ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 429 ยืมเงินสามแสน
ตอนที่ 429 ยืมเงินสามแสน
ตอนที่ 429 ยืมเงินสามแสน
หลินเซี่ยเข้าใจคำเตือนของเซี่ยไห่ดี บางทีในสายตาของเซี่ยไห่ เธออาจจะเป็นแค่เด็กโง่ที่มักจะทำตัวบ้าบิ่นและแปลกประหลาด
อู๋เซิ่งหงก็เป็นแค่คนโง่จากชนบทที่มีความฝันอันลมแล้ง ทำเรื่องใหญ่เกินตัวโดยที่มองไม่เห็นปลายทางอย่างชัดเจน
เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะลงทุนสักหยวนกับคนโง่คนนั้น
“ฉันขอแวะเข้าห้องน้ำหน่อย แล้วพวกเราจะออกเดินทางกันหลังกินมื้อเช้าเสร็จ”
หลินเซี่ยพูดกับเขาว่า “อารอง ขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิคะ ฉันจะโทรกลับไปที่บ้าน”
“โอ้ งั้นฝากโทรไปหาเจียเหอหน่อย เมื่อคืนฉันตัดสายผู้ชายคนนั้นไปดื้อ ๆ ป่านนี้คงกังวลใหญ่แล้ว”
เซี่ยไห่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ยื่นให้เธอแล้วเดินเข้าห้องน้ำ
หลินเซี่ยหยิบโทรศัพท์มือถือ เดินออกจากห้อง ออกไปยืนอยู่สุดโถงทางเดินแล้วกดโทรออก
“อาหญิงคะ เซี่ยเซี่ยเองค่ะ”
เซี่ยอวี่เพิ่งตื่นได้ไม่นานอ้าปากหาววอด “เซี่ยเซี่ย ทำไมโทรมาเช้าขนาดนี้ล่ะ?”
หลินเซี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงรวบรวมความกล้าพูดออกไปตรง ๆ “อาหญิงคะ ฉันอยากยืมเงินอาหน่อยค่ะ”
เซี่ยอวี่ตอบรับอย่างใจกว้าง “ได้สิ อยากได้เท่าไหร่ล่ะ? ฉันจะไปธนาคารแล้วโอนเงินให้”
หลินเซี่ย “สามแสนค่ะ”
เซี่ยอวี่ “???”
เซี่ยอวี่สะดุ้งกับคำพูดของหลินเซี่ยอย่างยิ่ง อาการง่วงนอนทั้งหมดหายเป็นปลิดทิ้ง ผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันที
หล่อนตบหน้าผากเพื่อปลุกตัวเองให้ตื่น “เซี่ยเซี่ย เธอบอกว่า… เท่าไหร่นะ?”
หลินเซี่ยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อาหญิงคะ ฉันอยากขอยืมเงินจากคุณสามแสนหยวนค่ะ ฉันอาจจะจ่ายคืนให้คุณจนครบภายในสิ้นปีหน้า”
เซี่ยอวี่กุมหน้าผากตัวเองแล้วถามอย่างไม่มั่นใจว่า “เซี่ยเซี่ย เธอจำเป็นต้องใช้เงินซื้อของมากขนาดนั้นเชียวเหรอ?”
หลินเซี่ยตอบกลับ “มันไม่ใช่เงินสำหรับซื้อของค่ะอา แต่เผอิญฉันสนใจโครงการหนึ่งที่นี่ ก็เลยอยากได้เงินไปลงทุน”
“โครงการ? ลงทุน?” ปากของเซี่ยอวี่กระตุกเล็กน้อย สีหน้าเต็มไปด้วยความงงงวย
“อาหญิงคะ ไว้ฉันจะกลับไปคุยรายละเอียดกับคุณทีหลัง ตอนนี้ฉันมีเงินพอสำหรับซื้อสินค้าและเปิดร้านใหม่เท่านั้นเอง คุณน่าจะมีเงินเยอะ ฉันขอยืมหน่อยได้ไหมคะ? ฉันอยากลงทุนในโครงการใหญ่ที่นี่จริง ๆ”
เซี่ยอวี่กล่าว “เงินน่ะมีแน่ แต่โครงการที่เธอพูดถึงเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน? อารองของเธอเขาว่ายังไงบ้าง?”
“เขาอยากขยายสาขาห้องร้องคาราโอเกะ ก็เลยไม่มีเงินเหลือพอสำหรับลงทุนค่ะ แต่ฉันไม่อยากพลาดโอกาสดี ๆ แบบนี้ในการทำเงิน เลยอยากลงทุนเอง เสียตรงที่ขาดเงินทุน ก็เลยมายืมเงินไปลงทุนก่อน”
หลินเซี่ยสรุปสั้น ๆ ให้เซี่ยอวี่ฟังเกี่ยวกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่จะพัฒนาไปสู่อาคารสำนักงาน รวมถึงห้างสรรพสินค้าที่ดำเนินการโดยอู๋เซิ่งหง
เซี่ยอวี่รู้สึกสับสนเมื่อได้ยินข้อมูลเหล่านั้น หล่อนรีบขัดจังหวะหลินเซี่ย “ฉันไม่ใช่นักธุรกิจ ไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เธอพูดมาจะทำเงินได้จริงไหม แล้วฉันก็ไม่สนใจที่จะลงทุนอะไรพวกนี้ด้วย”
หลินเซี่ยกลัวว่าเซี่ยอวี่จะเกิดความกังวลจนไม่ยอมให้เธอยืมเงิน ดังนั้นจึงพูดว่า “อาหญิงคะ แต่ต่อให้ฉันจะขาดทุน ฉันก็หาเงินที่ได้จากร้านตัดผมมาใช้คืนได้อยู่ดี”
“พ่อแม่เธอกับเฉินเจียเหอเขารู้เรื่องนี้หรือยัง?”
ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อย เซี่ยอวี่สามารถให้เธอยืมได้ก็จริง แต่ถ้าเป็นไปได้หล่อนก็ไม่อยากให้เงินสูญไปเปล่า ๆ หากเป็นอย่างนั้นจริง แล้วพี่ใหญ่ของหล่อนรู้เรื่องนี้ในอนาคต เขาจะตำหนิหล่อนด้วยที่ไม่ยอมวางตัวให้เป็นผู้ใหญ่
หลินเซี่ยอธิบาย
“ฉันยังไม่ได้บอกพวกเขาค่ะ พ่อแม่ฉันมีเงินไม่มาก พวกเขาคงกลัวแทบตายถ้าได้ยินว่าฉันต้องใช้เงินลงทุนมากมายขนาดนั้น แล้วพวกเขาก็จะตักเตือนให้ฉันระวังแน่นอน ส่วนเฉินเจียเหอ ไว้ฉันจะบอกเขาทีหลัง”
“อืม กลับมาหารือเรื่องนี้กับเฉินเจียเหอก่อนเถอะ เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่”
“ค่ะ” หลินเซี่ยพูดทางโทรศัพท์ “อาหญิงคะ ฉันไม่ได้ตัดสินใจอย่างฉาบฉวย แต่ตัดสินใจหลังจากตรวจสอบและพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว อารองจะใช้ที่ดินลงทุนเป็นหุ้นส่วน แล้วฉันจะจ่ายเงินลงทุนอีกจำนวนหนึ่งเพื่อสร้างอาคารสำนักงานและห้างสรรพสินค้า ในอนาคตถ้าโครงการนี้เจริญขึ้น เราก็จะได้รับส่วนแบ่ง ต่อจากนี้ไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากนอนกินเงินปันผลอย่างเดียว นะคะอาหญิง ช่วยหลานคนนี้ด้วย”
“ก็ได้ ฉันจะให้เธอยืม”
เมื่อเซี่ยอวี่ตกลงที่จะให้ยืมเงิน หลินเซี่ยก็รีบขอบคุณหล่อนด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณนะคะอา ไว้ฉันกลับไปที่ไห่เฉิงแล้วจะเขียนเอกสารสัญญาชำระหนี้ให้”
“เราทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องเขียนเอกสารสัญญาหรอก” ตราบใดที่เธอไม่เอาเงินไปผลาญเปล่า ๆ ก็พอ
หลินเซี่ยได้ยินเสียงประตูห้องน้ำดังขึ้นจึงรีบพูด “อาหญิงคะ ฉันจะวางสายแล้ว ไว้ค่อยคุยกันทีหลังค่ะ”
เซี่ยไห่ออกมาจากห้องน้ำ ไม่เห็นหลินเซี่ยอยู่ในห้อง จึงเปิดประตูออกไป ได้ยินหลินเซี่ยพูดคุยกับใครบางคนมาจากสุดทางเดิน
“ยังคุยไม่เสร็จอีกเหรอ?”
“เสร็จแล้วค่ะ”
หลินเซี่ยคืนโทรศัพท์ให้เซี่ยไห่
เมื่อลงไปชั้นล่าง เซี่ยไห่ก็กลัวว่าหลินเซี่ยจะพูดเรื่องอู๋เซิ่งหงขึ้นมาอีก ดังนั้นเขาจึงดักคอเธอไว้เสียก่อน
“หยุดคิดเรื่องลงทุนเถอะ ตอนนี้ฐานะพวกเราดีมากแล้ว เราไม่ควรเสี่ยงเอาเงินไปลงกับอะไรที่เลื่อนลอย ไม่งั้นความพยายามสิบปีจะสูญเปล่า”
หลินเซี่ยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “เข้าใจแล้วค่ะ”
เมื่อเห็นว่าหลินเซี่ยยอมเชื่อฟังเขาแต่โดยดี และไม่ยืนกรานจะเกลี้ยกล่อมให้เขาลงทุนกับผู้ชายคนนั้นอีกต่อไป สีหน้าของเซี่ยไห่ก็ผ่อนคลายลง จากนั้นเขาก็พาเธอขึ้นรถแท็กซี่ไปพบกับผู้จัดการฝ่ายขายของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง ตามเขาไปดูกระบวนการผลิตชุดแต่งงานรูปแบบต่าง ๆ ภายในโรงงานของพวกเขา
ชุดแต่งงานมีหลากหลายสไตล์ มีทั้งดีไซน์แขนพองที่ให้ความรู้สึกทันสมัย ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีขาว รวมถึงชุดแต่งงานผ้าซาติน
นอกจากนี้ยังมีเดรสเปิดไหล่เผยเนินอกที่กำลังได้รับความนิยมในช่วงนี้ หรือจะเป็นชุดแต่งงานผ้าสองชั้นที่ใช้ผ้าชั้นนอกเป็นผ้าโปร่ง
นอกจากนี้ยังมีชุดแต่งงานประดับลูกไม้ เข้าชุดกับถุงมือผ้าซาตินยาวเลยศอก กระโปรงบานใหญ่ เมื่อเพิ่มหมวกหรือที่คาดผมขนาดเล็กก็ให้อารมณ์ย้อนยุคและเป็นสาวหวานมากขึ้น
หลินเซี่ยตื่นตากับสิ่งที่เห็น ไม่ว่าจะเป็นสไตล์ไหน ๆ ก็ตาม สำหรับยุคนี้ถือว่าเป็นอะไรที่ล้ำยุค และเต็มไปด้วยความทันสมัย
เธอทำการสั่งซื้อชุดแต่ละสไตล์ โดยสั่งหลายชุดตามทรวดทรงของหญิงสาวที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด
จากนั้นก็ไปดูชุดจีน ชุดจีนในยุคนี้มักจะเน้นสีแดงสดเป็นหลัก ถ้าแต่งงานหน้าหนาวก็จะนิยมสวมเสื้อคลุมสีแดงทับด้านนอก เข้าคู่กับช่อดอกไม้สีสันสดใส เห็นแวบแรกก็รู้ว่าเป็นงานรื่นเริง
ทุกยุคสมัยต่างก็มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ของมันเอง ด้วยสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นชุดแต่งงานแบบสากลสีขาวหรือชุดจีนสีแดงก็สอดคล้องเข้ากันกับยุคสมัยนี้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีผ้าคลุมหน้าที่เข้ากันกับชุดแต่งงานได้อย่างลงตัวอีกด้วย
แต่หลินเซี่ยไม่สนใจชุดจีนสีแดงที่มีรูปแบบการตัดเย็บธรรมดา ๆ นี้ เนื่องจากเธอต้องการเปิดร้านเช่าชุดแต่งงานสำหรับเจ้าสาว จึงต้องสร้างความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์
เธอสั่งซื้อแค่ชุดแต่งงานแบบสากลเท่านั้น เพราะเห็นแก่หน้าของเซี่ยไห่ เขาจึงลดราคาให้ไปเยอะมาก หลังจากนั้นหลินเซี่ยก็ไปที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อเครื่องสำอาง
เครื่องสำอางที่เธอเลือกก็เป็นแบรนด์ที่กำลังมาแรงในยุคนี้เช่นเดียวกัน
เซี่ยไห่ติดตามหลินเซี่ยไม่ห่าง เฝ้าดูเธอเลือกเสื้อผ้าและเครื่องสำอางต่าง ๆ อย่างชำนาญและมั่นใจ รัศมีของความเป็นผู้ใหญ่และความมั่นอกมั่นใจที่เธอแสดงออกมา ทำให้เซี่ยไห่ประทับใจในตัวเธออย่างยิ่ง
หลินเซี่ยทำงานด้วยความมืออาชีพมาก ทั้งยังประสบความสำเร็จด้านธุรกิจเสริมสวย เซี่ยไห่ยินดีที่จะสนับสนุนเธอในการเปิดสาขาเพิ่ม เพื่อทำให้อุตสาหกรรมความงามและการทำผมใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น
พวกเขาทั้งสองออกมาจากห้างสรรพสินค้าพร้อมกระเป๋าที่แน่นเอี้ยด เซี่ยไห่พูดกับหลินเซี่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เซี่ยเซี่ย ดูสิว่าเธอเป็นเด็กสาวที่เก่งแค่ไหนในฐานะช่างเสริมสวย ช่างแต่งหน้า และช่างผม นี่สิถือความสามารถที่แท้จริงของเธอ เพราะงั้นอย่าปล่อยให้ตัวเองโดนเถ้าแก่อู๋คนนั้นหลอกเอาได้”
เซี่ยไห่ยังคงกังวลไม่หาย กลัวว่าหลินเซี่ยจะเห็นเงินแล้วโลภ พยายามหลอกให้เขาลงทุนกับอู๋เซิ่งหงอีก
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ยืมเงินอาหญิงโหดมาก สามแสนแบบไม่เขียนสัญญาชำระหนี้ ต้องใช้ความเชื่อใจแบบขั้นสุดเลยนะ
ไหหม่า(海馬)