ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 467 ไม่อิจฉาพวกเขาเหรอ
ตอนที่ 467 ไม่อิจฉาพวกเขาเหรอ
เฉินเจียวั่งยืนรอให้เจียงอวี่เฟยกอดและพูดคุยกับครอบครัวของหล่อนเสียก่อน จากนั้นก็เดินเข้าไปหา มองเจียงอวี่เฟยแล้วพูดว่า “ยินดีด้วยนะ”
เมื่อเห็นเฉินเจียวั่ง เจียงอวี่เฟยก็รู้สึกประหลาดใจในตอนแรก จากนั้นเปลี่ยนเป็นเขินอายในทันที ถามเบา ๆ ว่า “นายมาได้ยังไง? เซี่ยเซี่ยโทรไปชวนนายเหรอ?”
เฉินเจียวั่งตอบว่า “เปล่า ฉันอยากมาเอง”
หลังจากได้ยินคำพูดของเขา สีหน้าของเจียงอวี่เฟยก็เปล่งประกายดีใจ เขาอยากมาเองเหรอ?
ตั้งใจมาดูหล่อนประกวดโดยเฉพาะเลยเหรอ?
เขาตั้งใจออกจากบ้านเพื่อหล่อนเลยเหรอเนี่ย?
เจียงกั๋วเซิ่งมองดูท่าทางเขินอายของลูกสาวจากด้านข้าง จากนั้นก็เหล่มองไปที่เฉินเจียวั่ง
เมื่อสบตากับเจียงกั๋วเซิ่งแล้ว เฉินเจียวั่งก็แนะนำตัวเองอย่างสุภาพและมีมารยาทว่า “สวัสดีครับคุณลุง ผมเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเจียงอวี่เฟย”
“โอ้ เพื่อนร่วมชั้นนี่เอง” เจียงกั๋วเซิ่งหรี่ตาลง พูดด้วยน้ำเสียงที่มีความหมาย
เขาตบไหล่เฉินเจียวั่ง ทำหน้าตาพึงพอใจในตัวเขา “เป็นเด็กที่หน้าตาดีมีอนาคตจริง ๆ”
เจียงอวี่เฟยเห็นว่าพ่อเอาแต่ยกยอเฉินเจียวั่ง ด้วยกลัวว่าเฉินเจียวั่งจะเขินอาย จึงรีบพาเขาถอยห่างจากพ่อ แล้วถามหลินเซี่ย “เซี่ยเซี่ย พวกเราออกไปได้แล้วหรือยัง?”
“น่าจะออกได้แล้วล่ะ”
เจียงกั๋วเซิ่งถือถ้วยรางวัลให้ลูกสาว ส่วนหวังซิ่วฟางถือกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่
“ไปเถอะ พ่อจะพาลูกไปกินอาหารมื้อใหญ่เพื่อเฉลิมฉลอง”
เจียงกั๋วเซิ่งไม่ลืมหันไปพูดกับเฉินเจียวั่งว่า “เสี่ยวเฉินก็มาด้วยสิ?”
“ได้ครับ”
เฉินเจียวั่งตกลงที่จะไปรับประทานอาหารเฉลิมฉลองร่วมกับพวกเขา นี่ทำให้เจียงอวี่เฟยรู้สึกยินดียิ่งกว่า
หล่อนมองเขาด้วยความประหลาดใจ แต่เฉินเจียวั่งแสดงสีหน้านิ่งเฉย “ไม่อยากให้ไปเหรอ?”
เจียงอวี่เฟยรีบพูดว่า “อยากสิ ฉันยินดีมาก ๆ เลยแหละ”
เจียงอวี่เฟยไปหาครอบครัวของลูกพี่ลูกน้อง เชิญพวกเขาทั้งหมดไปกินอาหารร่วมกัน
รวมถึงหลินเซี่ยที่ถือเป็นคนสำคัญที่สุดในการประกวดของหล่อน
แต่หลินเซี่ยบอกว่าเธอต้องกลับไปพร้อมกับเซี่ยอวี่
เมื่อเจียงกั๋วเซิ่งเห็นดาราสาวชื่อดัง เขาก็รีบยื่นถ้วยรางวัลให้เจียงอวี่เฟย ยกมือขึ้นเสยผมและก้าวไปข้างหน้าเพื่อกล่าวขอบคุณอีกฝ่าย “สวัสดีครับ คุณเซี่ย ขอบคุณมากที่กรุณาให้คะแนนลูกสาวผม”
เซี่ยอวี่ตอบกลับอย่างสุภาพเช่นกัน “ผู้อำนวยการเจียง ฉันเปล่าให้คะแนนหล่อนเป็นพิเศษเลยค่ะ ในฐานะกรรมการ ฉันปฏิบัติต่อผู้เข้าแข่งขันทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เราตัดสินจากมุมมองของความเป็นมืออาชีพ ไม่มีสิทธิพิเศษอื่น”
เจียงกั๋วเซิ่งบอกว่า “ผมเข้าใจครับ ผมเข้าใจ อย่าเข้าใจผมผิดไป ผมหมายถึงคะแนนของคุณที่มอบให้อวี่เฟยนั้นมีความสำคัญมาก”
พอเจียงกั๋วเซิ่งได้เจอดาราใหญ่ตัวเป็น ๆ ก็เหมือนเขาจะลืมไปสนิทว่าแฟนสาวอยู่ข้าง ๆ ดวงตาคู่นั้นจับจ้องตรงไปที่หล่อนด้วยความชื่นชมอย่างไม่ปิดบัง หลินเซี่ยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอีกครั้ง ชัดแล้วว่าไม่มีลุงวัยกลางคนคนไหนจะรอดพ้นจากเสน่ห์ของเซี่ยอวี่ไปได้
โชคดีที่เจียงกั๋วเซิ่งไม่ใช่แฟนคลับที่น่ารำคาญ หลังจากขอบคุณเซี่ยอวี่แล้ว เขาก็ไปขอบคุณเย่เจิ้งหัวต่อ
“พี่ชาย ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยเป็นธุระดูแลอวี่เฟยในช่วงที่ผ่านมา หวังว่าพวกคุณจะไปรับประทานอาหารร่วมกันกับเรานะครับ”
เย่เจิ้งหัวเห็นว่าทัศนคติของเจียงกั๋วเซิ่งเปลี่ยนไปมาก เขาก็รู้สึกยินดีกับผลลัพธ์ “ได้ ไปฉลองความสำเร็จด้วยกันเถอะ”
“คุณเซี่ย คุณก็มากับเราด้วยสิครับ?”
เซี่ยอวี่ปฏิเสธ “คงไม่ได้ค่ะ พวกเรายังมีธุระที่ต้องทำต่อ ขอตัวก่อนนะคะ”
หลังจบการแข่งขัน หนึ่งในคณะกรรมการไปร่วมโต๊ะอาหารแบบส่วนตัวกับผู้เข้าประกวด เป็นเรื่องที่เหมาะสมตรงไหน?
“อวี่เฟย ฉันก็ต้องกลับบ้านพร้อมคุณอาเหมือนกัน ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”
ก่อนออกเดินทาง หลินเซี่ยพูดกับเฉินเจียวั่งว่า “น้องเขยเล็ก ไปกินข้าวกับอวี่เฟยและคนอื่น ๆ ให้อร่อยนะ”
หลินเซี่ยขึ้นรถของลินดาและตรงกลับบ้านด้วยกัน เซี่ยอวี่หลับตาลงพักผ่อนในรถ ทันใดนั้นหลินเซี่ยก็เริ่มปฏิบัติการซุบซิบทันที ถามหยั่งเชิงว่า “คุณอยากไปโรงพยาบาลเพื่ออธิบายอะไรกับแฟนสักหน่อยไหมคะ?”
เซี่ยอวี่พูดอย่างเย็นชา “ไม่ไป ฉันอยากกลับบ้าน”
“คุณอา คุณคงไม่ได้ตอบคำถามนักข่าวไปแบบนั้นโดยที่ทุกอย่างไม่เป็นความจริงใช่ไหม?” หลินเซี่ยถามอีกครั้ง
“เด็กคนนี้นี่ หยุดถามเซ้าซี้สักที” พูดจบหล่อนก็เอนหลังพิงเบาะ หลับตาลงเพื่อพักสายตาอีกครั้ง
“ชัดเลยค่ะอา คุณกำลังมีความรัก”
ทันใดนั้นเซี่ยอวี่ก็ลืมตาขึ้นแล้วมองค้อนเธอ “เธอจะไปรู้อะไร?”
“ฉันมีประสบการณ์มาก่อนนะคะ รับประกันได้เลยว่าสิ่งที่คุณตอบคำถามสื่อในวันนี้ไม่ได้พูดออกมาโดยไม่ผ่านการกลั่นกรองแน่ เย่ไป๋ก็ไม่ได้แสดงละครเพื่อเอาตัวรอด พวกคุณสองคนกลืนเข้ากับบทบาทนั้นจริง ๆ”
หลังจากที่หลินเซี่ยพูดจบ เธอก็มองไปที่ลินดา ถามด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ลินดา คุณก็คิดอย่างนั้นใช่ไหมคะ?”
ลินดาขับรถ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสงบ “ฉันไม่เคยมีประสบการณ์ ไม่ขอออกความเห็นดีกว่า”
หลินเซี่ยกอดแขนของเซี่ยอวี่แล้วพูดว่า “อาคะ ยอมรับความรู้สึกตัวเองอย่างเปิดเผยเถอะ ลองเปิดใจให้กับความสัมพันธ์รักที่แข็งแกร่งดู ฉันเดาว่าคุณแค่ไม่ได้ออกเดตกับใครนานเกินไป ดังนั้นจึงหวาดกลัวกับความรู้สึกที่แปลกใหม่ ตราบใดที่คุณริเริ่มก้าวแรก คุณจะรู้ว่าการมีความรักนั้นมันดีแค่ไหน โดยเฉพาะการคบหากับผู้ชายที่มีคุณภาพอย่างคุณหมอเย่ จากนี้จักรพรรดิจะไม่เรียกประชุมเช้า(1)อีกต่อไป”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินเซี่ยพูด ลินดาซึ่งขับรถอยู่ข้างหน้าก็เริ่มวิตกกังวล “ความรักจะไม่ใช่ปัญหา ตราบใดที่มันไม่ส่งผลกระทบต่องาน”
จักรพรรดิอาจไม่เรียกประชุมเช้า แต่เขาเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาไม่ใช่เหรอ? จะให้ทำตัวติดกันตลอดทั้งวันเลยหรือไง?
เซี่ยอวี่ยกเปลือกตาขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงยานคาง “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ได้ไร้ความรับผิดชอบขนาดนั้น”
“สิ่งสำคัญคือคุณต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับหมอเย่ต่อไป สมาชิกครอบครัวของพวกเขาทุกคนทั้งเปิดกว้างและมีวิสัยทัศน์ที่ดี ถ้าคุณลงเอยกับเศรษฐีนักธุรกิจหรืออะไรเทือกนั้น เกรงว่าพวกเขาจะเอาแต่เก็บคุณไว้ที่บ้านในฐานะภรรยาสุดรักสุดหวงเหมือนนกขมิ้นในกรงทอง… คุณก็เห็นนี่คะว่าเฉินเจียเหอเขาเป็นคนเก่งแค่ไหน แต่เขาก็ยังสนับสนุนในทุกสิ่งที่ฉันทำ เขากับเย่ไป๋เป็นเพื่อนสนิทกัน แน่นอนว่าต้องเป็นคนประเภทเดียวกันด้วย มุมมองการใช้ชีวิตของพวกเขาคล้ายคลึงกันมาก ใจจริงคุณก็คงไม่อยากปล่อยให้ผู้ชายคุณภาพอย่างหมอเย่หลุดมือหรอก”
หลินเซี่ยพยายามชักแม่น้ำทั้งห้าอย่างเต็มที่เพื่อให้เซี่ยอวี่และเย่ไป๋คบกันจริง ๆ เห็นได้ชัดว่าอาของเธอเองก็ชอบพอในตัวเย่ไป๋ ทางด้านเย่ไป๋ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
น่าเสียดายที่จนถึงตอนนี้หล่อนยังเอาแต่ขีดเส้นแบ่งเขตแดน ใช้หมอเย่เป็นเครื่องมือมาโดยตลอด
ถ้าหล่อนยังมัวเล่นตัวกระบิดกระบวนอยู่แบบนี้ เกรงว่าพวกเขาคงพลาดความสัมพันธ์ที่ดีไปจริง ๆ
เซี่ยอวี่รู้สึกกระดากอายมากเมื่อได้ยินหลานสาวที่อายุน้อยกว่าสอนประสบการณ์ความรักให้ตัวเอง
หล่อนขัดจังหวะอย่างไม่อดทน “เอาล่ะ พอเถอะ ฉันอายุเยอะกว่าเธอเป็นสิบปี ใช่ว่าฉันไม่เข้าใจ”
เหตุผลสำคัญคือตอนนี้หล่อนเริ่มไม่รู้สึกมั่นใจแล้ว
เมื่อกี้นี้ตอนอยู่ในห้องส่ง เย่ไป๋ให้ความร่วมมือกับหล่อน ไม่ปล่อยให้หล่อนต้องอับอาย แต่เขากลับพรวดพราดจากไปทันทีหลังจากเสร็จธุระ ทำให้หล่อนไม่แน่ใจในความคิดของเขา
หล่อนเพิ่งปฏิเสธเขาไปเมื่อวานนี้ ถ้าเขาคิดว่าเพียงข้ามวันก็โดนหล่อนหลอกใช้เป็นไม้กันหมาอีกครั้ง เขาจะรู้สึกอย่างไร?
เย่ไป๋เป็นคนที่มีหลักการ มีระดับการศึกษาที่ดี เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์น่ากระอักกระอ่วนแบบนั้น เขาก็ยังไม่ละเลยที่จะช่วยหล่อน แต่… เป็นหล่อนปฏิเสธเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า บางที เขาอาจจะหมดความอดทนกับหล่อนไปแล้วก็ได้
ลินดาส่งหลินเซี่ยไปถึงประตูหน้าอาคารพักอาศัยของโรงงาน ทันทีที่เธอลงจากรถ เฉินเจียเหอก็เดินออกมารับ
เมื่อเขาเห็นรถเคลื่อนเข้ามาจอด เขาก็รีบเดินเข้ามาเปิดประตูให้หลินเซี่ย
หลังจากรับหลินเซี่ยลงจากรถแล้ว เขาก็อธิบายเบา ๆ “ผมเพิ่งเลิกงานเมื่อกี้นี้เอง ตั้งใจว่าจะออกไปรับคุณ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ลินดากับคุณอาแวะมาส่งฉันระหว่างทางแล้ว”
เฉินเจียเหอทักทายคนในรถ “คุณอา พี่ลินดา สวัสดีตอนค่ำครับ”
เซี่ยอวี่ตอบกลับ “อืม รีบเข้าบ้านเร็วเถอะ”
หลินเซี่ยโบกมือให้พวกเขา “เราไปก่อนนะคะอา”
เฉินเจียเหอจับมือหลินเซี่ยอย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นสามีภรรยาหนุ่มสาวก็เดินกลับเข้าไปในอาคารด้วยความอ่อนหวาน
เซี่ยอวี่มองตามแผ่นหลังที่อบอวลความรักของพวกเขาจากหน้าต่างรถ จู่ ๆ ก็ถามลินดา “ลินดา เธอไม่อิจฉาพวกเขาเหรอ?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
จักรพรรดิไม่เรียกประชุมตอนเช้า อุปมาว่า ความรักทำให้เราอยากใช้เวลากับคนรักให้มากขึ้น เหมือนจักรพรรดิที่ไม่เรียกประชุมราชสำนักแต่เช้าตรู่ เพราะกลัวจะมีเวลาให้คนรักน้อยลง
สารจากผู้แปล
คุณอารู้ใจตัวเองเร็วๆ เถอะค่ะ เดี๋ยวมีคนมาคว้าหมอเย่ไปแทนนะ
ไหหม่า(海馬)