ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 385 มีคนสนใจซื้อลิขสิทธิ์นิยายของพ่อ
ตอนที่ 385 มีคนสนใจซื้อลิขสิทธิ์นิยายของพ่อ
ตอนที่ 385 มีคนสนใจซื้อลิขสิทธิ์นิยายของพ่อ
หลังจากที่เซี่ยอวี่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวจากทางสถานีโทรทัศน์ นักข่าวจากหนังสือพิมพ์ก็ต่อคิวสัมภาษณ์ พวกเขาทั้งหมดถามไปในทางเดียวกันเกี่ยวกับความก้าวหน้าในสายอาชีพของหล่อน และถามว่าหล่อนจะมารันวงการที่ไห่เฉิงหรือไม่
เซี่ยอวี่รักษาท่าทางได้ผ่อนคลายมากเมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ ตอบเป็นนัยว่าถ้าหล่อนได้เจอกับผู้กำกับที่ตรงใจในไห่เฉิง หล่อนก็พร้อมที่จะพิจารณาความร่วมมือกับเขา
หลังจบการสัมภาษณ์ ทันทีที่หล่อนเดินเข้าไปหลังเวที ชายวัยกลางคนก็ขอร้องให้ถ่ายรูปด้วย
เย่ไป๋ทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ด ต้องการออกไปยืนขวางด้านหน้าเพื่อปกป้องเซี่ยอวี่ แต่หล่อนกลับผลักเขาออกไป “อย่าขวางสิ พวกเขาคือแฟนคลับของฉันนะ”
คุณลุงตื่นเต้นมาก บอกว่าเขาโตมากับการดูหนังและละครที่เซี่ยอวี่แสดง เซี่ยอวี่ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองเลย แม้ว่าหล่อนจะเหนื่อยมาก แต่ก็ยังยิ้มหวานและถ่ายรูปกับทุกคนอย่างเป็นกันเอง
งานยุ่ง ๆ ดำเนินต่อไปจนดึกกว่าหล่อนจะสามารถออกจากห้องส่งได้
ลินดาขับรถ ไม่ลืมพูดกับเย่ไป๋อย่างสุภาพมาก
“คุณหมอเย่ ขอบคุณมากนะคะสำหรับวันนี้ พวกเราคงต้องขอตัวกลับบ้านก่อนแล้ว”
เย่ไป๋มองไปยังถนนยามดึกที่มีเพียงแสงไฟสลัวส่องทาง จากนั้นมองไปที่เซี่ยอวี่ราวกับจะขอความเห็นใจ “พวกคุณคงไม่ทิ้งผมไว้ที่นี่หรอกใช่ไหม?”
“ให้หมอเย่ขึ้นรถด้วยกัน แล้วค่อยขับไปส่งเขาเถอะค่ะ”
หลินเซี่ยเป็นกังวล มองไปที่เซี่ยอวี่ “อาคะ นี่คือวิธีที่คุณปฏิบัติต่อแฟนของตัวเองเหรอ?
หรือว่าเขาไม่ได้เป็นแฟนของอากันนะ?”
พอหลินเซี่ยล้อเลียนหล่อนแบบนี้ เซี่ยอวี่ก็แสดงท่าทางขัดเขิน กระแอมไอเบา ๆ ด้วยความรู้สึกผิด
หล่อนรู้ดีว่าเมื่อครู่นี้ลินดาแค่ปฏิเสธอย่างระมัดระวัง เพราะพวกเธอยังอยู่ที่หน้าประตูสถานีโทรทัศน์
หล่อนไม่มีทางเลือก พูดกับเย่ไป๋ว่า “ขึ้นรถเถอะค่ะ”
เนื่องจากทั้งสองมี ‘ความสัมพันธ์แบบคู่รัก’ จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะนั่งรถคันเดียวกัน
หลินเซี่ยเอนตัวไปด้านข้าง คราวนี้เธอหลับตาพักผ่อนทันทีที่ขึ้นรถ
เซี่ยอวี่ก็เหนื่อยล้ามากเช่นกัน เอนตัวพิงเบาะหลังด้วยความอ่อนเพลีย
เย่ไป๋เหลือบมองหล่อนเป็นครั้งคราว ทุกการจ้องมอง ทำให้หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นนับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่อายุสามสิบ
หล่อนสวยมากจริงๆ
โดยเฉพาะวันนี้ หล่อนดูสวยเป็นพิเศษ
เขาเหม่อมองด้วยความสนเท่ห์ สงสัยว่าทำไมเวลาหล่อนแต่งหน้า ขนตาถึงได้ยาวงอนเป็นแพหนาเหมือนพัด ทุกครั้งที่ขนตาขยับ ชวนให้รู้สึกราวกับหัวใจเขาจะหลุดลอย
ลินดาขับรถอ้อมหนึ่งรอบ จากนั้นจอดส่งเย่ไป๋ตรงริมถนนใกล้กันกับบ้านของเขา
เย่ไป๋เดินกลับบ้าน เห็นว่าพ่อแม่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟา
เย่ไป๋ยิ้มแล้วถามว่า “แม่ครับ ทำไมวันนี้ไม่ดูทีวี แต่อ่านหนังสือพิมพ์แทนล่ะ?”
แม่ของเขาเป็นผู้หญิงที่ทั้งฉลาดและสง่างาม เคยเป็นรองประธานคณะร้องเพลงและเต้นรำ เพิ่งจะเกษียณอายุในปีนี้
พ่อของเขาเป็นนักเขียน ตีพิมพ์นวนิยายมาแล้วหลายเล่ม ถือเป็นคนดังประมาณหนึ่งในแวดวงศิลปวัฒนธรรมของไห่เฉิง
แม่เย่ถอดแว่นอ่านหนังสือ ชี้ไปที่หนังสือพิมพ์ในมือ “แม่เพิ่งได้อ่านสกู๊ปข่าวในหนังสือพิมพ์เมื่อหลายวันก่อน มีบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับคุณเซี่ยอวี่ ได้ยินมาว่าหล่อนเป็นหนึ่งในคณะกรรมการผู้ตัดสินการประกวดนางแบบด้วย ชักอยากรู้แล้วสิว่าการประกวดนางแบบรอบชิงชนะเลิศจะออกอากาศเมื่อไหร่? พวกเราต่างรอดูหล่อนอยู่”
“เพิ่งถ่ายทำเสร็จไปเองครับ น่าจะออกอากาศในอีกไม่กี่วัน” เย่ไป๋ไม่ได้กลับไปที่ห้องของเขาทันที แต่หย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาเพื่อพูดคุยกับพ่อแม่ “แม่ รู้ไหมว่าเย่เสี่ยวอวี่ที่แม่ชอบชื่นชมตอนหล่อนออกทีวีครั้งที่แล้วเป็นใคร?”
“ใครล่ะ? ใช่ญาติของเราหรือเปล่า?” แม่เย่ถามอย่างอยากรู้
หน้าตาของเด็กคนนั้นดูคุ้นตา แถมยังใช้สกุลเดียวกับครอบครัวของพวกเขาด้วย ดังนั้นปฏิกิริยาแรกของหล่อน คืออีกฝ่ายอาจจะเป็นลูกของญาติสักคนหนึ่ง
เย่ไป๋มองหน้านางแล้วพูดว่า “หล่อนเป็นญาติเราจริง ๆ ครับ เป็นลูกสาวของลูกพี่ลูกน้องผมที่เสียชีวิตไป”
หลังจากได้ยินคำอธิบายของเย่ไป๋ แม่ของเขาก็จำชื่อจริงของเย่เสี่ยวอวี่ได้ทันที “ใช่อวี่เฟยหรือเปล่า?”
เย่ไป๋พยักหน้า
พ่อของเขาหันมองเย่ไป๋ด้วยความประหลาดใจ ขอคำยืนยันจากเขาว่า “ลูกจำไม่ผิดแน่นะ?”
“ไม่ผิดแน่ครับ เย่เสี่ยวอวี่คือชื่อที่หล่อนใช้บนเวที”
“พระเจ้าช่วย มิน่าล่ะหล่อนถึงได้ดูคุ้นเคยสำหรับเรามาก หล่อนเคยมาที่บ้านของเราตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กเล็กแล้ว แต่หลังจากลูกพี่ลูกน้องของลูกเสีย เราก็ไม่ได้ติดต่อกับหล่อนอีก”
เมื่อได้ยินข่าวเกี่ยวกับลูกสาวของลูกพี่ลูกน้องที่เสียชีวิตไป ร่องรอยของความโศกเศร้าก็แวบขึ้นมาบนใบหน้าของพ่อเย่
พร้อมกันนั้นก็ภาคภูมิใจมากที่ลูกสาวของหล่อนเติบโตมาเป็นอย่างดี
เย่ไป๋ถามพ่อของเขา “พ่อครับ ช่วงนี้พ่อไม่ได้เขียนนิยายเหรอ?”
“ไม่เขียน ช่วงนี้ยังไม่มีแรงบันดาลใจน่ะ”
แม่เย่ยิ้มพลางพูดว่า “เมื่อไม่นานมานี้พ่อของลูกกำลังคุยเรื่องลิขสิทธิ์นิยายกับใครสักคน เขาหัวโบราณเกินไป ผู้กำกับมาติดต่อเขาหลายครั้งแล้ว แต่เขาไม่ยอมปล่อยท่าเดียว”
เย่ไป๋มองไปที่ผู้เป็นพ่อ ถามพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ “พ่อ มีคนสนใจซื้อลิขสิทธิ์ถือเป็นเรื่องที่ดี พ่อยังมีข้อกังวลอะไรอีกเหรอ?”
“พวกเขาอยากได้ไปดัดแปลงเป็นหนัง แต่พ่อกลัวว่าถ้าทำเป็นหนังแล้วจะออกมาไม่ดี แล้วการทำงานอย่างหนักตลอดหลายปีของพ่อจะมีอันเสื่อมเสีย พ่อเลยชั่งใจอยู่ว่าจะขายดีไหม”
เย่ไป๋จึงแนะนำว่า “อีกด้านหนึ่ง ผู้กำกับสามารถทำให้งานเขียนของพ่อโลดแล่นบนความสมจริงได้ จริง ๆ แล้วการเอานิยายไปทำเป็นหนังถือเป็นเรื่องดี ทำให้คนทั่วไปที่ไม่ได้อ่านผลงานของพ่อได้รับชมด้วย”
พอเย่ไป๋พูดแบบนี้ แม่ของเขาก็รีบพูดเสริม “แม่เองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ถึงได้บอกไงว่าพ่อของลูกน่ะหัวโบราณเกินไป”
“ได้ พ่อจะฟังพวกเธอ ไว้พ่อจะลองเจรจากับเขาอีกครั้ง ตราบใดที่พวกเขาไม่บิดเบือนงานของพ่อจนเสียหาย พ่อก็ยินดีขายมัน”
แม่เย่เตือนเขา “จริงสิ ตอนที่คุณเจรจาเรื่องขายลิขสิทธิ์ อย่าลืมพูดถึงเรื่องนี้กับผู้กำกับด้วยนะ ว่าตอนสร้างเป็นหนังช่วยทาบทามเซี่ยอวี่มารับบทเป็นนางเอกให้ได้ ด้วยความสามารถของหล่อนแล้ว คงดีไม่น้อยถ้าได้เล่นเป็นตัวละครแสนรันทดที่คุณเขียน ทุกบทบาทที่หล่อนแสดงล้วนประสบความสำเร็จและสมบูรณ์แบบ ถ่ายทอดได้ดี ฉะนั้นไม่ทำลายงานเขียนของคุณแน่นอน”
พ่อเย่เพิกเฉยต่อคำพูดของแม่เย่ ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานทันที
เมื่อเย่ไป๋ได้ยินแม่ของเขาพูดถึงเซี่ยอวี่ด้วยน้ำเสียงที่เจือความชื่นชมอย่างมาก เขาก็ยิ้มแล้วถามว่า “แม่ แม่ดูเหมือนจะชอบเซี่ยอวี่มากเลยนะครับ?”
แม่เย่ชี้ไปที่สกู้ปข่าวขนาดใหญ่บนหน้าหนังสือพิมพ์ พูดว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าลูกได้ดูบทบาทที่หล่อนแสดง ลูกก็น่าจะชอบหล่อนเหมือนกัน แม่ได้ยินมาว่าภาพยนตร์ทุกเรื่องที่หล่อนเล่นได้รับความนิยมมากในประเทศอื่น ๆ ของเอเชียเชียวนะ”
นางมองไปยังทิศทางของห้องทำงาน หรี่ตาลงด้วยความคาดหวัง “ถ้าหนังสือของพ่อเขาถูกขายลิขสิทธิ์ไปทำเป็นภาพยนตร์จริง ๆ และได้เซี่ยอวี่มารับบทนำ บางทีเราอาจมีโอกาสได้เจอหล่อนแบบตัวจริงเสียงจริงก็ได้”
สามีเพิกเฉยต่อนาง ดังนั้นแม่เย่จึงฝากความหวังไว้กับเย่ไป๋ “เสี่ยวไป๋ ช่วยโน้มน้าวพ่อของลูกทีเถอะว่าอย่าทำตัวหัวโบราณเกินไป เขาสามารถทำให้ความฝันของแม่เป็นจริงได้ด้วยการตัดสินใจเพียงครั้งเดียว”
เย่ไป๋ “…”
บางที เขาก็อาจช่วยทำให้ความฝันของแม่เป็นจริงได้เหมือนกัน
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ให้พ่อแม่ได้เจอเซี่ยอวี่แบบตัวเป็นๆ สไตล์เย่ไป๋ก็คือพามาเป็นสะใภ้สินะคะ
ไหหม่า(海馬)