ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 366 เป็นหนึ่งเดียวกับการแสดง
ตอนที่ 366 เป็นหนึ่งเดียวกับการแสดง
ตอนที่ 366 เป็นหนึ่งเดียวกับการแสดง
เย่ไป๋เป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นคงมาก ทุกคำพูดที่เขาพูดล้วนน่าเชื่อถือ
คุณแม่เซี่ยลองคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าไม่พูดถึงงานและอุปนิสัยของเขา ต่อให้เขาจะอายุน้อยกว่าลูกสาวของตนก็ตาม แต่วุฒิภาวะของเขากลับสูงกว่าหล่อน อีกทั้งเขามีอายุสามสิบแล้ว นับว่าเข้าสู่วัยผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์
ในที่สุด คุณแม่เซี่ยจึงรู้สึกโล่งใจมากเมื่อรู้ว่าเซี่ยอวี่ตกหลุมรักเขา
แม้นางจะพอใจมาก แต่ก็ไม่ลืมที่จะถามความคิดเห็นของครอบครัวอีกฝ่ายเป็นธรรมดา “แล้วครอบครัวเธอรู้หรือยัง?”
ขณะที่เย่ไป๋กำลังจะตอบ เซี่ยอวี่ชิงตอบก่อนว่า “แม่ เราสองคนยังไม่ทันจะคบกันเลย เขาจะเอาไปเล่าให้ครอบครัวฟังเร็วขนาดนั้นได้ยังไง ฉันพาเขามาให้ทุกคนดูตัวก่อน ถ้าทุกคนเห็นด้วย เราถึงจะเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์กัน แต่ถ้าไม่มีใครเห็นด้วย เราก็จะกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น”
หญิงชราแสดงท่าทางของตนอีกครั้ง “เห็นด้วยสิ แม่ต้องเห็นด้วยอยู่แล้ว พวกเธอสองคนเหมาะสมกันดี แต่พอคบกันแล้วจะต้องไม่โลเลแบบเด็กวัยรุ่น ไหน ๆ ก็มีโอกาสได้รู้จักกันแล้ว จากนี้จะต้องช่วยสนับสนุนกันและกันให้ก้าวหน้า”
“พี่ใหญ่ พี่ล่ะเห็นด้วยไหม?” เซี่ยอวี่มองไปที่เซี่ยเหลยซึ่งเงียบไปนาน
คุณแม่เซี่ยรีบพูดว่า “ทำไมพี่ใหญ่เขาจะไม่เห็นด้วยล่ะ? เขาเองก็กังวลเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานของลูกเหมือนกัน หมอเสี่ยวเย่มีความสามารถมาก คุณสมบัติครบถ้วนพอที่จะเป็นลูกเขยของเรา ตราบใดที่พวกเธอมีความสุขก็ไม่มีอะไรสายเกินไปหรอก”
เมื่อเห็นว่าหญิงชรามีความสุขมาก เซี่ยเหลยจึงไม่พูดอะไรมาก พยักหน้าแต่โดยดี “ฉันเคารพการตัดสินใจของเธอ”
เซี่ยเหลยชื่นชมเย่ไป๋มากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเย่ไป๋ดูเหมือนจะกระตือรือร้นกับเซี่ยอวี่เป็นพิเศษหลังจากเซี่ยอวี่ตามเขามารับการรักษาในสองสามครั้งที่ผ่านมา
เมื่อวานนี้เขาถึงเกิดความคิดว่าจะจับคู่ให้กับพวกเขาอย่างกะทันหัน
ติดที่ว่าพวกเขาพัฒนาความสัมพันธ์กันเร็วเกินไปนิดหน่อยจนรู้สึกผิดปกติ
แต่ทัศนคติที่คนทั้งสองแสดงออกในเวลานี้ ทำให้มองไม่เห็นข้อบกพร่องใด ๆ
บางที เซี่ยอวี่อาจตกหลุมรักเย่ไป๋จริง ๆ ก็ได้
ก่อนหน้านี้หล่อนอาจจะเคยพบเจอกับผู้ชายเฉพาะในวงการบันเทิงด้วยกัน จนกระทั่งครั้งนี้เมื่อมาที่ไห่เฉิง จู่ ๆ หล่อนก็ได้เจอกับหมออนาคตไกลที่มีนิสัยสุภาพอ่อนโยน เป็นที่เข้าใจได้ว่าหล่อนอาจจะสนใจในตัวเขา
เซี่ยเหลยเชื่ออย่างสนิทใจว่าคู่รักตรงหน้าตกหลุมรักกันจริง ๆ
ทันทีที่เซี่ยเหลยแสดงความคิดเห็น เซี่ยอวี่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที
ถือเป็นเรื่องดีที่สามารถเล่นละครตบตาจนพี่ใหญ่เชื่อได้
ครั้นเห็นแฟนของลูกสาวนั่งอยู่ข้าง ๆ แล้ว ทันใดนั้นคุณแม่เซี่ยก็มองออกไปทางประตูอีกครั้ง “ทำไมเสี่ยวไห่ยังไม่มาอีก ลูกไม่ได้บอกว่าวันนี้ลินดาจะมากินข้าวมื้อเย็นด้วยกันหรอกเหรอ?”
“พวกเขาน่าจะใกล้มาถึงแล้วค่ะ”
หลังจากหลิวกุ้ยอิงทำอาหารเสร็จแล้ว หล่อนก็ยืนกรานที่จะออกไป แต่ทั้งคุณแม่เซี่ยและเซี่ยเหลยต่างผลัดกันชักชวนให้หล่อนอยู่ต่อ
หลินเซี่ยยังรั้งหล่อนไว้เช่นกัน ปฏิเสธที่จะปล่อยให้หล่อนหนีหน้า
ในที่สุดพวกเขาก็พาแฟนของตัวเองมาอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้า แม่เธอก็ควรได้รับสิทธิ์นั้นเช่นเดียวกัน
ในขณะที่ทุกคนพยายามเกลี้ยกล่อมหลิวกุ้ยอิงให้อยู่ต่อ เฉินเจียเหอก็ใช้ศอกกระทุ้งเย่ไป๋ ถามด้วยเสียงกระซิบต่ำว่า “นี่มันยังไงกันแน่?”
เย่ไป๋ตอบอย่างคลุมเครือ “ก็ตามที่นายเห็นนั่นแหละ”
ใบหน้าหล่อเหลาของเฉินเจียเหอฉายแววไม่เชื่อถือ ถามหยั่งเชิงว่า “พวกนายร่วมมือกันแสดงละครอยู่ใช่ไหม?”
“นายคงคิดมากไปเอง” เย่ไป๋หลบสายตา เดินเข้าไปในสนามหญ้า
เย่ไป๋เอาแต่ปิดปากเงียบ เฉินเจียเหอก็ไม่อยากคาดคั้น
สุดท้ายแล้วหลิวกุ้ยอิงก็ไม่กลับไปไหน อยู่ต่อร่วมมื้ออาหารกับพวกเขา
อาหารทุกจานพร้อมแล้ว เซี่ยอวี่จึงตั้งใจว่าจะโทรเร่งเซี่ยไห่
ยังไม่ทันกดโทรออก คนก็มาถึงแล้ว
เซี่ยไห่ตะโกนด้วยเสียงอันดัง “พวกเรากลับมาแล้วครับ”
หญิงชรารีบเดินนำออกไปทักทาย
แม้ว่าลินดาจะเป็นคนที่รู้จักกันอยู่แล้วก็ตาม
หลินเซี่ยตามไปประคองหญิงชรา รู้สึกว่านางเป็นคนชราที่มีความฉลาดทางอารมณ์สูงมาก ทั้งยังมีจิตใจดี
ลินดายังคงสวมเสื้อผ้าแบบเดียวกับที่ใส่ตอนออกมาจากบ้านของเซี่ยอวี่เมื่อวานนี้
ผู้หญิงคนนี้ตัดผมซอยสั้นสุดเท่ เวลาเดินตามเซี่ยไห่แบบนี้ เมื่อมองจากระยะไกลแล้วก็ทำให้คิดว่าเป็นผู้ชาย
แต่เมื่อมองให้ดีจะรู้ทันทีว่าพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์บังคับ
แต่ทั้งคุณแม่เซี่ยและเซี่ยอวี่คุ้นเคยกับสีหน้าท่าทางของลินดาดีอยู่แล้ว ทุกคนที่รู้จักต่างก็คุ้นเคยกับสีหน้าบอกบุญไม่รับของอีกฝ่ายเสมอ
คุณแม่เซี่ยเข้าไปจับมือลินดา มองหน้าหล่อนด้วยความรักใคร่เอ็นดู “มาแล้วเหรอลินดา? เข้ามาก่อนเร็วเข้า”
สมาชิกในครอบครัวเซี่ยคุ้นเคยกับหล่อนมาก ทำให้หล่อนไม่ค่อยตื่นเต้นมากนักเมื่อมาถึง
ลินดากวาดสายตา เห็นว่าภายในบ้านมีแขกแปลกหน้าที่หล่อนไม่เคยเจออยู่ด้วย อาจจะเป็นครอบครัวลูกสาวของพี่ใหญ่ที่เซี่ยอวี่พูดถึงก่อนหน้านี้
คุณแม่เซี่ยดึงลินดาให้มานั่งบนโซฟา จากนั้นก็เริ่มทักทายลินดาอย่างจริงจังอีกครั้ง มือข้างหนึ่งถือจานผลไม้ ส่วนมืออีกข้างถือเมล็ดแตงโม
“นี่ลินดาค่ะ ผู้จัดการส่วนตัวของฉันเอง และยังเป็น…” เซี่ยอวี่เหลือบมองเซี่ยไห่อย่างมีความหมาย และเริ่มแนะนำสถานะใหม่ “หล่อนยังเป็น ‘เพื่อน’ ของเสี่ยวไห่ด้วยนะคะ”
แม้ว่าพวกเขาจะถูกแนะนำในฐานะเพื่อนเท่านั้น แต่ดวงตาของเซี่ยอวี่นั้นส่อความหมายชัดเจนเกินไป
แค่พูดประโยคเดียวก็พอจะเข้าใจทุกอย่าง
เซี่ยอวี่แนะนำทุกคนให้ลินดารู้จัก “นี่เซี่ยเซี่ยที่ฉันเคยพูดถึง ผู้ชายตัวสูงที่อยู่ข้าง ๆ คือสามีของหล่อน เด็กชายตัวน้อยคนนั้นก็คือลูกชายของพวกเขา”
เซี่ยอวี่แนะนำเย่ไป๋ด้วยน้ำเสียงที่เน้นย้ำเป็นพิเศษ “นี่คุณหมอเย่ไป๋ แฟนฉันเอง”
ลินดาพยักหน้ารับเบา ๆ “สวัสดีค่ะ ฉันลินดานะคะ”
“สวัสดีค่ะ”
เมื่อหลินเซี่ยทักทายลินดา เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมเมื่อเห็นตัวจริงของอีกฝ่าย
เธอจำลินดาได้ทันทีที่อีกฝ่ายก้าวเข้ามาในบ้านเมื่อครู่
ชาติที่แล้ว เธอเคยเจอกับลินดาคนนี้มาก่อน
ฉายาในวงการบันเทิงก็คือผู้จัดการมือทองผู้ปั้นศิลปินดารา
เธอจำได้ว่าชาติก่อนสมัยที่เธอยังเป็นสไตลิสต์ประจำตัวเสิ่นอวี้อิ๋ง นักแสดงในสังกัดของลินดาได้นำแสดงภาพยนตร์เรื่องหนึ่งร่วมกับเสิ่นอวี้อิ๋งด้วย
ลินดาเคยกลั่นแกล้งเสิ่นอวี้อิ๋งขณะถ่ายทำ
อีกฝ่ายไม่ได้ทำอย่างนั้นเพราะอยากสกัดดาวรุ่ง เพียงแต่หล่อนแค่ไม่ชอบหน้าเสิ่นอวี้อิ๋ง
ดูเหมือนจะมีความอาฆาตพยาบาทส่วนตัวกับเสิ่นอวี้อิ๋งอย่างไรอย่างนั้น
เมื่ออาหารแต่ละจานถูกยกมาเสิร์ฟ คนสิบคนนั่งอยู่ที่โต๊ะกลมใหญ่ เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงช่วยกันตระเตรียมอาหารมื้อใหญ่โดยตกแต่งจานอย่างหรูหรา
คุณแม่เซี่ยมองไปที่ทุกคน เกือบหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความปีติ
ลูก ๆ ทั้งสามของนางต่างมีคนรักอยู่เคียงข้าง
นอกจากนี้ยังมีหลานสาว หลานเขย และเหลนชายอีกด้วย
เวลานี้เองเป็นครั้งแรกที่นางสัมผัสได้ถึงความสุขของครอบครัวอันสมบูรณ์อย่างแท้จริง
คุณแม่เซี่ยหยิบเหล้าหนึ่งแก้วขึ้นมา ก่อนจะถอนหายใจ และดื่มให้กับทุกคนบนโต๊ะอาหาร
นางเน้นย้ำกับเย่ไป๋อีกครั้งหนึ่งด้วยความกังวล “เสี่ยวเย่ ในเมื่อเธอชอบพอกับเซี่ยอวี่ลูกสาวฉันจริง อีกหน่อยอย่าได้เปลี่ยนใจไปจากหล่อนเลยนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะบอกให้พี่น้องทั้งสองคนของหล่อนรวมถึงเจียเหอไปสะสางบัญชีกับเธอซะ”
หลังจากพูดอย่างนั้น นางก็หันมองกลับมาที่ลูกสาว เตือนหล่อนว่า “กุญแจสำคัญก็คือลูกนั่นแหละ จากนี้ลูกอย่าทำตัวเอาแต่ใจไม่เห็นแก่หน้าใครอีก เมื่อเลือกที่จะมีคู่ครองแล้วก็ต้องอดทนต่อกันเข้าไว้ อย่ารังแกเสี่ยวเย่เด็ดขาด อีกอย่าง… ลูกอายุเยอะแล้ว หนักเบาก็รู้จักผ่อนให้เขาบ้าง”
เซี่ยอวี่กลอกตาอย่างไร้คำพูด “แม่ แม่ก็พูดไปเรื่อยจริงเชียว ทำไมแม่ถึงเอาแต่หยิบยกเรื่องอายุของฉันมาพูดทุกที? ใครบอกว่ารุ่นพี่ควรยอมอ่อนข้อให้รุ่นน้องเสมอไป เขาเป็นผู้ชาย เขาควรเป็นฝ่ายยอมฉันมากกว่า”
“เสี่ยวอวี่พูดถูก ผมควรเป็นฝ่ายยอมหล่อนต่างหากครับ” เย่ไป๋มองไปที่คุณแม่เซี่ยและคนอื่น ๆ แล้วพูดอย่างจริงใจต่อไป “ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลหล่อนเป็นอย่างดี จะไม่ทำให้พวกคุณทุกคนต้องกังวลเลย”
“งั้นก็ดีแล้ว เด็กคนนี้มีไหวพริบดีมาก ไอหยา ลูกสาวฉันนี่สายตาเฉียบแหลมดีจริง ๆ ดีพอ ๆ กับเซี่ยเซี่ยเลย”
เซี่ยอวี่แสดงสีหน้าเย่อหยิ่ง “นั่นมันแน่อยู่แล้ว เขากับเฉินเจียเหอเป็นเพื่อนกัน ต่างก็เชื่อถือได้กันทั้งคู่”
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาและเฉินเจียเหอเป็นเพื่อนสนิทกัน หล่อนคงไม่กล้าเลือกเขามาเป็นแฟนกำมะลอหรอก
ข้อเท็จจริงพิสูจน์ให้เห็นแล้ว ว่าชายหนุ่มคนนี้ช่างแสดงเก่งและเล่นบทบาทได้สมจริงเกินไป
แค่เขาหันมาสบตาหล่อนด้วยความจริงใจแบบนั้น มีชั่วขณะหนึ่งที่หล่อนเกือบจะคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง
ท่าทางของเขายังดูเป็นธรรมชาติมากกว่านักแสดงมือสมัครเล่นบางคนเสียอีก
คุณแม่เซี่ยตักอาหารให้เย่ไป๋และลินดาอยู่พักหนึ่ง หลิวกุ้ยอิงนั่งห่างออกไปจนเอื้อมมือไม่ถึง จึงขอให้เซี่ยเหลยช่วยตักอาหารให้หลิวกุ้ยอิงอีกต่อหนึ่ง
เนื่องจากลินดาได้รับความไว้ใจจากเซี่ยไห่ให้รับบทแฟน หล่อนจึงรู้สึกอึดอัดและเป็นกังวลมากเมื่อนั่งอยู่ที่นั่น เพราะกลัวว่าป้าเซี่ยจะสังเกตเห็น
หล่อนมองไปที่เย่ไป๋ซึ่งโดนรับเชิญมาเป็นแฟนจำเป็นเหมือนกันกับตน แต่การแสดงของเขากลับเป็นธรรมชาติและเหมือนจริงมาก จนหล่อนรู้สึกว่าตัวเองอาจจะด้อยกว่า
แม้แต่สายตาของเขาก็เริ่มฉายแววลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ
หมอเย่คนนี้น่าจะทำตัวเป็นหนึ่งเดียวกับการแสดงเรียบร้อยแล้ว
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
มันไม่ใช่การแสดงเสียทีเดียวหรอกค่ะ ใจของคุณหมอมันไม่เป็นของตัวเองไปนานแล้ว
ไหหม่า(海馬)