ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 466 ลูกสาวพ่อควรได้ตำแหน่งชนะเลิศ
ตอนที่ 466 ลูกสาวพ่อควรได้ตำแหน่งชนะเลิศ
ลินดาคุ้นเคยกับพฤติกรรมสงบนิ่งของเซี่ยอวี่แล้ว แน่นอนว่าหล่อนย่อมไม่แปลกใจ ในฐานะผู้จัดการส่วนตัว หล่อนไม่เคยต้องออกโรงเองเวลาเจ้านายเจอสถานการณ์แบบนี้เลย
ตอนแรกหล่อนคิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดอย่างรอบคอบ แต่ทันทีที่เย่ไป๋ขึ้นมาบนเวที ลินดาก็ตระหนักว่าตัวเองคิดมากเกินไป
หล่อนทำแบบนั้นก็เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนเห็น
หลินเซี่ยเคยอยู่ในวงการมายาแบบนี้มาก่อน ถึงอย่างนั้นก็ยังประหลาดใจกับรังสีของอาขณะตอบคำถามสื่อไม่ได้
เมื่อเทียบกับดาราบางคนที่เหมือนหุ่นเชิดภายใต้การชักใยของต้นสังกัด ดาราที่สามารถแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาได้นับว่ามีเสน่ห์กว่ามาก
หล่อนประกาศว่าแฟนของตนก็อยู่ที่นั่นด้วยอย่างกะทันหัน จากนั้นเย่ไป๋ก็ขึ้นมาช่วยเหลือได้ทันเวลา ฉากนี้ช่างโรแมนติกมากจริง ๆ
ถึงอย่างนั้นเย่ไป๋ก็ได้จากไปทันทีหลังจากรายการจบลง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาในช่วงนี้ พวกเขายังแสดงละครกันอยู่หรือเปล่า?
แม้สงสัยมากเท่าใดก็ไม่กล้าถามในเวลานี้
ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์เข้ามาขอโทษหล่อนด้วยตัวเองที่ไม่สามารถรักษาความสงบเรียบร้อยระหว่างถ่ายทำได้ดีพอ
นี่เป็นถ่ายทำงานใหญ่ สถานการณ์กะทันหันมากมายอาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเซี่ยอวี่ ทันทีที่ผู้ชมตะโกนอะไรบางอย่าง หล่อนก็สามารถโต้กลับและอธิบายด้วยความอดทน ทั้งยังกล้าเชิญแฟนหนุ่มมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงสยบข่าวลือได้
หลายครั้งหลังจากการถ่ายทำรายการจบลง ดาราจะขอตัวหลบฉากออกไปทันทีเพื่อความปลอดภัย น้อยคนนักที่จะยืนหยัดตอบคำถามของผู้ชมได้อย่างจริงใจแบบนี้ ทำให้สถานการณ์เมื่อครู่สร้างความประหลาดใจให้ทีมงานไม่น้อย
เซี่ยอวี่เพิ่งถอดเครื่องประดับเสร็จ ไม่มีเวลาลบเครื่องสำอางด้วยซ้ำ หล่อนกับลินดาก็ออกไปเผชิญหน้ากับผู้กำกับเหยียนทันที
ตอนแรกหล่อนเป็นนักแสดงที่ถูกวางตัวไว้ให้รับบทดังกล่าว ซึ่งโดยปกติแล้วจะให้เกียรติไม่เข้าไปแทรกแซงการทำงานของผู้กำกับ แต่ครั้งนี้หล่อนที่ถูกวางตัวให้รับบทการแสดงกลับพบว่าคู่แข่งกำลังเลื่อยขาเก้าอี้ตนอย่างลับๆ มันจึงกระตุ้นความปรารถนาที่จะเอาชนะของหล่อนทันที
มีใครบางคนจงใจทำให้หล่อนประสบปัญหาในการแสดงละครเรื่องนี้
ลินดาเข้าไปดักผู้กำกับเหยียนได้สำเร็จ ส่วนเซี่ยอวี่ก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทายเขาด้วยตัวเอง “สวัสดีค่ะ ผู้กำกับเหยียน”
เมื่อผู้กำกับเหยียนเห็นเซี่ยอวี่ สีหน้าของเขาก็เจือความสงสัย ก่อนจะตอบกลับอย่างสุภาพและห่างเหิน “สวัสดีครับ คุณเซี่ย”
เซี่ยอวี่มุ่งถามอย่างตรงประเด็น “ผู้กำกับเหยียน ได้ยินมาว่าคุณคิดจะเปลี่ยนตัวนักแสดงเหรอคะ?”
ผู้กำกับเหยียนทำท่าทางกระดากอาย ดวงตาของเขาวูบไหว
เห็นได้ชัดว่าเขามีความคิดนี้อยู่จริง ๆ
แม้แต่ผู้กำกับใหญ่ยังเชื่อข่าวลือจนรีบตัดสินใจเปลี่ยนผู้รับบท เซี่ยอวี่จึงแสดงออกชัดว่าไม่เห็นด้วย มองไปที่ผู้กำกับเหยียนแล้วพูดว่า
“ถ้าฉันถูกเปลี่ยนตัวเพราะไม่เหมาะกับบทบาทนั้น คุณจะวางตัวคนอื่นมาแทนที่ก็ไม่เป็นไร แต่ได้โปรดอย่าตัดโอกาสฉันเพราะเชื่อข่าวลือดังกล่าว ฉันเซี่ยอวี่ บ้านเกิดของฉันคือไห่เฉิง การกลับมาในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย คุณตั้งคำถามเกี่ยวกับงานของฉันได้เสมอ แต่กรุณาอย่ากังขาในฝีมือและเรื่องส่วนตัวของฉัน”
ผู้กำกับเหยียนไม่นึกว่าเซี่ยอวี่จะเป็นคนตรงไปตรงมาขนาดนี้ ดังนั้นเขาจึงแสดงความกังวลและความลำบากใจของเขาอย่างตรงไปตรงมาเช่นกัน “คุณเซี่ย ขั้นตอนทั้งหมดนับตั้งแต่เตรียมการเปิดกล้อง ไปจนถึงการถ่ายทำ และการนำออกฉายเป็นเรื่องที่ยากขนาดไหน ผมเชื่อว่าคุณที่อยู่ในแวดวงนี้มานานหลายปีน่าจะรู้ดีที่สุด และแน่นอนว่าคุณคงเข้าใจในความกังวลและความลำบากใจของผมเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้คุณสามารถใช้การปฏิบัติจริงเพื่อลบล้างข่าวลือได้ แล้วทีมงานของเราจะพิจารณาอีกครั้ง”
“ค่ะ ฉันจะรอฟังข่าวดีจากคุณ”
ผู้กำกับเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เหลือบมองไปข้างหลังเซี่ยอวี่ ถามด้วยรอยยิ้มว่า “ทำไมแฟนคุณไม่มาด้วยล่ะ?”
เซี่ยอวี่หัวเราะเบา ๆ “คุณคงอยากให้ฉันพาเขามายืนยันตัวตนสินะคะ?”
ผู้กำกับเหยียนได้แต่ยิ้ม ไม่พูดอะไร
หล่อนอธิบายด้วยรอยยิ้ม “วันนี้เขามีธุระเร่งด่วนต้องไปจัดการ ไว้ฉันจะแนะนำให้คุณรู้จักเขาในภายหลัง”
ผู้กำกับเหยียนกล่าวว่า “เอาล่ะครับ ไว้เราค่อยหารือเกี่ยวกับการร่วมงานในภายหลังก็ได้”
ผู้กำกับเหยียนผ่อนคลายความตึงเครียดลง ปากบอกว่าจะหารือภายหลัง แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจในการมอบบทบาทให้หล่อน
แต่ด้วยสถานที่เปิดแบบนี้ การพูดมากเกินไปอาจไม่สะดวก
ขณะที่ผู้กำกับเหยียนกำลังจะบอกลาเซี่ยอวี่และจากไป จู่ ๆ เสียงทักทายด้วยความประหลาดใจก็หยุดเขาไว้ “ผู้กำกับเหยียน คุณก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอครับ?”
ผู้กำกับเหยียนหันกลับมา พอเห็นเย่เจิ้งหัวก็ประหลาดใจยิ่งกว่า รีบก้าวไปข้างหน้าและจับมือกับเขา “คุณเย่ วันนี้คุณก็มาดูการประกวดด้วยเหรอครับ?”
เย่เจิ้งหัวยิ้มและตอบว่า “หลานสาวผมเป็นผู้เข้าประกวด ผมกับครอบครัวก็เลยมาให้กำลังใจหล่อนน่ะครับ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็มองไปที่เซี่ยอวี่ ถามด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวอวี่ กำลังคุยกับผู้กำกับเหยียนอยู่สินะ?”
เมื่อเซี่ยอวี่เห็นสมาชิกตระกูลเย่ สีหน้าของหล่อนก็อ่อนลง รู้สึกผิดโดยไม่มีเหตุผล
หล่อนอธิบาย “ลุงเย่คะ ผู้อำนวยการเหยียนกับฉันบังเอิญเจอกัน เลยทักทายกันนิดหน่อยค่ะ”
เมื่อแม่และน้องสาวของเย่ไป๋เห็นเซี่ยอวี่ พวกหล่อนก็เข้ามาจับมือหล่อนด้วยความตื่นเต้น “เสี่ยวอวี่ วันนี้เธอสวยมากเลย ตอนที่เธอกับเสี่ยวไป๋ยืนอยู่เคียงข้างกันบนเวที พวกเธอช่างเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบเหลือเกิน การที่พวกเธอสองคนเปิดตัวออกสื่อถือเป็นการปิดปากพล่อย ๆ ของคนพวกนั้นเสียสนิท อย่ากังวลไปเลยนะ ถ้าใครกล้าปล่อยข่าวลือไร้สาระอีก ตราบใดที่ฉันได้ยิน ฉันจะปรี่เข้าไปโต้แย้งกับพวกเขาทันที ฉันมีเพื่อนในแวดวงหนังสือพิมพ์อยู่บ้าง จะบอกให้เขาเขียนบทความชี้แจงลงในหนังสือพิมพ์เอง”
เมื่อเห็นสมาชิกตระกูลเย่ออกหน้าปกป้องหล่อนอย่างเต็มกำลัง เซี่ยอวี่ก็รู้สึกอบอุ่นใจมาก ยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณนะคะคุณป้า”
ผู้กำกับเหยียนรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเย่เจิ้งหัวและภรรยาของเขาดูคุ้นเคยกับเซี่ยอวี่มาก “คุณเย่ คุณรู้จักคุณเซี่ยด้วยเหรอครับ?”
เย่เจิ้งหัวยิ้มและพูดว่า “รู้จักสิ”
“เซี่ยอวี่คือ…” เมื่อคำพูดหลุดออกจากปากของเขาได้ครึ่งหนึ่ง เขาก็ไม่กล้าพูดต่อ หันกลับไปมองเซี่ยอวี่เพื่อขอความเห็น “เราพูดได้หรือเปล่า?”
เซี่ยอวี่หยุดตัดสินใจชั่วครู่ ทันใดนั้นดวงตาก็ฉายแววมั่นคงเฉียบขาด “ได้ค่ะ”
ช่วงเวลาที่หล่อนยืนอยู่ตรงนั้นท่ามกลางความคับขัน และประกาศว่าเขาเป็นแฟนของหล่อน สมองของหล่อนได้ตัดสินใจแทนตัวไปแล้ว
หล่อนคิดว่าสุดท้ายแล้วควรทำตามหัวใจตัวเอง
เมื่อเซี่ยอวี่เห็นด้วย แม่ของเย่ไป๋จึงพูดกับผู้กำกับเหยียนอย่างภาคภูมิใจว่า “พ่อหนุ่มรูปหล่อที่เพิ่งขึ้นไปบนเวทีเมื่อกี้นี้คือลูกชายของพวกเราเองค่ะ”
“จริงเหรอ?” ผู้กำกับเหยียนมองไปที่เย่เจิ้งหัวด้วยความไม่เชื่อ ต้องการขอคำยืนยัน
เย่เจิ้งหัวไม่อาจซ่อนความภาคภูมิใจของเขาไว้ได้ เมื่อพบกับสายตาจ้องมองที่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อของผู้กำกับเหยียน เขาก็ยิ้มและพยักหน้ารับ “ใช่ครับ นั่นลูกชายผมเอง”
ผู้กำกับเหยียนตกตะลึงกับข่าวที่ได้รับอย่างสมบูรณ์
แฟนหนุ่มของเซี่ยอวี่กลับกลายเป็นลูกชายของคุณเย่เองเหรอ?
โชคชะตานี้มัน…
โลกจะกลมเกินไปแล้ว
แม่ของเย่ไป๋มองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นเย่ไป๋ จึงถามเซี่ยอวี่
“เสี่ยวอวี่ เย่ไป๋ไปไหนแล้ว? ทำไมเขาไม่อยู่กับเธอด้วยล่ะ?”
เซี่ยอวี่ตอบว่า “เขามีงานด่วนเลยรีบออกไปค่ะ”
หลังจากได้ยินสิ่งที่เซี่ยอวี่พูด เย่เจิ้งหัวก็อธิบายว่า “ลักษณะงานของเขาเป็นอย่างนี้เสมอแหละ ถ้าเขาได้เข้าเวรที่ห้องฉุกเฉิน เวลามีเคสด่วนก็จะถูกเรียกตัวอยู่บ่อย ๆ”
ผู้กำกับเหยียนสังเกตเห็นว่าเซี่ยอวี่และครอบครัวของเย่เจิ้งหัวเข้ากันได้ดีและเป็นธรรมชาติ จึงรับรู้ได้ทันทีว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาน่าจะมั่นคงจริง ๆ
สีหน้าของเขาผ่อนคลายลงทันที รอยยิ้มแบ่งรับแบ่งสู้กลายเป็นรอยยิ้มที่มาจากใจจริง “ถ้าอย่างนั้นผมก็มั่นใจในตัวคุณแล้ว”
ทัศนคติของเขาที่มีต่อเซี่ยอวี่ดีขึ้นมากแบบทันตาเห็น “คุณเซี่ย ผมจะติดต่อผ่านผู้จัดการส่วนตัวของคุณทีหลังนะครับ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็บอกลาทุกคนแล้วขอตัวจากไป
เจียงอวี่เฟยลงเวทีมาพร้อมกับถือถ้วยรางวัลไว้ในมือ เมื่อเห็นพ่อของตนมากับหวังซิ่วฟาง หล่อนก็วิ่งเข้าไปกอดเจียงกั๋วเซิ่ง “พ่อคะ ขอบคุณที่มาให้กำลังใจฉันนะคะ”
หล่อนหลั่งน้ำตาด้วยอารมณ์สะเทือนใจ หลังจากสวมกอดแล้ว เธอกำลังจะมอบถ้วยรางวัลให้พ่อ แต่เจียงกั๋วเซิ่งมองดูถ้วยรางวัลในมือของหล่อนและบ่นอย่างไม่พอใจ “ไม่ถูก ลูกทำผลงานได้ดีมาก ทำไมถึงไม่ได้เป็นผู้ชนะล่ะ?”
เจียงอวี่เฟยตกใจมากจนต้องรีบเตือนเขา “พ่อ เบาเสียงลงหน่อยค่ะ”
หล่อนชูถ้วยรางวัลขึ้นตอบอย่างเป็นกลางว่า “ผู้เข้าประกวดทุกคนเก่งกันมาก ๆ แค่ฉันได้รับรางวัลรองชนะเลิศก็ดีใจจะแย่อยู่แล้ว นี่ถือเป็นการยืนยันความสามารถของฉัน ฉันจะพยายามให้หนักขึ้นในครั้งต่อไป”
เจียงกั๋วเซิ่งรับถ้วยรางวัลจากมือของหล่อนมาพินิจดูอย่างระมัดระวัง มองดูลูกสาวด้วยสีหน้ามุ่งมั่น “ลูกสาวพ่อ ลูกเก่งที่สุด ถึงไม่ชนะการประกวดแต่ชนะใจพ่อคนนี้ ลูกทำดีที่สุดแล้ว พ่อภูมิใจในตัวลูกมากนะ”
ปากของหลินเซี่ยกระตุกทันทีเมื่อเห็นว่าเจียงกั๋วเซิ่งเปลี่ยนสีรวดเร็วเพียงใด
เมื่อไม่กี่วันก่อนเขายังขู่ว่าจะหักขาเจียงอวี่เฟยทิ้งอยู่เลย แต่วันนี้กลับภาคภูมิใจในตัวลูกสาวจนน้ำตารื้น
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หมอเย่ก็นับว่าลูกพระยานาหมื่นแห่งไห่เฉิงน้า พื้นฐานครอบครัวไม่ธรรมดาเลย ใครปล่อยข่าวลือโปรดเช็กข้อมูลก่อนปล่อยด้วย
คนที่มันคิดได้หรือตื่นรู้กับอะไรสักอย่างน่ะค่ะ บุคลิกจะพลิกแบบหน้ามือเป็นหลังมือได้อย่างฉับพลันเลย
ไหหม่า(海馬)