้องแขนของเย่ไป๋และเดินผ่านคู่สามีภรรยาหนุ่มสาวที่นิ่งแข็งเป็นหินเข้าไปในบ้าน “แม่คะ พวกเรามาแล้ว”
“นี่….”
แม่เฒ่าเซี่ยเองก็ตกใจเช่นกันเมื่อเห็นว่าคนที่ลูกสาวของนางคล้องแขนอยู่คือเย่ไป๋
นางมองเซี่ยอวี่ จากนั้นมองไปที่เย่ไป๋ แล้วเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “ลูกสาว คน… คนรักที่ลูกพูดถึงคือคุณหมอเย่อย่างนั้นหรือ?”
เซี่ยอวี่คล้องแขนตัวเองกับเย่ไป๋ ก่อนจะเอนศีรษะไปอิงแอบบนไหล่กว้างของชายหนุ่ม “ใช่ค่ะ แม่ ประหลาดใจไหม? เหนือความคาดหมายหรือเปล่า?”
แม่เฒ่าเซี่ยรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง แม้จะคิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็ไม่คาดคิดว่าหล่อนจะพาเย่ไป๋กลับบ้านมาด้วยกัน
สองคนนี้เพิ่งรู้จักกันได้กี่วันเอง? เหตุใดจึงได้…
แน่นอนว่านี่เป็นความประหลาดใจซึ่งแฝงไว้ด้วยความปีติยินดี
ติดเพียงว่า เย่ไป๋อายุน้อยกว่าลูกสาวของนางอยู่หลายปีไม่ใช่เหรอ?
วัวแก่จะกินหญ้าอ่อนได้นานขนาดไหนกัน?
“พี่ใหญ่ล่ะคะ?” เหตุผลหลักที่กระทำการเช่นนี้ในวันนี้ก็เพื่อให้พี่ใหญ่ของหล่อนสบายใจ เมื่อเซี่ยอวี่เข้าบ้านมาจึงมองหาเซี่ยเหลยทันที
หญิงชราตอบกลับ “อยู่ในครัว”
“เดี๋ยวฉันไปเรียกเขาเองค่ะ” จากนั้นเซี่ยอวี่ก็เอ่ยกับเย่ไป๋ด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน “เสี่ยวไป๋ คุณนั่งคุยกับทุกคนที่นี่ไปก่อนนะคะ”
หลินเซี่ยและคนอื่นๆ “!!!”
เป็นธรรมชาติมาก ไม่ได้ดูเหมือนการแสดงแต่อย่างใด
ทันทีที่ได้ยินถ้อยเสียงเอ่ยเรียกว่าเสี่ยวไป๋ ใบหน้าของเย่ไป๋ก็พลันขึ้นสีแดงระเรื่อ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เขินแทนคุณหมอเลยค่ะ แฟนหลอกที่คิดจริง
ไหหม่า(海馬)