ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 377 ย้อนไปแก้ไขอดีตไม่ได้
ตอนที่ 377 ย้อนไปแก้ไขอดีตไม่ได้
ตอนที่ 377 ย้อนไปแก้ไขอดีตไม่ได้
ผู้เฒ่าเซี่ยมองไปที่เซี่ยหลาน ทั้งรู้สึกเป็นทุกข์และไม่สบายใจ เขาจับมือของเซี่ยหลานแล้วพูดว่า “ลูกสาวที่รัก ถือเสียว่านี่เป็นเรื่องของโชคชะตา แกไปหย่ากับผู้ชายแซ่เสิ่นนั่นซะ แล้วอุทิศตนดูแลอวี้หลงให้ดี จากนี้ชีวิตแกจะมีความสุขมากขึ้น”
เซี่ยหลานตอบรับอย่างเชื่อฟัง “ค่ะพ่อ รอเขากลับมาเมื่อไหร่ เราจะไปหย่ากันทันทีค่ะ”
เมื่อเซี่ยหลานกำลังจะออกไป ผู้เฒ่าเซี่ยก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดกับหล่อนว่า “พ่อได้ยินเซี่ยตงบอกว่าเซี่ยเหลยฟื้นคืนความทรงจำกลับมาแล้ว”
เซี่ยหลานหันหลังให้เขา จัดเก็บกล่องอาหารพลางตอบว่า “อืม ฉันก็ได้ยินมาว่าอย่างนั้นค่ะ”
“ตัดใจจากเขาเถอะเสี่ยวหลาน”
เมื่อได้ยินคำพูดของพ่อ เซี่ยหลานหันกลับไปมองชายชราด้วยสีหน้าสงบ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติ “พ่อคะ ฉันตัดใจจากเขาได้ตั้งแต่วันที่ฉันตัดสินใจแต่งงานกับเสิ่นเถี่ยจวินแล้ว”
ในแง่ของอารมณ์ หล่อนสามารถเผชิญหน้ากับเซี่ยเหลยโดยไม่มีแรงกดดันทางจิตใจใด ๆ
แต่เนื่องจากเสิ่นเถี่ยจวินเป็นคนสลับตัวลูกสาวของเขาอย่างลับ ๆ หล่อนจึงไม่กล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับเขา
เฉินเจียเหอและเซี่ยไห่อยู่ในช่วงพักรับประทานอาหารกลางวัน ขณะที่ถังจวิ้นเฟิงยังอยู่ที่ทำงาน พวกเขาก็ไปที่บ้านตระกูลถังเพื่อเยี่ยมเยียนพ่อแม่ของถังจวิ้นเฟิง
ตระกูลถังอาศัยอยู่ที่บ้านในตรอกหูถ้งที่มีสภาพเก่าโทรมไปตามกาลเวลา
เมื่อพวกเขาเข้าไป ลุงถังกำลังนั่งอยู่คนเดียวบนเก้าอี้โยกใต้ซุ้มองุ่นในสวน เปิดวิทยุฟังอย่างเพลิดเพลิน
เมื่อเห็นเฉินเจียเหอและเซี่ยไห่ เขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวเฉิน เสี่ยวเซี่ย ลมอะไรหอบพวกเธอมาที่นี่กันล่ะ?”
“คุณลุงครับ พวกเราตั้งใจมาเยี่ยมคุณโดยเฉพาะเลย” เฉินเจียเหอวางกระป๋องนมผงที่เขาถือติดมือมาด้วยลงบนโต๊ะหิน
“เปลืองเงินโดยใช่เหตุกันอีกแล้ว”
ลุงถังซูบผอมมาก แต่ใบหน้าของเขาดูอิ่มเอิบขึ้นกว่าเมื่อก่อน เขามองไปที่เฉินเจียเหอและเซี่ยไห่ เชื้อเชิญพวกเขาอย่างกระตือรือร้นให้เข้าไปในบ้าน “เข้าไปเร็วเข้า”
“ลุงครับ พวกเรานั่งรับลมเย็น ๆ ในสวนดีกว่า” เซี่ยไห่วิ่งเข้าไปในบ้าน ยกม้านั่งสองตัวออกมานั่งด้านนอก
เฉินเจียเหอถาม “ลุง วันนี้อยู่บ้านคนเดียวเหรอครับ?”
หลังจากได้ยินคำพูดของลุงถัง เฉินเจียเหอและเซี่ยไห่ก็มั่นใจมากขึ้นว่าตอนนี้ถังจวิ้นเฟิงกำลังเก็บเงินจ่ายหนี้
“ลุง ช่วงนี้สุขภาพเป็นยังไงบ้างครับ?”
“ก็เรื่อย ๆ ตามประสา ฉันไม่ค่อยได้หยิบจับทำอะไรเท่าไหร่ นอกจากกินและนอนทุกวัน”
ทั้งสองนั่งคุยกันสักพัก แต่พวกเขาก็กระดากอายเกินกว่าจะถามเกี่ยวกับหนี้สินของครอบครัวพวกเขาอย่างตรงไปตรงมา
ก่อนออกเดินทาง เซี่ยไห่หยิบซองจดหมายออกมาจากกระเป๋าของเขา และวางมันลงบนโต๊ะหินในสนามโดยอาศัยจังหวะช่วงที่ลุงถังไม่สนใจ
…
อาการของเซี่ยเหลยดีขึ้นกว่าเดิมในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา สภาพจิตใจของเขาค่อย ๆ กลับมามั่นคงขึ้น เขาไม่เพียงแต่จดจำหลิวกุ้ยอิงได้เท่านั้น แต่ยังจำเรื่องราวหลายสิ่งหลายอย่างได้อีกด้วย
แน่นอนว่าความทรงจำเหล่านั้นยังรวมไปถึงเซี่ยหลาน
เขาจำได้ว่าตอนนั้นเซี่ยหลานมีความรู้สึกบางอย่างกับเขา เมื่อก่อนหล่อนมักจะขอให้เซี่ยอวี่ช่วยเป็นพิราบสื่อสารส่งจดหมายให้เขาประจำ แต่เขามองเซี่ยหลานเป็นน้องสาวข้างบ้านตัวน้อยเท่านั้น
เวลานั้นเขามุ่งความสนใจไปที่การเข้าร่วมกับกองทัพในชนบทเพื่อปกป้องเอกราชของประเทศ จึงไม่เคยใส่ใจกับเรื่องรักใคร่ระหว่างชายหญิง
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อสมาชิกในครอบครัวของเขาและหลิวกุ้ยอิงค่อย ๆ เล่าให้เขาฟังถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา ดวงตาของเซี่ยเหลยก็เต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อนหลากหลาย
เขาไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าเด็กสาวอย่างเซี่ยหลานจะใจเด็ดถึงขั้นตามเขาไปที่ชนบทตามลำพัง
เมื่อไม่เจอเขา หล่อนจึงได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์สุขภาพในเมืองเล็ก ๆ
ถึงอย่างนั้นสามีของเซี่ยหลานกลับสงสัยเคลือบแคลงว่าเขามีความสัมพันธ์อย่างลับ ๆ กับเซี่ยหลาน เนื่องจากเซี่ยหลานคลอดก่อนกำหนด จึงคิดทึกทักเอาว่าลูกในท้องเซี่ยหลานต้องเป็นลูกของเขาแน่ ๆ ทันทีที่เด็กคลอดออกมาจึงทำการสับเปลี่ยนตัว
สิ่งที่น่าเจ็บใจยิ่งกว่านั้น คือเด็กทารกที่เสิ่นเถี่ยจวินสลับเอาไปเลี้ยง กลายเป็นลูกสาวของเขา
เซี่ยเหลยใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะเรียบเรียงและทำความเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด
เขาทั้งรู้สึกผิด โกรธเคือง อารมณ์ทั้งหมดพันกันสับสนปนเป จนร่างกายของเขาแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยง
ตอนที่เขาได้ยินข่าวครั้งแรก ปฏิกิริยาแรกของเขาคือโทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดของตัวเอง
แต่เมื่อทบทวนให้ดี เขาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับหล่อนมาตั้งแต่แรก
ตอนที่เขาอยู่ในไห่เฉิง เขาปฏิเสธเซี่ยหลานอย่างชัดเจน
หลังจากที่เขาเข้าร่วมกับกองทัพ เขาก็มุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่สงคราม ไม่รู้เลยว่าเซี่ยหลานเองก็อยู่ในเมืองเล็ก ๆ ในอำเภอใกล้เคียงซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเขา
ต่อให้กองทัพทหารที่เขาสังกัดไม่มีระเบียบวินัยเคร่งครัด ก็ยังเป็นเรื่องยากที่เขาจะได้เจอเซี่ยหลาน
พอเซี่ยเหลยได้ยินว่าหลินเซี่ยถูกเสิ่นเถี่ยจวินสลับตัวมาเป็นเวลายี่สิบปี ประกอบกับการที่เธอมีใบหน้าละม้ายคล้ายเซี่ยอวี่ เธอจึงต้องทนทุกข์ทรมานจากความไม่แยแส และความรุนแรงทุกรูปแบบที่ครอบครัวเขาเป็นผู้กระทำ
ดวงตาของเขาแดงก่ำ กำหมัดแน่น ผุดลุกขึ้นยืนและรีบพรวดพราดออกไป “ฉันจะไปสะสางความแค้นกับคนแซ่เสิ่นนั่น”
เซี่ยไห่รั้งเขาไว้ “พี่ใหญ่ ใจเย็นก่อนเถอะ”
เซี่ยเหลยสะบัดเขาออกแล้วเดินออกไป “นายยังจะให้ฉันสงบสติอารมณ์อยู่ได้ยังไง?”
“เสิ่นเถี่ยจวินไม่ได้อยู่ในไห่เฉิง”
คำพูดของเซี่ยไห่ทำให้เซี่ยเหลยยอมหยุดชะงัก
เซี่ยไห่พาเขากลับไปที่ร้านอาหาร ก่อนจะนั่งลงเพื่อสงบสติอารมณ์ “พี่ใหญ่ ครอบครัวเราทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำทุกอย่างเพื่อชดเชยให้กับเซี่ยเซี่ยและพี่อิงจื่อนับจากนี้ไป นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด”
“พี่อิงจื่อทนทุกข์ทรมานมามาก ตลอดชีวิตที่เหลือ พี่ควรชดเชยในสิ่งที่หล่อนต้องเผชิญ รอให้เสิ่นเถี่ยจวินกลับมาเมื่อไหร่ เราค่อยไปสะสางเรื่องราวในอดีตกับเขา”
เซี่ยเหลยค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ลง เดินไปจับมือหลิวกุ้ยอิง “อิงจื่อ เรามาเริ่มต้นใหม่กันเถอะ ผมจะใช้ทั้งชีวิตของผมเพื่อชดเชยคุณไปจนกว่าจะถึงวันสุดท้าย”
หลิวกุ้ยอิงหลีกเลี่ยงการสัมผัสของเขา
“เหล่าเซี่ย เรื่องระหว่างเรามันจบไปแล้ว ตอนนี้ฉันเองก็สบายดีแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องชดใช้ให้ฉัน คุณเองก็ทนทุกข์มามากเหมือนกัน ควรมีชีวิตที่ดีในอนาคต”
ทันทีที่หลิวกุ้ยอิงถอนมือออกจากการเกาะกุม เซี่ยเหลยก็นิ่งค้างไปกลางคัน
“ใกล้ถึงมื้อกลางวันแล้ว ฉันขอไปเตรียมอาหารก่อน”
หลังจากที่หลิวกุ้ยอิงพูดจบ หล่อนก็ก้มหน้าลงแล้วเข้าไปในครัว
เซี่ยไห่ยืนอยู่ข้าง ๆ มองท่าทางที่แลดูเหินห่างของหลิวกุ้ยอิง แล้วมองไปที่สีหน้าโดดเดี่ยวของพี่ชายตัวเอง พูดเบา ๆ “พี่ใหญ่ อย่าเพิ่งเสียใจไป ให้เวลาพี่อิงจื่อได้อยู่กับตัวเองอีกสักหน่อยเถอะ”
เซี่ยเหลยทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ สีหน้าราวกับหมดอาลัยตายอยาก
เขาจดจำทุกอย่างได้แล้ว แต่เขาไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้
หลินเซี่ยแวะมากินข้าวตอนบ่ายเมื่อไม่มีใครอยู่ในร้าน เมื่อเธอมาถึงหน้าประตูและสวนกับเซี่ยไห่ที่เพิ่งเดินออกมา เซี่ยไห่ก็ดึงเธอออกไปแล้วพูดว่า “เซี่ยเซี่ย เธอช่วยไปคุยกับแม่หน่อยสิ ฉันอยากให้พี่อิงจื่อจะยอมรับพ่อของเธออีกครั้งและเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยกันใหม่ พ่อเธออกหักแล้วน่าสงสารมากนะ”
หลินเซี่ยมองเข้าไปในร้านอาหาร พอเห็นว่าเซี่ยเหลยนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยอาการเหม่อลอย ก็ถามด้วยเสียงกระซิบว่า “พ่อโดนแม่ปฏิเสธมาเหรอ?”
เซี่ยไห่พยักหน้า “ใช่ พี่อิงจื่ออาจจะยังมีความกังวลในใจอยู่ก็ได้”
“ไม่เป็นไรหรอก ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเรื่องของเวลา”
หลินเซี่ยเดินเข้าไปในร้าน พูดด้วยรอยยิ้มว่า “พ่อคะ ฉันหิวแล้ว”
“อยากกินอะไรล่ะ?” เมื่อเห็นลูกสาวคนสวย เซี่ยเหลยก็กลับมากระปรี้กระเปร่าขึ้นทันที รีบลุกขึ้นยืน
“ฉันอยากกินบะหมี่ฝีมือพ่อ กับอาหารผัดฝีมือแม่ค่ะ”
“เดี๋ยวพวกเราทำให้นะ”
หลินเซี่ยนั่งรอบนเก้าอี้ มองดูร่างของคนสองคนที่กำลังทำงานยุ่งอยู่จากทางหน้าต่าง ตอนที่พวกเขากำลังตั้งใจทำอาหาร ท่าทางของพวกเขาดูกลมกลืนกันมาก
“มาแล้ว กินเยอะ ๆ นะ”
“พวกคุณก็นั่งลงด้วยสิคะ”
หลิวกุ้ยอิงอ้างว่า “ในครัวยังมีจานอีกหลายใบที่ยังไม่ได้ล้าง แม่ขอเข้าไปล้างให้เรียบร้อยก่อน”
หลิวกุ้ยอิงผลุบหายเข้าไปในครัวอีกครั้ง เซี่ยเหลยรู้สึกกระสับกระส่าย แต่เมื่อเขามองไปที่หลินเซี่ย ดวงตาของเขาก็ทอแววอ่อนโยนอีกครั้ง
หลินเซี่ยกินบะหมี่จนหมดชาม เธอมองไปที่เซี่ยเหลย แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “พ่อ คุณเคยคิดที่จะเริ่มต้นใหม่กับแม่บ้างหรือเปล่าคะ?”
เซี่ยเหลยพยักหน้าอย่างหนักแน่น “อืม พ่อคิดอยู่เหมือนกัน”
หลังจากพูดจบ ดวงตาก็หม่นแสงลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความขมขื่น “แต่แม่ของลูกคงไม่มีพ่ออยู่ในใจมานานแล้ว”
“พ่ออยากกลายเป็นคนที่ได้ครองหัวใจแม่อีกครั้ง”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เจ็บกว่าเขาไม่รับรัก คือการที่เคยรักกันแล้วเขาสิ้นไร้เยื่อใยกับเราแล้วนี่แหละ เอาใจช่วยคุณพ่อนะคะ
ไหหม่า(海馬)