ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 370 พ่อลูกได้รู้จักกัน
ตอนที่ 370 พ่อลูกได้รู้จักกัน
ตอนที่ 370 พ่อลูกได้รู้จักกัน
ขณะที่หลินเซี่ยคิดอะไรไม่เหมาะไม่ควรอยู่นั้น พ่อที่เป็น ‘ท่านประธานผู้เย็นชา’ ก็หันมามองเธอ
เซี่ยเหลยมองลูกสาวตัวเองด้วยความรู้สึกผิด “เซี่ยเซี่ย พ่อขอโทษ พ่อไม่สามารถรับผิดชอบและภาระหน้าที่ของตัวเองในฐานะพ่อได้ จนแม่กับลูกต้องมาทรมานเพราะพ่อ”
“พ่อ อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ พ่อเองต้องทรมานมากกว่าฉันอีก”
หลินเซี่ยเรียกเขาว่า ‘พ่อ’ อย่างปราศจากความเคอะเขิน ดวงตาของเซี่ยเหลยเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำอีกครั้ง ก่อนเหยียดแขนออกไปโผกอดเธอ
“โธ่ลูก พ่อทั้งดีใจและเสียใจมากจริง ๆ เมื่อรู้ว่าตัวเองมีลูกสาวที่รู้ความมากขนาดนี้”
เมื่อสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดอันอบอุ่นและอ่อนโยนของพ่อตัวเอง หลินเซี่ยก็สำลักจนร้องไห้ออกมา พูดว่า “พ่อรู้ไหม? นับตั้งแต่ฉันรู้ว่าพ่อเป็นพ่อแท้ ๆ ฉันหวังว่าทุกวันพ่อจะฟื้นความทรงจำกลับมาได้ ตอนนี้ในที่สุดทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทางแล้ว พ่อไม่ปล่อยให้เราต้องรอนานเลย”
ตลอดเวลาเธอเอาแต่จินตนาการถึงเหตุการณ์ทำนองนี้นับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่คาดคิดว่ามันจะเป็นจริงในวันนี้ เดิมทีเธอคิดว่าหลังจากได้รับผลการระบุตัวตนแล้ว เขาจะต้องยอมรับเธอได้แน่
เมื่อฟังคำพูดของลูกสาว เซี่ยเหลยรู้สึกอึดอัดมากขึ้น ปรากฎว่าแม้แต่เซี่ยเซี่ยเองก็รู้เรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขามานานแล้ว แต่เนื่องจากตัวเขามีภาวะความจำเสื่อม ทุกคนจึงได้แต่เข้าใกล้เขาด้วยความระมัดระวัง
เซี่ยเหลยพูดไม่ค่อยเก่ง เมื่อมองบรรดาญาติ ๆ เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ นอกจากรู้สึกมีความสุขและตักตวงความโชคดีที่ตัวเองพบเจอเอาไว้
เซี่ยไห่มองพี่ใหญ่ของเขาอย่างมีความสุขแล้วถามว่า “พี่ใหญ่ พี่จำได้ทุกอย่างเลยเหรอ?”
“ตอนนี้ฉันเหลือแค่เรียงเรียงภาพที่กระจัดกระจายให้เป็นชิ้นเป็นอันมากขึ้น”
เนื่องจากตอนนี้เซี่ยเหลยมีหลากหลายอารมณ์มากเกินไป สีหน้าของเขาจึงซีดเผือดลง เขากุมหัวตัวเองไว้ แต่ก็สุดท้ายก็ทนไม่ไหว จึงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ตอนนี้ฉันปวดหัวมาก”
“พี่ใหญ่ งั้นกลับบ้านกันก่อนเถอะ”
เซี่ยไห่รีบเข้าไปพยุงเซี่ยเหลย พบว่ามีเหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากอีกฝ่ายเยอะมาก เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะอดกลั้นอาการปวดนี้ไว้
หลิวกุ้ยอิงและหลินเซี่ยรู้สึกเป็นกังวลจึงเดินตามไป พวกเขาทั้งหมดเข้าไปในรถของเซี่ยไห่ ทางเฉินเจียเหอเพิ่งกลับมาจากทำงานล่วงเวลาเห็นว่าหลินเซี่ยไม่ติดต่อกลับ เขาก็ครุ่นคิดสักพักและโทรหาเซี่ยไห่ เมื่อรู้เรื่องทั้งหมดก็รีบมาที่บ้านตระกูลเซี่ยทันที
หลังจากถึงบ้านและช่วยพยุงเซี่ยเหลยนอนลงบนเตียง คนอื่น ๆ ก็อยู่ข้างเตียงเพื่อติดตามอาการเขา ขณะเซี่ยไห่ออกไปตามหมอแผนจีนเย่
เฉินเจียเหอรีบวิ่งตามเข้ามา เมื่อได้ฟังหลินเซี่ยเล่าเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของพ่อตา เขาก็ตื่นเต้นและมีความสุขมากเหมือนกัน
เนื่องจากลูกสาวและพ่อจดจำกันและกันได้แล้ว แถมพ่อตายังจำอดีตภรรยาของตัวเองได้อีก จากนี้ก็ควรยอมรับเขาในฐานะลูกเขยด้วยเช่นกัน
เฉินเจียเหอเดินไปที่เตียง ก้มมองชายบนเตียงแล้วถามด้วยความเป็นกังวลว่า “พ่อครับ รู้สึกยังไงบ้าง?”
คำพูดของเฉินเจียเหอดังขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว เซี่ยเหลยจึงเกิดอาการปวดหัวอีกครั้ง และทำให้ความทรงจำเกิดรอยแยก
ชายคนหนึ่งกำลังเรียกเขาว่าพ่อ แต่เขาไม่สามารถโต้ตอบได้เลยแม้แต่น้อย
เขาค่อย ๆ มองไปด้านข้าง มองเห็นความกังวลบนใบหน้าอันหล่อเหลาที่ขยายใหญ่ขึ้นของเฉินเจียเหอ เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจคำพูดนั้นอย่างชัดเจน
สามีของเซี่ยเซี่ยก็คือลูกเขยของเขานั่นเอง
สมควรแล้วที่ลูกเขยจะเรียกพ่อตาว่าพ่อ
เมื่อหลินเซี่ยเห็นท่าทางสับสนของพ่อตัวเองขณะนั้น จึงหันไปมองเฉินเจียเหอโดยไม่พูดอะไร
ในไม่ช้า เซี่ยไห่ก็เชิญหมอแผนจีนเย่มาพบ
เย่ไป๋เองก็เดินตามหลังมาพร้อมกล่องยา
เมื่อได้ยินข่าวว่าเซี่ยเหลยฟื้นความจำบางส่วนแล้ว และมีอาการปวดหัวตามมา หมอแผนจีนเย่จึงเป็นกังวลมากเหมือนกัน ทุกคนต่างหาที่ว่างให้เขา จากนั้นหมอเย่ก็รีบเข้าไปจับชีพจรของเซี่ยเหลย
หลังจากนั้นไม่นาน หมอแผนจีนเย่ชักมือออกแล้วพูดกับทุกคนว่า “ดูจากชีพจรแล้ว ร่างกายของเขาสบายดี แต่เขาไม่ควรตกอยู่ในภาวะบีบคั้นทางอารมณ์จนเกินไป เดี๋ยวฉันจะฝังเข็มให้เขาแล้วปล่อยให้ได้พักผ่อนสักหน่อย เขาจะได้นอนพักผ่อนข้ามคืนเพื่อดูอาการ ดูว่าพรุ่งนี้เขาจะปวดหัวอีกหรือเปล่า”
เย่ไป๋นำเข็มเงินปลายแหลมออกมาเพื่อฆ่าเชื้อ
เซี่ยอวี่ก็ไปเตรียมน้ำมาให้หมอแผนจีนเย่ล้างมือ
จากนั้นจึงเริ่มทำการฝังเข็ม
หลังรักษาได้เกือบชั่วโมง เข็มก็ถูกถอนออกไป
เซี่ยเหลยผล็อยหลับไประหว่างการฝังเข็มแล้ว
หมอเย่บอกทุกคนว่าอย่ากังวลไป อาการปวดหัวเป็นเรื่องปกติ พอความทรงจำถูกปลุกให้ตื่น เซลล์ประสาทในสมองจะถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง ทำให้เกิดอาการปวดหัวเฉียบพลัน พอสงบสติอารมณ์ได้ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว
คุณแม่เซี่ยมองหน้าหมอแผนจีนเย่และขอบคุณอย่างจริงใจ “หมอเย่ ขอบคุณมากนะคะ คุณเป็นหมอเทวดาจริง ๆ ด้วย”
หมอเย่ยิ้มและตอบกลับ “พี่สาวครับ มันไม่ใช่ความสามารถของผมเลย ความทรงจำที่เต็มไปด้วยฝุ่นของเซี่ยเหลยถูกปลุกให้ตื่นขึ้นต่างหาก ถึงได้มีผลกระทบทางอารมณ์รุนแรง นี่เป็นผลมาจากความพยายามทั้งหมดของพวกคุณทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะหลิวกุ้ยอิงช่วยเหลือ การรักษาก็ไม่ง่ายเหมือนกัน เซี่ยเหลยคงยากที่จะฟื้นความทรงจำกลับมาได้ในระยะเวลาที่สั้นแบบนี้”
“กุ้ยอิง เธอเป็นผู้หญิงที่น่าทึ่งมาก ต้องทนทุกข์ทรมานมามากในอดีต จากนี้ก็มีชีวิตที่ดีกับเขาในอนาคตเถอะ”
เมื่อหลิวกุ้ยอิงได้ยินหมอเย่พูดถึงการมีชีวิตดี ๆ กับเขา หล่อนก็เบือนหน้าหนี
หมอเย่สังเกตเห็นความกังวลของหล่อน จึงพูดอย่างจริงจังว่า “อย่าเอาแต่ติดอยู่กับภาระทางใจนั่นเลย อย่ารู้สึกผิดต่อต้าฝูจนชีวิตของตัวเองไม่เดินหน้า ต้าฝูเป็นคนใจกว้าง เขาจะอวยพรเธออยู่บนสวรรค์แน่”
“ขอบคุณนะคะหมอเย่”
หลิวกุ้ยอิงแสดงท่าทางเคารพหมอเย่อย่างมาก และรู้สึกขอบคุณ
ชายชราคนนี้เป็นคนที่ให้ความกระจ่างแก่หล่อนเมื่อก่อนหน้านี้ หล่อนถึงได้รวบรวมความกล้าที่จะก้าวต่อไป และเล่าประสบการณ์ชีวิตของตัวเองให้หลินเซี่ยฟัง
หลิวกุ้ยอิงโชคดีมากที่ได้รู้จักชายชราผู้น่านับถือคนนี้ ซึ่งสามารถให้คำแนะนำแก่หล่อนในช่วงเวลาวิกฤตตอนนั้นได้
หมอเย่มองไปยังหลิวกุ้ยอิง และพูดว่า “ถึงอย่างนั้น เธอก็อย่าลืมแสดงความเมตตาต่อลูกชายของต้าฝูอย่างเสมอต้นเสมอปลายด้วยล่ะ”
หลิวกุ้ยอิงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ฉันทำแน่นอนค่ะ”
หมอเย่บอกกับคุณแม่เซี่ยและคนอื่นอีกครั้งว่าอย่าตึงเครียดจนเกินไป หลังจากเซี่ยเหลยตื่นขึ้น ทุกคนก็ไม่ควรไปเร่งเร้าเพื่อฟื้นฟูความทรงจำของเขาอีก
เย่ไป๋ถือกล่องยารักษาและพูดเบา ๆ กับเซี่ยอวี่ว่า “ผมไปก่อนนะ”
“อืม”
เซี่ยอวี่สังเกตเห็นว่าเย่ไป๋สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวพอดีตัวออกมาข้างนอกแค่ตัวเดียว เขาคงรีบออกมาอย่างกะทันหันจนไม่มีเวลาหาเสื้อคลุม หล่อนพูดต่อว่า “ตอนกลางคืนหนาว เดี๋ยวฉันหาเสื้อผ้าของเซี่ยไห่ให้คุณใส่ก่อนดีไหม?”
เย่ไป๋ยิ้มแล้วตอบกลับ “ไม่รบกวนดีกว่า อยู่ในรถไม่หนาวหรอกครับ”
คุณแม่เซี่ยดูพอใจมากเมื่อเห็นเย่ไป๋และลูกสาวแสดงความมีน้ำใจต่อกัน
เซี่ยไห่เดินออกไปส่งหมอเย่และเย่ไป๋แล้วค่อยกลับเข้ามา
หลิวกุ้ยอิงและหลินเซี่ยไม่ได้กลับไปตอนกลางคืนทันที แต่พักอยู่ที่บ้านตระกูลเซี่ยเพื่อคอยดูแลเซี่ยเหลย
ทั้งครอบครัวกำลังนั่งคุยกันอยู่ในห้องโถง ในช่วงครึ่งหลังของคืนนั้น เมื่อเห็นว่าเซี่ยเหลยนอนหลับสนิท คุณแม่เซี่ยจึงขอให้เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยไปพักผ่อนในห้องพักแขก
บ้านนี้มีห้องหลายห้อง นับตั้งแต่ได้รู้เกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตของหลินเซี่ย คุณแม่เซี่ยก็ทำความสะอาดห้องไว้รอทุกวัน หวังว่าสักวันหนึ่งหลานสาวของตัวเองจะมาพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ได้อย่างสนิทใจ
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้
อย่างไรก็ตาม หลิวกุ้ยอิงไม่รู้สึกง่วงเลย หล่อนคอยอยู่เฝ้าเซี่ยเหลยไม่ห่างไปไหน
หล่อนนั่งเฝ้าเขาเกือบทั้งคืน
หล่อนมองใบหน้าของเซี่ยเหลย นึกถึงอดีตเมื่อครั้งยังเด็กแล้วก็แอบหลั่งน้ำตาในบางครั้ง สลับกับยิ้มด้วยความประทับใจ
ความทุกข์ทรมานที่ต้องฝืนทนมาตลอดยี่สิบปีไม่ไร้ประโยชน์แล้ว
หล่อนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่หลินเซี่ยสามารถเรียกเขาว่าพ่อได้อย่างเปิดเผย
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ทั้งครอบครัวได้กลับมารวมตัวกันอย่างอบอุ่นอีกครั้งแล้ว ขอให้อยู่แบบนี้ไปนานๆ เลยนะ
ต้องขอบคุณหมอเย่มากๆ เลย ไม่มีหมอเย่ทุกคนคงไม่ได้มาคืนดีกันแบบนี้
ไหหม่า(海馬)