ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 381 ไม่ใช่แค่คล้าย แต่เหมือนทุกอิริยาบถ
ตอนที่ 381 ไม่ใช่แค่คล้าย แต่เหมือนทุกอิริยาบถ
ตอนที่ 381 ไม่ใช่แค่คล้าย แต่เหมือนทุกอิริยาบถ
หวังซิ่วฟางเปิดหนังสือพิมพ์ วางไว้ตรงหน้าเจียงอวี่เฟยโดยชี้ไปที่สกู๊ปข่าวเล็ก ๆ ด้านบน “เธออ่านข่าวเกี่ยวกับการประกวดนางแบบที่รายงานในหนังสือพิมพ์แล้วหรือยัง? มีรูปถ่ายด้วยนะ เห็นแม่สาวตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงกลางรูปไหม? ดูสิว่าหน้าตาเหมือนเธอหรือเปล่า?”
เจียงอวี่เฟยดูไม่สบายใจและพยายามหลบเลี่ยง “โลกนี้ออกจะกว้างใหญ่ มีคนมากมายที่หน้าตาเหมือนกัน บางทีอาจจะแค่บังเอิญไปคล้ายนิดหน่อยก็ได้นะคะ”
“เอ๊ะ… อวี่เฟย ฉันจำได้ว่าเธอเคยฝึกเดินแบบกับเซี่ยเซี่ยด้วยนี่?”
พอหวังซิ่วฟางคิดถึงเรื่องนี้ หล่อนก็ก้มดูรูปในหนังสือพิมพ์อีกครั้ง จากนั้นจึงเงยหน้ามองที่เจียงอวี่เฟย ขณะเห็นหน้าก็อุทานว่า “อวี่เฟย หรือว่าคนในหนังสือพิมพ์เป็นเธองั้นเหรอ?”
ก่อนหน้านี้หล่อนแค่ดูทีวีผ่าน ๆ และอ่านหนังสือพิมพ์แบบไม่ใส่ใจ เนื่องจากชื่อต่างกันเลยไม่ได้คิดอะไรมาก
แต่ตอนนี้ตัวจริงของคนที่หล่อนสงสัยอยู่ตรงหน้าแล้ว หวังซิ่วฟางทำการเปรียบเทียบยกใหญ่ จนจำได้ว่าเจียงอวี่เฟยเคยไปฝึกเดินแบบกับหลินเซี่ย ทุกอย่างลงล็อกเป๊ะพอดี
ถ้าไม่ใช่หล่อน แล้วจะเป็นใครไปได้
เจียงอวี่เฟย “!!!”
เจียงอวี่เฟยต้องการปฏิเสธ แต่ดวงตาของหวังซิ่วฟางเฉียบแหลมเกินไป หล่อนมองไปที่เจียงอวี่เฟยแล้วถามเน้นหนักว่า “พวกเธอคือคนเดียวกันใช่ไหม? ดูขา แขน และใบหน้าในรูปนี้สิ ฉันพูดผิดไป ไม่ใช่แค่คล้าย แต่เหมือนกันทุกอิริยาบถเลย”
เจียงอวี่เฟยในตอนนี้ถึงกับเหงื่อตก
เมื่อหวังซิ่วฟางรู้ว่าหล่อนได้เข้าร่วมการประกวดนางแบบ พ่อของหล่อนก็จะพลอยได้รับข่าวสารไปด้วย หล่อนจึงพยายามหาข้อแก้ตัวอีกครั้ง “แค่ชื่อก็ไม่เหมือนแล้ว คุณคิดมากเกินไปแล้วมั้งคะ นั่นไม่ใช่ฉันซะหน่อย”
หวังซิ่วฟางไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกได้ง่าย ๆ เธอพูดว่า “ชื่อน่ะเปลี่ยนกันได้สบายๆ ฉันได้ยินมาว่าดาราหลายคนต่างก็ใช้ชื่อในวงการต่างจากชื่อจริงกันทั้งนั้น”
เจียงอวี่เฟยผู้มีชนักติดหลังไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไป หล่อนรู้ว่าหวังซิ่วฟางจำตนได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นการปฏิเสธของหล่อนจึงเป็นแค่การเถียงข้าง ๆ คู ๆ
“อวี่เฟย เธอออกทีวีจริง ๆ ด้วย เก่งที่สุดเลย”
เจียงอวี่เฟยสับสนกับการแสดงออกที่ตื่นเต้นของหวังซิ่วฟาง ดูเหมือนว่าหวังซิ่วฟางจะค่อนข้างภูมิใจกับผลงานของหล่อนใช่ไหม?
หล่อนไม่ได้มีแนวคิดที่ต่อต้านหรือรังเกียจการเข้าร่วมการประกวดทำนองนี้หรอกเหรอ?
“อวี่เฟย เธอทั้งสวยและเก่งจริง ๆ รอให้พ่อของเธอกับฉันแต่งงานกันเมื่อไหร่ ฉันก็สามารถโอ้อวดได้อย่างเปิดเผยแล้ว ฉันจะเก็บหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ขึ้นหิ้งไว้ให้ดี และบอกกับทุกคนว่านี่แหละคือลูกสาวฉัน”
หวังซิ่วฟางปรับตัวเข้ากับความสัมพันธ์ของตนกับเจียงอวี่เฟยได้อย่างรวดเร็ว ทั้ง ๆ ที่อายุมากกว่าเจียงอวี่เฟยแค่สิบปี แต่กลับไม่มีอุปสรรคทางจิตใจเลย
หวังซิ่วฟางภูมิใจมาก แถมยังไม่มีทีท่าว่าจะตำหนิหรือดูถูกหล่อนที่ไม่รู้จักปฏิบัติตัวในทางที่เหมาะสม ทำให้เจียงอวี่เฟยมองดูหวังซิ่วฟางด้วยความเคารพนับถือ
เจียงอวี่เฟยมองหน้าหล่อน แล้วพูดอย่างระมัดระวัง “น้าหวัง แต่พ่อของฉันไม่รู้เรื่องนี้นะคะ คุณช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับให้หน่อยได้ไหม ไม่งั้นถ้าเขารู้คงไล่ทุบฉันจนตายแน่”
หวังซิ่วฟางถามด้วยความสับสน “ลูกสาวได้ออกทีวีทั้งที ทำไมเขาต้องไล่ทุบเธอจนตายด้วยล่ะ?”
เจียงอวี่เฟยถอนหายใจ “เขาไม่เห็นด้วยที่ฉันจะร่วมประกวดตั้งแต่แรกน่ะค่ะ”
เดิมทีหวังซิ่วฟางอยากถามว่าทำไมเขาถึงไม่เห็นด้วย
แต่เมื่อนึกถึงโชว์โชว์หนึ่งของผู้เข้าประกวดในรายการ ก็ถามโดยที่หน้าแดงว่า “หรือเป็นเพราะเธอต้องใส่ชุดว่ายน้ำแบบนั้น?”
เจียงอวี่เฟยพยักหน้าอย่างเศร้าสร้อย
หวังซิ่วฟางพูดด้วยท่าทางเหนียมอาย “ชุดนั้นเปิดเผยเนื้อตัวเกินไปจริง ๆ นั่นแหละ ไม่ต้องพูดถึงพ่อของเธอหรอก คงมีคนไม่มากนักในสังคมที่สามารถยอมรับมาตรฐานความงามแบบนั้นได้ ฉันเห็นแล้วยังอดหน้าแดงไม่ได้เลย”
หวังซิ่วฟางอ้าปากค้างตลอดเวลาขณะดูรายการ พลางนึกอิจฉาสาว ๆ เหล่านั้นมากที่รักษาหุ่นได้เป็นอย่างดีขนาดนี้ และสามารถเดินบนรันเวย์ได้อย่างมั่นใจ อวดเสน่ห์ของตัวเองออกมาได้อย่างไม่เคอะเขิน
ถ้าหล่อนอายุน้อยกว่านี้สักสิบปี บางทีอาจกล้าพอที่จะทำก็ได้
ในเวลานี้หล่อนมองไปที่เจียงอวี่เฟยด้วยสีหน้าชื่นชมและพึงพอใจ
ในบรรดาสาวสวยมากมาย หนึ่งในนั้นคือเด็กสาวคนนี้
รู้สึกว่าอีกฝ่ายเหมือนแสงสว่างในตัว ภาคภูมิใจในตัวหล่อนอย่างยิ่ง
เห็นหวังซิ่วฟางมีความเข้าใจในเรื่องนี้ ทั้งยังมีทัศนคติที่ตรงกันกับหล่อน เจียงอวี่เฟยจึงรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย พร้อมกันนั้นก็มีกำลังใจมากขึ้นเพียงพอจะสนับสนุนให้ผู้เป็นพ่อรีบแต่งงานกับแม่เลี้ยงคนนี้ให้กลายมาเป็นครอบครัวเดียวกันโดยเร็วที่สุด
หวังซิ่วฟางเป็นคนดี หล่อนหวังว่าอีกหน่อยผู้หญิงคนนี้จะสามารถเปลี่ยนทัศนคติให้กับพ่อหัวโบราณของตนได้บ้าง
เจียงอวี่เฟยจับมือหวังซิ่วฟาง แล้วพูดกับหล่อนว่า
“ถึงยังไงก็อย่าบอกพ่อฉันเลยนะคะ ว่าฉันแอบเข้าร่วมการประกวดนี้”
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่บอกเขาแน่”
หวังซิ่วฟางบอกเจียงอวี่เฟยด้วยความสบายใจ “อวี่เฟย อย่าลืมกลับไปคุยกับพ่อเกี่ยวกับการแต่งงานระหว่างพวกเราด้วย ฉันจะรอฟังข่าวจากเธอนะ”
“ฉันกลับไปถึงแล้วจะคุยกับเขาแน่นอนค่ะ รอฟังข่าวจากฉันได้เลย”
เจียงอวี่เฟยอยู่กินข้าวที่บ้านของหวังซิ่วฟาง จากนั้นก็แวะไปที่บ้านของหลินเซี่ย
เฉินเจียเหอยังทำงานล่วงเวลาอยู่ในโรงงาน หลินเซี่ยจึงทำผัดผักง่าย ๆ ให้ตัวเองกับหู่จือ จากนั้นหั่นแตงโมแล้วเรียงใส่จานเสิร์ฟบนโต๊ะ
พวกเขาเพิ่งกินเสร็จพอดีเมื่อเจียงอวี่เฟยเข้ามา
“เซี่ยเซี่ย พรุ่งนี้จะถึงวันประกวดรอบรองชนะเลิศแล้ว เธออย่าลืมมาแต่งหน้าให้ฉันด้วยนะ”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจัดคิวไว้ให้เธอแล้วเรียบร้อย”
เจียงอวี่เฟยนั่งบนโซฟา พูดกับหลินเซี่ยอย่างมีความสุขว่า “จริงด้วย ช่างแต่งหน้าจากทีมผู้จัดรายการมาถามฉันเกี่ยวกับเธอด้วยนะ เขาบอกว่าเขาชื่นชมสไตล์การแต่งหน้าของฉันในรอบที่แล้วมาก ก็เลยอยากรู้จักเธอ”
“จริงเหรอ?” หลินเซี่ยมีความสุขมากเมื่อได้ยินข่าว
เหตุผลหนึ่งที่เธอสนับสนุนให้เจียงอวี่เฟยเข้าร่วมประกวดในรายการนี้ ก็เพื่อเติมเต็มความฝันของเจียงอวี่เฟย ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่อให้ผู้คนในแวดวงความงามได้เห็นทักษะการแต่งหน้าของเธอมากขึ้น แล้วช่วยผลักดันให้เธอสามารถเข้าสู่เบื้องหลังของวงการนี้ได้อย่างราบรื่น
เจียงอวี่เฟยเพิ่งจะผ่านเข้ารอบแค่สองรอบ เพื่อนร่วมอาชีพในวงการก็เริ่มยอมรับทักษะและอยากทำความรู้จักกับเธอแล้ว นี่ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี
แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกเป็นเกียรติมากยิ่งขึ้น คือการที่อาของเธอแต่งตั้งให้เธอเป็นสไตลิสต์ประจำตัว ซึ่งจะช่วยให้เธอไม่ต้องผลักดันตัวเองมากจนเกินไป
เธอรู้ว่าอากำลังมอบโอกาสให้กับเธอ และเธอไม่เคยบอกว่าตัวเองจะไม่อาศัยประโยชน์จากเซี่ยอวี่ เพียงแต่เธอต้องพึ่งพาความพยายามของตัวเองเพื่อแสดงความแข็งแกร่งทางอาชีพให้เป็นที่ประจักษ์ด้วย
เธอต้องการโอกาสนี้ เพื่อที่จะมีพื้นที่สำหรับแสดงความสามารถ
อาของเธอให้โอกาสมาแล้ว ดังนั้นเธอจะใช้มันอย่างไม่เห็นแก่ตัว แสดงให้คนอื่นเห็นถึงความสามารถในการแต่งหน้าของเธออย่างสมบูรณ์แบบ เนรมิตให้เซี่ยอวี่สามารถปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนอย่างสง่างามที่สุด
ทั้งสองฝ่ายได้รับประโยชน์ เอื้อผลประโยชน์ซึ่งกันและกันแล้วไปสู่ชัยชนะ
หลินเซี่ยพูดกับเจียงอวี่เฟย “อวี่เฟย พรุ่งนี้เธอต้องรีบมาหาฉันแต่เช้า ฉันจะรีบขึ้นหน้าทำผมให้ เดี๋ยวตอนเที่ยงฉันมีนัดกับคนอื่นอีก”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เจียงอวี่เฟยก็แสดงสีหน้ากังวลขึ้นมาทันที “เซี่ยเซี่ย เธอยังมีนัดกับคนอื่นอีกเหรอ? เราไม่ต้องตกลงกันว่าพรุ่งนี้จะแบ่งเวลาให้ฉันหรือไง? ถ้าฉันต้องอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีเธอช่วยดูแลจะทำยังไงล่ะ?”
หลินเซี่ยยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ฉันเองก็จะไปที่ห้องส่งถ่ายทำรายการวันพรุ่งนี้ด้วย และยังทำหน้าที่แต่งหน้าทำผมให้เธอออกมาสวยที่สุดเหมือนเดิม แต่เธออาจจะต้องขอให้ใครสักคนมาช่วยถือของกับเป็นพี่เลี้ยงชั่วคราว”
“ฉันจะไปขอใครได้? ฉันไม่กล้าบอกใครด้วยซ้ำว่าตัวเองประกวดนางแบบ” ความคิดแรกของเจียงอวี่เฟยแวบไปถึงร่างของหวังซิ่วฟาง แต่ก็ไม่กล้าขอความช่วยเหลืออีกฝ่ายจริง ๆ หวังซิ่วฟางยังต้องไปทำงานและเลี้ยงลูก ที่สำคัญหล่อนกลัวเหลือเกินว่าพ่อจะแวะมาหาหวังซิ่วฟางในวันพรุ่งนี้ ถ้าเขาเข้ามาพัวพันแม้เพียงนิด ชีวิตหล่อนคงถึงคราวจบเห่
เพื่อระวังตัวอย่างที่สุด หล่อนจึงทำได้เพียงละทิ้งความคิดที่จะขอให้หวังซิ่วฟางมาเป็นพี่เลี้ยงชั่วคราว
หลินเซี่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ช่างเถอะ เธอไม่ต้องกังวลเรื่องนี้แล้ว เดี๋ยวฉันจัดสรรเวลาเอง แต่เธอยังต้องมาหาฉันตั้งแต่เช้าเหมือนเดิมนะ”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โอย โล่งอก โชคดีที่ว่าที่แม่เลี้ยงไม่ว่าอะไร เกือบไปแล้วอวี่เฟย
ไหหม่า(海馬)