ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 430 ปล่อยให้ละครกลายเป็นความจริงไม่ได้
ตอนที่ 430 ปล่อยให้ละครกลายเป็นความจริงไม่ได้
ตอนที่ 430 ปล่อยให้ละครกลายเป็นความจริงไม่ได้
หลินเซี่ยได้ยินคำพูดหวาดระแวงของเซี่ยไห่อีกรอบ ก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อารอง ในเมื่อให้ตายยังไงคุณก็ไม่จ่ายเงินลงทุนแน่ ก็ช่วยหยุดจู้จี้จุกจิกกับฉันได้แล้ว”
“ได้ ฉันจะไม่จู้จี้แล้ว แต่ขอเวลาฉันสงบสติอารมณ์หน่อย อย่าตัดสินใจอะไรไม่เข้าท่า เพราะถ้าฉันล้มละลาย คราวนี้ครอบครัวเราคงไม่พ้นกลับไปลำบากเหมือนยุคก่อนปฏิรูป”
เซี่ยอวี่รู้สึกขัดแย้งในตัวเองมากนับตั้งแต่รับสายจากหลินเซี่ย
หลานสาวขอยืมเงินจากหล่อนสามแสนหยวน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะเทือนดวงดาวมาก
แม้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มากเกินไปสำหรับหล่อน แต่เงินจำนวนนี้ก็ยังเป็นจำนวนที่ชวนให้ลมจับสำหรับคนชนชั้นแรงงานธรรมดา ๆ
หลานสาวของหล่อนนี่ช่างใจกล้าบ้าบิ่นจริง ๆ เอ่ยปากครั้งแรกก็ขอเงินตั้งสามแสน เด็กสาวอย่างเธอรู้หรือเปล่าว่าสามแสนมันมากขนาดไหน?
ต่อให้เฉินเจียเหอไม่กินดื่มเลยจนกว่าเขาจะเกษียณ ก็ไม่สามารถเก็บเงินได้ถึงสามแสนหยวน
เด็กสาวคนนั้นอยากได้เงินมหาศาลไปลงทุน แต่ถ้าหุ้นส่วนทางธุรกิจไม่มีความน่าเชื่อถือและโดนโกงขึ้นมาล่ะ?
หล่อนไม่รู้ว่าตัวเองควรให้หลานสาวยืมเงินดีไหม เพราะถ้าเธอถูกหลอกขึ้นมา พี่ใหญ่ของหล่อนรวมถึงคนอื่น ๆ จะพากันตำหนิหล่อนอย่างแน่นอนที่ไม่ยอมห้ามปรามความประมาทเลินเล่อของหลินเซี่ย
เซี่ยอวี่รู้สึกหดหู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อรู้ว่าครอบครัวของหล่อนได้เจอกับพ่อแม่ของเย่ไป๋ หล่อนก็รู้สึกเหมือนหัวของตัวเองกำลังจะระเบิด
หล่อนลุกขึ้นล้างหน้า แต่งหน้า และสวมหน้ากากเพื่อออกไปข้างนอก
เวลานี้เฉินเจียเหอน่าจะยังไม่เลิกงาน ดังนั้นหล่อนจึงออกไปเดินเล่นก่อน จากนั้นค่อยไปหาเฉินเจียเหอเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้
ขณะที่เซี่ยอวี่กำลังจะออกไปข้างนอก คุณแม่เซี่ยก็โผล่หัวออกมาจากประตูห้องโถง “ลูกสาว จะออกไปไหนเหรอ? ได้โทรหาเย่ไป๋แล้วหรือยัง? พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายจะว่างมาเจอกันได้เมื่อไหร่? อยากได้งานแต่งออกมาเป็นแบบไหน? มีชุดที่ตัวเองชอบไหม? งั้นก็โทรหาเซี่ยเซี่ยเลย ให้หล่อนซื้อชุดกลับมาให้”
เซี่ยอวี่ “…”
สมองของหล่อนร้องระงม ขณะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “แม่ อย่าเอาแต่เร่งเร้าได้ไหมคะ ฉันยังไม่มีแผนที่จะแต่งงานเร็ว ๆ นี้”
คุณแม่เซี่ยพูดด้วยความกังวล “จะไม่วางแผนแต่งงานเลยได้ยังไง? ความสัมพัน์ระหว่างลูกกับเย่ไป๋มันยังไงกันนะ? อย่ามัวล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นอยู่เลย แม่ขอบอกเลยว่าเย่ไป๋น่ะแตกต่างจากไอ้พวกเศรษฐีนักธุรกิจในฮ่องกงแยะ เขาจิตใจดีมาก เป็นเด็กที่ซื่อสัตย์เรียบง่าย แม่ไม่ยอมให้ลูกไปหักอกเขาหรอกนะ”
“แม่ก็พูดอย่างกับว่าฉันเคยไปหักอกใครอย่างนั้นแหละ”
นอกจากนี้ เด็กที่ซื่อสัตย์เรียบง่ายอะไรนั่น ก็เป็นความเห็นส่วนตัวของหญิงชราล้วน ๆ
เด็กบ้าบออะไรอายุปาเข้าไปตั้งสามสิบเอ็ด
เซี่ยอวี่รีบสวมแว่นกันแดด ไม่เปิดโอกาสให้หญิงชราบ่นจู้จี้ “ฉันว่าจะออกไปเดินเล่นหน่อย อย่าเพิ่งรบกวนอารมณ์สุนทรีย์สิ”
ตอนนี้กลายเป็นเรื่องยากแล้วที่ชาวไห่เฉิงจะจำเธอไม่ได้ หล่อนอยากกลับไปเดินบนถนนโดยไม่ต้องปิดบังใบหน้า หาโรงเตี๊ยมเพื่อจิบชาสักถ้วยสองถ้วย
จู่ ๆ หล่อนก็ติดใจชีวิตเรียบง่ายแบบนั้นขึ้นมา
จากนั้นก็บังเกิดความคิดแปลก ๆ
หรือว่าหล่อนควรลดเวลาทำงานลง เน้นใช้ชีวิตในแต่ละวันให้สนุก ตกหลุมรักใครสักคน คงเข้าทีไม่น้อยเลยจริงไหม?
เซี่ยอวี่ตกใจกับความคิดที่จู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นในใจของตน
การตกหลุมรักจะดีเท่ากับการหาเงินได้ยังไง?
ถ้าเกิดเจอผู้ชายบัดซบ ไม่มีใครคอยช่วยดูแลลูก ๆ ในอนาคต เช่นเดียวกับแม่ของหล่อนที่ต้องดูแลลูก ๆ ตามลำพัง เผชิญความทุกข์ทรมานทุกรูปแบบ หล่อนขออยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตดีกว่า
ผู้หญิงที่เคยบ้างานและมีจิตใจสงบมาโดยตลอด จู่ ๆ ก็มีความคิดมากมายเกิดขึ้นไม่หยุด
และแล้วเสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า ก็ทำให้หล่อนหลุดออกจากภวังค์ความคิด
หล่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วรับสาย “สวัสดีค่ะ”
คนที่โทรมาคือเย่ไป๋
เสียงของเขาอ่อนโยนเช่นเคย “เมื่อคืนนี้ผมเข้าเวร ก็เลยไม่ได้รับสายจากคุณน่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงของเย่ไป๋ ความหงุดหงิดที่อธิบายไม่ได้ก็พลุ่งพล่านขึ้นในหัวใจทันที ทว่าหลังจากได้ยินเสียงที่อ่อนโยนและอ่อนหวานของเขา ความโกรธที่มีก็ถูกระงับลงไปดื้อ ๆ
ทุกครั้งที่เขาคุยกับหล่อน เขาจะวางตัวสุภาพ น่ารัก ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย แล้วจะให้หล่อนโกรธลงได้ยังไง?
เซี่ยอวี่สูดหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามสงบสติอารมณ์ ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อได้ยินเย่ไป๋พูดกับหล่อนด้วยเสียงแผ่วเบานุ่มนวลแบบนั้น จู่ ๆ หัวใจสาวใหญ่วัยใกล้สี่สิบก็เริ่มสั่นไหว
หล่อนพยายามสงบสติอารมณ์อีกครั้ง ถามว่า “เย่ไป๋ คุณจะทำยังไงกับเรื่องระหว่างเรา? อยู่ดี ๆ พ่อแม่คุณก็แวะไปที่ร้านอาหารของพี่ใหญ่ฉันเพื่อเข้าหาแม่กับคนอื่น ๆ คุณต้องกลับไปบอกความจริงกับพวกเขาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันเองก็จะกลับไปบอกคนที่บ้านฉันเหมือนกัน ว่าเราสองคนไม่มีทางลงเอยกันแบบนั้นแน่”
ตอนนี้หล่อนรู้สึกเหมือนสถานการณ์มีวี่แววว่าจะเลยเถิดไม่มีที่สิ้นสุด
ถ้าไม่รีบเคลียร์ให้เร็ว เกรงว่าหล่อนจะถูกส่งตัวเข้าเรือนหอท่ามกลางความลำบากใจในสักวัน
เย่ไป๋พูดว่า “เรามาเจอกันดีกว่า ไว้ค่อยคุยหลังเจอกันแล้ว”
“ได้ ฉันจะเข้าไปรอคุณที่โรงน้ำชาบนถนนเส้นเดียวกับร้านตัดผมของเซี่ยเซี่ย”
“ตอนนี้คุณอยู่ข้างนอกเหรอ?” เย่ไป๋ถาม “อยากให้ผมไปรับไหม?”
“ไม่เป็นไร ฉันแค่อยากออกมาเดินเล่นสูดอากาศข้างนอก อีกไม่นานก็น่าจะไปถึงที่นั่นแล้ว”
หลังจากวางสาย เซี่ยอวี่ก็แกล้งทำตัวเป็นสาวใหญ่ เดินไปที่ร้านน้ำชาที่นัดไว้กับเย่ไป๋
เมื่อมาถึงประตูโรงน้ำชา เย่ไป๋ก็มาถึงพอดี เสียงมอเตอร์ไซค์ดังกระหึ่มขณะเขาขับมาจอดข้างทาง ก่อนจะยืนอยู่หน้ารถมอเตอร์ไซค์และมองไปทางถนน เมื่อเห็นหล่อนเดินมาก็รีบลุกขึ้นยืนตรงแล้วเดินไปหา
เขายังคงสวมกางเกงสีดำและเสื้อเชิ้ตสีขาว ตัวสูงโปร่ง ช่วงขายาว ใบหน้าอ่อนโยนราวกับหยก บอกเลยว่าต่อให้หล่อนจะเคยร่วมงานกับนักแสดงที่หล่อเหลามามากมาย แต่ออร่าและรูปร่างหน้าตาของเย่ไป๋ก็ยังโดดเด่นชวนมองมากอยู่ดี
เย่ไป๋เห็นหล่อนเดินมาคนเดียวโดยไม่มีผู้จัดการหรือผู้ช่วยตามหลัง จึงถามอย่างเป็นกังวลว่า “คุณมาคนเดียวเหรอ? ถ้ารู้แต่แรกผมคงไปรับคุณแล้ว”
เซี่ยอวี่ตอบ “ฉันอยากเดินเล่นคนเดียวจริง ๆ อยากออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์นอกบ้าน”
เย่ไป๋ยิ้ม “เข้าใจแล้ว ขึ้นไปกันเถอะ”
หลังจากเข้าไปในโรงน้ำชาแล้ว ทั้งสองก็เลือกนั่งในห้องส่วนตัวหรูหรา เย่ไป๋ดึงเบาะรองนั่งให้หล่อนก่อนด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ จากนั้นก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามกับหล่อน สั่งชาและของว่าง ก่อนมองหน้าหล่อนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด
“ผมต้องขอโทษด้วย ไม่นึกเลยว่าพ่อกับแม่จะได้เจอคุณป้าเซี่ยและคนอื่น ๆ”
เย่ไป๋มองหล่อน และอธิบายอย่างจริงใจว่า “ตามที่แม่เล่าให้ฟัง ตอนแรกพวกเขาตั้งใจจะพาอวี่เฟยไปหาพ่อของเธอเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการปล่อยให้อวี่เฟยขึ้นประกวดในรอบสุดท้าย พวกเขาเดินผ่านร้านตัดผม ก็เลยพาพ่อไปตัดผมสักหน่อบ บังเอิญว่าระหว่างรอพวกหล่อนดันเหลือบไปเห็นคุณป้าเซี่ยยืนอยู่ที่หน้าประตูร้านอาหาร ก็เลยข้ามฝั่งไปทักทาย”
เซี่ยอวี่ทำหน้าเศร้าโศก “พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ของฉันกำลังจะแต่งงานกัน ตอนนี้แม่ยังมาเจ้ากี้เจ้าการให้ฉันแต่งงานพร้อมพวกเขาอีก คุณว่าเราควรทำยังไงกับเรื่องนี้ดี?”
ดวงตาของเย่ไป๋ขยับเล็กน้อย เสนอความคิดว่า “หรือพวกเราอ้างไปก่อน ว่าตอนนี้เรายังไม่มีแผนที่จะแต่งงานกัน”
“ไม่เอา นั่นเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ” เซี่ยอวี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเลือกตัดจบแบบหักดิบ
“วันนี้เราเลิกแสดงละครกันแค่นี้ แล้วกลับไปบอกครอบครัวของเราว่าที่ผ่านมาเราแค่แกล้งคบกัน ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรแบบนั้นจริง ๆ พวกเขาต้องยอมแพ้โดยสิ้นเชิงแน่”
ได้ยินแบบนั้น เย่ไป๋ก็หรี่ตาลง และพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ผมไม่อยากทำให้พ่อแม่ผิดหวัง และก็ไม่อยากทำให้คุณป้าเซี่ยผิดหวังด้วยเหมือนกัน”
เซี่ยอวี่พูดไม่ออก “หมอเย่คะ คุณยังอยากแสดงละครตบตาพวกเขาอีกเหรอ?”
เย่ไป๋มองหล่อนและยิ้มจาง ๆ “ที่จริงก็ไม่อยากแล้ว”
เซี่ยอวี่ไม่คาดคิดว่าเขาจะตอบแบบนี้ หล่อนจ้องเข้าไปในดวงตาลึกล้ำของเขา ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หัวใจก็เริ่มกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง
หล่อนหลบสายตาเขาด้วยความตื่นตระหนก ถามโดยเอาความโกรธเข้ากลบเกลื่อน
“เย่ไป๋ ครอบครัวคุณไม่เคยกดดันให้คุณแต่งงานเลยด้วยซ้ำ ทำไมคุณต้องเป็นฝ่ายริเริ่มพาแฟนกำมะลอเข้าบ้านด้วย?”
“ภายนอกพวกเขาไม่ได้กดดันให้ผมแต่งงานก็จริง แต่ในใจพวกเขากังวลมาก พอผมไม่ยอมมีแฟนสักที ญาติ ๆ ก็พลอยเป็นห่วงตามไปด้วย”
“ไม่นานมานี้ ผมออกไปนัดบอด ลูกพี่ลูกน้องของผมเป็นคนจัดแจง” เย่ไป๋มองเธอแล้วถามด้วยสีหน้าเศร้าใจ “คุณรู้ใช่ไหมว่าหล่อนแนะนำให้ผมรู้จักกับใคร?”
“เสิ่นเสี่ยวเหมย” ใบหน้าของเย่ไป๋เต็มไปด้วยความไม่พอใจ “หลังจากผมปฏิเสธ หล่อนก็ด่าไล่หลังว่าผมน่ะฝักใฝ่การเรียนจนกลายเป็นหนุ่มทึนทึก ผู้ชายวัยเดียวกันกับผมทุกคนต่างก็แต่งงานแล้ว ผมคงหาได้แต่แม่ม่ายเท่านั้นแหละ แต่ไม่ว่าผมจะเลือกแค่ไหนก็ไม่ไขว่คว้าแม่ม่ายมาแต่งงานด้วยหรอกนะ”
หลังจากที่เซี่ยอวี่ได้ยินคำพูดของเย่ไป๋ หล่อนก็จำได้ว่าตอนที่พวกเขาเจอกันที่โรงพยาบาลเป็นครั้งแรก เสิ่นเสี่ยวเหมยอยู่ในห้องทำงานของเย่ไป๋ จากนั้นพวกหล่อนก็บังเอิญเจอหน้ากัน นอกจากนี้หล่อนยังจงใจทำให้เสิ่นเสี่ยวเหมยเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาด้วย
หล่อนเกือบลืมไปว่าเมื่อนานมาแล้วตัวเองเคยเป็นเกราะกันกระสุนให้กับอีกฝ่าย
“ลูกพี่ลูกน้องคุณมีความแค้นส่วนตัวกับคุณหรือเปล่า? หรือเห็นลูกตัวเองไม่มีอนาคต ก็เลยพาลมาอิจฉาคุณที่เรียนจบสูงตั้งปริญญาเอก หรือไม่ก็อิจฉาที่คุณหล่อและมีความสามารถ หล่อนไม่อยากให้คุณอนาคตสดใส ก็เลยแนะนำให้คุณรู้จักกับคนแบบเสิ่นเสี่ยวเหมยไงล่ะ”
เมื่อเย่ไป๋ได้ยินหล่อนปกป้องเขาด้วยความขุ่นเคือง และได้ยินหล่อนพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่าเขาหล่อและมีความสามารถ มุมปากของเขาก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็ก ๆ โดยไม่รู้ตัว
เซี่ยอวี่เป็นคนที่ยึดมั่นในหลักการมาก เมื่อเห็นว่าเย่ไป๋ถูกญาติของเขาทำร้ายทางอ้อมด้วยการอาศัยเรื่องที่เขาแต่งงานช้า ใบหน้าบอบบางของหล่อนก็ยับยู่ เป็นเดือดเป็นร้อนแทน “คุณเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง? เพิ่งเรียนจบเมื่อสองปีก่อนไม่ใช่เหรอ? แถมคุณยังมีปณิธานอยากจะศึกษาการแพทย์เพื่อช่วยเหลือคนให้มากขึ้น การที่คุณมุ่งความสนใจไปที่อาชีพการงานของตัวเองเป็นหลักและเอาเรื่องแต่งงานไว้ทีหลังมันผิดตรงไหน? หรือคุณไปขอเงินหล่อนกิน? วันหลังอย่าไปสนใจคำพูดพวกนั้นเลย”
เย่ไป๋หรี่ตาลง แสดงสีหน้าหดหู่ “ถึงอย่างนั้นเหตุการณ์นี้ก็กระทบกระเทือนใจผมมาก พ่อแม่ของผมไม่ได้พูดอะไรก็จริง แต่ลึก ๆ แล้วพวกเขาก็รู้สึกเศร้าไม่ต่างกัน”
เซี่ยอวี่เลิกคิ้ว แล้วพูดเบา ๆ “คุณก็เลยขอให้ฉันตามกลับไปเจอพ่อแม่ที่บ้าน เพื่อทำให้พวกเขาภาคภูมิใจอย่างนั้นใช่ไหม?”
เย่ไป๋ “…”
“คุณนี่เจ้าเล่ห์จริง ๆ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คู่นี้จะเอายังไงต่อดีน้า จะไปต่อหรือพอแค่นี้ แต่มีโอกาสไปต่อแล้วก็ไปต่อให้สุดเถอะ
ไหหม่า(海馬)
……………………………………