ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 375 อย่าร้องดัง เดี๋ยวเพื่อนบ้านได้ยิน
ตอนที่ 375 อย่าร้องดัง เดี๋ยวเพื่อนบ้านได้ยิน
ตอนที่ 375 อย่าร้องดัง เดี๋ยวเพื่อนบ้านได้ยิน
เมื่อเฉินเจียเหอมาถึงอาคารพักอาศัย ชายและหญิงชรากลุ่มหนึ่งยังคงเต้นรำอยู่กลางลานด้านหน้า หลินเซี่ยจูงมือหู่จือและนั่งอยู่ด้านข้าง ๆ เป็นผู้รับชม
เฉินเจียเหอเดินไปจับมือพวกเขาแล้วถามเบา ๆ “ทำไมยังไม่ขึ้นไปนอนอีก?”
หลินเซี่ยถอนหายใจ “อากาศร้อนจนพวกเรานอนไม่หลับ ทุกคนต่างก็ออกมาข้างนอกเพื่อรับอากาศเย็น ๆ กันทั้งนั้น เราเลยมาร่วมสนุกด้วย”
หู่จือแก้ไขแทนเธอทันที “ไม่ใช่ซะหน่อย ข้างล่างส่งเสียงดังมากจนพวกเรานอนไม่หลับฮะ”
เฉินเจียเหอได้ยินสิ่งที่หู่จือพูด ประกอบกับเสียงอึกทึกจากรอบด้าน เขาจึงพอจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
ชายและหญิงสูงอายุเหล่านี้เพลิดเพลินกับกิจกรรมเต้นรำมากจนไม่ยอมกลับขึ้นไปนอน ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว แถมยังเปิดเครื่องเสียงดังลั่นจนอาจทำให้กระจกแตก
พวกเขาทั้งหมดเป็นกลุ่มอดีตพนักงานที่เกษียณอายุแล้ว เป็นเรื่องยากที่คนหนุ่มสาวจะพูดหรือตักเตือนกับพวกเขาอย่างตรงไปตรงมา ทำอะไรไม่ได้นอกจากอดทน
เฉินเจียเหอจับมือพวกเขาแล้วพูดว่า “มา กลับบ้านกันเถอะ”
“หยุดเต้นได้แล้ว เสียงดังหนวกหู ไม่คิดจะให้คนอื่นนอนเลยหรือไง?”
จู่ ๆ ชายหนุ่มคนหนึ่งบนชั้นสองก็คำรามเสียงดังลั่น และสาดน้ำในกะละมังลงจากชั้นบน
บังเอิญว่ามันเทลงมาจนเกือบโดนเครื่องเสียง ป้าหวังตกใจมากจนต้องรีบไปกดปิดเพลง
ลุงหลี่ที่กำลังเต้นรำอย่างมีความสุขถึงกับชะงักกึกเมื่อดนตรีหยุดลงกลางคัน แล้วเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มเปลือยท่อนบนยืนถือกะละมังอยู่ที่หน้าต่างชั้นบน ตอบกลับไปด้วยความไม่พอใจ “ถ้าไม่ให้พวกเราซ้อมเต้น แล้วเราจะเอาความพร้อมจากไหนไปเข้าร่วมการแข่งขัน? ถ้าไม่ฝึกซ้อมแล้วจะนำเกียรติยศชื่อเสียงมาสู่โรงงานเราได้ยังไง?”
ชายหนุ่มคำรามต่อไปด้วยความโกรธ “พวกคุณไม่ได้ไปทำงาน ซ้อมเต้นกันตอนกลางวันไม่ได้หรือไง? ถ้าคุณยังยืนกรานว่าจะเปิดเพลงเสียงดังรบกวนตอนกลางคืนอีก แล้วเราจะนอนอย่างเต็มอิ่มเพื่อตื่นไปทำงานวันพรุ่งนี้ได้ยังไง?”
ชายหนุ่มเป็นตัวแทนระบายความในใจของทุกคนออกมา
ทั้ง ๆ ที่เหตุการณ์เป็นอย่างนี้ ทุกคนที่ต้องตื่นไปทำงานและไปโรงเรียนในวันรุ่งขึ้นแม้จะถูกเสียงดังลั่นรบกวนจนนอนไม่หลับ แต่กลับไม่มีใครเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นประท้วง
จิตสำนึกส่วนรวมของคนยุคนี้แข็งแกร่งมาก
หลังจากชายหนุ่มแสดงท่าทางเกรี้ยวกราดและสาดน้ำลงไป ก็มีหลายคนแอบชมเชยเขาว่าทำได้ดีมาก
ลุงหลี่โกรธมากจนอยากจะไปหาผู้บริหาร แล้วบอกว่ามีคนจงใจทำลายเครื่องเสียงของพวกเขา ขัดขวางไม่ให้พวกเขานำความรุ่งโรจน์มาสู่โรงงาน
หลินเซี่ยรีบคว้าแขนลุงหลี่และคนอื่น ๆ ไว้
“ลุงหลี่ ลุงหนิวคะ ไว้พรุ่งนี้เราค่อยมาซ้อมเต้นกันใหม่เถอะ ถึงเวลาที่ทุกคนควรต้องเข้านอนแล้วจริง ๆ ค่ะ อย่าลืมว่าช่วงนี้คุณเปิดเพลงเสียงดังเกินไปหน่อย พนักงานหนุ่มสาวอาจจะทนฟังเสียงรบกวนไม่ไหว”
เมื่อลุงหลี่เห็นหลินเซี่ยอุ้มหู่จือซึ่งอ้าปากหาววอดด้วยความง่วงงุน พวกเขาก็ดูนาฬิกาอีกครั้ง พอเห็นว่าเป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว ถึงตระหนักว่าการซักซ้อมของพวกเขาส่งผลต่อการพักผ่อนของทุกคนจริง ๆ เขาจึงรู้สึกผิดและล้มเลิกความคิดที่จะไปฟ้องผู้นำ
“ได้ ไว้พรุ่งนี้เราค่อยไปซ้อมเต้นกันที่สวนสาธารณะ”
ทันทีที่ชายชราและหญิงชราแยกย้ายกันกลับบ้าน ความสงบสุขก็กลับคืนสู่อาคารพักอาศัยในที่สุด
ไฟในห้องแต่ละห้องทยอยดับลงทีละห้อง
เมื่อขึ้นไปชั้นบน เฉินเจียเหอก็ถามหลินเซี่ย “พวกเขากำลังจะเข้าร่วมการแข่งขันอะไรเหรอ?”
“ดูเหมือนว่าจะเป็นการแข่งขันเต้นรำที่จัดขึ้นในเมืองค่ะ ลุงหลี่กับลุงหนิวเป็นผู้นำกลุ่ม พวกเขายังมาทาบทามให้ฉันเข้าร่วมด้วย แต่ฉันบอกว่าช่วงนี้งานที่ร้านยุ่งมาก ไม่มีเวลามาซ้อมจริง ๆ”
“ดีที่ครั้งล่าสุดฉันเพิ่มท่าเต้นให้พวกเขาแล้ว”
หลินเซี่ยไม่เสียใจเลยที่ได้มีโอกาสสอนพวกเขาเต้นแอโรบิก เพราะเป็นการดีที่ชายชราและหญิงชราจะได้ออกกำลังกาย ขอเพียงพวกเขาไม่รบกวนคนอื่นก็พอ
ในเมื่อคืนนี้มีตัวแทนหมู่บ้านสาดน้ำใส่ เกรงว่าต่อไปนี้ช่วงกลางคืนคงเงียบสงบลงมาก
หลังจากกลับเข้าห้อง หู่จือก็ผล็อยหลับไป
ทันทีที่เฉินเจียเหอเอนตัวนอนลง เขาก็เล่าให้หลินเซี่ยฟังถึงเรื่องซุบซิบที่เขาได้ยินมา
หลินเซี่ยเริ่มให้ความสนใจหลังจากได้ยินเรื่องนี้ “ใครบอกว่าเสิ่นอวี้อิ๋งป่วยเหรอคะ?”
“เซี่ยตงพูดเอง”
“ป่วยอะไรกันล่ะคะ? หล่อนท้องต่างหาก”
เมื่อเฉินเจียเหอได้ยิน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ท้องเหรอ?”
หลินเซี่ยพูดอย่างหนักแน่น “ใช่ค่ะ หล่อนรักสนุกแล้วพลาดท้อง เสิ่นเถี่ยจวินก็เลยจะพาหล่อนไปคลอดลูกที่เมืองอื่น ถ้าป่วยจริงหล่อนหาหมอในไห่เฉิงมารักษาก็ได้ คุณคิดว่าจำเป็นต้องถ่อสังขารไปรักษาที่อื่นด้วยเหรอ?”
เฉินเจียเหอเข้าใจการวิเคราะห์ของหลินเซี่ยทันที
เฉินเจียเหอใช้มือข้างหนึ่งเท้าคาง พลิกตัวมานอนตะแคง มองหญิงสาวข้าง ๆ พลางเลิกคิ้ว “หล่อนท้องกับแฟนเก่าของคุณใช่ไหม?”
หลินเซี่ยได้ยินเขาพูดถึงสถานะที่ตัวเองไม่อยากได้ยิน ก็ยกขาถีบเขาอย่างไร้ความปรานี “แฟนเก่าบ้าบออะไรล่ะ? ช่วยพูดให้มันดีหน่อยได้ไหมคะ?”
“ผมผิดไปแล้ว เดี๋ยวผมเรียบเรียงแล้วถามใหม่” เฉินเจียเหอรีบเปลี่ยนคำพูดของตัวเอง แล้วถามซ้ำอีกครั้ง “หรือว่าพ่อเด็กจะเป็นชายหงส์(1)คนนั้น?”
“ไม่แน่ใจ บางทีอาจจะเป็นเจิ้งต้าหมิงก็ได้ ครั้งล่าสุดที่พวกตระกูลเสิ่นบุกมาที่บ้านเราด้วยความโกรธเพื่อสร้างปัญหาให้ฉัน คงเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าเสิ่นอวี้อิ๋งพลาดท้อง เพื่อที่จะกลบเกลื่อนความเลวทรามของตัวเอง เสิ่นอวี้อิ๋งก็เลยสาดน้ำสกปรกใส่ฉันอีกครั้ง นั่นเป็นเหตุผลที่ผู้เฒ่าเสิ่นกับเสิ่นเถี่ยจวินมาสะสางบัญชีกับฉันไงล่ะ”
คำตอบของหลินเซี่ยราวกับเบิกเนตรทั้งสามโลกทัศน์ของเฉินเจียเหอ
ในที่สุดความลับก็เปิดเผย เสิ่นอวี้อิ๋งและหลิวจื้อหมิงลักลอบได้เสียกันจริง ๆ
แต่เด็กในท้องของหล่อนกลับเป็นลูกของคนอื่นงั้นเหรอ?
นี่…
ในฐานะชายหนุ่มผู้ซื่อสัตย์และอุทิศตนให้กับความรัก เขาไม่อาจเข้าใจพฤติกรรมสำส่อนของเสิ่นอวี้อิ๋งได้จริง ๆ
เขาพูดอะไรไม่ออกเลย
“อย่าเอาแต่พูดถึงคนน่ารังเกียจพวกนั้นเลยค่ะ”
ขืนยังพูดถึงต่อไป คนที่จะรู้สึกแย่อาจเป็นพวกเขาเสียเอง
เฉินเจียเหอเหยียดแขนออกเพื่อเอื้อมไปปิดไฟ
จากนั้นเขาก็ประสานฝ่ามือเข้ากับมือนุ่มนวลของภรรยาอย่างแนบแน่น
หลินเซี่ยจับฝ่ามืออันดื้อรั้นของเขาแล้วถามเบา ๆ “เฉินเจียเหอ คุณอยากมีลูกจริงเหรอคะ?”
เฉินเจียเหอตอบเสียงดังฟังชัด “อยากสิ”
“คุณพร้อมจะเลี้ยงเด็กสองคนพร้อมกันแล้วเหรอ?”
ถึงอย่างไรหู่จือก็ไม่ใช่ลูกชายทางสายเลือดของเขา ตอนนี้สถานะครอบครัวของพวกเขาทั้งสามกำลังเป็นไปด้วยดี ถ้าพวกเขามีลูกน้อยเพิ่มมาอีกสักคนหนึ่ง สายตาหลายคู่จากใครหลายคนต้องจ้องจับผิดพวกเขาแน่ เพื่อดูว่าความรักที่พวกเขาเคยมีต่อหู่จือจะเปลี่ยนไปหรือไม่
การเลี้ยงลูกสองคนชวนเครียดกว่าการเลี้ยงลูกคนเดียวมากโข
เฉินเจียเหอตระกองกอดเธอแล้วพูดเบา ๆ “เซี่ยเซี่ย การเลี้ยงลูกสองคนไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย หู่จืออายุเกือบหกขวบแล้ว ตราบใดที่พวกเรามีการวางแผนที่ดี ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเท่าเทียมกัน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาใด ๆ หู่จือก็เป็นอย่างที่คุณเห็น เขาเร่งเร้าให้พวกเรามีน้องชายหรือน้องสาวให้เขาสักคนด้วยซ้ำ เขาคงอยากมีเพื่อนตัวน้อยเหมือนกัน และด้วยฐานะของพวกเราก็พอจะมีเพิ่มอีกคนได้”
ในที่สุดคำพูดของเฉินเจียเหอก็ขจัดความกังวลของหลินเซี่ยไปได้จนหมดสิ้น
เกิดใหม่ชาตินี้ เธอก็อยากมีลูกเป็นของตัวเองเหมือนกัน
ความรักทั้งหมดในชาติก่อนมอบให้กับนังเด็กปีศาจนั่นไปทั้งหมด
แต่ท้ายที่สุดหล่อนกลับถอดหน้ากากออกซิเจนของเธอออกอย่างเลือดเย็น
เด็กปีศาจคนนั้นมาเกิดในท้องของเสิ่นอวี้อิ๋งแล้ว และจะลืมตาดูโลกในเดือนแรกของปีหน้า
เธอจึงอยากรู้เหลือเกินว่าในชาตินี้เด็กปีศาจนั่นจะไปทำร้ายใครอีก?
“ตอนนี้นโยบายการวางแผนครอบครัวของรัฐดูเหมือนจะอนุญาตให้หนึ่งครอบครัวมีลูกหนึ่งคน เรามีสองคนนับว่าโชคดีมาก”
หลังจากที่หลินเซี่ยพูดจบ เธอก็พลิกตัวไปตะครุบเฉินเจียเหอ เริ่มปฏิบัติการยั่วยวนเขาทันที “ถ้าอย่างนั้นเริ่มกันเลยสิคะ”
เฉินเจียเหอถูกหญิงสาวจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อเขาได้สติตอบสนองก็กลับมาเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมและผลักร่างเธอลงไปอยู่ด้านใต้ “ผมถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว!”
มือชายหนุ่มเลื้อยเลาะถอดเสื้อผ้าบนเรือนร่างของเธอออกอย่างชำนาญ
จากนั้นท่วงท่าการเคลื่อนไหวของเขาก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนหญิงสาวที่อยู่ข้างใต้อดไม่ได้ที่จะเปล่งเสียงร้องครวญคราง
เขารีบปิดปากเธอด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วกระซิบด้วยน้ำเสียงแผ่วกระเส่า “จุ๊ ๆ เบาเสียงลงหน่อยคนดี เดี๋ยวเพื่อนบ้านจะได้ยิน”
เมื่อไม่กี่วันก่อน หวังกงซึ่งเป็นเพื่อนบ้านได้พูดกับเขาอ้อม ๆ ว่าคู่รักหนุ่มสาวไม่ควรส่งเสียงดังจนเกินไปในขณะที่พวกเขากำลังร่วมรัก
บางครั้งมีคนที่เพิ่งกลับถึงบ้านหลังเลิกงานจากกะกลางคืน อาจบังเอิญได้ยินเสียงที่ไม่เหมาะสมของพวกเขาจากโถงทางเดินได้
ในฐานะคนที่มีประสบการณ์ เขาไม่คิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องแปลกหรือน่ารังเกียจอะไร เพราะไม่มีใครวิปริตพอที่จะแอบฟัง
แต่เหตุผลหลักก็คือ…
หวังกงบอกกับเฉินเจียเหอด้วยสีหน้าเศร้าหมองเป็นนัย ๆ ว่าตอนนี้เขาเหยียบย่างเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว ไม่สามารถทำกิจกรรมได้บ่อยตามที่ต้องการ ทุกครั้งที่ภรรยาได้ยินเสียงแห่งความซาบซ่านดังมาจากข้างบ้าน หล่อนก็มักจะดูถูกเขาเสมอเมื่อกลับมาถึง คิดว่าเขาหมดน้ำยาเสียแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะถูกกระทบกระเทียบทุกวัน เขาก็ไม่ว่าอะไร
เฉินเจียเหอรู้แล้วก็พยายามระมัดระวังมากขึ้น ถ้ายังอาศัยอยู่ที่นี่ เขาควรคำนึงถึงความรู้สึกของเพื่อนบ้านให้มาก ไม่เว้นแม้แต่เรื่องบนเตียง
ตอนนี้เขาจึงตั้งตารอวันที่จะได้ย้ายไปยังบ้านใหม่โดยเร็วที่สุด
ได้ยินมาว่าฉนวนกันเสียงของอาคารใหม่นั้นดีมาก หมายความว่าพวกเขาสามารถปลดปล่อยอารมณ์ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด
………………………………………………………………………………………………………………
ชายหงส์ 凤凰男 เป็นคำสแลงอินเทอร์เน็ต หมายถึงผู้ชายที่เติบโตมาในชนบท แต่ย้ายเข้ามาตั้งหลักในเมืองด้วยการทำงานหนัก
สารจากผู้แปล
ว้ายยยย ชื่อตอนชวนเขินสุดๆ พออ่านเนื้อหาแล้วยิ่งเขินเข้าไปใหญ่ คู่รักคู่นี้ไฟแรงกันจังน้าาา
ไหหม่า(海馬)