ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 448 เฉินเจียเหอชอบอวดภรรยา
ตอนที่ 448 เฉินเจียเหอชอบอวดภรรยา
เมื่อได้ยินว่าเซี่ยอวี่นำอาหารไปส่งให้เย่ไป๋เรียบร้อยแล้ว และอยู่ดูแลเขาก่อนที่จะกลับมา คุณแม่เซี่ยก็ทำหน้าพึงพอใจขึ้นมาทันที
“งั้นก็ดีแล้ว ต่อให้หลังจากนี้อาการของเย่ไป๋จะกลับมาหายเป็นปกติ ลูกก็ต้องเกรงใจเขาให้มากขึ้น อย่าแสดงอารมณ์รุนแรงเกินไป”
เซี่ยเหลยถามเซี่ยอวี่ “ตอนนี้อาการของเสี่ยวเย่ฟื้นตัวบ้างแล้วหรือยัง? สองวันมานี้ที่ร้านยุ่งมาก ฉันไม่มีเวลาแวะไปเยี่ยมเขาเลย”
เซี่ยอวี่ตอบว่า “ต้องใช้เวลาสองสัปดาห์กว่าจะตัดไหม ตอนนี้ยังต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล แต่ยังเอางานบางส่วนมาทำบนห้องได้ค่ะ”
คุณแม่เซี่ยทำหน้าตาสงสารเมื่อได้ยินว่ากว่าจะตัดไหมได้ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานถึงสองสัปดาห์ นอกจากเย่ไป๋จะได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้แล้ว ยังต้องขาดงานอีกด้วย
โรงพยาบาลขาดหมอไปหนึ่งคน จะมีคนไข้อีกกี่คนได้รับการรักษาล่าช้า
“ดูแลเขาให้ดีแล้วกัน ให้เขาพักฟื้นรักษาอาการบาดเจ็บจนกว่าจะหายดี จะได้ไม่ทิ้งรอยแผลหรือผลข้างเคียงใด ๆ ไว้ ไม่อย่างนั้นมันจะติดตัวเขาไปตลอดชีวิต เข้าใจไหม?” คำกำชับของคุณแม่เซี่ยเริ่มจริงจังมากขึ้นทันทีเมื่อมองไปทางเซี่ยอวี่
“เข้าใจแล้วค่ะ เขาเป็นหมอนะแม่ คงไม่ปล่อยให้ตัวเองมีผลข้างเคียงอะไรหรอก”
เซี่ยอวี่พูดไม่ออกและรู้สึกหงุดหงิด ขณะที่หญิงชราก็ยังคงพูดจาวนเวียนอยู่กับเรื่องของเย่ไป๋ต่อไป
หล่อนกระแอมไอเบา ๆ จากนั้นหันไปพูดกับหลินเซี่ย “เซี่ยเซี่ย เล่าให้ทุกคนฟังเรื่องวีรกรรมของเสิ่นเถี่ยจวินสิ”
จุดประสงค์ก็เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของหญิงชรา ไม่ให้นางสอนบทเรียนพร่ำเพรื่อ
“เสิ่นเถี่ยจวินไปก่อเรื่องอะไรไว้อีก?” หลังจากได้ยินชื่อของเสิ่นเถี่ยจวิน เซี่ยเหลยก็มองไปที่หลินเซี่ย และถามอย่างเร่งร้อน “มีข่าวอะไรจากตำรวจบ้างไหม?”
หลินเซี่ยตอบว่า “เป็นอีกคดีหนึ่งที่เขาทำไว้ค่ะพ่อ”
หลินเซี่ยเริ่มเล่าให้พวกเขาโดยละเอียดเกี่ยวกับเหตุทุจริตและละเมิดวินัยของเสิ่นเถี่ยจวินในโรงงานเครื่องจักร
เมื่อได้ยินว่าเสิ่นเถี่ยจวินกระทำการโดยพลการและละเมิดกฎหมาย ทั้งยังขัดต่อระเบียบวินัยของโรงงานเครื่องจักร เซี่ยเหลยก็ทำหน้าเคร่งขรึมพลางพูดว่า “เขามันห่วยแตกสิ้นดี”
ถ้าทำเรื่องเลวร้ายแค่ครั้งเดียว อาจจะแก้ตัวว่ากระทำไปโดยประมาทได้
แต่ผู้ชายคนนี้ไม่เพียงแต่จะทำความชั่วไปเสียทุกเรื่อง ลำพังแค่เรื่องส่วนตัวยังไม่พอ แต่ยังอุกอาจถึงขั้นแสวงหากำไรจากองค์กรรัฐวิสาหกิจด้วย
“ทำไมมันกล้าทำถึงขนาดนี้ กล้าดียังไงถึงยักยอกทรัพย์สินของรัฐ?”
คุณแม่เซี่ยไม่เข้าใจกระบวนความคิดของอีกฝ่ายเลย พร้อมกันนั้นก็ตกใจมาก
ถ้าเป็นยุคสมัยของนาง พวกทุจริตที่บังอาจล่วงเกินความชอบธรรมของสังคมคงไม่พ้นโดนตัดหัว
“แม่คะ เขามันจิตใจโสมมมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่อย่างนั้นจะจงใจอุ้มเด็กที่ไหนก็ไม่รู้มาสลับตัวกับลูกที่เกิดจากเมียตัวเองเมื่อยี่สิบปีก่อนเหรอ?”
พอเซี่ยอวี่พูดแบบนี้ คุณแม่เซี่ยก็ถอนหายใจหนัก ๆ “จริงด้วย ตอนนั้นในใจเขามีแต่ความแค้น ความเกลียดชังทำให้เขาทำได้แม้กระทั่งเอาเด็กคนอื่นมาแทนที่ลูกตัวเอง คนคนนี้ใจคอโหดร้ายเกินไป”
หลินเซี่ยกล่าวว่า “เขาเอาแต่ยืนกรานว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบปีที่แล้วเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย แต่ฝ่ายผู้บริหารได้เข้ามาแทรกแซงการตรวจสอบปัญหาที่โรงงานเครื่องจักร จนตอนนี้รวบรวมหลักฐานได้แล้ว คราวนี้เขาหนีไม่รอดแน่”
เสิ่นเถี่ยจวินทำชั่วจนตัวเองต้องเข้าคุก ถือเป็นข่าวดีสำหรับพวกเขาจริง ๆ
เป็นดังสำนวนที่ว่าทำชั่วได้ชั่ว
“โธ่ น่าสงสารชะตากรรมของเซี่ยหลานนะ”
คุณแม่เซี่ยพูดกับเซี่ยอวี่ว่า “ถ้าลูกพอมีเวลาว่าง อย่าลืมแวะไปหาเซี่ยหลานให้บ่อยหน่อยนะ ตอนนี้ลูกชายหล่อนยังไม่หายจากอาการป่วยเลย ถ้าหล่อนต้องการความช่วยเหลืออะไร ตราบใดที่เราช่วยได้ก็จะช่วย”
“แม่ วันนี้ฉันเพิ่งเจอหล่อนที่โรงพยาบาลน่ะค่ะ ฉันบอกหล่อนแล้วว่าถ้ามีปัญหาอะไรต้องรีบบอกพวกเราทันที”
เมื่อแม่เฒ่าเซี่ยพูดถึงเซี่ยหลาน นางก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าหลิวกุ้ยอิงนั่งอยู่ข้าง ๆ จึงมองไปที่หลิวกุ้ยอิงและอธิบายว่า “กุ้ยอิง อย่าเข้าใจฉันผิดนะ ฉันไม่ได้มีความหมายอย่างอื่น เซี่ยหลานและเซี่ยอวี่เคยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาก่อน ยามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตกทุกข์ได้ยาก เพื่อนต้องคอยช่วยเหลือ แค่คำทักทายก็สามารถมอบความอุ่นใจให้ได้”
หลิวกุ้ยอิงบอก “ฉันไม่คิดมากเรื่องนี้เลยค่ะ หมอเซี่ยเลี้ยงดูเซี่ยเซี่ยเป็นอย่างดี ฉันรู้สึกขอบคุณหล่อนเรื่องนี้มากเหมือนกัน ถ้าหล่อนต้องการอะไร ฉันก็เต็มใจช่วยหล่อนเสมอค่ะ”
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอแยกแยะได้ โชคดีเหลือเกินที่ฉันมีสะใภ้ใจกว้างอย่างนี้”
หลินเซี่ยตั้งใจว่าจะแวะไปที่คลินิกแพทย์แผนจีนของหมอเย่ในตอนบ่าย เพื่อขอให้เขาช่วยกำหนดฤกษ์ยามมงคลในการเปิดกิจการของเธอ เธอแวะไปที่ร้านขายของชำเพื่อซื้อข้าวสารอาหารแห้งมากมายให้เอ้อร์เลิ่ง เมื่อเดินผ่านร้านขายเสื้อผ้าและเห็นว่ามีเสื้อยืดที่ผู้สูงอายุชอบสวมใส่ จึงซื้อไปฝากหมอเย่ด้วย
ที่บ้านมีเสื้อแขนสั้นไซส์เล็กตัวเก่าของเฉินเจียเหออยู่ เฉินเจียเหอเคยบอกว่าเขารวบรวมไปให้เอ้อร์เลิ่งเมื่อมีโอกาส วันนี้เธอจึงไม่ลืมพับติดกระเป๋ามาด้วย
เธอแขวนถุงบรรจุของไว้กับแฮนด์มอเตอร์ไซค์ แล้วขับไปจอดรอตรงทางเข้าโรงงานยานยนต์เพื่อรับเฉินเจียเหอหลังเลิกงาน
รถมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ที่ทางเข้าโรงงาน หลินเซี่ยสวมแว่นกันแดด ยืนพิงมอเตอร์ไซค์ ไม่ต้องพูดถึงว่าภาพนั้นดูเท่แค่ไหน
เธอไม่ได้สวมแว่นกันแดดเพราะตามกระแสแฟชั่น แต่เพื่อปกป้องดวงตา เพราะเวลาขี่มอเตอร์ไซค์แล้วไม่สวมแว่น ฝุ่นผงรวมถึงแมลงจะปลิวเข้าตา ทำให้การขับขี่บนถนนไม่ปลอดภัย
ช่วงเลิกงานจะเป็นช่วงที่โรงงานเครื่องจักรคึกคักไปด้วยผู้คนมากที่สุด
เมื่อคนงานเห็นว่าตรงทางเข้าโรงงานมีสาวสวยสะดุดตายืนอยู่ตรงนั้น สายตาของพวกเขาก็จับจ้องมองไปที่เธออย่างไม่วางตา
มีแค่คนที่อาศัยอยู่ในอาคารพักอาศัยของโรงงานเท่านั้นที่รู้ดีว่าเธอคือคนรักของเฉินเจียเหอ
เมื่อเฉินเจียเหอออกจากโรงงาน เขาก็เห็นภาพนั้นเช่นเดียวกัน
ภรรยาตัวน้อยของเขายืนพิงมอเตอร์ไซค์คันโก้ เพื่อนร่วมงานชายกลุ่มหนึ่งก็เอาแต่จ้องมองเธอตาค้างไม่เป็นอันทำอะไร
เฉินเจียเหอก้าวเข้ามาหาเธอ หยุดยืนอยู่ตรงหน้าหลินเซี่ย ร่างสูงของเขาบดบังสายตาของใครหลายคนทันที
ใครคนหนึ่งพูดติดตลกว่า “ไอ้หยา เฉินกง วันนี้ให้เมียมารับเชียวเหรอครับเนี่ย?”
เฉินเจียเหอก้าวขายาว ๆ ขึ้นควบเบาะรถมอเตอร์ไซค์ จากนั้นพูดด้วยเสียงดังฟังชัดอย่างภาคภูมิใจว่า “ใช่ หล่อนยืนกรานว่าจะมารับ ไม่ยอมให้ฉันกลับเอง”
หลินเซี่ย “!!!”
“เฉินกงโชคดีจริง ๆ ที่มีภรรยาทั้งสวยและน้ำใจงามแบบนี้”
เฉินเจียเหอตอบกลับ “ขอบคุณ ขอให้นายโชคดีเหมือนฉันนะ”
ริมฝีปากของหลินเซี่ยกระตุกอย่างแรง เธอจงใจบิดคันเร่งแล้วขับออกไป
เฉินเจียเหอกลัวหน้าคะมำ จึงคว้าหมับเข้าที่เอวของเธอและกอดไว้แน่น
หลินเซี่ยพูดไม่ออก “ทำไมถึงได้ทำตัวแบบนี้นะ?”
“ผมทำอะไรผิด? ไม่ได้ไปกอดเมียคนอื่นซะหน่อย”
เมื่อขับผ่านถนนที่พลุกพล่าน เฉินเจียเหอบอกว่า “ที่รัก จอดแวะซื้อของกินไปฝากเอ้อร์เลิ่งหน่อยเถอะ”
หลินเซี่ยตอบว่า “ฉันซื้อไว้แล้ว”
“เมียผมนี่ช่างมีน้ำใจจริง ๆ เลย” พูดแล้วเขาก็กอดเอวเธอแน่นขึ้น
เมื่อมาถึงหน้าประตูบ้านของหมอเย่ ทั้งคู่ก็เดินถือถุงใบใหญ่และใบเล็กเข้าไปข้างใน
“หมอเย่ อยู่บ้านไหมคะ? พวกเราแวะมาเยี่ยมค่ะ”
หมอแผนจีนเย่เดินออกมาจากห้องหลัก เห็นพวกเขาแล้วก็เผยรอยยิ้มจาง ๆ “พวกเธอเป็นแขกหายากของเราจริง ๆ นึกว่าจะทิ้งเอ้อร์เลิ่งไว้ที่นี่ซะแล้ว”
เฉินเจียเหออธิบายด้วยความรู้สึกผิดว่า “หมอเย่ครับ ผมต้องขอโทษจริง ๆ ช่วงนี้งานของผมยุ่งมาก”
หลังจากเข้าไปในบ้าน หลินเซี่ยก็หยิบของบางอย่างออกจากถุงในมือเธอก่อน “นี่เป็นชาที่ฉันตั้งใจซื้อมาฝากคุณโดยเฉพาะเลยค่ะ ช่วงนี้อากาศร้อน ฉันเลยซื้อเสื้อยืดมาให้คุณด้วย ตัวนี้สำหรับเอ้อร์เลิ่งค่ะ”
“ส่วนของว่างพวกนี้เป็นของเอ้อร์เลิ่งทั้งหมดเลย”
เฉินเจียเหอมองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “หมอเย่ เอ้อร์เลิ่งไปไหนครับ?”
“อยู่ในครัวโน่น”
เฉินเจียเหออยากเห็นพัฒนาการความกระตือรือร้นของเอ้อร์เลิ่ง จึงเดินไปที่ห้องครัว
เมื่อมาถึงประตูห้องครัว เห็นว่าเอ้อร์เลิ่งและป้าแม่บ้านกำลังพูดคุยกันด้วยเสียงหัวเราะพลางจัดการกับวัตถุดิบไปด้วย
“เอ้อร์เลิ่ง วันนี้ฉันจะใช้เขียงอันใหม่ของเธอหั่นผักแล้วกันนะ”
“ครับ คุณป้า ป้าหั่นผัก ผมจะผัดเอง”
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเอ้อร์เลิ่ง รวมถึงน้ำเสียงที่ร่าเริงและดังฟังชัด ใบหน้าหล่อเหลาของเฉินเจียเหอก็ตกตะลึงเล็กน้อย
รอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนคนสติฟั่นเฟือนบนใบหน้าของเอ้อร์เลิ่ง ทำให้ความทรงจำของเขาล่องลอยไปชั่วขณะ
เหมือนย้อนกลับไปสมัยที่พวกเขายังเป็นวัยรุ่น
“เอ้อร์เลิ่ง”
เมื่อเอ้อร์เลิ่งได้ยินเสียงของเฉินเจียเหอ เขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปทางประตูห้องครัว พูดด้วยความยินดีว่า “ต้าเหอ นายมาได้ยังไง?”
“มาหานายน่ะสิ”
เอ้อร์เลิ่งยืนขึ้นอย่างมีความสุข แล้วพูดกับแม่บ้านว่า “ป้าครับ คุณทำงานไปก่อนนะ เพื่อนที่แสนดีของผมมาหา ผมอยากออกไปคุยกับเขา”
“ได้ รีบไปเร็วเข้า”
เอ้อร์เลิ่งเดินตามเฉินเจียเหอออกจากครัว ติดตามเขาไปด้วยรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่ามีความสุขมากจริง ๆ
เฉินเจียเหอถามเขาว่า “ช่วงนี้นายเป็นยังไงบ้าง?”
“ฉันสบายดี ช่วยป้าทำกับข้าว ทำงานช่างไม้ทุกวัน งานยุ่งมาก”
ดูเหมือนว่าเอ้อร์เลิ่งจะสนุกกับชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเองมาก
เมื่อเขาเข้าไปในห้องหลักและเห็นหลินเซี่ย เขาก็ยิ้มกว้างและกล่าวทักทาย
“ภรรยาต้าเหอก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?”
เฉินเจียเหอแก้ไข “เรียกว่าพี่สะใภ้สิ”
“โอ้” เอ้อร์เลิ่งให้ความร่วมมือดีมาก “พี่สะใภ้ก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?”
หลินเซี่ยเห็นเอ้อร์เลิ่ง จึงยื่นเสื้อยืดแขนสั้นให้เขา “เอ้อร์เลิ่ง นี่เสื้อผ้าของนาย ลองใส่ดูสิ นอกจากนี้ยังมีข้าวสารอาหารแห้งที่ฉันซื้อมาฝากนายด้วยนะ”
“ขอบคุณนะพี่สะใภ้” เอ้อร์เลิ่งเห็นว่าในถุงที่หลินเซี่ยยื่นให้เต็มไปด้วยบิสกิตและหมากฝรั่งมากมาย จึงพูดว่า “ทำไมถึงซื้อขนมมาให้ฉันด้วยล่ะ? ฉันอายุเท่าไหร่แล้ว ยังอยู่ในวัยที่ควรกินขนมหรือเปล่า? นี่ขนมขบเคี้ยวของเด็กทั้งนั้น เอากลับไปให้หู่จือเถอะ”
เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยหันมองหน้ากันพลางเลิกคิ้วเล็กน้อย
เขารู้จักแยกแยะได้แล้วว่าตัวเองไม่ใช่เด็กอีกต่อไปงั้นเหรอ?
เอ้อร์เลิ่งสวมเสื้อที่หลินเซี่ยมอบให้ หมุนตัวไปรอบ ๆ อย่างมีความสุข มองดูเสื้อผ้าบนตัว พบว่ามันสวมใส่ได้อย่างพอดีมาก แต่ถึงเขาจะชอบใจแค่ไหน เขาก็ยังบอกเฉินเจียเหอว่า “อย่าเปลืองเงินซื้อไปเลย วันหลังไม่ต้องซื้อเสื้อผ้ามาให้ฉันแล้วนะ หมอเสี่ยวเย่เอาเสื้อผ้าเก่า ๆ ถุงใหญ่มาให้ฉันแล้ว ตอนนี้ฉันมีเสื้อผ้าเยอะแยะจนใส่ไม่ครบ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มีภรรยาสวยและเก่งแบบนี้ใครก็อยากอวดแหละ
ไหหม่า(海馬)