ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 422 พบปะครอบครัวฝั่งสะใภ้
ตอนที่ 422 พบปะครอบครัวฝั่งสะใภ้
ตอนที่ 422 พบปะครอบครัวฝั่งสะใภ้
เมื่อหลินจินซานทักทายมา เจียงอวี่เฟยก็ตอบกลับว่า “อืม ฉันพาคุณลุงกับคุณป้ามาตัดผมน่ะค่ะ”
หลินจินซานบอกกับชุนฟางว่า “รีบหาเวลากินตอนที่กับข้าวยังร้อน ๆ นะ”
ชุนฟางไม่คาดคิดว่าหลินจินซานจะนำอาหารมาให้หล่อนด้วยตัวเอง จึงพูดอย่างเกรงใจ “ขอบคุณนะคะ”
จากนั้นก็พูดกับหลินจินซาน “ไว้ฉันค่อยเอาเงินไปจ่ายให้ป้าอิงจื่อทีหลัง”
หลินจินซานบอกปัด “ไม่ต้องหรอก พูดเรื่องเงินทำไมกัน ทำงานเสร็จเมื่อไหร่ก็กินให้อร่อยนะ”
เขาวางกล่องอาหารกลางวันลง มองไปรอบ ๆ ร้านตัดผมที่คุ้นเคย แล้วถามชุนฟางกับอาจารย์หวังว่า “มีงานอะไรพอจะให้ผมช่วยหยิบจับได้บ้างไหมครับ?”
ชุนฟางส่ายหัว “ยังไม่มี”
“ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนนะ”
“อวี่เฟย ไปก่อนนะ”
หลินจินซานบอกลาอย่างเป็นธรรมชาติ และออกจากร้านตัดผมไป
เจียงอวี่เฟยเองก็กล่าวคำอำลาและเฝ้าดูหลินจินซานเดินออกจากร้าน และหางตาก็เหลือบเห็นคุณแม่เซี่ยยืนอยู่ที่หน้าประตูร้านอาหาร กำลังมองมาทางนี้เหมือนไม่ตั้งใจ
หลินจินซานเดินข้ามฝั่งกลับไปถึงร้านอาหารแล้ว คุณแม่เซี่ยมองเขาด้วยสายตาคาดหวัง ถามว่าเขาได้พูดอะไรกับหล่อนไปบ้าง หลินจินซานก็ตอบกลับไปบางอย่าง หญิงชรายิ้มอย่างมีความสุขพร้อมกับตบไหล่ราวกับจะให้กำลังใจเขา
จากนั้นทั้งสองก็กลับเข้าไปในร้านอาหารพลางพูดคุยกันด้วยรอยยิ้ม
เจียงอวี่เฟยพูดกับหลี่เหม่ยเฟิ่งว่า “คุณป้าคะ วันนี้ย่าของเซี่ยเซี่ยอยู่ที่ร้านอาหารพอดี คุณอยากไปทักทายท่านหน่อยไหมคะ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หลี่เหม่ยเฟิ่งก็มองไปที่เจียงอวี่เฟยแล้วถามว่า “เธอกำลังพูดถึงแม่ของคุณเซี่ยอวี่ใช่ไหม?”
เจียงอวี่เฟยพยักหน้า “ใช่ค่ะ วันนี้ท่านน่าจะครึ้มอกครึ้มใจอยากมาช่วยงานที่ร้านอาหาร”
เพราะเจียงอวี่เฟยเห็นว่าหญิงชรากำลังถือผ้าขี้ริ้วอยู่ในมือ
หลี่เหม่ยเฟิ่งยืนขึ้นและมองไปทางร้านอาหาร และเห็นหญิงชราผมสีดอกเลากำลังทำความสะอาดโต๊ะจากกระจกหน้าต่าง พูดว่า “ถ้าอย่างนั้นป้าจะไปหาแม่ของคุณเซี่ยอวี่หน่อย วันข้างหน้าหล่อนก็จะกลายเป็นว่าที่สะใภ้ของเราแล้ว เราคงต้องเป็นฝ่ายไปทักทาย”
ตอนนี้อาจารย์หวังทำงานของเขาเสร็จแล้ว ถึงคิวของเย่เจิ้งหัวที่ต้องตัดผม อาจารย์หวังจึงจัดการผูกผ้าคลุมตัดผมไว้ด้านหน้าของลูกค้า ตามด้วยบรรเลงเพลงกรรไกรตัดแต่งอย่างชำนาญ
หลี่เหม่ยเฟิ่งพูดกับเย่เจิ้งหัวว่า “สามี คุณตัดผมไปก่อนนะคะ แม่คุณเซี่ยอวี่อยู่ในร้านฝั่งนู้นพอดี ฉันขอล่วงหน้าไปทักทายหล่อนหน่อย คุณตัดผมเสร็จเมื่อไหร่ค่อยตามไปแล้วกัน”
“ได้”
หลี่เหม่ยเฟิ่งและเจียงอวี่เฟยเดินออกจากร้านตัดผม ข้ามถนน และเข้าไปในร้านอาหาร
คุณแม่เซี่ยกำลังเช็ดโต๊ะอีกตัว หลินจินชานก็กำลังยกถุงขยะออกมา
คุณแม่เซี่ยเห็นใครบางคนกำลังเดินตรงมาทางนี้ และกำลังจะต้อนรับลูกค้าอย่างอบอุ่น ทันใดนั้นเสียงของหลินจินซานก็ดังขึ้น
“อวี่เฟย มากินข้าวเหรอ?”
“อืม ฉันพาคุณป้ามาทักทายคุณย่าเซี่ยน่ะ”
“อ้อ งั้นพวกคุณเข้าไปนั่งกันก่อนเลย” หลินจินซานลากถุงขยะออกไปให้พ้นจากประตู
“อวี่เฟยเองเหรอจ๊ะ?”
“สวัสดีค่ะคุณย่าเซี่ย” เจียงอวี่เฟยจับมือหลี่เหม่ยเฟิ่ง แล้วหันไปแนะนำตัวกับคุณแม่เซี่ยด้วยรอยยิ้ม
“คุณย่าเซี่ยคะ นี่คุณป้าของฉันเองค่ะ พอเห็นว่าคุณอยู่ที่ร้านพอดี หล่อนก็เลยอยากมาทักทายคุณโดยเฉพาะ”
หลี่เหม่ยเฟิ่งมองดูหญิงชราผมสีดอกเลาผู้มีใบหน้าใจดี กล่าวทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มว่า “สวัสดีค่ะ พี่สาว”
“สวัสดีค่ะ” แม้ว่าคุณแม่เซี่ยจะมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ดวงตากลับฉายแววสงสัยเล็กน้อย
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าดูเหมือนจะอายุประมาณห้าสิบปีเท่านั้น นางรู้สึกแปลกนิดหน่อยที่ได้ยินอีกฝ่ายเรียกตัวเองว่าพี่สาว
แม้ความจริงนางจะอายุมากกว่าอีกฝ่ายแค่สิบปี แต่ภายนอกนางกลับดูแก่กว่า เพราะเส้นผมได้เปลี่ยนเป็นสีดอกเลา
สิ่งที่ทำให้นางแปลกใจยิ่งกว่า คือทำไมป้าของอวี่เฟยถึงได้กระตือรือร้นอยากเจอตนมากทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้จักกัน
ขณะที่คุณแม่เซี่ยกำลังคาดเดาความเป็นไปได้ต่าง ๆ ในใจ หลี่เหม่ยเฟิ่งก็ยิ้มและพูดต่อ
“พี่สาวคะ คุณอาจไม่รู้จักฉัน ฉันชื่อหลี่เหม่ยเฟิ่งค่ะ เป็นแม่ของเย่ไป๋”
เมื่อคุณแม่เซี่ยได้ยินแบบนั้น ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง มองไปที่หลี่เหม่ยเฟิ่งแล้วอุทาน “แม่ของเสี่ยวเย่เองเหรอ?”
ปฏิกิริยาของคุณแม่เซี่ยดูน่าขันจนหลี่เหม่ยเฟิ่งมีรอยยิ้มระบายเต็มใบหน้า “ใช่แล้วค่ะ ฉันเป็นแม่แท้ ๆ ของเย่ไป๋เอง”
เจียงอวี่เฟยอธิบายเสริมว่า “คุณย่าเซี่ยคะ เย่ไป๋เป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน ส่วนหล่อนมีศักดิ์เป็นป้าสะใภ้ของฉันค่ะ เมื่อกี้นี้พวกเราพาคุณลุงไปตัดผมที่ร้านตัดผมของเซี่ยเซี่ย พอเห็นว่าคุณอยู่ที่นี่ คุณป้าเลยบอกว่าอยากแวะมาทักทายคุณสักหน่อย”
“นั่งก่อน นั่งก่อนค่ะ” หลังจากคุณแม่เซี่ยรับรู้ตัวตนของอีกฝ่าย นางก็เริ่มต้อนรับขับสู้อีกฝ่ายด้วยความอบอุ่นและร่าเริง
นี่คือว่าที่แม่สามีในอนาคตของลูกสาว
จากนี้ไปทุกคนก็จะกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน
คุณแม่เซี่ยรีบถามไถ่ “แม่เสี่ยวเย่ คุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมคะ? ฉันจะขอให้พ่อแม่ของเซี่ยเซี่ยทำให้”
หลี่เหม่ยเฟิ่งพูดว่า “พี่สาว พวกเรากินข้าวมื้อเที่ยงกันมาแล้วค่ะ ยังไม่หิวเลย แค่นั่งพักสักหน่อยก็พอค่ะ”
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นเรามานั่งคุยกันเถอะ” คุณแม่เซี่ยวางผ้าขี้ริ้วลง ลากเก้าอี้อีกตัวมาแล้วนั่งลงตรงข้ามกับหลี่เหม่ยเฟิ่ง
ทันทีที่นั่งลง หญิงชราก็เริ่มยกย่องเย่ไป๋
“เสี่ยวเย่เป็นเด็กดีมาก คุณเป็นแม่ที่ประสบความสำเร็จในการเลี้ยงดูและอบรมสั่งสอนเขาอย่างแท้จริง ฉันชอบพ่อหนุ่มคนนั้นมากตั้งแต่ได้เจอเขาเป็นครั้งแรก เขาไม่ได้เก่งแค่เรื่องการแพทย์ แต่ยังมีสัมมาคารวะและหน้าตาดีอีกด้วย เก่งสารพัดอย่างจริง ๆ ค่ะ”
เมื่อลูกชายได้รับคำชมจากแม่ของเซี่ยอวี่ หลี่เหม่ยเฟิ่งก็รู้สึกเต็มตื้นยินดี ตอบกลับด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน “พี่สาวคะ คุณเซี่ยอวี่อาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ ดูจากชื่อเสียงของหล่อนในตอนนี้แล้ว คุณเป็นแม่ที่ประสบความสำเร็จมาก ”
เมื่อคุณแม่เซี่ยได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงลูกสาวตัวเอง ดวงตานางก็สดใสยิ่งขึ้น ถามด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวเย่ได้เล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับเซี่ยอวี่แล้วเหรอคะ?”
ถ้าเขาไม่เคยพูดถึง อีกฝ่ายคงไม่แม้แต่จะรู้จักชื่อของเซี่ยอวี่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแวะมาทักทายนางด้วยความกระตือรือร้นอย่างนี้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ คุณแม่เซี่ยก็อารมณ์ดีกว่าเดิมหลายเท่าตัว จากเดิมทีที่กังวลว่าครอบครัวของเย่ไป๋จะมีข้อกังขาเกี่ยวกับอายุของเซี่ยอวี่
เมื่อพิจารณาจากทัศนคติของแม่เย่ไป๋ หล่อนน่าจะพอใจในตัวเซี่ยอวี่มากพอสมควร
หลี่เหม่ยเฟิ่งเล่ายิ้มแย้ม “เขาไม่ได้พูดถึงอย่างเดียวนะคะ ยังพาคุณเซี่ยอวี่มากินอาหารมื้อเย็นที่บ้านของเราด้วย ตอนนั้นทั้งครอบครัวของเราตกใจมาก ไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าแฟนของเขาจะกลายเป็นดาราในดวงใจของฉันไปซะได้ นึกถึงเมื่อไหร่ฉันก็ยังตื่นเต้นไม่หาย จนนอนไม่หลับติดกันมาสองคืนแล้ว”
หลี่เหม่ยเฟิ่งสาธยายเสียงใส อารมณ์ดีอย่างออกหน้าออกตา ขณะที่คุณแม่เซี่ยรู้สึกประหลาดใจอีกครั้งเมื่อได้ยินดังนั้น “เย่ไป๋พาเซี่ยอวี่ไปที่บ้านของเขาด้วยเหรอคะ?”
หลี่เหม่ยเฟิ่งพยักหน้า “ใช่ค่ะ พวกเขาไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังเหรอ?”
คุณแม่เซี่ยส่ายหัวด้วยรอยยิ้มเคอะเขิน “ไม่เห็นพูดถึงเลยค่ะ”
ถึงอย่างนั้นนางก็ยังมีความสุขมาก “ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างลูกทั้งสองของพวกเราจะมั่นคงแน่แล้ว ฉันเข้าใจอารมณ์ของลูกสาวอยู่หรอก เธอเป็นคนระมัดระวังเรื่องนี้มาก ไม่เคยไปบ้านของผู้ชายคนไหนง่าย ๆ”
ถึงอย่างไรหล่อนก็ได้ชื่อว่าเป็นบุคคลสาธารณะ เรื่องส่วนตัวของหล่อนเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจสื่อมวลชนมาโดยตลอด
แต่หล่อนยังติดตามเย่ไป๋ไปเจอพ่อแม่ของเขาจนได้
ไม่ผิดแน่ หล่อนต้องจริงจังกับความรักครั้งนี้มาก!
“พี่สาวคะ เย่ไป๋ของฉันโตมาจนอายุป่านนี้ นี่ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่เขาพาผู้หญิงมาหาเราที่บ้าน” หลี่เหม่ยเฟิ่งยิ้มกว้างเข้าไปใหญ่ “ดูเหมือนว่า พวกเราทั้งสองฝ่ายอาจจะได้ดองกันเร็ว ๆ นี้แหละค่ะ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ดูเหมือนแผนคบกันหลอกๆ จะเกินเลยมากกว่าแผนแล้วสิคะ แม่ๆ ทั้งสองฝ่ายมาเจอกันแล้ว
ไหหม่า(海馬)
……………………………………