ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 424 เธอไม่ได้ทำเรื่องเสื่อมทราม
ตอนที่ 424 เธอไม่ได้ทำเรื่องเสื่อมทราม
ตอนที่ 424 เธอไม่ได้ทำเรื่องเสื่อมทราม
เจียงกั๋วเซิงและหวังซิ่วฟางจูงมือเสี่ยวฮวาคนละข้าง ทั้งสามกำลังเดินเข้าไปในร้านอาหาร
วันนี้เจียงกั๋วเซิงและหวังซิ่วฟางต่างก็อยากหยุดพักผ่อน และพวกเขาเคยสัญญากับเสี่ยวฮวาเมื่อนานมาแล้วว่าจะพาหล่อนออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะด้วยกัน
เจียงกั๋วเซิงรู้สึกหดหู่มากเนื่องจากเหตุการณ์ของเจียงอวี่เฟย ทำให้เขาอยากอยู่บ้าน ไม่เต็มใจที่จะออกไปข้างนอก แต่เมื่อเช้านี้หวังซิ่วฟางพาเสี่ยวฮวาไปที่อาคารพักอาศัยในโรงงานเครื่องจักร บังคับให้เขาออกมาสูดอากาศอยู่กลายๆ
การพาเสี่ยวฮวาไปเดินเล่นก็เรื่องหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญคือการเชิญเจียงกั๋วเซิงออกมา และทำงานเชิงอุดมการณ์ร่วมกับเขา เพื่อให้เขาเห็นด้วยกับเจียงอวี่เฟยในเข้าร่วมประกวดนางแบบ
ความสำเร็จของหล่อนดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว คงน่าเสียดายแย่หากจะต้องยอมแพ้กลางคัน หากเป็นอย่างนั้นหวังซิ่วฟางก็จะรู้สึกผิดมาก
มันแสดงให้เห็นว่าหล่อนเป็นคนที่ล้มเหลวในการจัดการสิ่งต่าง ๆ ให้ดี แม้แต่เจียงกั๋วเซิงก็เอาไม่อยู่
เจียงอวี่เฟยเข้าร่วมการประกวดหลายครั้ง แต่ก็ปกปิดมันไว้เป็นอย่างดีเสมอ ทว่าเรื่องกลับแดงขึ้นมา ทำให้หล่อนกลัวว่าเจียงอวี่เฟยจะคัดค้านตนในอนาคต
และตอนนี้ คนทั้งสองกลุ่มก็เผชิญหน้ากันแบบตัวต่อตัว
บรรยากาศพลันหยุดนิ่งไปทันที
“พ่อ น้าหวัง มากินข้าวด้วยกันที่นี่เหรอคะ?” ในที่สุดเจียงอวี่เฟยก็เป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบและถามด้วยรอยยิ้ม
เจียงกั๋วเซิงเห็นว่าสายตาของเย่เจิ้งหัวและหลี่เหม่ยเฟิ่งเบนไปยังมือของเขาที่กำลังจูงมือเสี่ยวฮวา เขาก็หวาดกลัวความผิดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือจากเสี่ยวฮวาง่าย ๆ
“อืม พ่อพาน้าหวังของลูกกับเสี่ยวฮวาออกไปเดินเล่น หิวแล้วเลยแวะมากินข้าวน่ะ”
เจียงกั๋วเซิงมองไปทางเย่เจิ้งหัวและหลี่เหม่ยเฟิ่ง พูดว่า “พี่ชาย พี่สะใภ้ พวกคุณก็มากินข้าวที่นี่เหมือนกันเหรอครับ?”
“อืม” การแสดงออกของเย่เจิ้งหัวเปลี่ยนเป็นจริงจัง ดวงตาของเขามักจะจ้องมองไปที่มือของเจียงกั๋วเซิ่งซึ่งเกาะกุมเสี่ยวฮวาไม่ยอมปล่อย
เมื่อเจียงอวี่เฟยเห็นว่าลุงของเธอมีสีหน้าไม่สู้ดี เธอก็แนะนำอย่างระมัดระวังว่า “คุณลุง คุณป้าคะ นี่ป้าหวังค่ะ”
เย่เจิ้งหัวไม่ได้มองหวังซิ่วฟ่างด้วยซ้ำ เขาพูดกับเจียงกั๋วเซิ่งด้วยน้ำเสียงเย็นชาและหนักแน่น “จากนี้อย่าได้เข้าไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของอวี่เฟยอีก ตอนนี้นายมีครอบครัวใหม่ไปแล้วก็ควรไปใช้ชีวิตครอบครัวของตัวเองให้ดี อวี่เฟยจะย้ายมาอยู่ที่บ้านของเรานับจากนี้เป็นต้นไป”
เจียงกั๋วเซิ่งกังวลเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า “พี่ชาย แต่อวี่เฟยเป็นลูกสาวของผม ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องเข้าไปยุ่งกับเรื่องของหล่อน”
“ลูกสาวของนายงั้นเหรอ?” เย่เจิ้งหัวเหลือบมองสองแม่ลูกที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนจะยิ้มเยาะ แล้วเดินจากไป
หลี่เหม่ยเฟิงและเจียงอวี่เฟยรีบไล่ตามเขาไป
เจียงกั๋วเซิ่งรีบพูดกับหวังซิ่วฟางว่า “ซิ่วฟาง พาเสี่ยวฮวาเข้าไปนั่งในร้านก่อน เดี๋ยวผมจะรีบกลับมา”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ไล่ตามทุกคนออกไปด้วย
เย่เจิ้งหัวเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ปฏิเสธที่จะให้โอกาสเจียงกั๋วเซิ่งได้พูดอะไร
เจียงอวี่เฟยมองดูท่าทางต่ำต้อยและกระวนกระวายของผู้เป็นพ่อที่พยายามติดตามคุณลุงต้อย ๆ จนหล่อนต้องพูดว่า “พ่อ พ่อกลับเข้าไปกินข้าวกับน้าหวังและคนอื่น ๆ เถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้คุณลุงฟังเอง”
เจียงกั๋วเซิ่งแย้งว่า “พ่ออยากแสดงความจริงใจกับเขาด้วยตัวเอง”
พวกเขาเป็นครอบครัวฝั่งแม่ของอวี่เฟย ถ้าเขาคิดจะแต่งงานใหม่ ก็ควรบอกกล่าวให้พวกเขารับรู้
“ถ้าพ่อยังเอาแต่ตามเราไปมันจะไม่เป็นผลดีเอานะคะ แถมพ่อยังทิ้งน้าหวังกับเสี่ยวฮวาให้รอเคว้งอยู่ในร้าน ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ไม่พอใจหรอก พ่อกลับไปเถอะ แล้วฉันจะอธิบายให้พวกเขาฟังเอง”
เจียงอวี่เฟยรู้งานมาก หล่อนหยุดยั้งไม่ให้เจียงกั๋วเซิ่งติดตามพวกเขาต่อไป
“กลับไปกินข้าวนะคะ ฉันจะชี้แจงให้พวกเขาแทน”
“ได้” เจียงกั๋วเซิ่งทำได้แค่มองดูพวกเขาเดินจากไป
หลังจากเข้าไปในบ้านแล้ว เย่เจิ้งหัวถามเจียงอวี่เฟยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “อวี่เฟย พ่อเธอแต่งงานใหม่แล้วเหรอ?”
เจียงอวี่เฟยอธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “ยังหรอกค่ะ นั่นคือผู้หญิงที่ฉันเป็นคนแนะนำให้รู้จักกับเขาเอง พวกเขายังอยู่ในขั้นศึกษากันและกัน”
เย่เจิ้งหัวและหลี่เหม่ยเฟิงมองดูเจียงอวี่เฟยด้วยความประหลาดใจ “เธอเป็นคนแนะนำให้เขาเองเลยเหรอ?”
เจียงอวี่เฟยพยักหน้าอย่างจริงใจ “ใช่ค่ะ ฉันทำหน้าที่เป็นแม่สื่อเอง
“พ่อต่อต้านการแต่งงานใหม่มาหลายปีแล้ว ที่ผ่านมาพ่อเลี้ยงฉันตามลำพัง เพราะกลัวฉันกลายเป็นเด็กมีปัญหา เมื่อก่อนพอมีคนมาแนะนำใครให้รู้จัก เขาไม่เคยเห็นด้วยเลย แต่ตอนนี้ฉันโตแล้ว หลังจากฉันเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย ที่บ้านก็เหลือพ่ออยู่คนเดียว ฉันเลยอยากให้เขาแต่งงานมีครอบครัวใหม่อีกครั้ง ต่อให้วันหนึ่งแก่ตัวลงก็ยังมีคู่ชีวิตอยู่ข้างกาย น้าหวังเป็นพนักงานของโรงงานยานยนต์ค่ะ หล่อนกับเซี่ยเซี่ยเป็นเพื่อนบ้านกัน เราสนิทสนมกันดี จึงอยากพาหล่อนกับพ่อให้มาเจอกัน”
หลี่เหม่ยเฟิงถามว่า “ผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะดูเด็กกว่าพ่อเธอมากใช่ไหม?”
“หล่อนอายุสามสิบค่ะ อ่อนกว่าพ่อฉันประมาณสิบปี เป็นผู้หญิงที่ขยันทำงานหนัก เป็นหม้ายตั้งแต่ยังสาวแถมมีลูกติดอีกคน แต่โดยรวมแล้วหล่อนเป็นคนที่บุคลิกและอัธยาศัยดีมาก เข้ากับพวกเราได้ดีเลยล่ะค่ะ”
เมื่อเห็นว่าเย่เจิ้งหัวยังคงมีใบหน้าบูดบึ้ง เจียงอวี่เฟยก็นั่งลงตรงข้ามเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “คุณลุงคะ แม่ฉันเสียไปหลายปีแล้ว ที่ผ่านมาพ่อก็เลี้ยงดูฉันเป็นอย่างดีด้วยกำลังแรงใจทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว ในสายตาฉัน พ่อเป็นคนที่มีความสามารถมาก ยังไม่แก่เกินไปที่จะต้องเริ่มต้นชีวิตคู่ครั้งใหม่
ที่จริงฉันควรเล่าให้คุณกับคุณป้าฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้ตั้งนานแล้ว แต่เพราะฉันเอาแต่กังวลเรื่องการประกวดที่ตัวเองอาจจะไม่ได้ไปต่อเลยไม่ได้บอก อย่าเข้าใจเขาผิดไปเลยค่ะ พ่อยังรักฉันเสมอ”
เดิมทีเย่เจิ้งหัวโกรธเพราะคิดว่าเจียงกั๋วเซิ่งอาจไม่สนใจใยดีลูกสาวของเขาหลังจากการแต่งงานใหม่ แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่เจียงอวี่เฟยพูด สีหน้าของเขาก็ผ่อนคลายลง มองดูเจียงอวี่เฟยด้วยความเมตตา “หลานสาว เธอเป็นเด็กที่มีเหตุผลมาก”
เขาถอนหายใจ “ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่พ่อของเธอจะทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา คงเป็นอะไรที่ลำบากมาก โชคดีที่ลูกสาวของเขาเป็นคนมีเหตุผล ใจกว้างต่อเขา”
หลี่เหม่ยเฟิงมองไปที่หญิงสาวซึ่งมีทัศนคติที่ดี มีสติปัญญาในการแยกแยะ หล่อนจับมือหลานสาวด้วยความลำบากใจ “อย่ากังวลไปเลยนะ ลุงของเธอไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแต่งงานครั้งที่สองของพ่อเธอหรอก เขาไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายอยู่แล้ว สิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้ล้วนเป็นคำพูดจากอารมณ์โกรธเคืองทั้งนั้น เธอเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อ ถูกเขาเลี้ยงดูมาเพียงลำพัง เรายินดีมากที่เธอรู้จักเอาใจใส่สวัสดิภาพชีวิตของพ่อด้วยเหตุและผล วิญญาณของแม่เธอในสวรรค์เองก็คงภาคภูมิใจมากเหมือนกัน”
หวังซิ่วฟางจูงมือเสี่ยวฮวายืนอยู่ที่หน้าประตูร้านอาหาร เฝ้ามองเจียงกั๋วเซิงไล่ตามเย่เจิ้งหัวไปด้วยฝีเท้าอันรวดเร็ว ดวงตาของหล่อนพลันหม่นลง คิดจะพาเสี่ยวฮวากลับบ้าน แต่หลิวกุ้ยอิงร้องเรียกหล่อนไว้
หลิวกุ้ยอิงลูบหัวเสี่ยวฮวา แล้วยิ้มพลางพูดกับหวังซิ่วฟาง
“ซิ่วฟาง นั่งลงเร็วเข้า จะสั่งก่อนหรือรอเหล่าเจียงกลับมา?”
หวังซิ่วฟางไม่มีอารมณ์กินอีกต่อไป ยิ้มอย่างไม่สบายใจและพูดว่า “รอสักเดี๋ยวแล้วกัน”
ไม่แน่ใจว่าเขาจะกลับมาในเร็ว ๆ นี้หรือเปล่า
คุณแม่เซี่ยว่องไวมากเรื่องจับสังเกตจากคำพูดของคนอื่น นางรู้สึกว่าบรรยากาศไม่สู้ดี จึงไม่ได้พูดอะไรมาก แค่เดินไปที่ห้องครัวเพื่อเอาขนมมาให้เสี่ยวฮวา จากนั้นก็ไปทำงานของตัวเองต่อ
หลิวกุ้ยอิงก็เข้าไปในครัวเช่นกัน ส่วนหวังซิ่วฟางยังยืนอยู่ที่หน้าประตูร้านอาหาร มองไปทางถนนอย่างรอคอย
ภายในสองนาที เจียงกั๋วเซิงก็เดินกลับมา
เมื่อหวังซิ่วฟางเห็นเขา สีหน้าเศร้าหมองแต่เดิมของหล่อนก็สดใสขึ้น
แต่ยังคงมีสีหน้าวิตกกังวลอย่างเต็มเปี่ยม
“คุณสั่งข้าวแล้วเหรอ?” เขานั่งลงตรงข้ามกับหวังซิ่วฟางอย่างเป็นธรรมชาติ มองดูหล่อนแล้วถาม
หวังซิ่วฟางส่ายหน้า “ยังไม่ได้สั่งค่ะ”
“คุณอยากกินอะไรล่ะ?” เจียงกั๋วเซิ่งมองเสี่ยวฮวาที่กำลังกินขนมในมืออย่างร่าเริง ถามหล่อนเบา ๆ “หนูอยากกินอะไรไหมเสี่ยวฮวา?”
“หนูอยากกินบะหมี่ค่ะ”
“เอาล่ะ งั้นพวกเราทุกคนจะสั่งบะหมี่เหมือนกัน”
เจียงกั๋วเซิ่งสั่งอาหาร หวังซิ่วฟางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ลุงของอวี่เฟยกับคนอื่น ๆ เขาโกรธอะไรคุณหรือเปล่าคะ?”
เจียงกั๋วเซิ่งยิ้มและพูดว่า “ไม่มีอะไร ไม่ต้องกังวลนะ เดี๋ยวอวี่เฟยจะอธิบายให้พวกเขาเข้าใจเอง”
“เหล่าเจียง คุณคงเห็นแล้วว่าอวี่เฟยเป็นคนที่รู้ความมาก ดังนั้นคุณอย่าพยายามต่อต้านหล่อนอีกเลย ปล่อยให้หล่อนเข้าร่วมประกวดในรอบชิงชนะเลิศเถอะค่ะ”
เจียงกั๋วเซิงขมวดคิ้วอีกครั้งเมื่อเขาได้ยินหวังซิ่วฟางพูดถึงการประกวดนางแบบ
หวังซิ่วฟางใช้โอกาสนี้ทำงานตามอุดมการณ์ของตน “หล่อนมาถึงรอบสุดท้ายแล้ว ถ้าคุณไม่ปล่อยให้หล่อนประกวดต่อดี ๆ คงเป็นอะไรที่น่าเสียดายแย่ ฉันได้ยินทุกคนพูดว่าอวี่เฟยทำผลงานออกมาได้ดีมาก พวกเขาต่างก็เดิมพันว่าหล่อนมีความสามารถพอที่จะคว้าแชมป์ บางทีในอนาคตหล่อนอาจจะได้ทำงานร่วมกับคุณเซี่ยอวี่ก็ได้นะ”
คุณแม่เซี่ยออกมาทำความสะอาดโต๊ะ เมื่อได้ยินคำพูดของหวังซิ่วฟางที่กำลังเกลี้ยกล่อมเจียงกั๋วเซิ่ง หลังจากพอจะเข้าใจในสิ่งที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน นางก็เข้ามาถามไถ่ด้วยรอยยิ้มว่า “พ่ออวี่เฟย คุณไม่เห็นด้วยกับการที่อวี่เฟยจะเข้าร่วมประกวดนางแบบหรอกเหรอ?”
“คุณป้า ผมแค่คิดว่า… เสื้อผ้าพวกนั้นมันออกจะเปิดเผยเกินไป”
“พ่ออวี่เฟย ตราบใดที่ยืนตัวตรงย่อมไม่กลัวว่าเงาจะเอียง ลูกสาวคุณก้าวเดินอยู่ในวงการศิลปะบันเทิงแล้ว ในฐานะผู้ปกครองแล้ว ก่อนอื่นเลยคุณไม่ควรตัดสินลูกของตัวเองผ่านแว่นตาสี หรือผ่านมุมมองความคิดของคนอื่น คุณควรมองในสิ่งที่หล่อนเป็น เซี่ยอวี่ของฉันเป็นดาราหนังมาหลายปี ฉันก็ไม่เคยจู้จี้จุกจิกไม่ว่าหล่อนจะสวมชุดอะไรออกทีวีก็ตาม สำหรับฉันแล้ว หล่อนเป็นคนที่ทำงานในแวดวงบันเทิงซึ่งควรค่าแก่การนับถือ
เชื่อมั่นในตัวลูกสาวของคุณเข้าไว้เถอะ หล่อนไม่ได้ทำเรื่องเสื่อมทราม หล่อนแค่ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงในสังคม และยืนหยัดอยู่ในแถวหน้าของยุคสมัยก็เท่านั้น”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คุณแม่เซี่ย MVP อีกแล้ว ปล่อยหมัดฮุคแบบเข้าเป้าตลอด
ไหหม่า(海馬)