ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 464 ได้ยินมาว่าคุณมีเสี่ยเลี้ยง
ตอนที่ 464 ได้ยินมาว่าคุณมีเสี่ยเลี้ยง
หลินเซี่ยอธิบายว่า “ลุงเย่ ลุงเจียงตั้งใจมาที่นี่เพื่อสนับสนุนอวี่เฟยค่ะ เขาเปลี่ยนความคิดแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี”
“ฉันขอเข้าไปก่อนนะคะ”
เมื่อไฟเหนือเวทีส่องสว่างจ้า ทีมงานแต่ละฝ่ายก็เข้าประจำที่ พิธีกรก้าวขึ้นเวที จากนั้นการประกวดรอบชิงชนะเลิศก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
วันนี้พิธีการดำเนินรายการทั้งสองต่างก็แต่งตัวในลักษณะที่หรูหรากว่าทุกครั้ง
พิธีกรหญิงสวมชุดสูทสีขาว กระโปรงบานโอบรอบเอว ส่วนพิธีกรชายสวมชุดสูทสีดำโดยประดับดอกไม้ที่หน้าอก
หลินเซี่ยอยู่กับเจียงอวี่เฟยมาตั้งแต่รอบออดิชั่นรอบแรก เธอได้เห็นด้วยตาตนเองถึงจุดเริ่มต้นของรายการประกวดที่เรียบง่ายและเงียบเหงา จนมาถึงรอบชิงชนะเลิศ
ตอนนี้เธอรู้สึกตื่นเต้นมากเช่นเดียวกัน ขณะยืนอยู่ตรงนั้นและสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัยด้วยหัวใจ ได้เห็นว่าอิทธิพลของผู้รับชมผ่านทางโทรทัศน์มีส่วนมากแค่ไหนในการให้ความสนใจกับนวัตกรรมด้านแฟชั่นและบทบาทของผู้หญิง
ทุกสิ่งล้วนยากในช่วงเริ่มต้น หลังจากผ่านระยะเริ่มแรกไป ก็สามารถคลำหินข้ามธารได้แล้ว ต่อมาระยะที่สองและสามก็ทวีความตื่นเต้นยิ่งขึ้นในอนาคต…
“ผู้ที่รับชมอยู่หน้าจอโทรทัศน์ และผู้ชมทุกท่านซึ่งอยู่ ณ ที่นี้ รายการเฟ้นหานางแบบของไห่เฉิงครั้งที่หนึ่งในรอบชิงชนะเลิศ จัดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์ไห่เฉิง ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ขอเสียงปรบมือต้อนรับคณะกรรมการผู้ตัดสินอย่างอบอุ่นด้วยครับ”
พิธีกรทั้งสองมีท่าทางกระปรี้กระเปร่าเปี่ยมพลัง แนะนำตัวกรรมการในวันนี้ตามลำดับ มีทั้งอาจารย์จากสถาบันศิลปะการแสดงไห่เฉิง และสมาชิกจากสหพันธ์ศิลปะวรรณกรรม ซึ่งเซี่ยอวี่ในฐานะกรรมการรับเชิญกิตติมศักดิ์จากแวดวงบันเทิงของฮ่องกงก้าวขึ้นเวทีเป็นคนสุดท้าย
ทันทีที่หล่อนปรากฏตัวบนเวที เสียงร้องเชียร์และเสียงปรบมือก็ดังเกรียวกราวอย่างกระตือรือร้น
หลินเซี่ยยืนอยู่ที่มุมหนึ่งแถวหลังเวที มองผู้ชมด้วยรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า เวลานี้เธอมีความกระตือรือร้นเต็มเปี่ยมเช่นเดียวกับทุกคนในที่นั้น
ทัศนคติที่จริงใจของคนในยุคนี้เป็นสิ่งที่บริสุทธิ์และจับต้องได้
เซี่ยอวี่เปลี่ยนสไตล์จากลุคสาวหวานเมื่อคราวที่แล้ว วันนี้หล่อนสวมเสื้อสูทเข้ารูป ดัดผมเป็นลอนใหญ่ แต่งแต้มริมฝีปากสีแดงเพลิง โบกมือพลางส่งยิ้มพราวให้กับผู้ชมด้านล่าง ท่วงท่าการเยื้องย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์
ณ ที่ไหนสักแห่งในกลุ่มผู้ชม เย่เชี่ยนตื่นเต้นมากจนแทบจะกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง “พี่ชาย ดูสิ พี่เซี่ยอวี่สวยมาก ๆ เลย”
เย่ไป๋มีท่าทางสงบนิ่ง ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ
หล่อนเป็นถึงราชีนีแห่งวงการบันเทิง ทั้งเขาและหล่อนต่างมาจากโลกคนละใบ
หลังจากกรรมการแยกย้ายไปนั่งประจำตำแหน่งแล้ว การประกวดก็เริ่มต้นขึ้น
มีผู้เข้าประกวดทั้งหมดสิบสองคนที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ
แต่ละคนมีความสวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ รูปร่างสูงโปร่ง ทรวดทรงเพรียวบางสมส่วน มีลักษณะเฉพาะที่เป็นของตัวเอง มองปราดเดียวก็สามารถจดจำได้ง่าย
หลินเซี่ยไม่อาจละสายตาจากใบหน้าที่สวยเสียจนมองแล้วตาพร่าเหล่านั้นได้
พวกหล่อนยืนเรียงกันอยู่บนเวที สวมชุดหลากสีสัน ก้าวขึ้นเวทีอย่างมีสง่าราศี ดึงดูดเสียงปรบมืออย่างอบอุ่นจากผู้ชม
เจียงอวี่เฟยยืนอยู่ตรงกลาง
ในโชว์เครื่องแต่งกายรอบแรก เจียงอวี่เฟยสวมหมวกปีกกว้างรับกับชุดกระโปรงเกาะอกสีขาว เดินสับขาอยู่บนบันไดกลางเวทีพร้อมกับนางแบบคนอื่น ๆ เมื่ออยู่ท่ามกลางคนอื่น หล่อนถือว่าโดดเด่นที่สุด แต่หลินเซี่ยกลับรู้สึกว่าหล่อนเกร็งแปลก ๆ
เมื่อเทียบกับครั้งก่อน ๆ การเดินครั้งนี้ดูไม่ผ่อนคลายเลย
เธอเริ่มกังวลเกี่ยวกับเจียงอวี่เฟย กลัวว่าก่อนหน้านี้อาจมีบางอย่างรบกวนจิตใจหล่อน
ตอนนี้เข้ามาไกลถึงขั้นนี้แล้ว แน่นอนว่าเธอหวังให้เจียงอวี่เฟยได้รับผลลัพธ์จากการประกวดที่ดี
คนที่สามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้คือหญิงสาวที่เข้มแข็ง มีความเพียบพร้อมทุกด้าน และต้องมีสภาพทางจิตใจที่แข็งแกร่ง
ถ้าอยากก้าวทะยานไปถึงจุดสูงสุดของความสำเร็จ เวลานี้ก็ไม่มีที่ว่างสำหรับความผิดพลาด
ถ้าหล่อนโชคดีพอจนได้รับอันดับที่ดี นั่นหมายถึงการได้รับโอกาสเริ่มต้นอาชีพในแวดวงบันเทิงอย่างราบรื่น
ท้ายที่สุด ข้อผิดพลาดใด ๆ ก็ไม่ได้เกิดขึ้น ถึงแม้หล่อนจะดูเกร็งกว่าทุกที แต่ก็สามารถเดินโชว์ชุดของรอบแรกได้จนจบ ความคิดเห็นของคณะกรรมการล้วนออกมาในทางที่ดี
ทันทีที่โชว์รอบแรกจบลง หลินเซี่ยก็เดินเข้าไปที่หลังเวทีเพื่อตามหาเจียงอวี่เฟย
หลินเยี่ยนได้เตรียมเสื้อผ้าและเครื่องประดับต่าง ๆ สำหรับการขึ้นโชว์ครั้งที่สองเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะช่วยเจียงอวี่เฟยจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้า
เมื่อเจียงอวี่เฟยเห็นหลินเซี่ย หล่อนก็ทำหน้าเหมือนมองเห็นผู้ช่วยชีวิต
ทันทีที่หลินเซี่ยเดินเข้าไปจับมือ หลินเซี่ยรับรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายมือสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
หลินเซี่ยปล่อยมือจากหล่อนแล้วปลอบให้ใจเย็นลง “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันในระหว่างที่ทำผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้า หลินเซี่ยก็เปลี่ยนทรงผมให้เจียงอวี่เฟยด้วยตัวเอง ในขณะที่หลินเยี่ยนหันไปยุ่งอยู่กับการเลือกสรรเครื่องประดับที่เข้ากับชุด
โชคดีที่พี่สาวมาที่นี่ได้ทันเวลา ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็เป็นครั้งแรกของหล่อนที่ได้รับโอกาสสำคัญ เมื่อมองดูฝูงชนที่เดินพลุกพล่านอยู่หลังเวที รวมถึงบรรยากาศภายในห้องแต่งตัวที่ยุ่งเหยิง หล่อนก็หัวหมุนจนแทบทำอะไรไม่ถูก
หลินเซี่ยรวบผมของเจียงอวี่เฟยขึ้น จากนั้นพันด้วยผ้าโพกศีรษะ
เจียงอวี่เฟยถามยืนยันกับหลินเซี่ยด้วยความประหม่า “เซี่ยเซี่ย ฉันเห็นพ่อของฉันด้วย เขาอยู่ที่นี่จริง ๆ หรือเปล่า?”
“เขายังปรบมือให้ฉันด้วยนะ หรือว่าฉันตาฝาดไป? ฉันประสาทหลอนไปเองหรือเปล่า?”
หลินเซี่ยยิ้มและพูดว่า “เธอนี่ชักจะสายตาดีเกินไปแล้ว ลุงเจียงกับพี่สาวหวังตั้งใจมาที่นี่เพื่อให้กำลังใจเธอเชียวล่ะ เพราะงั้นรอบต่อไปเธออย่าได้วอกแวกเด็ดขาด”
เจียงอวี่เฟยเงยหน้าขึ้นมองหลินเซี่ยอย่างซาบซึ้ง “เธอเป็นคนชักชวนให้พวกเขามาใช่ไหม? เซี่ยเซี่ย เธอช่างเป็นเพื่อนที่แสนดีของฉันจริง ๆ ฉันรักเธอมากนะ”
“เอาไว้ค่อยซึ้ง ไม่งั้นเธอได้เสียเวลาขอบคุณฉันเป็นครึ่งวันแน่” หลินเซี่ยอธิบาย “ฉันไม่คิดว่าตัวเองมีความสามารถในการโน้มน้าวใจเขาขนาดนั้น พ่อเธอคิดได้เองต่างหาก เขาอยากพาพี่สาวหวังมาให้กำลังใจเธอ ฉันก็เลยให้เพื่อนของอาช่วยลงทะเบียนให้”
เธอพูดต่อว่า “เฉินเจียวั่งก็มาด้วยนะ เขาเป็นฝ่ายขอตามมาที่นี่ด้วยตัวเอง ฉันไม่ได้เชิญเขาด้วยซ้ำ เธอต้องสู้สุดกำลัง คนที่เธอรักและคนที่รักเธอกำลังเฝ้าดูความสามารถของเธออยู่ในกลุ่มผู้ชม อย่าทำให้พวกเขาต้องผิดหวัง จำไว้ว่าเธอต้องตั้งใจทำให้เต็มที่ แสดงความเป็นตัวเองออกมา”
“ฉันจะทำให้ดีที่สุด พาความเป็นตัวเองของฉันเข้าสู่อันดับลึก ๆ ให้ได้”
“ดีมาก เธอรวบรวมสติอยู่ที่นี่ไปก่อนนะ ฉันจะออกไปก่อน” หลินเซี่ยเห็นหลินเยี่ยนที่ทำท่าทางเขินอาย จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเยี่ยน ไม่ต้องกังวลนะ ก่อนจะถึงคิวที่อวี่เฟยต้องขึ้นเวที อย่าลืมเติมลิปสติกให้หล่อนด้วย”
“เข้าใจแล้วพี่สาว”
หลังจากโชว์ชุดรอบเปิดตัว ผู้เข้าประกวดต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและสไตล์การแต่งหน้าทำผมใหม่ทั้งหมด ดังนั้นเวลาพักช่วงจึงค่อนข้างนานพอสมควร หลินเซี่ยกลับไปที่เลานจ์รับรองเพื่อแต่งหน้าให้เซี่ยอวี่ ทันใดนั้นลินดาก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“มีอะไรงั้นเหรอ?” เซี่ยอวี่เห็นสีหน้าจริงจังของหล่อนจึงถามด้วยความสับสน
“ไหนว่าเรายืนยันการรับบทกับผู้กำกับเหยียนแล้วไง? ผู้กำกับเหยียนนั่งอยู่ข้างล่าง เขาเพิ่งมาบอกฉันว่าเขาไปได้ยินข่าวเสื่อมเสียเกี่ยวกับคุณมา หมายความว่าอาจมีแนวโน้มต้องเปลี่ยนตัวนางเอกของละครเรื่องนี้”
เซี่ยอวี่มองไปที่หล่อน “ข่าวเสื่อมเสียอะไรอีกล่ะ?”
“เขาบอกว่า ได้ยินเพื่อนผู้กำกับที่ฮ่องกงลือกันว่าคุณมีเสี่ยนักธุรกิจชาวฮ่องกงคนหนึ่งเลี้ยงดูอย่างลับ ๆ ชื่อเสียงของคุณที่นั่นไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่”
ลินดาพูดอย่างใจเย็นต่อไป “ผู้กำกับในไห่เฉิงไม่มีทัศนคติเปิดกว้างเท่าชาวฮ่องกง พวกเขามีแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยมสูงมาก อีกอย่าง คุณเพิ่งจะย้ายสังกัดจอเงินจากฮ่องกงมาที่นี่ ยังไม่มีฐานแฟนคลับมากนัก ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงที่เขาจะเปลี่ยนเอานักแสดงคนอื่นมารับบทแทนเพื่อตัดปัญหาเรื่องชื่อเสียง”
“ไร้สาระ” ใบหน้าของเซี่ยอวี่เปลี่ยนเป็นเย็นชา “เขาเชื่อข่าวลือที่ไม่มีแม้กระทั่งมูลงั้นเหรอ? ถ้าฉันถูกใครสักคนมาเสียบแทนด้วยเหตุผลแค่นี้ ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องทำงานกับผู้กำกับหูเบาแบบนั้น”
“งั้นเขาวางตัวใครให้มารับบทแทนล่ะคะ? เขามีนักแสดงในใจหรือยัง?” หลินเซี่ยถามลินดา
ลินดาบอกว่า “ฉันลองถามดูแล้ว แต่เขาไม่ยอมพูดอะไร แต่ถ้าอิงตามข่าวที่ฉันเพิ่งได้ยินมาจากคนวงใน นักแสดงเป้าหมายคนต่อไปอาจเป็นเฉินหว่านหลิน”
“เฉินหว่านหลิน?”
เมื่อหลินเซี่ยได้ยินชื่อนี้ เธอก็จำได้ทันทีว่าคนคนนี้คือใคร
หล่อนเป็นนักแสดงสาวที่มีฝีมือเก่งกาจมากอีกคนหนึ่ง
น่าเสียดายที่เบื้องลึกเบื้องหลังของหล่อนไม่ดีนัก
ได้ยินมาว่าหล่อนหย่ากับสามีในช่วงปี 1990 ต่อมาก็แต่งงานใหม่กับผู้กำกับรายหนึ่ง แต่แล้วทั้งคู่ก็หย่ากันหลังจากแต่งงานแค่ไม่กี่ปี
ชาติที่แล้วหลินเซี่ยทำงานเป็นสไตลิสต์ให้กับละครเรื่องหนึ่งซึ่งอยู่ในระหว่างการถ่ายทำ คุณเฉินเข้ากับคนในกองถ่ายไม่ได้เลย เพราะหล่อนค่อนข้างจะเรื่องมาก
ความจริงแล้วถ้าลองคิดให้ดี ในยุคที่สังคมยังมีแนวคิดค่อนไปทางคนหัวเก่า คนในวงการบันเทิงซึ่งมีจำนวนไม่มากนักต่างก็ประสบปัญหาด้านชีวิตส่วนตัวกันทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม ดารานักแสดงในยุคนี้ไม่อาจใช้ความสามารถหรือประสบการณ์วิชาชีพมาสร้างเงื่อนไขหรือทางเลือกได้จริง ๆ
พวกเขาทำได้แค่สวมจิตวิญญาณความเป็นมืออาชีพ ไม่เลือกงานไม่ยากจน
แน่นอนว่าแนวคิดนี้ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ไม่ใช่แค่ในวงการบันเทิงเท่านั้น แต่ยังลามไปในทุกสาขาอาชีพ
ลินดารู้สึกกังวลอย่างมาก เซี่ยอวี่พูดว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง”
“คุณอยากเชิญผู้อำนวยการเหยียนมาคุยส่วนตัวไหม? เขายังอยู่ข้างนอกนะ” ลินดาถาม
“การประกวดจะกลับมาดำเนินต่อในอีกห้านาที คุยทันที่ไหนกัน?”
เซี่ยอวี่โบกมือ “ช่างเถอะ เธอออกไปก่อน ฉันขออยู่เงียบ ๆ คนเดียวสักพัก”
เมื่อช่วงพักเบรกผ่านพ้นไป รายการก็กลับมาดำเนินต่อ
หลังจบโชว์รอบชุดราตรี ก็จะเป็นรอบชุดว่ายน้ำ
หลินเซี่ยยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น นอกจากจะกังวลเกี่ยวกับบทบาทของเซี่ยอวี่ที่อาจถูกพรากไป ยังกังวลเกี่ยวกับสภาวะกดดันทางจิตของเจียงกั๋วเซิ่งด้วย
โชคดีว่าเสื้อผ้าที่เจียงอวี่เฟยเลือกสวมใส่ในรอบนี้มีความอนุรักษนิยมอยู่บ้าง
ใบหน้าของเจียงอวี่เฟยเต็มไปด้วยความมั่นใจและกลับมาสดใสอีกครั้ง เวลานี้หล่อนมีสภาพอารมณ์ที่ดีมาก
กรรมการถึงกับเอ่ยปากชมเปาะในผลงานของหล่อนเป็นพิเศษ
คะแนนที่พวกเขามอบให้รอบนี้ก็เป็นที่น่าประทับใจเช่นกัน
หลังจากโชว์ทั้งหมดสิ้นสุดลง จะมีการนับรวมคะแนนกันหลังกล้องเพื่อตัดสินผู้ชนะ รองอันดับหนึ่ง และรองอันดับสอง ผู้เข้าประกวดทุกคนจึงกลับมาที่หลังเวทีเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
ลินดากำลังเจรจาและพูดคุยกับผู้อำนวยการเหยียนอยู่ด้านล่าง
หลังจากการนับคะแนนของฝั่งผู้ตัดสินเสร็จสิ้น ก็มาถึงพิธีมอบรางวัลอันน่าลุ้นระทึก
ผู้เข้าประกวดทุกคนเปลี่ยนเสื้อผ้าและกลับขึ้นไปยืนเรียงตำแหน่งบนเวที พิธีกรเริ่มประกาศอันดับด้วยน้ำเสียงชวนให้ตื่นเต้นตาม
รองชนะเลิศอันดับที่สองได้แก่ผู้เข้าประกวดชื่อหลี่ผิง
“เอาล่ะครับ เรามาลุ้นกันว่าใครจะเป็นผู้คว้าตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง?”
…
“ฉันขอประกาศว่า ผู้คว้าตำแหน่งรองชนะเลิศของการประกวดนางแบบครั้งที่หนึ่งก็คือ เย่เสี่ยวอวี่”
เมื่อเจียงอวี่เฟยได้ยินชื่อตัวเองถูกประกาศเสียงดังลั่นกลางเวที หล่อนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น หล่อนก็เบิกตากว้างมองหน้าพิธีกรด้วยความตื่นเต้น
“ดูเหมือนว่าคุณเย่จะประหลาดใจมากกับผลการตัดสินนี้ ใช่แล้วค่ะคุณเย่ คุณคือผู้คว้าตำแหน่งรองชนะเลิศการประกวดนางแบบของเราค่ะ”
เจียงอวี่เฟยโค้งคำนับอย่างสง่างามพลางพูดว่า “ขอบคุณทุกคนมากค่ะ”
“มาถึงการประกาศผู้ชนะของการประกวดนางแบบในครั้งนี้แล้ว”
“ผมขอประกาศว่า ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศของการประกวดนางแบบครั้งที่หนึ่งคือ ซุนลี่ลี่”
กรรมการพากันเดินขึ้นไปบนเวที หยิบมงกุฎมาสวมลงบนศีรษะของผู้ชนะ หลังจากนั้นผู้ชมก็ปรบมือแสดงความยินดี
สุดท้ายก็ถึงช่วงที่ผู้เข้าประกวดซึ่งได้รับรางวัลทั้งหมดต้องกล่าวสุนทรพจน์ทีละคน
เจียงอวี่เฟยขอบคุณทุกคนที่มีส่วนในการสนับสนุนหล่อนมาจนถึงจุดนี้ ขอบคุณหลินเซี่ยที่คอยแนะนำและเชื่อมั่นในตัวหล่อนมาโดยตลอด ขอบคุณพ่อที่สุดท้ายยอมรับในเส้นทางที่หล่อนเลือก ขอบคุณทีมงานทุกคนในรายการ เป็นการกล่าวขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนได้อย่างเหมาะสมจากใจจริง
เจียงกั๋วเซิ่งที่อยู่ท่ามกลางผู้ชมประทับใจจนต้องเช็ดน้ำตา นึกเสียใจที่ก่อนหน้านี้เขาดื้อรั้นเกินไป ไม่เห็นด้วยกับลูกสาวที่อยากเข้าร่วมการประกวดก่อนหน้านี้ พร้อมกันนั้นก็เสียใจที่เขาพลาดการแสดงครั้งก่อนของหล่อน
บอกตามตรงว่าหลังจากมาเห็นสถานที่จริงกับตาในวันนี้ บรรยากาศการประกวดอันทรงเกียรติบนเวทีได้เปลี่ยนความคิดเชิงลบที่เขามีต่อการประกวดนางแบบครั้งนี้ไปอย่างสิ้นเชิง
เด็กสาวเหล่านี้เป็นตัวแทนของเยาวชนรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความกล้าหาญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทัศนคติจากภายในที่พวกหล่อนเปิดเผยให้เห็น ล้วนเปี่ยมด้วยความมั่นใจ ความมีอิสระเสรี ทั้งอ่อนหวานและสง่างามในเวลาเดียวกัน
ความงามในแบบที่พวกหล่อนแสดงออกไม่ใช่ความงามตามแบบฉบับของผู้หญิงสำส่อนที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ผู้อื่นพึงพอใจ แต่เป็นความงามที่มาจากความเป็นตัวเอง
นั่นคือสิ่งสำคัญที่เวทีนี้ต้องการสื่อให้เห็น
เจียงกั๋วเซิ่งในขณะนี้ตกตะลึงอย่างมาก เขารู้สึกว่าตัวเองอาจไม่เข้าใจหัวอกของลูกสาวดีพอ ทั้งยังไม่เข้าใจวิสัยทัศน์ของคนหนุ่มสาวในยุคนี้ดีนัก
หลังจากผู้เข้าประกวดซึ่งครองตำแหน่งชนะเลิศกล่าวขอบคุณ การประกวดก็จบลงอย่างเป็นทางการ ผู้ชมทยอยเดินออกจากห้องส่งทีละคน ขณะผู้เข้าประกวดถูกเรียกรวมตัวเพื่อถ่ายรูป
เซี่ยอวี่และกรรมการก็ได้รับเชิญให้ถ่ายรูปร่วมกับผู้เข้าประกวดทุกคนเช่นเดียวกัน
หลังจากนั้น ขณะที่หล่อนกำลังจะกลับไปที่เลานจ์รับรองด้านหลังเวที จู่ ๆ ก็มีเสียงเข้มขรึมของผู้ชายโพล่งขึ้นมา
“คุณเซี่ยอวี่ ได้ยินมาว่าสมัยคุณยังอยู่ในฮ่องกง คุณมีเสี่ยนักธุรกิจคอยส่งเสียเลี้ยงดู นี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ?”
หลังจากผู้เข้าประกวดซึ่งครองตำแหน่งชนะเลิศกล่าวขอบคุณ การประกวดก็จบลงอย่างเป็นทางการ ผู้ชมทยอยเดินออกจากห้องส่งทีละคน ขณะผู้เข้าประกวดถูกเรียกรวมตัวเพื่อถ่ายรูป
เซี่ยอวี่และกรรมการก็ได้รับเชิญให้ถ่ายรูปร่วมกับผู้เข้าประกวดทุกคนเช่นเดียวกัน
หลังจากนั้น ขณะที่หล่อนกำลังจะกลับไปที่เลานจ์รับรองด้านหลังเวที จู่ ๆ ก็มีเสียงเข้มขรึมของผู้ชายโพล่งขึ้นมา
“คุณเซี่ยอวี่ ได้ยินมาว่าสมัยคุณยังอยู่ในฮ่องกง คุณมีเสี่ยนักธุรกิจคอยส่งเสียเลี้ยงดู นี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เธอพยายามเต็มที่แล้วนะอวี่เฟย ถึงจะได้รองชนะเลิศก็นับว่าเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติแล้วล่ะ
ใครกุข่าวใส่ร้ายคุณอาหรือเปล่าเนี่ย ใช่แม่ดาราฉาวแซ่เฉินคนนั้นหรือเปล่านะ
ไหหม่า(海馬)