ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 439 ดูแลภรรยาของนายให้ดี
ตอนที่ 439 ดูแลภรรยาของนายให้ดี
หลินเซี่ยรีบตอบกลับ “คุณอาหญิงคะ ฉันอยากยืมเงินจากคุณจริงๆ ฉันต้องการลงทุนและสร้างรายได้ แต่ไม่มีเงินทุน เลยอยากขอความช่วยเหลือจากคุณอาหญิงค่ะ”
หลินเซี่ยหยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋าแล้วพูดเสริม “คุณอา ฉันติดแผนการลงทุนมาให้ดูด้วย ลองดูสิคะ มันคือโครงการนี้”
เซี่ยอวี่โบกมือ “ฉันไม่อยากอ่าน เห็นตัวอักษรทีไรมันปวดหัว แล้วนี่เธอได้ปรึกษาเรื่องนี้กับเฉินเจียเหอหรือยัง? เขามีความเห็นยังไงบ้าง? เขาอนุญาตให้ลองเสี่ยงทำอะไรแบบนี้ไหม? เพราะนี่ไม่ใช่เงินน้อย ๆ เลย เธอจะต้องคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนนะ”
“ฉันคุยกับเขาแล้ว และเขาก็เคารพการตัดสินใจของฉันค่ะ”
หลินเซี่ยเก็บเอกสารกลับมา แล้วพูดกับเซี่ยอวี่ต่อว่า “คุณอาหญิง ถ้าคุณตกลงให้ฉันยืมเงิน ฉันจะทำเอกสารหลักฐานยืมเงินให้คุณ และจะจ่ายเงินคืนภายในปีหน้าค่ะ”
“ก็ได้ แต่เธออย่าเน้นให้ความสำคัญกับโครงการมากเกินไป ต้องหารือเหตุฉุกเฉินกับเฉินเจียเหอด้วย อย่าปล่อยให้สามีของเธอต้องเดือดร้อนและมาทะเลาะกันทีหลัง แน่นอนว่าพ่อแม่ของเธอเองจะมาตำหนิฉันได้ถ้าพวกเขารู้“
หลินเซี่ยโผเข้าไปจับมือเซี่ยอวี่ พลางมองหล่อนและพยักหน้าอย่างหนักแน่น “คุณอาหญิง ไม่ต้องห่วงนะคะ เฉินเจียเหอยินดีสนับสนุนฉันจริง ๆ”
ดวงตาของเธอกระตุกเล็กน้อย และวอนขอเซี่ยอวี่ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “คุณอาหญิง แต่อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ของฉันนะคะ รวมถึงอารองด้วย ไว้ค่อยบอกพวกเขาหลังฉันลงทุนเสร็จ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะต้องพากันมาห้ามฉันแน่”
เซี่ยอวี่พยักหน้า “ตกลง ฉันสัญญา”
หลังจากทั้งสองคุยกันเสร็จแล้ว พวกเธอก็พากันไปธนาคาร ถอนเงินก้อนออกมาด้วยความเชื่อใจ และส่งเงินก้อนนี้ให้กับหลินเซี่ย
หลินเซี่ยรู้สึกประทับใจอย่างมาก ที่เซี่ยอวี่เชื่อใจเธอขนาดนี้
เธอกอดเซี่ยอวี่ด้วยความดีใจ และกล่าวขอบคุณ “คุณอา ขอบคุณมากเลยค่ะ ภายหน้าเมื่อฉันได้ผลตอบแทน ฉันจะรีบคืนเงินคุณอาพร้อมดอกเบี้ยแน่นอนค่ะ”
“ลืมเรื่องดอกเบี้ยไปได้เลย”
เซี่ยอวี่วางท่าใจกว้างเหมือนอาเจ้ใหญ่ สวมแว่นกันแดดสีดำ และเข้าไปโอบไหล่เธอ “ขอแค่จากนี้ไปเธอคอยอยู่เคียงข้างฉัน และคอยเป็นเพื่อนคู่คิดให้ฉันต่อจากนี้ก็พอ”
หลินเซี่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ไม่มีปัญหาค่ะ พรุ่งนี้ฉันว่าจะนัดคุณมาแต่งหน้า ทำผม และแต่งตัวสำหรับถ่ายทำการประกวดรอบชิงชนะเลิศ ขึ้นอยู่กับคุณอาว่าอยากจะเลือกใช้สไตล์ไหน”
เมื่อพูดถึงชาติที่แล้ว ในฐานะสไตลิสต์ชั้นนำของวงการบันเทิง ค่าตัวของเธอค่อนข้างแพงทีเดียว
ต่อมาเธอกลายเป็นสไตลิสต์ให้กับเสิ่นอวี้อิ๋ง ไม่ว่าหล่อนจะถ่ายละครโทรทัศน์หรือโฆษณาในนิตยสารก็ตาม การแต่งหน้าของเธอจะออกมาน่าทึ่งทุกครั้ง โลกภายนอกต้องตะลึง! เรียกได้ว่าฝีมือการแต่งหน้าของเธอเทียบได้กับการทำศัลยกรรมเลย
ชาตินี้ เธอเองก็อยากเป็นสไตลิสต์เงินล้านที่จะทำให้เซี่ยอวี่และเจียงอวี่เฟยประสบความสำเร็จ
รวมถึงตัวเธอเองด้วย
หลังจากเซี่ยอวี่และหลินเซี่ยจากไปแล้ว ก็เหลือชายแค่สามคนในแผนกผู้ป่วยใน
เฉินเจียเหอได้รู้เรื่องเกี่ยวกับผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์จากเซี่ยไห่
เมื่อได้ยินเฉินเจียเหอถามเกี่ยวกับอู๋เซิ่งหง ทันใดนั้นเซี่ยไห่ก็พูดอย่างระมัดระวัง “เจียเหอ เซี่ยเซี่ยขอให้นายมาชวนฉันลงทุนกับอู๋เซิ่งหงคนนั้นหรือเปล่า?”
จากนั้นเซี่ยไห่ก็พูดเสริมอย่างหนักแน่น “ฉันขอบอกนายตรงนี้เลยว่าไม่มีทาง! ดูแลภรรยาของนายให้ดีหน่อย และให้ความรู้กับหล่อนบ้าง อย่าปล่อยให้หล่อนเพ้อฝันอยู่ตลอดเวลาและคิดว่าเงินจะตกมาจากฟ้า อู๋เซิ่งหงก็แค่คนงี่เง่าคนหนึ่ง มองแวบแรกก็รู้หมดเปลือกแล้ว ถ้าถามว่าเขามีดีอะไรบ้าง? ฉันคิดว่าเขาก็แค่ผู้รับเหมารายเล็กที่โชคดีและทำเงินได้เท่านั้นแหละ และตอนนี้เขาก็แค่เลียนแบบนักธุรกิจรายใหญ่คนอื่น และหาทางเข้าไปกอบโกยส่วนแบ่งจากโครงการพัฒนาเชินเฉิง ดูยังไงก็ไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด
แล้วเซี่ยเซี่ยยังอยากให้ฉันไปลงทุนด้วยอีก บอกตามตรง อย่ามาพยายามชวนฉันอีก ฉันไม่มีเงินลงทุนอะไรทั้งนั้น“
คำพูดของเซี่ยไห่ทำให้เฉินเจียเหอรู้สึกเย็นวาบทันที
เซี่ยไห่เป็นนักธุรกิจ ในเรื่องนี้เขามีวิสัยทัศน์ที่ดีกว่าใคร ในเมื่อเขาบอกว่าอู๋เซิ่งหงไม่ดี ก็แปลว่าอีกฝ่ายไม่มีความน่าเชื่อถือเลย
ขนาดเฉินเจียเหอยังไม่ได้พูดถึงการลงทุน แค่ถามเซี่ยไห่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหลินเซี่ยกับอู๋เซิ่งหงเท่านั้น
เขาอยากรู้เหลือเกินว่าทำไมภรรยาถึงได้เชื่อใจ ‘คนบ้า’ ที่เซี่ยไห่พูดถึงได้ขนาดนี้ แล้วทำไมเธอต้องไปลงทุนกับคนแบบนั้นด้วย?
เซี่ยไห่เล่าให้เฉินเจียเหอฟังอย่างคร่าว ๆ เกี่ยวกับช่วงเวลาในการทำความรู้จักกับอู๋เซิ่งหง แน่นอนว่าเพราะเขาไม่ไว้ใจอู๋เซิ่งหง ทุกคำบอกเล่าของเขาจึงเต็มไปด้วยอคติล้วน ๆ
นอกจากนี้เขายังรู้สึกว่าเอกสารการโครงการต่าง ๆ ที่อู๋เซิ่งหงมอบให้หลินเซี่ยนั้นช่างเหมือนกับการวาดสวรรค์วิมานในอากาศให้หลินเซี่ยดู
เฉินเจียเหอเริ่มเป็นกังวล เพราะตอนนี้หลินเซี่ยกับเซี่ยอวี่ออกไปข้างนอกกันตามลำพัง เขากลัวว่าหลินเซี่ยจะขอยืมเงินอีกฝ่ายอย่างเงียบ ๆ และมันอาจจะสายเกินกว่าจะห้ามเธอ เขาจึงขอตัวลาเซี่ยไห่และเย่ไป๋แล้ววิ่งจากไปทันที
เซี่ยไห่ไม่รู้ว่าหลินเซี่ยกำลังจะลงทุนเงินเป็นสามแสนหยวนกับอู๋เซิ่งหง เขาคิดว่าในเมื่อเฉินเจียเหอฟังคำบอกเล่าจากเขาก็เพียงพอแล้ว จึงตะโกนตามหลังเฉินเจียเหอว่า
“กลับไปคุยกับเซี่ยเซี่ยให้รู้เรื่อง ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่มีทางลงทุนกับหล่อน ไปบอกให้หล่อนยอมแพ้ซะ“
ทันทีที่เฉินเจียเหอจากไป เซี่ยไห่กลับมาครุ่นคิดและนำนมถั่วเหลืองหนึ่งถ้วยให้กับเย่ไป๋ ขณะเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายก็ถามด้วยความสงสัยว่า “เย่ไป๋ ถามตามตรงนะ นายชอบพี่สาวฉันจริง ๆ เหรอ?”
ดวงตาของเย่ไป๋กะพริบเร็วรัว และกระแอมไอเบา ๆ “แต่นี่เราก็เป็นแฟนกันอยู่…”
เซี่ยไห่หัวเราะเยาะ “ไม่ต้องมาวางฟอร์ม ฉันรู้ว่าพี่สาวจ้างนายมาแสดงตบตา”
เย่ไป๋ “…”
“อย่าบอกนะว่านายนอกบทบาทไปหลงรักพี่สาวฉันจริง ๆ?” เซี่ยไห่มองเขาด้วยรอยยิ้มเลศนัย แล้วถามย้ำ
เย่ไป๋หลบสายตาเขาอย่างเชื่องช้า ไม่ปฏิเสธหรือยอมรับใด ๆ
เซี่ยไห่ยิ้มและพูดว่า “สายตานายมันหลอกใครไม่ได้จริง ๆ ฉันรู้แล้วแหละว่านายคิดจริงจัง”
หลังจากเซี่ยไห่มองเห็นความคิดของอีกฝ่ายอย่างทะลุปรุโปร่ง สีหน้าของเย่ไป๋ก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำทันที เขาหัวเราะกลบเกลื่อนและหยุดหลบเลี่ยงสายตา ยอมพูดความจริงอย่างตรงไปตรงมา
“เพราะนายยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยพี่สาวฉัน นี่แสดงให้เห็นแล้วว่านายรักหล่อนจริง และฉันยินดีสนับสนุนเต็มที่”
เซี่ยไห่ยื่นแก้วนมถั่วเหลืองให้เขา พลางมองแล้วถามต่อว่า
“ตกลงนายคิดจะจีบหล่อนอยู่ไหม?”
เย่ไป๋พยักหน้าโดยไม่ลังเล “อืม”
เซี่ยไห่ยิ้มกว้างทันที “ตั้งแต่นี้ไปฉันจะเป็นที่ปรึกษาให้นายเอง รับรองเลยว่านายจะต้องชนะใจแม่ดาราสาวคนนี้ได้แน่”
เขาเริ่มมีความสุขที่มีพี่เขยผู้ยอดเยี่ยมและมีความรับผิดชอบขนาดนี้
เมื่อเฉินเจียเหอกลับมาถึงบ้าน หลินเซี่ยก็กลับมาถึงบ้านก่อนแล้ว เธอถือพัดฟางในมือข้างหนึ่ง อีกมือถือแตงโมกินอย่างสบายอารมณ์
ต่างกับหัวใจของเฉินเจียเหอที่เต้นรัว เมื่อเห็นว่าเธอผ่อนคลายได้อย่างนี้
เป็นไปได้ไหมว่าเซี่ยอวี่จะให้เธอยืมเงินเรียบร้อยแล้ว?
เมื่อหลินเซี่ยเห็นเขากลับมา เธอก็เดินเข้ามาหาเขาโดยสวมรองเท้าแตะ เอาแตงโมยัดใส่ปากเขา “กลับมาแล้ว ร้อนไหมคะ? มากินแตงโมเร็ว ลูกนี้หวานมากเลย”
เฉินเจียเหอกัดไปคำหนึ่งแล้วเข้าไปในบ้าน หลังจากเปลี่ยนไปสวมรองเท้าแตะก็ดึงเธอให้นั่งลง
หลินเซี่ยรู้สึกว่าสีหน้าของเฉินเจียเหอดูจริงจังมาก เธอกำลังกินแตงโม และรอให้เขาพูดอะไรบางอย่าง
แน่นอนว่าเฉินเจียเหอมองเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “เซี่ยเซี่ย ผมถามเหล่าเซี่ยเกี่ยวกับอู๋เซิ่งหงแล้ว เพื่อความปลอดภัย ผมคิดว่าเราควรยกเลิกการตัดสินใจที่จะร่วมลงทุนกับโครงการนี้นะ”
เมื่อหลินเซี่ยฟังจบ สีหน้าของเธอก็หม่นหมองลง น้ำเสียงเริ่มแข็งกร้าวขึ้น “เฉินเจียเหอ ฉันตัดสินใจเรื่องนี้ไปแล้วนะคะ”
เฉินเจียเหอตอบกลับว่า “การตัดสินใจลงทุนโครงการเป็นอะไรที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา มันไม่แน่นอนและเสี่ยงเกินไป เราไม่จำเป็นต้องเสี่ยงขนาดนั้นก็ได้”
หลินเซี่ยพูดอย่างตรงไปตรงมา และมีท่าทางดื้อรั้นมากขึ้น “ฉันจะแบกรับความเสี่ยงทั้งหมดเอง คุณไม่ต้องกังวลหรอกว่าฉันจะปล่อยให้คุณมาใช้หนี้แทน”
“หลินเซี่ย คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง?” เฉินเจียเหอจับแขนแล้วยืดตัวเธอให้ตรง บังคับให้เธอมองตาเขา แล้วพูดว่า “ในฐานะสามีภรรยา ภายภาคหน้าถึงจะต้องลำบากแค่ไหน ผมก็พร้อมอดทนกับมันไปพร้อมคุณ แต่พอผมลองมาคิดดูตอนนี้ คำถามคือ ทำไมเราถึงต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงขนาดนั้นด้วย?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
การลงทุนมีความเสี่ยง ควรคิดให้รอบคอบนะเซี่ยเซี่ย บางทีการที่เธอย้อนเวลามาเกิดใหม่อาจทำให้ชีวิตชาตินี้เปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนชาติก่อนก็ได้
ไหหม่า(海馬)