ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 426 ไปให้การในชั้นศาลเอาเอง
ตอนที่ 426 ไปให้การในชั้นศาลเอาเอง
ตอนที่ 426 ไปให้การในชั้นศาลเอาเอง
เซี่ยเหลยหยิบเหรียญตราทหารออกมา แล้วขอเข้าพบผู้บังคับการสถานีตำรวจ เพื่ออธิบายมูลเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ผู้บังคับการสถานีตำรวจสั่งให้รื้อสำนวนคดีทันที พบว่าได้มีการสอบสวนคดีนี้ไปแล้วจริง ๆ เมื่อไม่กี่เดือนก่อน แต่เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถยื่นฟ้องต่อศาลได้
พวกเขาไม่คาดคิดว่าพ่อผู้ให้กำเนิดของเด็กผู้หญิงที่ถูกสลับตัว จะกลายเป็นวีรบุรุษทหารผ่านศึกที่รอดมาจากสนามรบ
ต่อให้เซี่ยเหลยไม่มีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้ ลูกสาวของเขาก็ยังคงมีสถานะเป็นลูกของผู้พลีชีพเพื่อชาติอยู่ดี เมื่อเกิดปัญหาเช่นนี้ พวกเขาจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด
ผู้บังคับการสถานีมองไปที่เซี่ยเหลย พูดอย่างจริงจังว่า “สหายเซี่ยเหลย ไม่ต้องกังวลนะครับ พวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสอบสวนความจริงให้กระจ่าง และมอบคำอธิบายแก่คุณและครอบครัว”
“ครับ”
เซี่ยหลานได้รับแจ้งจากทางสถานีตำรวจ เธอก็รีบตรงมาทันที
เฉินเจียเหอยืนอยู่ที่หน้าประตู พอเห็นว่าเซี่ยหลานกำลังรีบวิ่งมาทางนี้ เขาจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทาย “หมอเซี่ยครับ”
“อืม”
เซี่ยหลานเข้าไปในสถานีตำรวจ และเห็นว่าเสิ่นเถี่ยจวินถูกทุบตีจนมีอาการบาดเจ็บทั่วใบหน้า หลังจากบันทึกคำให้การเสร็จ เขาก็ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวแล้ว
เซี่ยหลานเห็นว่าเซี่ยเหลยเองก็อยู่ที่นั่นด้วย จึงพอปะติดปะต่อได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อเซี่ยเหลยเห็นเซี่ยหลาน สีหน้าของเขาดูซับซ้อน เหตุการณ์ในอดีตมากมายในปีนั้นพลันหลั่งไหลเข้ามาในความคิด
เขามองไปทางเซี่ยหลาน ถามว่า “เซี่ยหลาน เธอยืนยันได้ไหมว่าตัวเองไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องที่เสิ่นเถี่ยจวินเอาเด็กคนอื่นมาสลับตัวลูกฉันในตอนนั้น?”
เมื่อเซี่ยเหลยเอ่ยถาม ใบหน้าของเซี่ยหลานเปลี่ยนไปเล็กน้อย สีหน้าหล่อนดูเศร้าโศก “หมายความว่าไงคะ? คุณก็คิดว่าฉันเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดงั้นเหรอ?”
ดวงตาอันเฉียบคมของชายตรงหน้ากลับคืนสู่ความรุ่งโรจน์อย่างเช่นในอดีต ทำให้เซี่ยหลานเข้าใจบางสิ่งได้ทันที
บางทีเขาอาจจะฟื้นความทรงจำกลับคืนมาแล้ว
เซี่ยเหลยมองหล่อนแล้วอธิบายว่า “อย่าเข้าใจฉันผิด ฉันแค่อยากยืนยันสถานการณ์ เพราะคิดว่าจะขอให้ทางตำรวจรื้อกระบวนการทางกฎหมายเกี่ยวกับคดีนี้อีกครั้ง”
“งั้นคุณก็ให้ตำรวจสอบสวนเถอะ”
เมื่อเสิ่นเถี่ยจวินเห็นว่าเซี่ยหลานและเซี่ยเหลยเดินเข้ามาหน้าห้องขังพร้อมกัน แสงดำมืดก็แวบเข้ามาในดวงตาของเขา
ที่สถานีตำรวจ เขาปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าเขาไม่ได้ตั้งใจสลับตัวเด็ก
“เซี่ยเหลย แกอย่ามาใส่ร้ายฉัน สภาพแวดล้อมในโรงพยาบาลศูนย์สุขภาพตอนนั้นย่ำแย่มาก ฉันก็แค่สับสนจนอุ้มลูกกลับมาผิดคน ใครจะไปรู้ล่ะว่าหล่อนเป็นลูกสาวแก ถ้าฉันรู้แต่แรกว่าหลินเซี่ยเป็นลูกสาวแก คิดเหรอว่าฉันจะยอมเลี้ยงดูหล่อนมาจนโต?”
เซี่ยเหลยหัวเราะเยาะ “แกไม่รู้แน่ว่าหลินเซี่ยเป็นลูกสาวของฉัน เพราะใจจริงแกคิดเสมอว่าเด็กที่อยู่ในท้องของเซี่ยหลานเป็นลูกของฉันยังไงล่ะ”
เขามองไปที่เสิ่นเถี่ยจวินด้วยความโกรธอย่างยิ่ง สาปแช่งลอดไรฟันพร้อมกับกัดฟันกรอด
“แกมันสารเลว เซี่ยหลานแต่งงานกับแกแล้วแท้ ๆ แต่แกกลับไม่ไว้ใจหล่อนเลย คนอย่างแกมันไม่คู่ควรเกิดเป็นผู้ชายเลยด้วยซ้ำ”
ถ้าที่แห่งนั้นไม่มีตำรวจ เซี่ยเหลยคงปรี่เข้าไปทุบตีผู้ชายสารเลวคนนี้ให้ตายกันไปข้าง
สถานีตำรวจเริ่มกระบวนการสืบคดีใหม่ จำเป็นต้องบันทึกคำให้การของเซี่ยหลานและเสิ่นเถี่ยจวินใหม่อีกครั้ง พวกเขายังส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเชิญหลิวกุ้ยอิงมาให้การเพิ่มเติมด้วย
เสิ่นเถี่ยจวินฉลาดแกมโกงมาก เมื่ออยู่ต่อหน้าตำรวจ เขายืนยันว่าตอนนั้นตัวเองแค่ประมาทเลินเล่อและไม่มีเจตนาแต่อย่างใด
จากนั้นเสิ่นเถี่ยจวินก็ขอคุยกับเซี่ยหลานตามลำพัง
ทันทีที่พวกเขาจากไป เสิ่นเถี่ยจวินก็คุกเข่าลงต่อหน้าเซี่ยหลาน
“เสี่ยวหลาน ช่วยไปหาเซี่ยเหลยแล้วขอร้องเขาแทนผมที อย่าได้ติดใจเอาความกันอีกเลย”
เซี่ยหลานมองเขาและยิ้มเย้ย “ถึงขั้นนี้แล้วคุณยังจะแก้ตัวอีกเหรอ?”
“เซี่ยเหลยเป็นวีรบุรุษทหารผ่านศึก ถ้ามันคิดจะเอาเรื่องผม ต่อให้ผมบริสุทธิ์ เขาก็มีอำนาจมากพอที่จะกล่าวหาผม แต่ถ้าคุณไปขอร้องเขา เขาอาจจะเห็นแก่หน้าคุณบ้าง”
เซี่ยหลานสลัดเขาออกห่าง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เสิ่นเถี่ยจวิน ไม่ว่าใครก็ต้องชดใช้การกระทำของตัวเองกันทั้งนั้น”
เมื่อเห็นความเฉยเมยของเซี่ยหลาน เสิ่นเถี่ยจวินก็คำรามด้วยแรงอารมณ์ “ทำไมคุณถึงได้โหดร้ายกับผมอย่างนี้? คิดจะทำอะไรกันแน่? หรือคุณอยากแปรพักตร์ไปอยู่ฝ่ายพวกมันแล้วรวมหัวกันส่งผมเข้าคุก? เพื่อที่คุณจะได้กลับไปไล่ตามเขาอีกครั้งใช่ไหม?”
เสิ่นเถี่ยจวินมองไปที่เซี่ยหลาน เยาะเย้ยต่อไป “ผมจะบอกอะไรให้ ยี่สิบปีที่แล้วเขาเคยไม่แยแสคุณยังไง ยี่สิบปีต่อมาเขาอาจจะไม่แยแสคุณยิ่งกว่า ผ่านมาตั้งสองครั้งสองครา เขาก็ยังยืนยันจะแต่งงานกับผู้หญิงบ้านนอกคนนั้นอยู่ดี ไม่ว่านานแค่ไหน คุณก็เป็นแค่คนขี้แพ้สำหรับเรื่องนี้”
เซี่ยหลานสะบัดมือตบหน้าเขาอย่างแรง
“คุณมันหน้าด้านไร้ยางอายไม่เคยเปลี่ยน”
เดิมทีมุมปากของเสิ่นเถี่ยจวินก็ชอกช้ำจากการถูกเซี่ยเหลยต่อยอยู่แล้ว เซี่ยหลานยังตบเขาซ้ำอีก ทำให้เลือดกบปากอีกครั้ง
เซี่ยหลานหันหลังกลับและจากไป เสิ่นเถี่ยจวินมองตามแล้วตะโกนไล่หลัง
“ส่งผมเข้าคุกแล้วจะมีประโยชน์อะไร? อวี้อิ๋งต้องหนีไปคลอดลูกคนเดียวที่อื่น ใครจะอยู่ดูแลเด็กที่หล่อนคลอดออกมา? อวี้หลงก็ยังนอนเป็นผักไม่ได้สติอยู่บนเตียง ถ้าผมติดคุกไปสักคน แล้วใครจะเป็นเสาหลักดูแลลูกทั้งสองคนของเรามิทราบ?”
“ถ้าคุณคิดว่าตัวเองมีปัญญา ถามหน่อยว่าใครในตระกูลเซี่ยเต็มใจจะช่วยคุณบ้าง? ในสถานการณ์แบบนี้ พวกเขาต้องกลัวและพยายามหลีกเลี่ยงแน่อยู่แล้ว มารหัวขนในท้องอวี้อิ๋งอาจเป็นลูกของผู้ชายคนไหนก็ได้ทั้งนั้น เกิดมันไม่ใช่ลูกของหลิวจื้อหมิงขึ้นมา แล้วคุณจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้ไหม?”
เสิ่นเถี่ยจวินหยิบยกเอาลูกสองคนมาอ้าง พยายามทำให้เซี่ยหลานยอมจำนนและไปขอร้องแทนเขา
ท่าทางการแสดงออกของเซี่ยหลานกลับไร้ความประหวั่นพรั่นพรึง “พูดพล่ามกับฉันไปก็ไม่มีประโยชน์ ไปให้การในชั้นศาลเอาเองเถอะ”
เสิ่นเถี่ยจวินถูกควบคุมตัวโดยตรง นับจากนี้คดีจะอยู่ในระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม
หลังจากที่หลิวกุ้ยอิงบันทึกคำให้การเสร็จแล้ว หล่อนก็ตั้งใจว่าจะออกไปพร้อมกับเซี่ยเหลยและเฉินเจียเหอ แต่บังเอิญเจอกับเซี่ยหลานที่นอกสถานีตำรวจเสียก่อน
“คุณหมอเซี่ยคะ ฉันอยากขอบคุณคุณจริง ๆ ที่กรุณาเลี้ยงดูเซี่ยเซี่ยมานานหลายปี”
“ไม่ต้องขอบคุณอะไรหรอกค่ะ ฉันไม่เคยรู้ภูมิหลังที่แท้จริงของหล่อน ฉันแค่ทำหน้าที่แม่ให้ดีที่สุดก็เท่านั้น”
พอพูดแล้วก็ให้รู้สึกละอายใจ ต้องบอกเลยว่าในฐานะแม่ หล่อนออกจะไร้ประสิทธิภาพด้วยซ้ำไป
“ฉันเสียอีกที่ต้องขอบคุณทั้งคุณและคุณหลินผู้ล่วงลับอย่างที่สุด ที่กรุณาช่วยชีวิตอวี้อิ๋งให้รอดตาย”
แม้ว่าเสิ่นอวี้อิ๋งจะหลงละเลิงในเส้นทางที่ผิดตั้งแต่อายุยังน้อย แต่หลังจากที่เซี่ยหลานได้อ่านไดอารี่ของเสิ่นอวี้อิ๋ง หล่อนก็รู้แล้วว่าการเลี้ยงดูและการอบรมสั่งสอนของหลินต้าฝูและหลิวกุ้ยอิงนั้นไม่ได้มีข้อบกพร่องตรงไหนเลย
ต้องโทษเลือดตระกูลเสิ่นในตัวหล่อนที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวโดยเนื้อแท้
ต่อให้เสิ่นอวี้อิ๋งจะเติบโตขึ้นภายใต้การเลี้ยงดูของหล่อน หล่อนก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าจะสามารถสั่งสอนลูกสาวให้ดีได้
เซี่ยหลานรู้สึกผิดต่อหลิวกุ้ยอิงและหลินเซี่ยมาก เนื่องจากรู้ดีแก่ใจว่าเสิ่นเถี่ยจวินเป็นผู้กระทำผิดในการสลับตัวเด็ก
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับพวกเขาจริง ๆ หล่อนกลับพูดคำขอโทษไม่ออก
หล่อนเองก็ตกเป็นเหยื่อของเหตุการณ์นี้
ทั้งหมดเป็นเพราะหล่อนหลงมัวเมาไปชั่วขณะ จากนั้นเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ?
หล่อนตัดสินใจผิดพลาด เวลานั้นหล่อนไม่ควรหมกมุ่นอยู่กับผู้ชายตรงหน้าเลย
หล่อนไม่ควรดื้อรั้นไปทำงานในพื้นที่ชนบทตามเขาโดยขาดความยั้งคิด
เสิ่นเถี่ยจวินพูดถูก ต่อให้มีโอกาสเลือกถึงสองครั้งสองครา เขาก็ยังเลือกผู้หญิงชนบทคนนี้อยู่ดี
ในที่สุดหล่อนก็ตระหนักถึงความเป็นจริง การรักใครสักคนไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล และการไม่รักก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลมารองรับเช่นเดียวกัน
ไม่รักก็คือไม่รัก ไม่ว่าจะพยายามมากเท่าใด สุดท้ายก็มีแต่จะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง
เซี่ยหลานขอบคุณหลิวกุ้ยอิงจบ ก็หมุนตัวเตรียมจะเดินจากไป
เซี่ยเหลยมองตามแผ่นหลังของหล่อนไปด้วยสีหน้าซับซ้อน
พอได้สติก็รีบเดินตามไปให้ทัน ร้องเรียกเซี่ยหลานไว้
เซี่ยหลานเห็นชายคนนั้นวิ่งตามมา จึงถามว่า “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
เซี่ยเหลยมองหน้าหล่อน ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจพูด “เซี่ยหลาน ฉันขอโทษ”
“ทำไมต้องขอโทษด้วยคะ?” เซี่ยหลานไม่รู้ว่าทำไม
เซี่ยเหลยมองหล่อนด้วยความรู้สึกผิดจากใจ อธิบายด้วยความยากลำบาก “เพราะว่า ในตอนนั้นฉันขาดความเข้าใจ เลยรับมือกับความสัมพันธ์ระหว่างเราไม่ดีนัก ฉันรู้มาว่าตอนนั้นเธอย้ายไปต่างเมืองก็เพราะฉัน ฉันขอโทษ”
เซี่ยเหลยรู้สึกเสียใจมากที่ตอนนั้นเขาไม่ได้ปฏิเสธให้ชัดเจนอย่างทันท่วงที และทำให้หล่อนยอมล้มเลิกความตั้งใจที่จะไล่ตามเขาโดยสิ้นเชิง
เขาทำแค่ไม่รับจดหมายรักที่หล่อนเขียนถึงเขา แล้วฝากข้อความบอกผ่านเซี่ยอวี่ว่าเขาไม่มีความรู้สึกลึกซึ้งใด ๆ ต่อหล่อน และไม่สนใจความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง บางทีคำพูดที่คลุมเครือของเขาในตอนนั้นอาจจะเป็นการสร้างความหวังให้หล่อนโดยไม่รู้ตัว
ในที่สุดโศกนาฏกรรมนี้ก็เกิดขึ้น
ริมฝีปากของเซี่ยหลานโค้งขึ้นเล็กน้อย มองเขาพลางพูดนิ่ง ๆ
“คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ ตอนนั้นที่ฉันตัดสินใจไปต่างเมือง ฉันมีความตั้งใจอยากช่วยเหลือมาตุภูมิด้วยใจจริง ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลย”
หลังจากเซี่ยหลานพูดจบ หล่อนก็จากไปเงียบ ๆ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เข้าคุกไปยาวๆ เลยก็ดีนะเสิ่นเถี่ยจวินตัวต้นเรื่อง วุ่นวายทั้งอำเภอก็เพราะแกคนเดียว
ไหหม่า(海馬)