ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 444 ขาดพันธมิตร
ตอนที่ 444 ขาดพันธมิตร
คำพูดของหลินเซี่ยกระตุ้นให้เฉินเจียเหอทำงานหนักโดยกินเวลายาวนานไปจนถึงเที่ยงคืน เธอทั้งร้องไห้ทั้งร้องขอความเมตตา แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยเธอไป พอตื่นขึ้นในตอนเช้า ร่างกายของเธอก็รวดร้าวไปทั้งตัวราวกับโดนรถยนต์วิ่งทับ ขณะผู้ชายซึ่งเคยนอนอยู่ข้าง ๆ ลุกขึ้นไปทำงานตรงเวลา แล้วทิ้งโน้ตข้อความบอกรักไว้บนตู้ว่า “อาหารเช้าอยู่ในหม้อนะ”
วันนี้หลินเซี่ยยังมีธุระต้องทำ เธอต้องลองแต่งหน้าและเลือกสไตล์สำหรับออกรายการให้เซี่ยอวี่ แล้วเธอก็ต้องไปหาเจียงอวี่เฟยด้วย
รอบชิงชนะเลิศใกล้จะมาถึงในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว ทำให้เธอนึกสงสัยว่าเจียงกั๋วเซิ่งยอมเห็นด้วยกับการร่วมประกวดของเจียงอวี่เฟยหรือยัง
เธอฝืนทนต่อความเจ็บปวดที่ลุกลามไปทั่วร่างกาย ลุกขึ้นไปอาบน้ำ และออกไปหาอะไรกิน
ในหม้อที่ปิดฝาอยู่มีปาท่องโก๋และนมถั่วเหลือง
ดีที่ผู้ชายตัวเหม็นคนนี้ยังมีจิตสำนึก รู้จักออกไปซื้ออาหารเช้ามาให้เธอ ไม่อย่างนั้นเธอคงจะดุเขาไปแล้วที่ทรมานเธอแทบตาย
หลังอาหารมื้อเช้า เธอก็ออกไปโทรหาเซี่ยอวี่ และนัดไปเจอกันที่ร้านใหม่ของเธอ
ร้านใหม่มีพื้นที่กว้างขวาง มีอุปกรณ์แต่งหน้าครบครัน หลินเยี่ยนก็มาฝึกฝนทักษะการแต่งหน้าทำผมที่นี่
เมื่อหลินเซี่ยมาถึงร้านด้วยมอเตอร์ไซค์ของเธอ หลินเยี่ยนมาถึงและเปิดประตูร้านก่อนแล้ว ถือผ้าขี้ริ้วไว้ในมือและยืนละล้าละลังอยู่กับชุดแต่งงานบนราวแขวน
“เสี่ยวเยี่ยน ดูอะไรอยู่เหรอ?”
“พี่สาว มาแล้วเหรอ?” หลินเยี่ยนกลับมารู้สึกตัว รีบอธิบายว่า “ชุดแต่งงานพวกนี้มีรอยยับนิดหน่อย ฉันกำลังคิดอยู่เลยว่าควรรีดดีไหม”
“อย่าเพิ่งกังวลไป เดี๋ยวอีกสักพักคุณอาหญิงจะมาแต่งหน้าทำผมที่นี่ เธอคอยอยู่ข้าง ๆ และเรียนรู้จากหน้างานจริงแล้วกัน”
“ได้ค่ะ”
เมื่อได้ยินว่าเซี่ยอวี่กำลังจะมา หลินเยี่ยนก็เปลี่ยนท่าทีเป็นกระตือรือร้นขึ้นมาทันที จัดแจงกวาดพื้นอย่างสะอาดหมดจดอีกครั้ง จากนั้นไปเช็ดโต๊ะ และต้มน้ำร้อน
ขณะที่พวกเธอช่วยกันเตรียมถ้วยชาและใบชา เซี่ยอวี่และคนอื่น ๆ ก็มาถึง
รอบนี้ลินดามากับเซี่ยอวี่ด้วย
นับตั้งแต่เซี่ยอวี่เผชิญกับอันตรายบนท้องถนน ลินดาก็ตามติดเธอทุกเวลาที่ออกไปข้างนอกราวกับตังเม ในวันที่อากาศร้อนแบบนี้ ลินดากลับสวมชุดสูทสีดำ ดูเท่และสมาร์ทมาก เหมือนเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของเซี่ยอวี่
“วันนี้เสี่ยวเยี่ยนแต่งตัวสวยจังเลย”
เมื่อได้รับคำชมจากเซี่ยอวี่ หลินเยี่ยนก็ยิ้มอย่างเขินอาย และรีบไปเอายกชากับน้ำมาเสิร์ฟ
หลินเซี่ยทักทายพวกเขา จากนั้นก็เชิญไปเยี่ยมชมร้านใหม่ “คุณอาหญิง ลองเยี่ยมชมร้านใหม่ของฉันก่อนสิคะ มันดูเป็นยังไงบ้าง?”
เซี่ยอวี่มองดูชุดแต่งงานหลากหลายสไตล์บนราวแขวน และตู้ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์แต่งหน้า พยักหน้าชื่นชมอย่างจริงใจว่า “ร้านสวยดี เมื่อไหร่จะเปิดอย่างเป็นทางการล่ะ?”
“ฉันตั้งใจว่าจะไปหาคุณหมอเย่คืนนี้ เพื่อให้เขาเลือกวันมงคลให้ค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ที่จริงเราพร้อมเปิดได้ตลอดเวลา”
หลังจากได้ยินสิ่งที่หลินเซี่ยพูด เซี่ยอวี่ก็ยิ้มและพูดว่า “เธอนี่ก็เชื่อโชคลางเหมือนกันนะ”
หลินเซี่ยตอบอย่างจริงจัง “อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับความมั่งคั่ง ฉันต้องเชื่อเอาไว้ก่อนค่ะ”
ลินดาเห็นอาหญิงและหลานสาวกำลังคุยกันอย่างสบาย ๆ หล่อนก็ดูนาฬิกาแล้วพูดกับหลินเซี่ยว่า “เซี่ยเซี่ย เริ่มกันเลยแล้วกัน ฉันยังมีนัดกินข้าวมื้อเที่ยงกับคนอื่นเพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้วย”
เซี่ยอวี่มองไปยังลินดาที่อยู่ด้านข้างด้วยใบหน้าเย็นชา พูดด้วยความไม่พอใจว่า “เธอก็ไปทำธุระของตัวเองซะสิ ไม่เห็นต้องอยู่รอฉันเลย”
“ฉันต้องเห็นผลที่ได้จากการแต่งหน้าน่ะสิ” ลินดามองไปที่เซี่ยอวี่ และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เอาไว้วันหลังฉันค่อยหาบอดี้การ์ดให้เธอสักคน”
หลังจากได้ยินคำพูดของลินดา เซี่ยอวี่ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงชายคนหนึ่งที่เคยบอกว่าเขาจะเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวให้เธอเวลาเธอต้องออกไปข้างนอกในอนาคต
หล่อนมีสีหน้าอ่อนลง จากนั้นก็ส่ายหัว “ไม่เป็นไร ปกติฉันไม่ค่อยได้ออกไปไหนมาไหนตอนตอนกลางคืนอยู่แล้ว ระหว่างวันถ้าฉันอยากได้บอดี้การ์ด ฉันค่อยขอให้เธอตามไปด้วยก็ได้”
หลินเซี่ยพูดติดตลกว่า “พี่ลินดา ฉันคิดว่าบอดี้การ์ดที่อาพูดไม่ใช่บอดี้การ์ดจริง ๆ หรอก แต่เป็นแฟนของเธอมากกว่า”
หลังจากที่ลินดาได้ยินสิ่งที่หลินเซี่ยพูด หล่อนก็พยักหน้ารัว ๆ และยกนิ้วโป้งให้หลินเซี่ยเงียบ ๆ แสดงว่าเห็นด้วยกับคำพูดของหญิงสาวอย่างมาก
ด้วยการสนับสนุนของลินดา หลินเซี่ยก็มีความกล้ามากขึ้น ยิ้มให้ลินดาแล้วถามว่า “พี่ลินดา คุณคิดยังไงกับหมอเย่คะ?”
“ยังหนุ่มแน่นและมีความสามารถ เจ๋งเลยแหละ”
หลินเซี่ยบอกว่า “ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ หมอเย่เป็นหมอ แถมยังได้เป็นรองศาสตราจารย์ตั้งแต่อายุยังน้อย มีอนาคตที่สดใส หน้าตาหรือก็หล่อเหลาเอาการ ถ้าฉันยังไม่แต่งงาน บางทีฉันเองก็อาจจะชอบเขาเหมือนกัน”
เซี่ยอวี่ฟังคำชื่นชมแบบอลังการของหลินเซี่ยที่มีต่อเย่ไป๋ เมื่อเห็นว่าลินดาก็เห็นดีเห็นงามเหมือนกัน จึงพูดด้วยความโกรธ
“พวกเธอมารุมฉันกันทำไม? มาแต่งหน้าให้ฉันเร็วเข้า เผื่อเวลาเหลือเราจะได้ลองแต่งเพิ่มอีกสักสองสามแบบ”
“โอ้ งั้นมาเริ่มกันเลยค่ะ”
หลินเยี่ยนเตรียมอุปกรณ์แต่งหน้าเรียบร้อยแล้ว หลินเซี่ยก็เริ่มจัดการกับใบหน้าของเซี่ยอวี่
“เสี่ยวเยี่ยน ตั้งใจเรียนล่ะ”
เซี่ยอวี่นั่งอยู่หน้ากระจก พูดกับหลินเซี่ยอย่างไม่จริงจัง
“เซี่ยเซี่ย เมื่อคืนนี้หลังอารองของเธอกลับมาบ้าน ฉันลองถามเรื่องเถ้าแก่อู๋กับเขาดู ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยประทับใจในตัวเถ้าแก่อู๋เลยนะ?”
แม้จะมอบเงินให้หลินเซี่ยไปแล้ว แต่เซี่ยอวี่ก็เริ่มมีข้อสงสัยหลังจากได้ยินความคิดเห็นในแง่ลบของเซี่ยไห่ต่อเถ้าแก่อู๋เมื่อคืนที่ผ่านมา
หล่อนกลัวว่าหลินเซี่ยจะเอาเงินไปทิ้งเสียเปล่า
หลินเซี่ยได้ยินคำพูดของเซี่ยอวี่ ก็สาปแช่งเซี่ยไห่อยู่ในใจ
เขาจะไม่ลงทุนก็เรื่องของเขา แต่อย่ามาสร้างปัญหาให้เธออยู่เรื่อย
อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่สามารถตำหนิเซี่ยไห่ได้อยู่ดี เพราะเซี่ยอวี่และเฉินเจียเหอต่างก็ไม่สบายใจ จึงไปถามเซี่ยไห่โดยตรงเกี่ยวกับสถานการณ์ของอู๋เซิ่งหง
“อาหญิงคะ อารองเขาแค่ตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก”
หลินเซี่ยอธิบายกับเซี่ยอวี่ว่า “เถ้าแก่อู๋มาจากชนบทค่ะ เขาเลยมีนิสัยเรียบง่ายและแต่งตัวไม่เก่ง อารองเห็นแบบนั้นเลยรู้สึกว่าเขาดูไม่เหมือนนักธุรกิจใหญ่ เพราะรู้สึกว่านักธุรกิจทุกคนต้องเป็นเหมือนเขา ใส่สูทผูกเน็คไทและแต่งตัวเนี๊ยบตลอดเวลา
ความจริงแล้วเถ้าแก่อู๋เคยประสบความยากลำบากมาก่อน เขามุ่งความสนใจไปที่การทำงานหนัก ใช้ชีวิตเรียบง่าย ติดดิน ไม่เปิดเผยความมั่งคั่งที่ตัวเองมี ถึงอย่างนั้นภูมิหลังของเขากลับแข็งแกร่งมาก เคยมีประวัติพัฒนาโครงการหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นความสามารถและวิสัยทัศน์ล้วนไม่มีปัญหา ตอนนี้ประเทศเราอยู่ในระหว่างสร้างความมั่งคั่งและพัฒนาบ้านเมืองอย่างแข็งขัน อุตสาหกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์เป็นที่นิยมเพิ่มขึ้น และจะมีมูลค่าสูงขึ้นเกินประมาณได้”
ที่เซี่ยอวี่ยอมให้หลินเซี่ยยืมเงินแต่แรก ก็เพราะหลินเซี่ยดูจะเชื่อมั่นในตัวเถ้าแก่อู๋คนนั้นมาก หยิบยกเอาเหตุผลที่มีน้ำหนักมาประกอบความน่าเชื่อถือในการลงทุน ส่วนเฉินเจียเหอก็สนับสนุนเธอเช่นกัน เซี่ยอวี่ที่พอจับทิศทางของเรื่องได้ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรอีก
ถึงอย่างไรหล่อนก็รู้จักนิสัยใจคอของเซี่ยไห่เป็นอย่างดี เขาชอบตัดสินผู้คนจากรูปร่างหน้าตาภายนอกเสมอ
ตั้งแต่เขาเริ่มทำธุรกิจ เขาก็เลือกสวมใส่แต่เสื้อผ้าที่ดูดีและมีสีสันฉูดฉาด
ในสายตาของเขา นักธุรกิจทุกคนควรแต่งตัวเหมือนกันกับเขา จึงจะถือว่าเป็นเรื่องปกติ
“เซี่ยเซี่ย ฉันเชื่อในการตัดสินใจของเธอ”
ในขณะที่พูดอย่างนั้น หลินเซี่ยก็แต่งหน้าลุคแรกให้เซี่ยอวี่เสร็จพอดี เธอหันไปถามความคิดเห็นจากลินดาว่า “พี่ลินดา คิดยังไงกับการแต่งหน้าแบบนี้คะ? ชุดอาจจะเลือกเป็นชุดกระโปรงแขนพอง เพื่อให้ดูน่ารักสดใส”
ลินดาพยักหน้า “ใช่ ดูสวยบริสุทธิ์ย้อนวัยมาก มองภาพรวมแล้วเหมือนเป็นเด็กสาวอายุยี่สิบต้น ๆ เลย”
นี่แสดงให้เห็นว่าเซี่ยอวี่เหมาะกับสไตล์การแต่งหน้าและเสื้อผ้าทุกประเภท
เซี่ยอวี่มองตัวเองในกระจก รู้สึกเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ว่าตนสวยมาก แต่เมื่อหลินเซี่ยบอกว่าการแต่งหน้าและการทำผมแบบนี้ควรจับคู่กับชุดกระโปรงแขนพองเพื่อให้ดูน่ารัก หล่อนก็ต่อต้าน
หล่อนไปร่วมรายการในฐานะกรรมการผู้ตัดสิน ถ้าทำตัวน่ารักเกินไปจะดูไม่เหมาะสมหรือเปล่า?
ในสถานการณ์นี้ การพยายามทำให้ตัวเองดูเด็กลง ก็ไม่ต่างอะไรกับการประชันความสวยกับผู้เข้าประกวด
ไม่เหมาะสม
ด้วยความแข็งแกร่งและสถานะในปัจจุบันของเซี่ยอวี่ หล่อนสามารถแสดงความเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ ต่างจากตอนเข้าสู่วงการช่วงแรก ๆ ที่ต้องสวมชุดอะไรก็ตามที่ทางต้นสังกัดบอกให้ใส่
หล่อนบอกว่า “เราอาจจะต้องแต่งตัวให้ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ไม่ให้ฉูดฉาดเกินไปจะดีกว่า การแต่งหน้าและทำผมควรสอดคล้องกับอายุของฉันด้วย ฉันไม่อยากทำให้ตัวเองดูเด็กลง ไม่ว่าจะด้วยการแต่งหน้า ทำผม หรือเสื้อผ้า รักษาความสง่างามไว้ดีกว่า อย่าให้คนดูรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเหมือนแจกัน”
“งั้นเรามาปรับลุคให้คุณดูกลายเป็นสาวแกร่งกันเถอะค่ะ ฉันจะปรับเปลี่ยนใหม่ คุณสามารถสวมเสื้อสูทกับรองเท้าส้นสูงเพื่อให้สมาร์ทและดูดีได้”
หลินเซี่ยเปลี่ยนการแต่งหน้าและทรงผมของเซี่ยอวี่เสียใหม่ ลินดาก็ไปเลือกชุดสูทที่เข้ากัน
ชุดสูทในยุคนี้โดยทั่วไปจะตัดเย็บโดยเสริมแผ่นรองไหล่อย่างหนา พอสวมแล้วไหล่จะดูกว้างกว่าความเป็นจริง เหมือนใส่ชุดเกราะอย่างไรอย่างนั้น
ชุดสูทสีขาวที่เซี่ยอวี่สวมใส่บนตัวในขณะนี้ ดูเทอะทะเป็นพิเศษ
หลินเซี่ยมองไปที่เสื้อผ้าของเซี่ยอวี่ จับคางตัวเองแล้วเสนอความคิดว่า
“ฉันคิดว่าเราควรแก้ทรงชุดนี้สักหน่อย”
เซี่ยอวี่และลินดาหันมองเธออย่างสงสัย “แก้ทรงเหรอ?”
“ใช่ค่ะ แก้ทรงเสื้อให้เข้ารูปลงอีกหน่อย จะได้ไม่ปิดบังทรวดทรงของคุณจนไม่งาม”
“แต่เราไม่มีทีมแฟชั่นดีไซน์เป็นของตัวเองน่ะสิ พอรู้ไหมว่าที่นี่มีร้านตัดเสื้อร้านไหนที่ช่างเก่ง ๆ บ้าง?” ลินดากังวลเรื่องการแก้ทรงเสื้อขึ้นมาทันที “แต่ช่างจะแก้ทรงได้ตามที่เราต้องการหรือเปล่า? เรามีเวลากระชั้นชิดมาก ถ้าชุดนี้ใช้ไม่ได้ผลก็เปลี่ยนไปใส่ชุดอื่นแทนแล้วกัน ไม่ต้องกังวลหรอก”
หลินเซี่ยมองไปที่พวกเธอแล้วพูดว่า “ฉันแก้ทรงเองได้ค่ะ”
“เธอทำได้เหรอ?” ลินดามองไปที่หลินเซี่ยด้วยความประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่านึกไม่ถึงกับความสามารถของหลินเซี่ย
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เป็นเซี่ยเซี่ยต้องอดทน ผ่านศึกหนักยามค่ำคืนมาแล้วรุ่งเช้าต้องลุกขึ้นมาทำงานได้
เซี่ยเซี่ยเป็นทุกอย่างแล้วนะทั้งช่างทำผม ช่างแต่งหน้า และดีไซเนอร์
ไหหม่า(海馬)