ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 457 เป็นสหายร่วมบ้านเกิด
ตอนที่ 457 เป็นสหายร่วมบ้านเกิด
ในที่สุดทุกคนก็เข้าใจจุดประสงค์ของหลินเซี่ยในการเชิญเถ้าแก่อู๋มาที่ไห่เฉิง ไม่แปลกใจเลยที่หลินเซี่ยจะโกรธมากเมื่อรู้ว่าเซี่ยไห่พยายามจะส่งเถ้าแก่อู๋ออกจากเมือง
พฤติกรรมของเซี่ยไห่ถือเป็นทำลายโอกาสทางการเงินของคนอื่นจริง ๆ
คุณแม่เซี่ยกลัวว่าอาจจะเกิดช่องว่างระหว่างหลินเซี่ยและเซี่ยไห่ นางจึงพยายามเกลี้ยกล่อมหลินเซี่ย “เซี่ยเซี่ย อย่าโกรธอารองของหลานในเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เลยนะ อารองเป็นคนระมัดระวังมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาทำแบบนั้นลงไปก็ด้วยเจตนาดี สมัยเขาค้าอาหารทะเล เขาก็เคยโดนหลอกระหว่างทำธุรกิจ เวลานั้นสภาพเขาแย่มาก ได้ยินมาว่าไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อหมั่นโถวกินด้วยซ้ำ แต่เขาก็รายงานข่าวดีให้เราฟังเสมอ ไม่เคยบอกข่าวร้าย หลังจากที่เขาฟื้นฐานะกลับมาได้ถึงเล่าให้พวกเราฟังเหมือนเป็นเรื่องตลก นี่เป็นเหตุผลที่เขาระแวงเวลามีคนมาเสนอการลงทุนขึ้นสมอง”
หลินเซี่ยตอบกลับว่า “คุณย่า ฉันเข้าใจความคิดเขาอยู่หรอกค่ะ ดีที่เถ้าแก่อู๋ยังไม่ไปไหนไกล เพราะงั้นครั้งนี้ฉันยกโทษให้อารองก็ได้ แต่นับจากนี้เขาไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายความร่วมมือระหว่างฉันกับเถ้าแก่อู๋อีก ไม่อย่างนั้นฉันจะโกรธเขาจริง ๆ”
คุณแม่เซี่ยรับรองกับเธอว่า “ไม่ต้องกังวล เขาไม่ทำแน่”
“เถ้าแก่อู๋บอกว่าเขาจะแวะมารับประทานอาหารมื้อเย็นที่ร้านเราค่ะ แม่คะ ช่วยทำกับข้าวต้อนรับเขาหน่อยได้ไหม?”
พอได้ยินหลินเซี่ยบอกว่าเธอวางเงินลงทุนไปสามแสนหยวน หลิวกุ้ยอิงจึงเริ่มให้ความสำคัญกับการมาถึงของนักธุรกิจคนนี้มากขึ้น
กลัวว่าถ้าพวกเขาเผลอละเลยด้วยประการใดก็ตาม อาจทำให้ธุระสำคัญของลูกสาวได้รับผลกระทบไปด้วย
หล่อนถามหลินเซี่ย “เถ้าแก่อู๋คนนี้ชอบกินอาหารประเภทไหน? แม่จะเข้าครัวไปเตรียมของเดี๋ยวนี้”
หลินเซี่ยบอกว่า “พื้นเพเดิมของเขาเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา ๆ ค่ะ มาจากเทศมณฑลซีเหอเหมือนแม่ ทำกับข้าวให้เขาตามแบบที่แม่ถนัดได้เลย เถ้าแก่อู๋มีนิสัยติดดินมาก ยิ่งอาหารเรียบง่ายเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”
“จ้ะ แม่ขอเข้าไปดูวัตถุดิบในครัวหน่อย ขาดเหลืออะไรจะได้รีบออกไปซื้อ”
วันนี้เป็นวันที่โรงงานของเฉินเจียเหอขนย้ายอุปกรณ์เครื่องจักรพอดี เขาจึงต้องกลับไปที่โรงงาน
หลินเซี่ยไม่รั้งตัวเฉินเจียเหอไว้ให้งานของอีกฝ่ายล่าช้า “ขับมอเตอร์ไซค์ไปเถอะค่ะ เดี๋ยวจะสาย เราจะยังไม่ติดต่อเซ็นสัญญาจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้ แค่ต้อนรับเถ้าแก่อู๋ตอนเย็นในฐานะเจ้าภาพ ไว้กลับบ้านคืนนี้ฉันค่อยเล่าความก้าวหน้าเกี่ยวกับรายละเอียดอย่างอื่นให้ฟัง”
“ได้ งั้นผมไปก่อนนะ”
หลินเซี่ยกลับไปที่ร้านตัดผม ชุนฟางรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินว่าหลินเซี่ยได้เจอกับเถ้าแก่อู๋แล้ว และไม่มีความเสียหายใด ๆ เกิดขึ้น
ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ยังรู้สึกผิด และอยากยอมรับความผิดพลาดที่ตัวเองทำกับเธออย่างเป็นทางการ
ก่อนที่ชุนฟางจะพูดอะไร หลินจินซานก็ชิงรับผิดแทนก่อนว่า “เซี่ยเซี่ย วันนี้ชุนฟางรู้ตัวแล้วว่าหล่อนทำอะไรผิดไป หล่อนเอาแต่โทษตัวเองตลอดทั้งช่วงเช้า ช่วยยกโทษให้หล่อนด้วยเถอะนะ”
“เซี่ยเซี่ย ฉันขอโทษนะ” ชุนฟางยอมรับความผิดพลาดของตนอีกครั้ง
หลินเซี่ยมองไปที่ชุนฟาง พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ชุนฟาง คราวนี้ฉันจะปล่อยผ่านไป แต่อย่าให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก เถ้าแก่อู๋ถือเป็นแขกผู้มีเกียรติของฉัน ถ้าวันนี้เขาขึ้นรถไฟออกจากเชินเฉิงไปจริง ๆ ความสูญเสียที่ฉันต้องแบกรับนั้นเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการได้ ร้านตัดผมของเราจะใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นเธอกับอาจารย์หวังจะกลายเป็นพนักงานที่มีประสบการณ์สูงสุดของร้านเรา ฉะนั้นต้องคำนึงถึงทุกสิ่งที่ทำ และอย่าลืมคำนึงถึงผลประโยชน์ของร้านตัดผมมาเป็นอันดับแรกเสมอ”
ชุนฟางพยักหน้า “เซี่ยเซี่ย ฉันจะจำไว้ให้ดี”
อาจารย์หวังมองไปที่หลินเซี่ย ถามอย่างสงสัย “เสี่ยวหลิน ได้ยินพวกเขาพูดกันว่าเธอจะร่วมลงทุนในโครงการก่อสร้างอาคารกับเถ้าแก่อู๋คนนั้น เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”
หลินเซี่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วค่ะ อาจารย์หวัง เถ้าแก่อู๋เป็นเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ฉันอยากร่วมมือทางธุรกิจกับเขา ในอนาคตร้านตัดผมของเราอาจจะได้เปิดสาขาเพิ่มในเชินเฉิง พวกคุณทุกคนอาจต้องทำผลงานหน่อย ฉันจะได้ส่งคุณไปเป็นผู้จัดการร้านใหม่ที่เชินเฉิง”
อาจารย์หวังได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย แม้ว่าเขาจะมีความสุขมาก แต่แล้วก็ยิ้มโดยปราศจากจิตวิญญาณแห่งความก้าวหน้า พูดว่า “ฉันแก่แล้ว ให้ชุนฟางรับหน้าที่นี้แทนดีกว่า ถ้าหล่อนมีความรู้และทักษะที่มั่นคงพอ ก็ย้ายไปอยู่เชินเฉิงเพื่อความก้าวหน้าด้านอาชีพได้”
หลินเซี่ยมองเขาแล้วหัวเราะ “คุณเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง? แก่กว่าพ่อของหู่จือแค่สองสามปี เป็นวัยที่เหมาะสมสำหรับแสวงหาความก้าวหน้าทางอาชีพ เรามาร่วมแรงกันเป็นหนึ่ง ทำให้กิจการร้านตัดผมรุ่งเรืองและแข็งแกร่งยิ่งขึ้นดีกว่าค่ะ อีกหน่อยหนึ่งในพวกคุณไม่พ้นขยับขึ้นเป็นผู้จัดการสาขาของแต่ละเมือง”
“พวกเราจะทำงานกันอย่างเต็มที่แน่นอน”
หลินเซี่ยมีแผนระยะยาวสำหรับอนาคตด้านอาชีพของอาจารย์หวัง ชุนฟางเองก็เริ่มวาดฝันถึงทิศทางชีวิตในอนาคต พวกเขานึกดีใจที่ตอนนั้นตัวเองตัดสินใจมาทำงานที่ร้านตัดผมของหลินเซี่ย
พวกเขาโชคดีมากจริง ๆ หลินเซี่ยเคยไปที่ร้านตัดผมของรัฐเพื่อรับสมัครเด็กฝึกงาน แต่มีพวกเขาแค่สองคนที่เธอเลือก
หลินจินซานรู้สึกตื่นเต้นเช่นกันหลังจากได้ยินสิ่งนี้
ถ้าร้านตัดผมของหลินเซี่ยสามารถขยายสาขาไปที่เชินเฉิงได้ แล้วชุนฟางกลายเป็นผู้จัดการร้าน เขาเองก็จะขอย้ายไปทำงานที่ห้องเต้นรำสาขาเชินเฉิงเพื่อสนับสนุนหล่อน
หลินจินซานเตือนชุนฟางที่ยังตกอยู่ในภวังค์ความคิดว่า “ชุนฟาง ขอบคุณเซี่ยเซี่ยเร็วเข้า”
ชุนฟางกลับมามีสติอีกครั้ง พูดอย่างเร่งรีบว่า “เซี่ยเซี่ย ขอบใจนะ ขอบใจจริง ๆ”
“ไม่เป็นไรเลย เธอไปทำงานต่อเถอะ”
พี่สาวที่แวะมานัดทำผมกับหลินเซี่ยในตอนเช้ากลับมาที่ร้านอีกครั้งในตอนบ่าย
หลินเซี่ยต้อนรับหล่อนอย่างกระตือรือร้น “เชิญเข้ามาก่อนค่ะ คุณพี่ วันนี้อยากได้ทรงผมแบบไหนคะ?”
พี่สาวยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันดัดผมครั้งล่าสุดตั้งแต่ก่อนปีใหม่แล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้สภาพผมคลายจนกลายเป็นผมตรงไปแล้วหรือยัง? พักหลังยิ่งส่องกระจกก็ยิ่งไม่เข้าที เลยอยากมาดัดใหม่ อีกหนึ่งเดือนลูกสาวฉันจะแต่งงานแล้ว ฉันก็เลยอยากทำสวยไว้ล่วงหน้า ได้ยินมาว่าช่วงนี้เธอยุ่งอยู่กับงานที่สาขาอื่น กลัวว่าจากนี้อาจจะไม่ได้เจอเธออีกนานเลย”
เมื่อหลินเซี่ยได้ยินว่าครอบครัวพี่สาวคนนี้กำลังจะมีงานมงคล เธอก็อวยพรอีกฝ่ายด้วยความยินดี “ลูกสาวคุณกำลังจะแต่งงานแล้วเหรอคะ? ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ”
หลินเซี่ยยื่นแคตตาล็อกทรงผมให้พี่สาวดู จากนั้นเธอก็ยุ่งอยู่กับการผสมน้ำยาดัดและเตรียมอุปกรณ์
หลินจินซานนั่งอยู่ข้างเธอ ชวนพี่สาวคนนั้นคุยไปพลาง ๆ “พี่สาว รู้ไหมครับว่าร้านใหม่ของเซี่ยเซี่ยทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร?”
พี่สาวส่ายหน้า “เหมือนจะยังไม่รู้นะ”
หลินจินซานจึงเริ่มการขายตรงอย่างกระตือรือร้น “หล่อนกำลังจะเปิดกิจการรับแต่งหน้าทำผมเจ้าสาวแบบสมัยใหม่ครับ ที่ร้านยังมีชุดแต่งงานเปิดให้เช่าหลากหลายรูปแบบ ถ้าลูกสาวคุณต้องการช่างการแต่งหน้าฝีมือดีในวันงาน คุณจะลองติดต่อเซี่ยเซี่ยดูก็ได้ หล่อนมีทักษะการแต่งหน้าครบวงจร ในไห่เฉิงหาใครเก่งเท่าหล่อนไม่ได้อีกแล้ว วันพรุ่งนี้จะมีการบันทึกเทปรายการประกวดนางงาม คุณคงเห็นผ่านตามาบ้าง ทั้งผู้เข้าประกวด ทั้งกรรมการบนเวที ไม่ว่าจะเป็นการแต่งหน้าทำผมหรือเลือกสรรเสื้อผ้าก็เป็นฝีมือของหล่อนทั้งนั้น อีกอย่างหล่อนยังเป็นสไตลิสต์ส่วนตัวของดาราหนังชื่อดังด้วยนะครับ รับรองได้เลยว่าหล่อนต้องเนรมิตลูกสาวคุณให้กลายเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในไห่เฉิงได้แน่ งานแต่งงานของหล่อนจะเป็นที่จดจำไปชั่วลูกชั่วหลาน”
พี่สาวเริ่มสนใจทันที “ร้านใหม่ของเสี่ยวหลินปล่อยเช่าชุดแต่งงานสำหรับเจ้าสาวด้วยเหรอ? เรากังวลอยู่พอดีว่าจะเลือกชุดอะไร ลูกสาวฉันบอกว่าหล่อนอยากแต่งชุดกระโปรงสีขาวเลียนแบบฝรั่ง แต่พ่อของหล่อนไม่ยอม อยากให้หล่อนสวมชุดเจ้าสาวสีแดงตามประเพณี ร้านเสี่ยวหลินมีชุดจีนให้เช่าหรือเปล่าจ๊ะ?”
หลินเซี่ยเดินเข้ามาพร้อมกับน้ำยาดัดผม ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “พี่สาว ร้านของเรามีชุดเจ้าสาวให้เลือกหลายแบบเลยค่ะ ลูกค้าจะใส่ชุดเจ้าสาวแบบฝรั่งตอนงานเช้า แล้วค่อยเปลี่ยนมาใส่ชุดจีนตอนกินเลี้ยงอวยพรก็ได้ ร้านเรามีชุดหลายแบบให้เลือกค่ะ ขึ้นอยู่กับลูกค้าชอบสไตล์ไหน ส่วนเรื่องแต่งหน้าทำผม คุณจะพาลูกสาวไปเลือกแบบที่ชอบด้วยตัวเองก็ได้เหมือนกัน ร้านเราจะเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 เดือนนี้ ถ้าลูกสาวคุณแต่งงานภายในต้นเดือนหน้า ก็จะอยู่ในเงื่อนไขโปรโมชั่นฉลองเปิดร้านใหม่ของเราด้วย”
พี่สาวพยักหน้าอย่างมีความสุข “ได้ บอกที่ตั้งร้านให้หน่อย พรุ่งนี้ฉันจะชวนลูกสาวแวะไปดูของที่ร้านเธอ”
หลินเซี่ยดัดผมพี่สาวคนนั้นจนเสร็จ พอว่างก็หันมาพูดกับหลินจินซานว่า “พี่ชาย ทำไมนายไม่ลาออกจากห้องเต้นรำแล้วไปทำงานที่ร้านใหม่ของฉันในฐานะพนักงานขายล่ะ นายขายตรงเก่งมาก ถ้าออกไปตระเวนโฆษณาด้านนอก คงดึงดูดลูกค้าให้สนใจธุรกิจของเราได้ไม่น้อยเลย”
หลินจินซานไม่มีความคิดแบบนั้นเลย จึงปฏิเสธโดยตรงว่า “ไม่ได้สิ ห้องเต้นรำของอารองก็จะเสียพนักงานฝีมือดีอย่างฉันไปเหมือนกัน ถ้าฉันย้ายมาทำงานกับน้องสาว อารองจะทำยังไง? ฉันไม่อยากทำอะไรที่เป็นการทรยศความไว้วางใจเจ้านาย”
หลินเซี่ย “…”
หลินจินซานตระหนักว่าตัวเอง ‘ไร้หัวใจ’ เกินไป พูดจาทำลายความรู้สึกน้องสาว ดังนั้นจึงรีบแก้ตัวว่า “แต่ไม่ต้องห่วง ว่างเมื่อไหร่ฉันจะช่วยโปรโมตร้านให้เธออีกแรง หรือจะไปสั่งพิมพ์แผ่นพับสำหรับแจกแบบเดิมก็ได้ ห้องเต้นรำเปิดเมื่อไหร่มีแต่ลูกค้าหนุ่มสาวตบเท้าเดินเข้ามา ทุกคนถึงวัยแต่งงานกันทั้งนั้น ฉันจะถือโอกาสแจกแผ่นพับโฆษณาเพื่อดึงดูดธุรกิจให้เธอไง”
หลินเซี่ยพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ดีเหมือนกัน แต่อย่าแจกแผ่นพับในห้องเต้นรำ จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของห้องเต้นรำซะเปล่า ไว้ฉันจะไปสั่งพิมพ์แผ่นพับทีหลัง แล้วเราค่อยไปที่จัตุรัสใหญ่ ๆ เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย”
“ได้ ระดมกำลังครอบครัวออกไปแจกจ่ายแผ่นพับโฆษณากันอีกครั้ง”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จินซานขายเก่งมาก เป็นโฆษกน่าจะรุ่งนะคะ
ไหหม่า(海馬)