ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 396 ลูกค้าที่มาที่นี่เพราะชื่อเสียง
ตอนที่ 396 ลูกค้าที่มาที่นี่เพราะชื่อเสียง
ตอนที่ 396 ลูกค้าที่มาที่นี่เพราะชื่อเสียง
หลินเซี่ยโทรหาเจียงอวี่เฟยหลายครั้ง แต่โทรศัพท์เหมือนจะยังปิดเครื่องอยู่ตลอดเวลา
เธอกังวลเรื่องเจียงอวี่เฟยตลอดทั้งวัน
ได้แต่สงสัยว่าการเจรจาระหว่างหล่อนกับพ่อเมื่อคืนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง
ตอนเที่ยงวันก็มีหญิงวัยกลางคนมาที่ร้าน
หล่อนสวมกางเกงขายาวทรงกระบอก เสื้อเชิ้ตแบบจับจีบช่วงเอว ถือกระเป๋าใบเล็กสีดำหรูหรา
ผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่บนถนน มองดูป้ายร้านเสริมสวย ‘เริ่มต้นครั้งใหม่’ แล้วพูดกับตัวเองว่า “น่าจะเป็นที่นี่แหละ”
หล่อนสวมรองเท้าหนังส้นเตี้ยคู่เล็ก ก้าวฉับ ๆ ขึ้นบันไดและเข้าไปในร้านเสริมสวย
วันนี้อาจารย์หวังลาหยุดงานเพื่อพักผ่อน ส่วนหลินเยี่ยนถูกหลินเซี่ยส่งไปตรวจสต็อกที่ร้านใหม่ เวลานี้จึงมีแค่หลินเซี่ยและชุนฟางอยู่ในร้านตัดผม
ชุนฟางกำลังตัดผมให้ใครบางคนอยู่ ในขณะที่หลินเซี่ยกำลังม้วนผมให้เด็กสาวอีกคน
หญิงวัยกลางคนมองไปยังใบหน้าของหลินเซี่ยและชุนฟางสลับกัน จากนั้นก็หันไปจับจ้องที่หลินเซี่ยคนเดียว
หล่อนมองหลินเซี่ย ยิ้มแล้วถามว่า “สวัสดีค่ะ ที่นี่ใช่ร้านเสริมสวยของหลินเซี่ยหรือเปล่า?”
หลินเซี่ยหันไปมองด้านข้าง เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีใบหน้าดูใจดีและยิ้มแย้มเก่ง จึงยิ้มตอบอย่างสุภาพและตอบว่า “สวัสดีค่ะ ฉันหลินเซี่ยเอง คุณอยากทำผมใช่ไหมคะ?”
“เสี่ยวหลิน ได้เจอเธอสักที” ผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยรอยยิ้มอันสดใส พลางเดินเข้ามา มองหลินเซี่ยและแนะนำตัวเองว่า “สวัสดีจ้ะ ฉันชื่อหลี่เหม่ยเฟิ่ง เป็นแม่ของเย่ไป๋ ตั้งใจมาทำผมที่นี่โดยเฉพาะ”
“คุณคือแม่ของคุณหมอเย่เองเหรอคะ?” หลินเซี่ยมองหลี่เหม่ยเฟิ่งตาค้าง ถามกลับด้วยความประหลาดใจ
หลี่เหม่ยเฟิ่งพยักหน้า “ใช่จ้ะ พอดีฉันอยากทำผมมาก เย่ไป๋เลยแนะนำร้านของเธอให้รู้จัก และยังบอกด้วยว่าเธอทำผมเก่งมาก แล้วให้ฉันมาทำผมกับเธอ ที่มาก็เพราะชื่อเสียงของเธอล้วน ๆ เลย“
“คุณป้า งั้นเชิญนั่งทางนี้เลยค่ะ”
หลินเซี่ยต้อนรับหล่อนราวกับแขกผู้มีเกียรติ รีบหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่และนำน้ำมาเสิร์ฟให้หลี่เหม่ยเฟิ่ง “คุณป้านั่งรอสักครู่นะคะ ฉันกำลังจะทำผมให้ลูกค้าเสร็จเร็ว ๆ นี้แล้ว และจะทำผมให้คุณป้าต่อค่ะ”
หลี่เหม่ยเฟิ่งนั่งลงพร้อมแก้วน้ำในมือ เฝ้าดูหลินเซี่ยเคลื่อนไหวอย่างชำนาญ ม้วนผมและดัดทรงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีช่างทำผมสาวคอยเป็นผู้ช่วยอยู่ข้าง ๆ ด้วย หล่อนเองก็กำลังทำผมให้ลูกค้าอีกคนอยู่ แถมฝีมือดีไม่แพ้กัน
ไม่ได้คาดหวังเลยว่าภรรยาของเจียเหอจะอายุยังน้อย สวยสด และมีความสามารถขนาดนี้
เพราะเด็กสาวคนนี้ดูเหมือนเพิ่งจะอายุยี่สิบต้น ๆ เอง
เฉินเจียเหออายุน้อยกว่าเย่ไป๋หนึ่งปี แปลว่าเขาแต่งงานตอนที่อายุมากแล้ว และยังมากกว่าภรรยาตั้งเกือบสิบปี
หลี่เหม่ยเฟิ่งเดาว่าเย่ไป๋คงเห็นเฉินเจียเหอชิงแต่งงานไปก่อน จึงเกิดความวิตกกังวล สุดท้ายเขาเลยต้องเก็บเรื่องนี้มาคิดไตร่ตรองกับตัวเอง
หลี่เหม่ยเฟิ่งนั่งอยู่อย่างนั้น มองผ่านประตูก็เห็นร้านอาหารชามข้าวเหล็กที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
หล่อนได้ยินจากเย่ไป๋ว่าพ่อแม่ของหลินเซี่ยเป็นเจ้าของร้านนี้
นอกจากนี้พ่อของเธอคือเซี่ยเหลยผู้เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเข้าสู่สนามรบและรอดจากสงครามกลับมาได้
หลี่เหม่ยเฟิ่งคิดว่าในเมื่อหล่อนอยู่ที่นี่ทั้งที ก็ควรไปดูโฉมหน้าของวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่สักครั้ง
หล่อนยิ้มและพูดกับหลินเซี่ย “เสี่ยวหลิน เธอมาเรียกฉันได้เลยนะเมื่อถึงคิวแล้ว ฉันจะไปอุดหนุนร้านอาหารฝั่งตรงข้ามสักหน่อย พอดีจะหาอะไรกินหน่อยน่ะ”
หลินเซี่ยยิ้มและพยักหน้า “ได้เลยค่ะคุณป้า นั่นเป็นร้านอาหารของพ่อแม่ฉันเอง แค่คุณป้าแนะนำตัวเองว่าเป็นคุณแม่ของใคร เท่านี้ก็จะได้รับส่วนลดแล้วค่ะ”
“โธ่เด็กน้อย พ่อแม่เธอเปิดร้านอาหารนะ จะให้ใครก็ได้มากินฟรีได้ยังไง?”
หลี่เหม่ยเฟิ่งลุกขึ้นและเดินไปฝั่งตรงข้าม ขณะนั้นหลินเซี่ยก็ม้วนและดัดผมให้ลูกค้าอย่างรวดเร็ว ตามด้วยจัดแจงอบไอน้ำ
ไม่นานหลังจากที่หลี่เหม่ยเฟิ่งออกไป เจียงอวี่เฟยก็เข้ามา
หล่อนเดินเข้ามาอย่างกระสับกระส่าย ดวงตาบวมเป่งเป็นลูกเหอเถามีประกายเศร้าหมอง
หลินเซี่ยเห็นหล่อนแล้วก็รีบดึงหล่อนเข้าไปในร้าน “อวี่เฟย ในที่สุดเธอก็มาสักที ฉันโทรหาเธอตลอดทั้งเช้าเลย แถมเธอก็ไม่รับเลยสักสาย ฉันกังวลแทบแย่”
เจียงอวี่เฟยหลับตาลงแล้วตอบว่า “พ่อของฉันยึดโทรศัพท์ไปน่ะ”
“ถูกยึดเหรอ? เขาไม่ได้ตีเธอใช่ไหม?” หลินเซี่ยมองหล่อนและถามด้วยความกังวล
ดวงตาและแก้มของเจียงอวี่เฟยบวมแดงจากการร้องไห้ ราวกับว่าหล่อนร้องไห้ตลอดทั้งคืน
เจียงอวี่เฟยส่ายหน้า “เปล่า เขาไม่กล้าลงมือกับฉันหรอก”
“งั้นดีแล้วล่ะ มานั่งลงก่อน”
หลินเซี่ยใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้ขณะรออบผมให้ลูกค้าดึงหล่อนนั่งลงแล้วถามอย่างเร่งรีบ “พ่อเธอว่ายังไงบ้าง? เขาเห็นด้วยกับเธอที่จะเข้าประกวดรอบต่อไปไหม?”
“ไม่เห็นด้วย เขาจะยอมได้ยังไง? เมื่อคืนต่อว่าฉันแรงขนาดนั้น แถมยังบอกว่าฉันทำตัวไร้ยางอาย…”
เจียงอวี่เฟยร้องไห้ด้วยความเสียใจขณะเล่า หล่อนเสียใจมากจริง ๆ ที่ถูกพ่อตำหนิด้วยถ้อยคำรุนแรงแบบนี้
หล่อนเป็นเด็กดีมาโดยตลอด แต่ตอนนี้แค่ไปออกรายการทีวี ทำไมถึงกลายเป็นผู้หญิงไร้ยางอายในสายตาพ่อไปได้?
แถมยังบอกอีกว่าหล่อนมันไร้ศีลธรรม!
หลินเซี่ยลูบหลังหล่อนเบา ๆ และพูดปลอบใจ “อย่าร้องไห้เลย เรื่องนี้เราจะหาทางโน้มน้าวพ่อเธอให้เปลี่ยนใจโดยเร็วที่สุด ร้องไห้ไปจะมีประโยชน์อะไร? รอบชิงชนะเลิศจะมาถึงในอีกไม่กี่วันแล้ว เธอจะไปประกวดทั้ง ๆ ที่สภาพเป็นอย่างนี้ได้ยังไง?”
เจียงอวี่เฟยเงยหน้าขึ้น มองตัวเองในกระจกบานใหญ่ของร้านเสริมสวย
หล่อนรู้สึกตกใจกับรูปร่างหน้าตาของตัวเองมาก
มันทั้งโทรมและน่าเกลียด
ช่างห่างไกลจากภาพลักษณ์อันสมบูรณ์แบบของนางแบบที่มีเสน่ห์ มั่นใจ และสง่างามในทีวีคนนั้นมาก
“เซี่ยเซี่ย ฉันมาที่นี่เพื่อบอกเธอ คือฉันมะ…”
เมื่อคำพูดจะหลุดออกจากปาก เจียงอวี่เฟยก็เสียใจมากจนไม่สามารถพูดต่อได้ หล่อนพยายามอยู่นานกว่าจะไต่ระดับมาถึงรอบชิงชนะเลิศทีละขั้น เมื่อหล่อนคิดยอมแพ้โดยฝืนยิ้มรับมัน ก็รู้สึกราวกับว่าการตัดสินใจนั้นกำลังจะฆ่าหล่อนทั้งเป็น!
“คืออะไรล่ะ?” หลินเซี่ยมองเธอด้วยสีหน้าหดหู่เล็กน้อย
“เซี่ยเซี่ย รู้อะไรไหม พ่อกับฉันอยู่ด้วยกันมานานหลายปี เราเป็นคนที่สนิทกันที่สุด เขาให้ความสำคัญกับฉันเสมอ ฉันคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเขา
เพราะฉัน เขาเลยยังไม่แต่งงานใหม่จนกระทั่งตอนนี้ หลังจากคุยกับหวังซิ่วฟางมาสักพัก เขากลัวว่าฉันจะเสียใจและจะพลอยไม่มีครอบครัวในอนาคต เขาเลยไม่กล้าพูดถึงเรื่องแต่งงาน มันไม่ง่ายเลยสำหรับพ่อฉันเลย”
หลังได้ฟังและรับรู้ถึงลางสังหรณ์จากเจียงอวี่เฟย หลินเซี่ยก็ดึงมือตัวเองกลับ กอดอกมองหล่อนแล้วถามว่า “แล้วยังไง?”
“ฉะ… ฉันต้องแคร์ความรู้สึกของพ่อ ฉันเห็นแก่ตัวไม่ได้หรอก เพราะพ่อเกลียดรายการนั้น และเขาก็รับไม่ได้เอามาก ๆ ที่ฉันแต่งตัวแบบนั้นออกทีวีให้คนดู ฉันก็เลยคิดว่า… ฉัน… ฉันจะถอนตัวจากการประกวด!”
เจียงอวี่เฟยพูดคำสุดท้ายด้วยความยากลำบาก น้ำตาพลันไหลรินลงมาถึงใต้คาง
“เธอพูดว่าไงนะ? จะถอนตัวจากการประกวดเหรอ?” หลินเซี่ยมองหล่อนด้วยความประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อ
เจียงอวี่เฟยร้องไห้และพูดว่า “ฉันไม่มีทางเลือก พ่อของฉันเป็นคนหัวโบราณและเคร่งครัดมาก ถึงมันจะไม่สมเหตุสมผลนักก็ตามแต่
เมื่อคืนเขาโกรธมาก ก่อนหน้าเขาคุยกับฉันด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แม้ฉันจะทำอะไรผิดเขาก็ใช้คำพูดอย่างมีไหวพริบ แต่เมื่อคืนเขาขุดเอาคำหยาบมาต่อว่าฉัน ฉันรู้ว่าเขาหวังดี แต่มันก็ยังอึดอัดใจ เพราะเขาเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของฉัน ฉันเลยไม่อยากเสียเขาไปเพียงเพราะสิ่งที่เรียกว่าความฝัน ไม่อย่างนั้นเขาจะตัดความสัมพันธ์พ่อลูกกับฉันซะ”
“ฮือๆๆ”
เจียงอวี่เฟยเริ่มร้องไห้หนักอีกครั้ง หล่อนทั้งเศร้า ผิดหวัง และกรุ่นโกรธ!
พ่อของหล่อนพูดสิ่งที่ชวนให้รู้สึกเจ็บปวดพวกนั้นออกมาได้อย่างไร?
แม้เขาจะทุบตีหล่อน หรือขังหล่อนไว้ที่บ้านโดยไม่ให้กินอะไร หล่อนอาจจะยอมรับมันได้!
แต่การที่เขาเอ่ยคำพูดไร้ปรานีอย่างการตัดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก ใครจะไปรับไหว?
เขาเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวที่หล่อนเหลืออยู่ในโลกนี้ และถ้าความสัมพันธ์ถูกตัดขาด หล่อนจะไม่กลายเป็นเด็กกำพร้าหรอกเหรอ?
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คงต้องปรับทัศนคติพ่อของอวี่เฟยแล้วล่ะถ้าอยากจะไปต่อในเส้นทางนี้ หากไม่มีใครสนับสนุนก็คงต้องถอนตัว
ไหหม่า(海馬)