ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 425 เซี่ยเหลยคิดบัญชีกับเสิ่นเถี่ยจวิน
ตอนที่ 425 เซี่ยเหลยคิดบัญชีกับเสิ่นเถี่ยจวิน
ตอนที่ 425 เซี่ยเหลยคิดบัญชีกับเสิ่นเถี่ยจวิน
หวังซิ่วฟางมองหญิงชราผมขาวผู้มีดวงตาผ่านประสบการณ์ร้อนหนาวมายาวนาน จากนั้นก็ชมอย่างกระตือรือร้นว่า “สิ่งที่คุณพูดถูกต้องทั้งหมดเลยค่ะ”
เจียงกั๋วเซิ่งสับสนไปชั่วครู่
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นภายในโรงงานเครื่องจักรหรือสถานที่อื่น ๆ เมื่อใดก็ตามที่เขาได้ยินข่าวเกี่ยวกับการประกวดนางแบบ ความคิดเห็นล้วนเป็นไปในเชิงบวก
ผู้ชายกักขฬะในคืนนั้นเป็นแค่เสียงส่วนน้อย
เจียงกั๋วเซิ่งต้องการโน้มน้าวตัวเองให้ยอมปล่อยวาง แต่เมื่อเขานึกถึงชุดว่ายน้ำแบบวันพีซ เขาก็ยังรู้สึกว่ามันน่ารำคาญสายตา
เซี่ยเหลยยกชามบะหมี่ที่พวกเขาสั่งออกมาเสิร์ฟ
ทันทีที่เจียงกั๋วเซิ่งเห็นเซี่ยเหลย เขาก็ลุกขึ้น และแนะนำตัวเองอย่างเคร่งขรึม
“สวัสดีครับสหายเซี่ยเหลย ผมเจียงกั๋วเซิ่งรองผู้อำนวยการโรงงานเครื่องจักรไห่เฉิง ลูกสาวของผมกับเซี่ยเซี่ยเป็นเพื่อนสนิทกันครับ”
แม้ว่าเซี่ยเหลยในฐานะเจ้าของร้านอาหารธรรมดาจะไม่ได้มียศอะไรที่อยู่เหนือเขาในเวลานี้ แต่เจียงกั๋วเซิ่งก็ลุกขึ้นยืนโดยสัญชาตญาณทันทีที่เห็นเซี่ยเหลย เนื่องจากวีรกรรมอันกล้าหาญที่เกิดขึ้นกับเขา ทำให้เกิดความเคารพอย่างสุดซึ้งต่อวีรบุรุษอย่างเขาจากใจจริง
เซี่ยเหลยวางบะหมี่ลงบนโต๊ะ พร้อมแสดงรอยยิ้มสุภาพบนใบหน้า “สวัสดีครับ”
หลังจากเซี่ยเหลยวางชามบะหมี่ลงบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว เขาก็มองไปที่เจียงกั๋วเซิ่งแล้วถามว่า
“คุณเป็นรองผู้อำนวยการโรงงานเครื่องจักร หมายความว่าผู้อำนวยการคือเสิ่นเถี่ยจวิน?”
พอเซี่ยเหลยเริ่มพูดถึงเสิ่นเถี่ยจวิน เจียงกั๋วเซิ่งก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้าเซี่ยเหลย เห็นได้ชัดว่าเขาประหลาดใจ จากนั้นก็พยักหน้า “ใช่ครับ เป็นเขา”
“ตอนนี้เสิ่นเถี่ยจวินอยู่ที่โรงงานหรือเปล่า?” เซี่ยเหลยถามเจียงกั๋วเซิ่งด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ
เจียงกั๋วเซิ่งตอบกลับ “อยู่ครับ เขาลางานไปหลายวัน เพิ่งจะกลับมาทำงานได้แค่สองวันเท่านั้นเอง”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เซี่ยเหลยก็หรี่ตาลงแล้วพูดว่า “เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมาก เชิญพวกคุณตามสบายนะครับ ผมขอตัวก่อน”
“ครับ คุณไปทำธุระของคุณเถอะ”
เซี่ยเหลยเดินกลับเข้าไปในครัว โดยที่หลิวกุ้ยอิงกำลังทำบะหมี่ และเตรียมกับข้าวไว้สำหรับมื้อเย็น
เซี่ยเหลยมองออกไปนอกหน้าต่าง จากนั้นมองกลับมาที่หลิวกุ้ยอิงพร้อมพูดยิ้ม ๆ “เหล่าเจียงคนนี้ ใช่คนที่เคยตามจีบคุณก่อนหน้านี้หรือเปล่า?”
เขาได้ยินจากเซี่ยไห่ว่าเพื่อที่รองผู้อำนวยการเจียงจะได้ใกล้ชิดกับหลิวกุ้ยอิงมากขึ้น เขาจึงออกไปที่แผงขายเหลียงเฝิ่นเกือบทุกวันเพื่ออุดหนุนหล่อน
ความตั้งใจของเขาแท้จริงแล้วไม่ได้อยู่ที่เหลียงเฝิ่น
หลิวกุ้ยอิงหันหน้าหนีด้วยความลำบากใจ ตอบโต้ด้วยใบหน้าแดงก่ำ “อย่าพูดไร้สาระน่าคุณ คนวัยอย่างเราแก่เกินไปที่จะไล่จีบกันแล้ว”
“โชคดีที่คุณไม่เห็นด้วยกับเขา” เซี่ยเหลยมองไปยังชายข้างนอกที่กำลังตักน้ำส้มสายชูลงในชามของหวังซิ่วฟางอย่างครุ่นคิด จากนั้นจึงมองไปที่หญิงสาวผู้มีคุณธรรมที่กำลังจะกดเครื่องรีดแป้งบะหมี่ น้ำเสียงของเขาเจือความยินดีอย่างไม่ปิดบัง รำพึงกับตัวเองว่า “และโชคดีที่คุณไม่ชอบเขา”
เจียงกั๋วเซิ่งยังดูดีแม้อายุสี่สิบ ทั้งยังมีบุคลิกร่าเริง แถมลูกสาวของเขาและเซี่ยเซี่ยยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอีก
เซี่ยเหลยรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที
เขามองไปยังหลิวกุ้ยอิงที่ทำงานอยู่พลางพูดว่า
“อิงจื่อ รอให้เซี่ยเซี่ยกลับมา เราค่อยจัดงานแต่งงานแบบเรียบง่ายกันนะ”
เมื่อหลิวกุ้ยอิงได้ยินแบบนั้น สีหน้าของหล่อนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก “อะไรกันคะ? เรายังต้องจัดงานแต่งงานอยู่เหรอ?”
หล่อนอายุสี่สิบแล้ว เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่ง ยังจำเป็นต้องจัดงานแต่งอีกเหรอ?
ไม่ขายขี้หน้าชาวบ้านแย่หรือไง?
เซี่ยเหลยพูดเบา ๆ “ไม่ต้องห่วง เป็นแค่งานเลี้ยงอาหารสำหรับคนกันเอง”
หลิวกุ้ยอิงเตือนด้วยเสียงต่ำด้วยความอึดอัดใจ “แต่งกันเงียบ ๆ ก็พอมั้ง อย่าทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะเอาเลยค่ะ”
“ไม่มีใครหัวเราะเยาะคุณทั้งนั้นแหละ พวกเราข้ามผ่านความยากลำบากและประสบความสำเร็จในที่สุด ทุกคนรู้เข้าก็มีแต่จะอวยพรเรา”
แววเย็นชาแวบเข้ามาในดวงตาของเซี่ยเหลย
…
เสิ่นเถี่ยจวินเดินออกมาจากประตูโรงงานเครื่องจักรหลังเลิกงาน แต่กลับถูกใครบางคนขวางไว้
“คุณ…”
เขาเงยหน้าขึ้น มองเห็นใบหน้าของคนที่ยืนขวางทางอย่างชัดเจน ดวงตามืดมนของเขาเพ่งมองอีกครั้ง “มีอะไร?”
ชายคนนั้นไม่พูดพร่ำทำเพลง ปล่อยหมัดต่อยหน้าเสิ่นเถี่ยจวินสุดแรง
หมัดของเขาทรงพลังมาก แค่ครั้งเดียวก็ทำให้เสิ่นเถี่ยจวินเลือดกบปาก
พนักงานที่ทยอยเดินออกมาจากประตูโรงงานเครื่องจักรเห็นผู้อำนวยการของพวกเขาถูกทุบตี ก็รีบวิ่งเข้าไปถามไถ่ด้วยความกังวล “ผู้อำนวยการเสิ่น เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
เสิ่นเถี่ยจวินเช็ดเลือดจากมุมปากของเขา แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร”
เสิ่นเถี่ยจวินจ้องมองเซี่ยเหลยด้วยสายตามืดมน
ระหว่างนั้นก็คาดเดาความเป็นไปได้อยู่ในใจ
ไอ้หมอนี่ฟื้นความทรงจำแล้วเหรอ?
เสิ่นเถี่ยจวินพูดอย่างเย็นชา “ถ้ามีอะไรอยากคุยก็ไปคุยกันที่อื่น”
เซี่ยเหลยยังคงเงียบ ใบหน้าของเขามืดมนยิ่งกว่า จากนั้นก็รวบรวมแรงหมัดชกหน้าเสิ่นเถี่ยจวินอย่างแรงอีกสองครั้งติด
หมัดเหล็กสองหมัดกระทบลงมา เสิ่นเถี่ยจวินถูกต่อยอย่างแรงจนมึนงงมีดวงดาววิ่งวนอยู่เหนือหัว จากนั้นก็เริ่มยืนโซเซ เซี่ยเหลยถือโอกาสเตะเข้าที่ข้อพับขา ทำให้เสิ่นเถี่ยจวินล้มทรุดลงโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
พนักงานโรงงานเครื่องจักรเห็นผู้อำนวยการโรงงานถูกทุบตี จึงรีบกรูกันเข้าไปช่วยเสิ่นเถี่ยจวิน ตะคอกถามเซี่ยเหลยด้วยความโกรธ “คุณเป็นใครมาจากไหนเนี่ย?”
“ฉันเซี่ยเหลย”
“ผมไม่สนหรอกว่าคุณชื่ออะไร ถือดียังไงถึงมาต่อยคนอื่น?”
ว่าแล้วชายหนุ่มก็คิดจะระบายความโกรธแทนเสิ่นเถี่ยจวิน
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่หมัดของเขาจะทันได้ยกขึ้น เสียงอันน่าเกรงขามก็ดังขึ้นจากทางด้านข้าง
“สหายเซี่ยเหลยคือพ่อผู้ให้กำเนิดของหลินเซี่ย เขาเป็นทหารผ่านศึก วีรบุรุษสงครามผู้ยิ่งใหญ่ ถ้านายอยากตายนักก็เล่นงานเขาได้เลย”
เจียงกั๋วเซิ่งเดินเข้ามาเสริมทัพด้วยท่าทางสง่างาม พนักงานที่ต้องการปกป้องเสิ่นเถี่ยจวินหยุดชะงักทันที ไม่กล้าแสดงอาการหุนหันพลันแล่น
เซี่ยเหลยมองไปทางเสิ่นเถี่ยจวินที่พยายามจะหยัดลุกขึ้นด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม อดไม่ได้ที่จะเตะเขาให้ล้มลงไปกองอีกรอบ
น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวรุนแรง
“เสิ่นเถี่ยจวิน ฉันไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องที่แกแอบสลับตัวเด็กคนอื่นมาแทนที่ลูกสาวของฉันอย่างน่ารังเกียจแน่ วันนี้ฉันจะทำให้แกต้องชดใช้”
ใบหน้าของเสิ่นเถี่ยจวินเลอะไปด้วยเลือด เขายืนขึ้นด้วยความยากลำบาก มองดูเซี่ยเหลยแล้วกัดฟันกรอดเพื่อตอบโต้ “ลูกสาวนายไม่เคยต้องตกระกำลำบากด้วยซ้ำ! ลูกสาวฉันต่างหากที่ต้องทนแร้นแค้นอยู่บ้านนอกมายี่สิบปี ต่างจากหลินเซี่ยที่สุขสบายอยู่ในเมือง ไม่คิดว่าหล่อนกำลังเอาเปรียบคนอื่นบ้างหรือไง!”
“นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้แกคิดทำเรื่องชั่ว ๆ แบบนั้น”
ใบหน้าของเสิ่นเถี่ยจวินยับเยินโชกเลือด พอเขาคิดว่าลูกสาวของตัวเองต้องกลายเป็นเด็กมีปัญหาเพราะไม่ได้รับการศึกษาที่ดีสมัยอยู่ในชนบท ตอนที่ควรสอบเข้าวิทยาลัยกลับต้องแอบไปคลอดลูกที่ท้องกับผู้ชายคนไหนไม่รู้ที่เมืองอื่นอย่างลับ ๆ หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เกลียดตัวเอง เกลียดเซี่ยเหลย เกลียดเซี่ยหลาน!
เซี่ยเหลยกล้าดียังไงถึงมาต่อยตีเขา?
เขาถ่มเลือดในปากลงกับพื้น นึกอยากโต้กลับเซี่ยเหลย…
แม้เซี่ยเหลยจะขาพิการข้างหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ได้ส่งผลต่อความสามารถในการต่อสู้ของเขาเลย เมื่อเสิ่นเถี่ยจวินยกหมัดขึ้นมา เขาก็รีบล็อกข้อมืออีกฝ่ายไว้ ออกแรงบิดเพียงครั้งเดียว เสิ่นเถี่ยจวินก็กรีดร้องออกมาดังลั่น…
เจียงกั๋วเซิ่งตัวสั่นในขณะที่เขาฟังเสียงกรีดร้องเหมือนหมูถูกเชือดของเสิ่นเถี่ยจวิน
ไม่ต่างจากที่เขาคาดไว้ ในฐานะอดีตทหารที่ยังคงมีรูปร่างสมส่วนกำยำ เสิ่นเถี่ยจวินไม่มีทางต่อกรเขาได้
ไม่แปลกที่เซี่ยเหลยจะเจ็บแค้นเพราะเขาเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำ ในขณะที่คนอย่างเสิ่นเถี่ยจวินมีเจตนาชั่วร้าย พอถูกเปิดโปงความชั่วครั้งแล้วครั้งเล่าจึงหมดแรงสู้
เซี่ยเหลยเปิดฉากโจมตีก่อนด้วยวิธีที่รุนแรง เสิ่นเถี่ยจวินไม่มีพลังพอที่จะต่อสู้กลับก็จริง แต่นี่คืออาณาเขตที่เสิ่นเถี่ยจวินเป็นใหญ่
ในที่สุดฝ่ายรักษาความปลอดภัยของโรงงานเครื่องจักรก็ได้รับการแจ้งเหตุทะเลาะวิวาท พวกเขารู้สึกว่าการที่คนนอกมาทุบตีผู้อำนวยการโรงงานเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ จึงโทรเรียกตำรวจ ทั้งเสิ่นเถี่ยจวินและเซี่ยเหลยจึงถูกพาตัวไปที่สถานีตำรวจ
เมื่อเฉินเจียเหอได้รับโทรศัพท์จากสถานีตำรวจ หลังเลิกงานเขาจึงรีบไปทันที ทั้งเซี่ยเหลยและเสิ่นเถี่ยจวินต่างก็นั่งอยู่ที่นั่น
ใบหน้าของเสิ่นเถี่ยจวินบวมปูดกลายเป็นหัวหมูไหว้เจ้าเพราะถูกทุบตี เลือดซึมออกมาจากมุมปาก น่ากลัวเกินกว่าจะมอง
เซี่ยเหลยซึ่งปกติเป็นคนที่ไม่ชอบพูดจาโอ้อวดสถานะของตัวเอง วันนี้หยิบเหรียญตราทหารออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วตบลงบนโต๊ะของเจ้าหน้าที่ตำรวจดังโครม
ในปีนั้น หลังจากที่เขาและสหายทั้งสองได้รับการช่วยเหลือจนรอดพ้นจากสนามรบแห่งความตาย พวกเขาก็ได้รับเหรียญเชิดชูเกียรติระดับสอง!
หลายปีผ่านมา แม้ว่าเขาจะสูญเสียความทรงจำ แต่แม่ของเขาจะคอยกำชับให้เขาพกเหรียญเชิดชูเกียรติไว้ในกระเป๋าเสื้อเสมอ
แม่คอยพร่ำบอกว่าเขาต้องสละชีวิตเพื่อแลกมันมา
และหวังว่าเหรียญนี้จะช่วยกระตุ้นความทรงจำของเขา
สหายตำรวจทั้งสองดูตื่นตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งที่เซี่ยเหลยตบวางบนโต๊ะ
เขารีบทำความเคารพเซี่ยเหลยอย่างรวดเร็ว
เซี่ยเหลยมองพวกเขาด้วยสีหน้าจริงจังอย่างที่สุด แล้วเริ่มร้องขอ
“ผมขอให้พวกคุณช่วยรื้อคดีนี้ขึ้นมาสืบสวนใหม่อีกครั้ง ว่าเมื่อยี่สิบปีที่แล้วลูกสาวของผมถูกคนจงใจสลับตัวจริงไหม ผมไม่อนุญาตให้เรื่องนี้ได้ข้อสรุปไปในทางที่คลุมเครือ เขาคือผู้ต้องสงสัยข้อหาลักพาตัวเด็ก ฉะนั้นควรได้รับการลงโทษตามกฎหมาย”
เขามองไปที่นายตำรวจทั้งสองคน พูดเสียงเศร้าว่า “ในขณะที่ผมกำลังต่อสู้กับศัตรูอยู่ในสนามรบอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อปกป้องครอบครัวและประเทศชาติ ลูกสาวผมกลับถูกอาชญากรสลับตัวอย่างจงใจ ทำให้เด็กต้องพรากจากอกแม่เป็นเวลายี่สิบปี ความยุติธรรมอยู่ที่ไหนกัน?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โด้นนน พ่อแท้ๆ ของเซี่ยเซี่ยลุยเองแล้ว ตระกูลเสิ่นเตรียมลุกเป็นไฟ
ไหหม่า(海馬)