ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 428 รองเท้าผ้าใบเสริมพื้นของแม่
ตอนที่ 428 รองเท้าผ้าใบเสริมพื้นของแม่
ตอนที่ 428 รองเท้าผ้าใบเสริมพื้นของแม่
หลินเซี่ยเดินตามอู๋เซิ่งหงไปที่แผงขายอาหาร ฟังเขาสาธยายเกี่ยวกับอาหารอันโอชะต่าง ๆ ในแผงลอยเล็ก ๆ กลางเมืองเชินเฉิง นอกจากนี้เขายังบอกอีกว่าจะพาหลินเซี่ยไปตระเวนชิมร้านทั้งหมดถ้ามีโอกาส
เซี่ยไห่มองชายผู้มีนิสัยเรียบง่ายและซื่อตรงเกินไปอย่างระมัดระวัง ชิงพูดขึ้นก่อนว่า “พวกเราจะออกจากเชินเฉิงในอีกสองวันที่จะถึงนี้แล้ว”
หลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยไห่ อู๋เซิ่งหงก็ยิ้มและพูดว่า “ไม่ใช่ปัญหาครับ ถ้าพวกเราได้ร่วมมือกันทางธุรกิจ อีกหน่อยเราคงได้เจอกันบ่อย ๆ”
เมื่อเจ้าของแผงยกขวดเบียร์มา อู๋เซิ่งหงก็รินเบียร์ใส่แก้วให้เซี่ยไห่ด้วยตัวเอง เขาต้องการรินให้หลินเซี่ยด้วย แต่เซี่ยไห่ปฏิเสธแทนว่าหลานสาวของเขาไม่ดื่ม ดื่มแค่น้ำเปล่าเท่านั้น
อู๋เซิ่งหงได้ยินแบบนั้นก็ไม่ขัดข้อง ขอให้เจ้าของแผงช่วยเสิร์ฟน้ำเปล่าให้หลินเซี่ย “เถ้าแก่เซี่ย เสี่ยวหลิน ยินดีที่ได้รู้จักพวกคุณ ผมขอถือโอกาสนี้ดื่มอวยพรให้คุณสักหน่อย”
หลังจากชนแก้ว เจ้าของแผงก็ยกชามบะหมี่มาเสิร์ฟ เซี่ยไห่หิวมาก จึงเริ่มกินโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองอีกต่อไป
“เถ้าแก่เซี่ย คุณเปิดห้องเต้นรำทั้งหมดกี่สาขาเหรอครับ?” อู๋เซิงหงถามเขา
“สองสาขาค่ะ”
เมื่อเห็นว่าเซี่ยไห่ไม่สนใจจะตอบ หลินเซี่ยจึงยิ้มและพูดกับอู๋เซิ่งหงว่า “อารองของฉันเก่งมากนะคะ นอกจากห้องเต้นรำและห้องร้องคาราโอเกะในไห่เฉิงแล้ว เขายังอยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมบันเทิงได้อย่างมั่นคงมาก”
อู๋เซิ่งหงมองไปที่เซี่ยไห่ด้วยความชื่นชมในสายตา “เถ้าแก่เซี่ยเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีอนาคตไกลจริง ๆ”
เซี่ยไห่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ชมเกินไปแล้ว ผมทำธุรกิจก็เพื่อหารายได้เท่านั้นเอง”
“เถ้าแก่อู๋คะ คุณคิดยังไงบ้างกับแผนที่เราเสนอไปเมื่อวานนี้?” เมื่อรู้สึกว่าช่วงเวลาแห่งความสุขใกล้จะจบลงแล้ว หลินเซี่ยจึงเริ่มวกเข้าประเด็นธุรกิจ
“ผมคิดว่าการใช้ที่ดินลงทุนเป็นหุ้นส่วนก็เข้าท่าดีเหมือนกัน”
หลังจากที่อู๋เซิ่งหงพูดจบ เขาก็มองไปที่เซี่ยไห่ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเถ้าแก่เซี่ยมีความสามารถทางการเงินพอสมควร นอกจากที่ดินแล้ว คุณยังสนใจที่จะลงทุนเพิ่มเติมบ้างหรือเปล่าครับ?”
เซี่ยไห่เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสีหน้างุนงง “ลงทุนเพิ่ม?”
อู๋เซิ่งหงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ครับ ถ้าคุณเซี่ยไห่สนใจ ก็ลองนำเอกสารไปศึกษาดูเกี่ยวกับแผนพัฒนาโครงการหมู่บ้านถวนเจี๋ยได้ ถ้าคุณยินดีลงทุน เราก็จะพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวไปพร้อมกัน เมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์ ผลประโยชน์ร่วมในอนาคตจะมีความสำคัญมาก”
ทันใดนั้นการแสดงออกของหลินเซี่ยก็สดใสขึ้นหลังจากได้ยินคำพูดของอู๋เซิ่งหง
ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมาย
อู๋เซิ่งหงหยิบซองกระดาษสีน้ำตาลออกมาจากกระเป๋าถือของเขาแล้ววางลงบนโต๊ะ
“นี่คือเอกสารแผนการของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งหงของเรา ตรงส่วนโครงการพัฒนาที่ดินในหมู่บ้านถวนเจี๋ย คุณลองอ่านดูก่อนได้นะครับ”
อู๋เซิ่งหงชำเลืองมองหลินเซี่ย และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณหลินกับผมถือเป็นคนบ้านเดียวกัน แม้ว่าเราจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ผมรู้สึกว่าเราสองคนเข้ากันได้ดีมาก เถ้าแก่เซี่ยก็เป็นคนเก่ง ถ้าพวกคุณสนใจโครงการด้านอสังหาริมทรัพย์ เราอาจร่วมลงทุนเป็นหุ้นส่วนกันได้ ทุกคนจะได้มีส่วนร่วมพัฒนาโครงการนี้ด้วยกัน”
เซี่ยไห่ไม่ได้ประทับใจกับคำพูดของเขา และไม่คิดจะอ่านเอกสารแผนการใด ๆ เขายิ้มและปฏิเสธอย่างสุภาพ “เถ้าแก่อู๋ คุณแปลงที่ดินผืนนั้นเป็นหุ้นส่วนให้ผมก็พอ ผมไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์ แถมตอนนี้ก็ต้องใช้เงินลงทุนในโครงการอื่น ๆ ที่นี่เหมือนกัน เราไม่มีเงินทุนมากมายขนาดนั้น ไว้มีโอกาสในอนาคตเราค่อยคุยเรื่องนี้กันใหม่”
อู๋เซิ่งหงผู้มีรอยยิ้มซื่อตรงบนใบหน้าของเขาเสมอ พูดด้วยน้ำเสียงไม่เร่งรัดว่า “คุณลองเอาเอกสารแผนการของบริษัทเราไปดูก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ”
“ไม่…”
หลินเซี่ยหยิบเอกสารที่อู๋เซิ่งหงมอบให้ และพูดด้วยรอยยิ้ม “เถ้าแก่อู๋ อารองของฉันจะค่อย ๆ ศึกษามันอย่างระมัดระวังค่ะ ว่าแต่คุณอยากให้เราลงทุนเป็นเงินขั้นต่ำเท่าไหร่คะ?”
อู๋เซิ่งหงยิ้มและพูดว่า “ขึ้นอยู่กับความต้องการของเถ้าแก่เซี่ยเลย”
หลินเซี่ยเปิดเอกสารแผนโครงการออกอ่านคร่าว ๆ และถามอู๋เซิ่งหงเป็นการหยั่งเชิงว่า “โครงการนี้มีพันธมิตรรายอื่นเป็นหุ้นส่วนหรือเปล่าคะ?”
“มีแค่บริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งหงของเราเป็นเจ้าของโครงการพัฒนาผู้เดียวครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของอู๋เซิ่งหง ดวงตาของหลินเซี่ยก็สั่นไหวเล็กน้อย
ดูเหมือนว่า หุ้นส่วนทางธุรกิจของอู๋เซิ่งหงจะถอนการลงทุนไปแล้ว เพราะกลัวว่าความเสี่ยงในระยะหลังของโครงการนี้จะอยู่ในจุดที่ไม่สามารถควบคุมได้
อู๋เซิ่งหงเคยระบุไว้ในอัตชีวประวัติของเขาว่า หลังจากที่หุ้นส่วนของเขาถอนทุนออก เขาก็รู้สึกกังวลมาก ตระเวนไปทุกที่เพื่อเจรจาขอเงินลงทุนเพิ่ม รวมถึงลงนามในเอกสารสัญญาซื้อขายที่ดิน จนรองเท้าผ้าใบเสริมพื้นที่แม่ของเขาเป็นคนเย็บแทบสึก
เวลานี้ เมื่อเผชิญกับการปฏิเสธอย่างไม่ลังเลของเซี่ยไห่ ชายตรงหน้าก็ยังคงมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า แสดงท่าทางสงบและเข้าอกเข้าใจ ด้วยคุณสมบัติทางจิตวิทยาที่แข็งแกร่งนี่เอง เขาถึงกลายเป็นคนที่สามารถทำสิ่งยิ่งใหญ่ได้
“ค่ะ พวกเราจะกลับไปพิจารณาและให้คำตอบภายในวันพรุ่งนี้”
อู๋เซิ่งหงยกแก้วเบียร์ขึ้นแล้วชนกับเซี่ยไห่อีกครั้ง “ผมจะรอฟังข่าวดีจากเถ้าแก่เซี่ยอย่างจดจ่อนะครับ”
อู๋เซิ่งหงมองดูหญิงสาวอย่างหลินเซี่ยซึ่งไม่มีท่าทีถือตัวเลย เธอไม่สนใจความวุ่นวายของแผงขายอาหารด้วยซ้ำ ส่วนเซี่ยไห่เองที่เหมือนจะถือตัวก็กินบะหมี่ไปหลายคำ เขามองดูอาหลานทั้งสองเงียบ ๆ ในสายตาเต็มไปด้วยความนับถือและชื่นชม
หวังว่าพวกเขาจะกลายมาเป็นหุ้นส่วนที่น่าเชื่อถือของเขา
เมื่อกล่าวคำอำลาหลังจากเสร็จสิ้นมื้ออาหารเย็น อู๋เซิ่งหงพูดกับเซี่ยไห่ด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า “เถ้าแก่เซี่ย กลับถึงที่พักเมื่อไหร่ อย่าลืมพิจารณาแผนการนี้โดยละเอียดนะครับ”
เซี่ยไห่พยักหน้าอย่างสุภาพ “ไว้ผมจะลองอ่านดูครับ”
หลังจากแยกย้ายจากอู๋เซิ่งหงแล้ว เซี่ยไห่ก็พาหลินเซี่ยกลับไปที่โรงแรม ระหว่างทางเขามองไปที่หลินเซี่ยและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เซี่ยเซี่ย การลงทุนไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เธอไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเกินตัว และอย่าพยายามบังคับฉันให้จ่ายเงิน ฉันไม่มีเงินลงทุนมากขนาดนั้น แค่ใช้ที่ดินผืนนั้นแลกเป็นหุ้นส่วนก็มากพอแล้ว ถ้าเถ้าแก่อู๋ไม่เห็นด้วย ฉันก็จะขายให้เขาโดยตรง ส่วนที่เหลือก็ลืมไปซะ เด็กอย่างเธอไม่มีความเข้าใจเรื่องการลงทุนมากพอหรอก”
หลินเซี่ยยื่นซองเอกสารให้เซี่ยไห่ “อารอง ลองเอาเอกสารแผนการนี้ไปอ่านดูก่อนสิคะ”
ทัศนคติของเซี่ยไห่เข้มงวดมาก “ไม่เอา ฉันตรวจสอบสมุดบัญชีทั้งวันจนปวดตาหมดแล้ว ไอ้ทรยศนั่น ฉันเชื่อใจเขามาโดยตลอด แต่เขากลับออกใบสั่งซื้อสินค้าปลอมในขณะที่ฉันไม่อยู่ ขนาดลูกน้องที่ฉันปั้นมากับมือยังทำกับฉันได้ลง แล้วเจ้าของบริษัทต๊อกต๋อยที่เพิ่งรู้จักกับเราได้แค่สองวันจะน่าเชื่อถือได้ยังไงกัน การลงทุนต้องใช้เงินนะ ไม่ใช่ลงทุนด้วยปากเปล่าซะเมื่อไหร่”
เขาส่งหลินเซี่ยไปถึงหน้าประตูโรงแรม “เอาล่ะ เข้าไปข้างในแล้วอย่าลืมล็อคประตู แล้วนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้เช้าฉันค่อยติดต่อคนที่ดูแลโรงงานตัดเสื้อ แล้วขอให้เขาพาเราไปชมชุดแต่งงานที่ทางโรงงานเป็นผู้ผลิต เรื่องเถ้าแก่อู๋ เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยปฏิเสธไปตรงๆ เราไม่มีเวลาไปถกเถียงเจรจากับเขา ฉะนั้นอย่าให้ความหวังคนอื่นจนทำให้สิ่งต่าง ๆ ล่าช้า”
“ค่ะ”
เมื่อเซี่ยไห่จากไป เขาไม่ได้หยิบเอาซองเอกสารแผนการกลับไปอ่านอย่างละเอียด แสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะไม่เสี่ยงลงทุน
แต่หลินเซี่ยซึ่งมีความทรงจำมาจากชาติที่แล้ว ตอนนี้เมื่อได้เจอกับเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ในอนาคตโดยบังเอิญ แถมอีกฝ่ายยังยื่นกิ่งมะกอก(1)ให้พวกเขาอีก ถ้าพลาดโอกาสนี้ไป สักวันเธอคงทำอะไรไม่ได้นอกจากเฝ้าดูบริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งหงทวีความยิ่งใหญ่ และแข็งแกร่งขึ้นในวันข้างหน้า แปรสภาพจนที่ดินรกร้างว่างเปล่ากลายเป็นอาคารสูงระฟ้า ถึงวันนั้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์เซิ่งหงจะทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ มีทรัพย์สินกระจายไปทั่วประเทศ เธอคงจมอยู่กับความเสียดายจนตาย
หลินเซี่ยนอนไม่หลับ เธอนั่งอยู่บนเตียง ศึกษาเอกสารแผนการจนเวลาล่วงไปเกินครึ่งคืน
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเซี่ยไห่มารับเธอ เขาก็เห็นรอยคล้ำใต้ดวงตา จึงถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เซี่ยเซี่ย เป็นอะไรไปหรือเปล่า? ทำไมดูเหมือนไม่ได้นอนทั้งคืนเลย? ห้องนี้นอนไม่สบายหรือเปล่า? คืนนี้เปลี่ยนโรงแรมไหม?”
“เปล่าค่ะ เตียงนอนสบายดี” หลินเซี่ยชี้ไปที่ซองกระดาษสีน้ำตาลบนโต๊ะข้างเตียง “ฉันอ่านเอกสารแผนการที่เถ้าแก่อู๋มอบให้เมื่อคืนนี้เพลินไปหน่อย”
เซี่ยไห่เหลือบมองซองกระดาษสีน้ำตาล ถึงกับพูดไม่ออก
หลินเซี่ยยังต้องการพยายามเป็นครั้งสุดท้าย “อารอง ช่วยฟังสิ่งที่ฉันกำลังจะพูดหน่อยได้ไหมคะ?”
เซี่ยไห่โบกมือต่อต้าน “หยุดเลย”
เขามองไปที่หลินเซี่ย เริ่มร่ายยาวเหยียดอย่างใจร้อน “เซี่ยเซี่ย เถ้าแก่อู๋คนนั้นมีแผนการที่ยิ่งใหญ่เกินตัว ถึงอย่างนั้นฉันก็รู้ดีด้วยว่าเธอไม่อยากให้ฉันพลาดโอกาสในการสร้างรายได้ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ อารองไม่ได้มีเงินถุงเงินถังขนาดนั้น เราจะโลภกอบโกยทุกอย่างพร้อมกันไม่ได้ ฉันรับฟังข้อเสนอของเธอ แล้วทำการวิจัยเชิงลึกและทำความเข้าใจกับอุตสาหกรรมคาราโอเกะยุคใหม่ แนวโน้มการพัฒนาธุรกิจนั้นยังมีความเป็นไปได้มากกว่าซะอีก เธอเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลมากในเรื่องนี้ นอกจากที่ไห่เฉิงแล้ว ฉันยังวางแผนจะเปิดสาขาเพิ่มถัดจากห้องเต้นรำสาขาเชินเฉิงด้วย และจะขยายกิจการไปเมืองอื่น ๆ ต่อเมื่อมีเงินทุนเพียงพอ ส่วนเรื่องอสังหาริมทรัพย์เป็นอะไรที่ฉันไม่มีความรู้เลยสักนิด แถมเราก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับเถ้าแก่อู๋มากนัก เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะจ่ายเงินที่หามาได้อย่างยากลำบากให้กับคนแปลกหน้า ถ้าทำแบบนั้นเราก็ไม่ต่างอะไรจากคนโง่ เข้าใจหรือเปล่า?”
หลินเซี่ยพยักหน้า “อารอง ฉันเข้าใจค่ะ”
เธอมองไปที่เซี่ยไห่และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นเดียวกัน “แต่ฉันมั่นใจว่าในอนาคตคุณจะไม่มีวันเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองในวันนี้”
เมื่อเห็นสีหน้าที่จริงจังบนใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอ เซี่ยไห่ก็กลอกตาใส่ “ฉันจะเสียใจมากกว่าถ้าวันนี้ตัดสินใจจ่ายเงินลงทุนกับคนแซ่อู๋นั่น”
หลินเซี่ย “!!!”
เซี่ยไห่บ่นด้วยความหงุดหงิด “ไม่เห็นหรือไงว่าเขาแต่งตัวไร้รสนิยมสิ้นดี ต่อให้เราไม่ควรถูกตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก และฉันก็ไม่อยากโจมตีเขาจากรูปลักษณ์ภายนอกเช่นกัน แต่ในฐานะนักธุรกิจ ถ้าต้องการเดินหน้าทำเงินในเชินเฉิงแล้ว สิ่งแรกคือควรแต่งกายให้สุภาพตามสมัยนิยม ใครบ้างไม่เคยประสบความยากลำบากและความจนมาก่อน? คิดว่าในโลกนี้มีเขาคนเดียวที่เคยขัดสนข้นแค้นหรือไง?”
หลินเซี่ยอธิบาย “รองเท้าที่เขาใส่ไม่ใช่รองเท้าผ้าใบธรรมดา แต่เป็นรองเท้าเสริมพื้นที่แม่ของเขาเป็นคนเย็บให้ นั่นคือตัวแทนความรักของแม่เขา อีกอย่าง รองเท้าเสริมพื้นของเขาก็ใส่เดินสบายมากกว่ารองเท้าหนังเป็นไหน ๆ”
……………………………………………………………………………………………………………………….
ยื่นกิ่งมะกอก 橄榄枝 แปลว่า หยิบยื่นโอกาสอันดีงามให้
สารจากผู้แปล
บางทีโอกาสมันก็มาแบบอ้อมๆ นะ ขึ้นอยู่กับว่ากล้าเสี่ยงคว้าไว้หรือเปล่าเท่านั้นแหละ
ไหหม่า(海馬)