ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 431 เย่ไป๋บาดเจ็บ
ตอนที่ 431 เย่ไป๋บาดเจ็บ
ตอนที่ 431 เย่ไป๋บาดเจ็บ
เซี่ยอวี่พลางมองเขาอย่างจริงจังแล้วพูดขึ้นว่า
“ถึงฉันจะเข้าใจในสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ก็เถอะ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้อยู่ดีที่เรื่องของเราจะเป็นจริง เราแสดงละครกันแค่นี้ก็พอแล้วล่ะ ถ้ายังทำต่อไปเรื่องคงไม่จบง่าย ๆ”
หล่อนกลัวว่าถ้ายังฝืนแสดงต่อไป ตนอาจจะตกหลุมพรางเข้าจริงสักวัน และไหลไปตามความต้องการของพ่อแม่
หลังจากเซี่ยอวี่พูดจบ หล่อนก็ไม่ให้โอกาสเย่ไป๋ได้พูดอีก เรียกให้บริกรมาคิดเงิน และเป็นเย่ไป๋อีกตามเคยที่ชิงจ่ายเงินก่อนทันที
เซี่ยอวี่ดื่มชาจิบสุดท้าย หยิบกระเป๋า แล้วลุกขึ้นยืน
“เอาล่ะ กลับไปคุยกับพ่อแม่เรากันเถอะ”
เย่ไป๋มองหล่อนแล้วตอบกลับ “สองสามวันก่อน ความดันโลหิตของป้าเซี่ยยังไม่ปกติดี อย่าไปทำให้ท่านถูกกระตุ้นดีกว่านะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่กำลังจะแต่งงานกัน หล่อนคงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ถ้าฉันพูดเรื่องของเราตอนนี้ ไม่นานก็หายอารมณ์ไม่ดีไปเอง”
เซี่ยอวี่พูดเสริมอีกว่า “คุณเองก็เถอะ รีบกลับไปอธิบายให้พ่อแม่เข้าใจด้วย ไม่อย่างนั้นพวกเขาต้องมาคุยเรื่องแต่งงานกันจริง ๆ จัง ๆ กว่าเดิมแน่”
เย่ไป๋อยากจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อยื้อหล่อนไว้ แต่ท่าทางของหล่อนดูดื้อดึงและเด็ดขาดเอามาก ๆ ราวกับแทบรอไม่ไหวที่จะกำจัดเขาออกจากชีวิต และไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาอีกต่อไป
หัวใจของเย่ไป๋สั่นไหวเล็กน้อย พร้อมความเจ็บปวดที่ผุดขึ้นมา
“ฉันไปก่อนนะ”
“เดี๋ยวผมไปส่ง” เขาพูดขึ้น
“ไม่ต้องหรอก ฉันอยากเดินเล่นคนเดียวสักหน่อยน่ะ”
เย่ไป๋ยืนอยู่ริมถนน เฝ้าดูร่างหล่อนเลือนหายไปตามถนนเส้นเล็กจนถึงหัวมุมถนน
ร่างของหล่อนเลือนลางไป ในขณะที่เขายังไม่ไปจากตรงนี้
เขายืนอยู่ที่นั่นพลางมองถนนอย่างเงียบเชียบ ดวงตาเหมือนกับคนไร้วิญญาณ
แค่ผู้หญิงใจร้ายที่เขี่ยของทิ้งหลังใช้งาน
เธอหันหลังให้กับเขาได้อย่างเย็นชา แต่เขาล่ะ ควรปล่อยไปอย่างนั้นเหรอ?
จู่ ๆ เย่ไป๋ก็นึกอยากสูบบุหรี่ เขาเห็นว่ามีร้านขายของชำอยู่ข้างหน้า จึงเดินไปแถวนั้น
เขาที่เพิ่งก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว ก็มีชายขี้เมาสองคนเดินเซมาชนเขา
เมื่อเย่ไป๋เห็นขี้เมาพวกนั้น เขาก็ถอยออกมาอย่างมีสติ หลีกให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
ชายคนหนึ่งเดินนำอยู่ข้างหน้า ปากของเขาเต็มไปด้วยคำพูดลามกอนาจาร
“บอกแล้วไงว่าให้มาซุ่มอยู่ตามตรอกซอยตอนกลางคืน มีของดีให้สอยเพียบ”
“เมื่อคืนฉันจับกระต่ายได้ตัวหนึ่ง จุ๊ๆ สวยเด็ดไม่เบาเลย เสร็จกิจแล้วตัวเบาเป็นบ้า”
“ไปเถอะ ไปดูกันว่าคืนนี้เหล่าหลิวกับคนอื่น ๆ จับของดีได้บ้างหรือเปล่า”
เมื่อเย่ไป๋เห็นคนประเภทนี้ เขามักจะถอยไปให้ไกลสุดเท่าที่จะทำได้ แต่…
หลังจากพวกเขาเดินออกไปไกล และเขาเองกำลังจะเข้าไปในร้านขายของชำ ด้วยเหตุการณ์บางอย่าง ทันใดคำว่า ‘ของดี’ กับ ‘จับ’ สองคำก็แวบขึ้นมาในใจ
เฝ้าต้นไม้รอกระต่าย…
‘กระต่าย’ ที่พวกเขาพูดน่าจะหมายถึง…
เมื่อมองดูทิศทางที่พวกเขากำลังเดินไป สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนตามทันที รีบหันออกจากร้านขายของชำแล้ววิ่งไปที่ทางถนนอันคับแคบ
ตอนนี้ทุกมุมถนนเริ่มมืดแล้ว และหัวใจของเขาก็พลอยมืดมนลงตามไปด้วยความกังวลบางอย่าง
เขาวิ่งอย่างรวดเร็วไปตามถนน และวิ่งต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่สนใจอะไรเลย
สุดปลายถนนนั้น มีเสียงแผ่วเบาดังขึ้นมาเล็กน้อย
“น้องสาว มาเล่นสนุกกับพี่ชายกันหน่อยสิจ๊ะ”
“ไปให้พ้น”
“โอ้โฮ แรงเยอะซะด้วย ไม่ใช่ว่ามาแถวนี้เพื่อป้อนของดีเข้าปากพวกพี่หรอกเหรอเนี่ย?”
“มา มาให้กอดซะดี ๆ”
“ออกไปนะ!”
เมื่อเย่ไป๋ได้ยินเสียงผู้หญิงที่คุ้นเคย เขาก็มองไปยังกลุ่มเงามืดที่อยู่กลางถนน พลางเร่งฝีเท้ามากขึ้น
เขาพุ่งเข้าไปเตะก้นชายคนหนึ่ง แล้วเอาตัวกระแทกชายอีกคนให้ล้มลงไปกับพื้น “ไอ้พวกสารเลว ไปให้พ้นซะ”
เมื่อเซี่ยอวี่เห็นชายที่กระโจนเข้ามาอย่างเร่งรีบ สีหน้าหวาดกลัวของหล่อนก็พลันมีแสงแห่งความหวังขึ้นมา หล่อนรีบผลักชายอีกคนแล้ววิ่งไปหาเขาทันที
“ไอ้เด็กเหลือขอนี่โผล่มาจากไหนกัน อย่ามายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่นะโว้ย”
ในบรรดาชายสามคน สองคนเมาเต็มที่และร่างพวกเขาก็ส่ายแกว่งไปมา บางจังหวะเกือบล้มลงกับพื้นเมื่อพยายามทรงตัว
อีกคนเป็นชายหัวล้าน
“ไอ้หนู ถ้าแกฉลาดพอ อย่ามายุ่งเรื่องคนอื่นจะดีกว่า”
เย่ไป๋ดึงเซี่ยฉุดแขนเซี่ยอวี่วิ่งหนีทันที แต่ชายหัวล้านก็เข้าไปคว้าไหล่ของเย่ไป๋จากด้านหลังได้ทันการ
เย่ไป๋เริ่มเป็นกังวล ก่อนผลักเซี่ยอวี่ไปข้างหน้าโดยสัญชาตญาณแล้วพูดว่า “หนีไป”
เขาผลักหล่อนไปข้างหน้าอย่างแรง ขณะที่ใช้ตัวเองขวางตรอกอันคับแคบไว้ กำบังอันตรายที่จะเข้ามาทำร้ายหล่อน
ชายสามคนรีบรุดไปข้างหน้า เย่ไป๋ก็เข้าต่อสู้กับชายสามคนอย่างไม่ลังเล แต่แรงของเขาไม่สามารถเทียบชั้นได้เลย เขาล้มลงอย่างรวดเร็วหลังจากถูกชกไม่กี่ครั้ง
เขาถูกผลักล้มลงกับพื้น และถูกคนพวกนั้นรุมกระทืบอย่างแรง
เซี่ยอวี่ไม่ได้วิ่งหนีไปไหนเลย เมื่อเห็นเย่ไป๋ถูกรุมซ้อมจึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาเซี่ยเหลยด้วยเสียงสั่นเครือ โดยบอกที่อยู่ของตัวเอง และขอให้เขารีบพาคนมาช่วยเหลือด้วย
หลังจากที่กดโทรออก หล่อนก็ยังไม่วิ่งหนี เมื่อเห็นเย่ไป๋ถูกผลักล้มลงกับพื้นและถูกรุมซ้อมไม่หยุด หล่อนก็รีบเข้าไปช่วยพร้อมถอดรองเท้าส้นสูงอย่างรวดเร็ว หันส้นรองเท้าออกแล้วระดมทุบชายคนนั้นอย่างไม่เลือกหน้า…
“หนีไปซะ ไม่ต้องห่วงผม”
“วิ่งหนีไปสิ!”
เซี่ยอวี่น้ำตาไหลพรากเมื่อได้ยินเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งของเขาที่คอยเตือนสติหล่อน
“ช่วยด้วยค่ะ! มีใครอยู่แถวนี้ไหม!”
หล่อนตัดสินใจตะโกนสุดเสียงแทน ขณะกระแทกส้นรองเท้าไปที่หัวของชายที่กำลังทุบตีเย่ไป๋ ชายขี้เมาจึงสาปแช่งกลับไปว่า ‘นังตัวแสบ’ และเข้าไปกระชากผมหล่อน
เย่ไป๋ใช้โอกาสนี้ขัดขืน ลุกขึ้นต่อยแขนของชายคนนั้น “ปล่อยหล่อนซะ”
ชายขี้เมาสองคนสูญเสียการควบคุมและทะเลาะกับร่างกายตัวเองอยู่พักหนึ่งด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ไม่นานก็ซวนเซล้มลงกับพื้น
ชายหัวล้านถูกรองเท้าส้นสูงของเซี่ยอวี่เฉาะเข้ากลางหัวอย่างจัง ขณะที่เขารู้สึกเจ็บแปลบอยู่นั้นก็ยกมือขึ้นกุมหัวตัวเองเอาไว้
เย่ไป๋รีบคว้ามือเธอแล้ววิ่งไปข้างหน้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ชายหัวโล้นไล่ตามพวกเขาอย่างดุเดือด เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังวิ่งหนี รอยตีนกาบนใบหน้าเขาก็สั่นยุบยิบ รีบตามไปพลางแสยะยิ้มเยาะเย้ย แล้วแทงเย่ไป๋อย่างแรงด้วยมีดคมกริบในมือ
“เอื้อก….”
ใบมีดคมกริบแทงลึกเข้าไปที่แผ่นหลังส่วนล่างของเขาโดยไม่ทันตั้งตัว แต่เขาก็ไม่หยุดวิ่ง ยังคงดึงเซี่ยอวี่วิ่งต่อไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด
ทันทีที่เขาวิ่งออกจากถนน เซี่ยเหลยที่สวมผ้ากันเปื้อนก็รีบวิ่งมาด้วยความกังวล เขามาพร้อมกับหลินจินซานและกลุ่มคนที่มีสีหน้าไม่สู้ดีหลายคน ที่วิ่งมาหยุดหลังได้ยินเสียงตะโกนของเซี่ยอวี่
“เสี่ยวอวี่ เกิดอะไรขึ้น?” เซี่ยเหลยเห็นเลือดไหลออกมาจากเอวของเย่ไป๋จึงตกใจมาก “เย่ไป๋บาดเจ็บไม่ใช่เหรอนั่น?”
เซี่ยอวี่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “พี่ใหญ่ พวกอันธพาลมันแทงเขา รีบแจ้งตำรวจเร็ว”
แม้เย่ไป๋จะได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็ยังคงสงบและนิ่งมาก “พี่ใหญ่ รีบโทรแจ้งตำรวจ และให้จินซานกับคนที่เหลือไปดักปากซอยทั้งสองด้าน พวกมันเมาแบบนี้คงหนีไปได้ไม่ไกล เซี่ยอวี่ พาผมไปโรงพยาบาลที”
“อื้ม”
เขาหรี่ตามองลงไปยังเท้าเปล่าของหล่อน จากนั้นพูดเสียงแผ่วว่า “สวมรองเท้าก่อนสิ”
เซี่ยอวี่ถือรองเท้าส้นสูงอยู่ในมือ เพราะเพิ่งใช้รองเท้าเป็นอาวุธ ทำให้ส้นรองเท้าหักไปข้างหนึ่ง
เซี่ยอวี่ทำได้แค่กระแทกส้นรองเท้าอีกข้างออก เปลี่ยนให้มันกลายเป็นรองเท้าส้นแบน
จากนั้นก็ช่วยพยุงเขาไปโรงพยาบาล
เซี่ยเหลยดูเป็นกังวลมาก “ฉันจะช่วยพาไปโรงพยาบาลเอง”
เย่ไป๋ส่ายหน้า “ไม่เป็นไรครับ ผมคุ้นเคยกับระบบโรงพยาบาลดี ผมจะโทรบอกเพื่อนที่ทำงานล่วงหน้าเพื่อเตรียมห้องให้พร้อม แล้วรีบไปที่นั่น”
คนที่เหลือคอยยืนอยู่ริมถนนช่วยเรียกรถอย่างกระตือรือร้น จากนั้นเซี่ยอวี่ช่วยพยุงเย่ไป๋ขึ้นรถ แล้วรีบไปยังโรงพยาบาลไห่เฉิง
เย่ไป๋สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ตอนนี้เริ่มมีเลือดไหลทะลักจนเปื้อนเป็นสีแดงเข้มเนื่องจากมีดได้หลุดร่วงไประหว่างที่เขาวิ่งหนี เขาถอดเสื้อออกแล้วผูกไว้รอบแผลเพื่อห้ามเลือด
เซี่ยอวี่เฝ้ามองฉากนี้ สีหน้าซีดลงด้วยความหวาดกลัว ริมฝีปากสั่นเทา และไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลย
เขาใช้เสื้อของตัวเองเป็นผ้ากอซพันแผลอย่างใจเย็น เงยหน้าขึ้นมองหล่อนพลางยิ้มเล็กน้อย พูดเบา ๆ ว่า “ไม่ต้องกลัว ผมไม่เป็นไร”
เซี่ยอวี่พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อควบคุมอารมณ์ตัวเอง เพราะต้องการช่วยเหลือเขา แต่มือของหล่อนสั่นมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จนไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้เลย
เย่ไป๋เห็นหล่อนร้องไห้ นิ้วมือก็สั่นเทา เขาจึงฝืนพูดปลอบใจไปว่า
“ไม่ต้องกลัว ผมคุ้นเคยกับการทำแผลพวกนี้ดี คุณไม่จำเป็นต้องช่วยหรอก แต่อย่าเพิ่งบอกให้พ่อแม่ผมรู้เรื่องนี้นะ ช่วยส่งข้อความไปหาเจียเหอแทน บอกให้เขามาหาผมที่โรงพยาบาล”
“ค่ะ”
เซี่ยอวี่หยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าด้วยมือที่สั่นเทา
เย่ไป๋จัดการรัดบาดแผลเพื่อห้ามเลือดให้แน่นขึ้น พลางมองหล่อนและพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด
“ต้องขอโทษด้วยนะ วันนี้ผมคงกลับบ้านไปบอกพ่อแม่ถึงเรื่องของเราไม่ได้”
เซี่ยอวี่ยิ่งหลั่งน้ำตามากขึ้นไปอีก สะอึกสะอื้นไม่หยุดพลางตอบกลับว่า “ตัวเองเป็นแบบนี้อยู่แท้ ๆ ยังจะมาพูดแบบนี้อีก?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ฮือ ขอให้คุณหมอไม่เป็นอะไรมากนะคะ
ไอ้สามตัวนั้นสร่างเมาเมื่อไหร่เตรียมรับโทษหนักได้เลย ไม่รู้ซะแล้วว่ากำลังเล่นงานใคร
ไหหม่า(海馬)