ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 369 ฟื้นความทรงจำ
ตอนที่ 369 ฟื้นความทรงจำ
ตอนที่ 369 ฟื้นความทรงจำ
ชื่อของหล่อน คือสกุลของคุณ…
เมื่อเซี่ยเหลยได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาก็ยืนงุนงงอยู่อย่างนั้น พลางมองหลิวกุ้ยอิงและหลินเซี่ย ภายใต้ดวงตาเกิดความยินดีและทั้งประหลาดใจ อารมณ์ที่แสนซับซ้อนทุกอย่างกำลังประสานเข้าด้วยกัน จากนั้นดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
คุณแม่เซี่ยเช็ดน้ำตาแล้วพูดว่า
“เสี่ยวเหลย อิงจื่อเป็นคนให้กำเนิดลูกสาวของลูกเมื่อยี่สิบปีก่อน เซี่ยเซี่ยเป็นลูกหลานตระกูลเซี่ย และเป็นหลานสาวฉัน
ลูกไม่รู้หรอกว่าหล่อนต้องทนทุกข์ทรมานมานานแค่ไหน หลังให้กำเนิดลูกสาว ลูกก็มาเสียชีวิตไปครึ่งหนึ่งในสนามรบ ส่วนหล่อนก็เกือบเอาตัวไม่รอดเพราะต้องเก็บลูกสาวเอาไว้”
เมื่อหญิงชราคิดถึงความยากลำบากตอนตั้งท้องลูกสาวที่หลิวกุ้ยอิงต้องผ่านมันมาเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว นางก็รู้สึกเหมือนถูกแทงทะลุหัวใจ ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน นางเข้าใจดีกว่าใคร ๆ ถึงความทุกข์ทรมานที่หลิวกุ้ยอิงต้องแบกรับมันไว้
เซี่ยเหลยคว้ามือของหลิวกุ้ยอิงทันที และถามยืนยันความจริงอีกครั้ง
“เซี่ยเซี่ยเป็นลูกสาวของผมจริง ๆ เหรอ?”
เมื่อหลิวกุ้ยอิงถูกเขาซักถาม ก็เกิดความคับข้องใจขึ้นมา หล่อนจึงสะบัดมือเขาออกไป “ฉันจะโกหกคุณไปทำไม?”
หลิวกุ้ยอิงเริ่มมีอารมณ์ผ่อนคลาย ขณะที่เซี่ยเหลยยิ้มจนตาหยีซึ่งแต่เดิมเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
คุณแม่เซี่ยมองลูกชายคนโตแล้วพูดว่า “เสี่ยวเหลย เราได้สืบเรื่องนี้จนรู้ความจริงมานานแล้ว ตั้งแต่ลูกพูดชื่ออิงจื่อเวลาฝัน แม่ก็ขอให้น้องชายลูกช่วยไปตามหาอิงจื่อ เขาต้องเดินทางไปทั่วเทศมณฑลซีเหอก่อนจะได้เจอกับกุ้ยอิง แถมยังไปเยี่ยมเพื่อนเก่าจากกองทัพที่ลูกเคยอยู่มาด้วย
กุ้ยอิงเคยเป็นคนรักของลูกมาก่อน แต่หลังจากลูกไปสนามรบก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย ผนวกกับเวลานั้นหล่อนตั้งท้องลูกสาวของลูกพอดี ต้องผ่านความยากลำบากมากมายกว่าจะให้กำเนิดเซี่ยเซี่ยได้ หล่อนทนทุกข์ทรมานมาไม่น้อยเลย“
คุณแม่เซี่ยและเซี่ยไห่เล่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับหลิวกุ้ยอิงให้ฟัง ทำให้เซี่ยเหลยได้รับรู้ความเป็นมาอย่างละเอียดยิบ
จากนั้นหลิวกุ้ยอิงยังได้เล่าเรื่องอีกมากมายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งพวกเขาสองคน รวมถึงช่วงที่กำลังตั้งท้องหลินเซี่ยด้วย
หลิวกุ้ยอิงหยิบขวดเหล้าบนโต๊ะขึ้นมา มองไปทางเซี่ยเหลยแล้วพูดทั้งน้ำตาว่า “คืนก่อนที่คุณจะจากฉันไป พวกเราดื่มสุราดอกกุ้ยฮวาด้วยกัน”
“เราดื่มเหล้ากันจนหมดขวด คุณบอกให้ฉันรอจนกว่าคุณจะกลับมา และยังบอกว่าจะรีบกลับมาขอฉันแต่งงานเมื่อประเทศเราได้รับชัยชนะ แล้วพาฉันไปเจอแม่…”
“ฉันมอบทุกอย่างที่มีให้คุณได้ แล้วทำไมคุณถึงผิดสัญญา? รู้ไหมว่าฉันสิ้นหวังแค่ไหนที่รอคอยวันแล้ววันเล่าแล้วรู้ข่าวว่าคุณสละชีพเพื่อชาติ? แถมตอนนั้นฉันยังตั้งท้องอยู่ด้วย”
“ทั้งครอบครัวพยายามกักขังหน่วงเหนี่ยวฉันแทบตาย ทุกคนอยากให้ฉันแท้งลูกจะแย่ ตอนนั้นฉันเองก็ทำอะไรไม่ถูก คุณรู้ไหมว่าฉันกลัวแค่ไหน? เซี่ยเหลย ทำไมคุณถึงผิดสัญญา? ในเมื่อคุณยังมีชีวิตอยู่ แล้วทำไมคุณถึงไม่กลับมา?”
“ถ้าหลินต้าฝูไม่เต็มใจยอมแต่งงานกับฉัน คุณจะมีโอกาสเจอลูกสาวตัวเองแบบนี้ไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้น ป่านนี้เราสองแม่ลูกคงกลายเป็นเถ้ากระดูกไปแล้ว!”
ความเจ็บปวดและความคับข้องใจทั้งหมดที่หลิวกุ้ยอิงสั่งสมมาตลอดยี่สิบปี ถูกระบายใส่เซี่ยเหลยจนหมดเปลือก
เซี่ยเหลยมองผู้หญิงตรงหน้าที่กำลังร้องไห้อย่างหนักและต่อว่าเขา จู่ ๆ เขาก็ปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง สีหน้าของผู้หญิงตรงหน้าค่อย ๆ ทับซ้อนกับร่างของผู้หญิงในความทรงจำอันเรือนรางของเขา…
เขากุมหัวที่เหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยง ภาพต่าง ๆ ที่ยุ่งเหยิงก็แวบขึ้นมาในใจเขา
เขากับผู้หญิงคนนั้นกอดกันแนบแน่นด้วยความรักอยู่ในห้องที่คับแคบ…
“อิงจื่อ รอผมก่อนนะ ผมกลับมาเมื่อไหร่เราจะแต่งงานกัน ทันทีที่ผมกลับมา ผมจะพาคุณไปเจอแม่”
“พี่เหลย คุณต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะ… และต้องเขียนจดหมายถึงฉันตลอดด้วย”
“พี่เหลย เอาเหล้าไปกินสิ จิบแล้วร่างกายจะได้อบอุ่นเวลาอากาศหนาว ๆ”
“เซี่ยเหลย ทำไมถึงเอาแต่ทำหน้าตาแบบนั้นใส่ฉันอยู่เรื่อย? คนเมืองใหญ่อย่างคุณถือดีขนาดนี้เชียวเหรอ…”
“หลิวกุ้ยอิง ผมเก็บผ้าพันคอไหมพรมสีแดงได้จากข้างทาง คุณน่าจะชอบ”
เนื่องจากได้ผลกระทบทางอารมณ์อย่างรุนแรง เซี่ยเหลยก็ทรุดลงนั่งยอง ๆ ลงกับพื้นและยกมือกุมหัว ส่งเสียงร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด
“พี่ใหญ่” เซี่ยไห่เดินเข้ามาด้วยความกังวล พยายามจะพยุงเขาลุกขึ้น
หลินเซี่ยรีบคว้าเซี่ยไห่
ส่งสัญญาณว่าอย่าเพิ่งเข้าไปขัดจังหวะ
หลิวกุ้ยอิงตกใจมากจนหยุดพูดเมื่อเห็นอาการของเซี่ยเหลย
คุณแม่เซี่ยมองลูกชายที่กำลังนั่งยอง ๆ อยู่บนพื้นด้วยความทุกข์ทรมาน นางอยากจะเข้าไปดูอาการเขา แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปขัดจังหวะสำคัญ จึงแอบมีความหวังริบหรี่อยู่ในใจ หวังว่าเขาจะจำบางสิ่งบางอย่างได้
ทันใดนั้น…
เซี่ยเหลยก็ตะโกนออกมาพลางเอามือกุมหัว
จากนั้นเขาลุกขึ้นยืน และเดินไปหาหลิวกุ้ยอิง มองหน้าหล่อนด้วยดวงตาแดงก่ำ
“เซี่ยเหลย คุณ…”
“อิงจื่อ ผมขอโทษ ผมขอโทษ”
ไม่นานเซี่ยเหลยก็โผเข้ากอดหลิวกุ้ยอิงไว้อย่างแนบแน่น
เสียงของเขาสั่นเครือในขณะพูดขอโทษ “ผมขอโทษ ผมผิดสัญญาเอง”
“ผมทำให้คุณต้องลำบาก”
“ผมสัญญากับคุณว่าจะกลับมาแต่งงานด้วย และพาคุณไปเจอแม่ แต่ผมดันไม่รักษาสัญญา”
เมื่อฟังคำขอโทษของเขาอย่างชัดถ้อยชัดคำ หลิวกุ้ยอิงก็น้ำตาไหลราวทำนบพังทันที “พี่เหลย … “
เมื่อหลิวกุ้ยอิงเรียกเขาว่า ‘พี่เหลย’ ความทรงจำในใจของเซี่ยเหลยก็ชัดเจนยิ่งขึ้น ราวกับเขาย้อนไปถึงสมัยที่อยู่ในเทศมณฑลซีเหอเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว…
คนรักเก่าสองคนที่ต้องพลัดพรากแยกทางกันมานานหลายปี กำลังกอดกันกลมพร้อมกับร้องไห้
อารมณ์ของหลาย ๆ คนที่อยู่ใกล้พวกเขาต่างได้รับผลกระทบเช่นกัน หลินเซี่ยรู้สึกสะเทือนใจมาก ก่อนจะหันหลังกลับ และยืนร้องไห้อย่างเงียบ ๆ
อารมณ์ของเธอนั้นซับซ้อนกว่าใครในที่นี้
ชาติก่อนเธอไม่มีโอกาสได้เจอครอบครัวที่แท้จริงของตัวเองด้วยซ้ำ หลิวกุ้ยอิงไม่เพียงแต่ไม่ได้เจอใครเท่านั้น หล่อนยังมาตายไปก่อนวัยอันควร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อของเธอยังมีชีวิตอยู่
เซี่ยไห่เองก็อารมณ์อ่อนไหวเช่นกัน ขณะเดียวกันเขาอดไม่ได้ที่จะร้องไห้เพราะภาพตรงหน้า
“แม่ พี่ใหญ่คงจำอะไรบางอย่างได้แล้วใช่ไหม?”
“สวรรค์เมตตาจริง ๆ พี่ใหญ่ของลูกต้องฟื้นความทรงจำแล้วแน่ ๆ”
เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงกอดกันและร้องไห้เป็นเวลานาน จากนั้นเซี่ยเหลยก็ปล่อยหล่อน ปาดน้ำตาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้ว่า “ผมจะไม่ทำหน้าตาแย่ ๆ ใส่คุณอีก ต่อจากนี้ไปผมจะยิ้มให้คุณทุกวันทุกเวลาเลย ตกลงไหม?”
คำพูดของเขาทำให้หลิวกุ้ยอิงสูญเสียการควบคุมอารมณ์ของตัวเองอีกครั้ง
เมื่อพวกเขาพบกันครั้งแรก หล่อนเคยเป็นลูกสาวที่เป็นที่รักของครอบครัว แทบไม่จำเป็นต้องทำงานอะไรเลย จึงสามารถออกไปเที่ยวเล่นได้และออกไปเจอเซี่ยเหลยอยู่บ่อย ๆ
เซี่ยเหลยเองมักจะทำหน้าทำตาไม่ดีใส่หล่อนเสมอ และยังบอกว่าหล่อนเป็นคนขี้เกียจอีกด้วย
“พี่เหลย จำทุกอย่างได้แล้วเหรอ?”
เซี่ยเหลยมองหล่อนด้วยสายตาอ่อนโยน ปาดน้ำตาบนใบหน้าหล่อนแล้วพยักหน้า “คุณคืออิงจื่อคนรักของผมไง เราแอบคบกันเงียบ ๆ มาตั้งครึ่งปี คุณตามเทียวไล้เทียวขื่อผมอยู่นานกว่าผมจะยอมตอบตกลงคบกับคุณ อันที่จริงผมแอบชอบคุณมานานแล้ว ตั้งแต่ครั้งแรกที่คุณช่วยเอาน้ำคั้นตำแยมาทาขาให้ เราอาจจะทะเลาะกันก็จริง แต่ผมก็เริ่มตกหลุมรักคุณเข้าแล้ว”
หลินเซี่ยร้องไห้อย่างเงียบ ๆ เพราะสะเทือนใจเมื่อได้ยินคำพูดของพ่อ สีหน้าของเธอดูซับซ้อนไปเล็กน้อย
ปรากฏว่าเรื่องราวความรักของ ‘ท่านประธานผู้เย็นชากับซินเดอเรลล่าจอมแก่น’ มีมาตั้งแต่ปี 1970 แล้วนี่เอง
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ในที่สุดพี่เหลยก็จำอดีตได้หมดแล้ว นับจากนี้ไปขอให้มีความสุขนะคะ
ไหหม่า(海馬)