ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 37 นี่คือคนรักของฉัน
ตอนที่ 37 นี่คือคนรักของฉัน
ตอนที่ 37 นี่คือคนรักของฉัน
เมื่อได้ยินเสียงไก่ขันวันรุ่งขึ้น เฉินเจียเหอก็ลืมตาตื่น
เขาลุกขึ้นนั่ง สวมเสื้อสเวตเตอร์ มองดูร่างทั้งสองที่นอนอีกฟากหนึ่งของเตียงเตา ติดที่ว่าวันนี้เขาไม่รู้สึกมีความสุขเหมือนสองวันที่ผ่านมา
เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถเข้าถึงความสุขนั้นได้
เขามองใบหน้าที่กำลังหลับใหลอย่างสงบ ความทรงจำบางอย่างคืบคลานเข้ามาในใจช้า ๆ
เธอเป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่เขาจำความได้ ทั้งรูปร่างหน้าตาและบุคลิกภาพ
หลินเซี่ยถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงกาที่ร้องดังด้านนอก เมื่อลืมตาขึ้นและหันศีรษะกลับไป ก็บังเอิญพบกับดวงตาที่ลึกล้ำราวกับสระน้ำ
เฉินเจียเหอที่กำลังมองเธอโดยไม่ทันตั้งตัวรีบหันมองไปทางอื่นด้วยความตื่นตระหนก
เขากระแอมเล็กน้อย ขณะรีบหันไปสวมเสื้อคลุมบุนวมและแกล้งถามไปว่า
“ตื่นแล้วหรือ?”
“ค่ะ นี่กี่โมงแล้ว?” หลินเซี่ยขยี้ตา และเปิดปากหาว
เมื่อคืนเธอผล็อยหลับไปตอนไหนก็ไม่ทราบ และตอนนี้เธอยังรู้สึกง่วงอยู่นิดหน่อย
เฉินเจียเหอตอบ “เจ็ดโมงเช้า”
เมื่อหลินเซี่ยได้ยินดังนั้น เธอก็รีบลุกขึ้นไปแต่งตัว
เฉินเจียเหอลุกออกจากเตียงเตา วักน้ำล้างหน้า แล้วเตรียมอ่างน้ำให้เธอล้างหน้าและบ้วนปาก
เมื่อเห็นว่ารองเท้าหนังขนาดเล็กบนพื้นเปื้อนไปด้วยโคลน เขาจึงหยิบรองเท้าของเธอออกไปแปรงทำความสะอาดโคลนด้านนอก
หลินเซี่ยมองดูเขาหยิบรองเท้าออกมา เธออยากบอกเขาว่าจะทำเอง แต่เฉินเจียเหอเดินออกไปแล้ว
ขณะมองดูเขาออกจากห้อง เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพความเหงาในดวงตาชายหนุ่มตอนที่เธอผลักเขาออกเมื่อคืนนี้ ซึ่งทำให้หัวใจเธอเจ็บปวดราวกับถูกคมมีดทิ่มแทง
หลังจากที่หวีผมแล้ว เฉินเจียเหอก็เข้ามาพร้อมกับรองเท้าของเธอ
เธอมองดูเขาพลางกล่าวคำเบา “เกือบสายแล้ว คุณไปส่งฉันทีค่ะ”
“ได้สิ”
แม่เฒ่าโจวตื่นแล้ว และกำลังทำอาหารเช้า
เฉินเจียเหอบอกว่าเขาจะแวะซื้อหมั่นโถวกิน
เขาจูงจักรยานแล้วออกไป หลินเซี่ยกล่าวลาผู้อาวุโสทั้งสองและวิ่งตามออกไป
ทันทีที่เธอนั่งซ้อนท้าย เธอก็ยกมือโอบรอบเอวเขาก่อนที่พวกเขาจะออกจากหมู่บ้าน
หมอกควันในหัวใจของเฉินเจียเหอจางหายไปอีกครั้ง
เขาไม่ได้จงใจปั่นเร็วเหมือนครั้งก่อน ๆ และปั่นอย่างนุ่มนวล เพื่อที่คนซ้อนท้ายจะได้ไม่ปล่อยมือจากเขาไป
เฉินเจียเหอถาม “หนาวไหม?”
“นิดหน่อยค่ะ”
“อีกไม่นานหรอก เดี๋ยวเราก็ไปถึงแล้ว”
เมื่อไปถึงร้านตัดผม พบว่ามันเพิ่งเปิดและยังไม่มีลูกค้า เถ้าแก่เนี้ยและเด็กฝึกงานกำลังช่วยกันทำความสะอาด ขณะต้มน้ำบนเตาเหล็ก
เมื่อเห็นหลินเซี่ยมาถึงตั้งแต่เช้า เถ้าแก่เนี้ยกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวหลิน มาเร็วจริงนะ”
“เราตกลงกันไว้ว่าแปดโมงเช้าไงคะ”
เฉินเจียเหอเดินแยกออกไปและกลับมาพร้อมตะกร้าหมั่นโถว เมื่อเห็นว่าไม่มีลูกค้าอยู่ในร้าน เขาจึงยื่นมันให้หลินเซี่ย “กินมื้อเช้าก่อนครับ”
หลินเซี่ยเปิดถุงและยื่นให้เขา “คุณเองก็กินด้วยสิ”
“ผมค่อยกินหลังจากกลับถึงบ้าน”
เฉินเจียเหอมองดูเธอและพูดว่า “อย่าลืมกินข้าวตอนเที่ยงล่ะ แล้วผมจะมารับคุณในตอนเย็น”
“ได้ค่ะ”
หลังจากเฉินเจียเหอขอตัวกลับ เถ้าแก่เนี้ยก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวหลิน คนรักของเธอใจดีมากเลยนะ”
“ใช่ค่ะ ฉันค้นพบสมบัติล้ำค่าแล้ว”
หลินเซี่ยนำหมั่นโถวมาให้เถ้าแก่เนี้ยและเด็กสาวฝึกงาน หลังจากรับประทานอาหารร่วมกัน ก็เริ่มมีลูกค้าเข้ามาตัดผมและดัดผมทีละคน
หลินเซี่ยมีงานยุ่งจนถึงเที่ยง และเถ้าแก่เนี้ยก็บอกให้เธอพักกินข้าวก่อน และมอบเงินค่าอาหารให้เธอห้าเหมา
หล่อนสังเกตเห็นฝีมือของหลินเซี่ย และคิดว่าหลินเซี่ยตัดผมได้เร็วกว่าหล่อนเสียอีก ทั้งยังออกมาประณีตและสวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ
ลูกค้าทุกคนต่างก็พึงพอใจ
แม้ว่าเงินเดือนที่มอบให้เธอจะค่อนข้างสูง แต่เถ้าแก่เนี้ยก็มีความตั้งใจของตัวเอง หล่อนต้องการผูกมิตรกับหลินเซี่ย และหวังว่าจะได้เรียนรู้ทรงผมใหม่ ๆ จากเธอในอนาคต
เงินเดือนเพียงเล็กน้อยนี้ถือเป็นค่าเล่าเรียน
หลินเซี่ยไปยังร้านอาหารฝั่งตรงข้าม หลินเยี่ยนยังคงยุ่งอยู่กับการเก็บชามเหมือนทุกที หลินเซี่ยจึงคว้าโอกาสคุยกับหล่อนครู่หนึ่ง แต่หลินเยี่ยนมีภาระงานหนักและรีบเข้าไปในครัวเพราะกลัวเถ้าแก่จะดุ
อย่างไรก็ตามหลินเซี่ยรู้สึกได้ว่าหลินเยี่ยนคุ้นเคยกับเธอมากขึ้น เมื่อเด็กสาวเห็นเธอ ระยะห่างระหว่างทั้งสองลดน้อยลง และถึงกับถามด้วยว่าเธอได้กลับบ้านไปเยี่ยมแม่บ้างไหม
ท้ายที่สุดแล้วพวกเธอก็เป็นพี่น้องกัน ตราบใดที่หลินเซี่ยไม่ได้ทำตัวโง่เขลาเหมือนชาติก่อนและปฏิเสธพวกหล่อน ทั้งแม่และน้องสาวต่างก็เต็มใจที่จะใกล้ชิดกับเธอ
พวกเธอล้วนเป็นคนจิตใจดี
ในช่วงบ่าย ชายหนุ่มสวมแจ็กเกตหนังทันสมัยคนหนึ่งเข้ามาตัดผม เมื่อเห็นหลินเซี่ย เขารู้สึกถึงแรงดึงดูดที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจ
ขณะที่หลินเซี่ยตัดผมให้ เขาเริ่มพูดคุยกับเธอ และถามเธอโดยสังเขปว่าเธออายุเท่าไหร่และอาศัยอยู่ที่ไหน
หลินเซี่ยพูดคุยกับเขาด้วยรอยยิ้ม
“สาวน้อย บุคลิกแบบนี้นี่แสดงว่าคงมาจากในเมืองใช่ไหม?” ชายหนุ่มถาม
หลินเซี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณบอกได้ยังไงคะ?”
“ผมเรียนในเมืองครับ ผมเพิ่งเรียนจบและกลับมาทำงานที่บ้านเกิด ผมเคยไปเที่ยวหลายที่และพบเจอหญิงสาวในเมืองมากมาย พวกหล่อนล้วนมีนิสัยคล้ายกับคุณ”
“ฉันบอกได้เลยว่าคุณคงเห็นโลกมามาก”
“แล้วตกลงคุณชื่ออะไร? อาศัยอยู่ที่ไหน? ผมทำงานที่โรงพยาบาลนะ ถ้าคุณป่วยก็มาหาผมได้”
หลินเซี่ย “!!!”
เธอกลอกตาและหัวเราะเล็กน้อย ก่อนพูดว่า
“ขอบคุณค่ะ แต่ฉันคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้พบคุณ”
ชายหนุ่มตระหนักว่าเขาพูดผิดไป จึงรีบพูดแก้ไข
“คุณเลิกงานกี่โมงครับ? ผมมีมอเตอร์ไซค์ เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่บ้าน”
“มอเตอร์ไซค์ของคุณราคาเท่าไหร่คะ?” หลินเซี่ยได้ยินว่าอีกฝ่ายพูดถึงมอเตอร์ไซค์ เธอจึงถามเขา
เมื่อกลับไปเมืองไห่เฉิง เธออยากซื้อมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง เพราะมันทั้งเร็วและเท่ด้วย
แต่เธอลืมราคาของรถจักรยานยนต์ในยุคสมัยนี้ไปแล้ว
“มอเตอร์ไซค์ของผมราคาค่อนข้างแพง ถ้าเลิกงานแล้ว ผมจะพาคุณออกไปเที่ยวนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา หลินเซี่ยรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัว
ออกไปขี่รถเล่นในฤดูกาลนี้ ผู้ชายคนนี้กล้าไม่เบา
ขณะที่หลินเซี่ยหันไปตัดผมด้านข้าง เธอพลันรู้สึกถึงแรงกดดันจากด้านหลัง เมื่อหันกลับไป เธอเห็นร่างสูงใหญ่ยืนมองเธออยู่
เธอตกใจ “ทำไมคุณถึงมาที่นี่เร็วนัก?”
ทำไมเถ้าแก่เนี้ยถึงไม่กล่าวทักทายเฉินเจียเหอล่ะ?
เธอหันกลับไปดู ก็พบว่าเถ้าแก่เนี้ยเข้าไปในห้องด้านหลังแล้ว
เฉินเจียเหอเหลือบมองชายหนุ่มผมสั้นที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้และพูดว่า “ผมมาที่นี่ก่อนเวลาเพื่อซื้อของบางอย่าง” เขายกกล่องกระดาษในมือขึ้น ซึ่งมีรูปของเตารีดบนนั้น
เมื่อคืนเธอบอกว่าต้องรีดเสื้อผ้าชุดใหม่ เฉินเจียเหอจึงมาซื้อเตารีดให้ในวันนี้
เมื่อชายหนุ่มได้ยินหลินเซี่ยคุยกับชายอีกคน เขาหันศีรษะไปมอง และเห็นเพียงเอวของชายคนหนึ่ง หลังเงยหน้ามอง เขาจึงเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
หลินเซี่ยแนะนำ “นี่คือคนรักของฉันค่ะ”
“หือ? โอ้” ชายหนุ่มสูญเสียแรงผลักดันทันทีและนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมราวกับหุ่นเชิดโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เฉินเจียเหอนั่งบนเก้าอี้ว่างในร้านตัดผมและรอหลินเซี่ย
เขามีรูปร่างสูงใหญ่ และมีหน้าตาหล่อเหลา ลูกค้าผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาต่างก็แอบมองเขาบ่อยครั้ง
เมื่อหลินเซี่ยเห็นใครบางคนแอบมองเฉินเจียเหอ เธอจึงจงใจแนะนำตัวตนของชายหนุ่มให้กับบุคคลอื่น
หลังจากได้ยินว่าเขาเป็นคนรักของช่างตัดผม เด็กสาวที่แอบมองเฉินเจียเหอก็หน้าแดงก่ำและนั่งลงด้วยความเขินอาย
ผู้หญิงยุคนี้ค่อนข้างจะถ่อมตัวและขี้อาย พวกหล่อนทำได้แค่แอบมองคู่รักของคนอื่นโดยกลัวว่าจะถูกเข้าใจผิดว่าตนเป็นผู้หญิงแพศยา
เวลาห้าโมงเย็นยังคงมีลูกค้าอยู่ในร้านประปราย หลินเซี่ยเก็บกรรไกรและพูดว่า “คุณพี่ ฉันต้องเลิกงานแล้วค่ะ”
เถ้าแก่เนี้ยพยักหน้า “ได้สิ พวกเธอกลับไปก่อนได้เลย”
หลินเซี่ยหันไปพูดกับเฉินเจียเหอด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ฉันตัดผมสิบเอ็ดครั้ง และดัดผมสี่ครั้ง รวมเป็นเงินสิบสามหยวนห้าเหมา ช่วยฉันจำด้วยนะ”
เมื่อเห็นสีหน้าที่สดใสของหญิงสาว หัวใจของเขาสั่นคลอนชั่วขณะ
เขาพยักหน้ารับ “บวกกับก่อนหน้า รวมเป็นยี่สิบสองเหรียญห้าเหมา”
ยี่สิบสองเหรียญห้าเหมา…
เมื่อเฉินเจียเหอพูดถึงตัวเลขดังกล่าว เขาก็มองดูเธอด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
เธอทำเงินได้มากมายขนาดนี้ในเวลาเพียงหนึ่งวันครึ่ง
หลินเซี่ยอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ก่อนปีใหม่มักมีคนมากมายมาตัดผมจนแน่นร้าน ปกติแล้วไม่ค่อยมีคนมาตัดผมหรือดัดผมมากนัก ฉันบังเอิญมาถูกเวลาจริงๆ”
ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินทางกลับบ้าน หู่จือที่สวมเสื้อผ้าตัวใหม่ได้เฝ้ามองอยู่ที่ประตูแล้ว
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
จะมาจีบเซี่ยเซี่ยเหรอไอหนุ่ม เขามีแฟนแล้วนะ
ไหหม่า(海馬)