ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 469 มาเป็นแฟนเด็กของฉันเถอะ
ตอนที่ 469 มาเป็นแฟนเด็กของฉันเถอะ
เซี่ยอวี่ออกมาเห็นชายหนุ่มยืนอยู่หน้าประตู จึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ว่า “มาหาฉันถึงบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ขนาดนี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“แน่นอนว่ามี” เย่ไป๋เดินเข้ามาใกล้ สายตาของเขาจับจ้องมาที่หล่อนราวกับว่าต้องการกลืนกินหล่อนเข้าไป
เซี่ยอวี่เมื่อถูกเขาจ้องมองอย่างนั้นก็อึดอัดขึ้นมาเล็ก ๆ จึงหลบเลี่ยงสายตาของเขา พลางกระแอมไป “ว่ามาสิ มีอะไร?”
เขากล่าวว่า “เมื่อคืนมีเหตุฉุกเฉินที่โรงพยาบาลต้องไปตรวจรักษา”
เย่ไป๋อธิบายให้ฟังถึงเหตุผลที่เขาออกไปอย่างกะทันหันเมื่อวานนี้ เซี่ยอวี่พลันมีท่าทางอ่อนลงเล็กน้อย
แต่ถึงสีหน้าจะนิ่งสงบไม่แปรเปลี่ยน น้ำเสียงของหล่อนกลับเหินห่าง “คุณหมอเย่ คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องนี้ให้ฉันฟังหรอก”
เย่ไป๋ซึ่งตั้งตารอมาตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้เดิมทีเต็มไปด้วยความคาดหวัง แต่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังคงมีท่าทางไม่แยแส แววตาของเขาก็หม่นลง ก่อนก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว ตรงเข้าไปใกล้หล่อน แล้วเอ่ยเสียงต่ำ “เซี่ยอวี่ คุณยอมรับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเราต่อหน้าสาธารณชน ทำให้ผมมีชื่อเสียง มาตอนนี้คุณยังจะแสร้งทำเป็นไม่สนใจอีก อย่าบอกนะว่าเมื่อวานคุณก็หลอกใช้ผม!”
“หากว่าใช่ล่ะ?” เซี่ยอวี่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พร้อมเลิกคิ้วมองเขาและย้อนถาม
ใบหน้าอันละมุนละไมของเขาม้านไป ดวงตาฉายชัดถึงความเด็ดเดี่ยว น้ำเสียงหนักแน่น “ผมไม่ยอม ผม เย่ไป๋ไม่ใช่เครื่องมือของใคร อย่าคิดจะมาปั่นหัวหลอกใช้ผมซ้ำแล้วซ้ำอีก”
“ถ้าอย่างนั้นคุณต้องการอะไร?” นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยอวี่เห็นท่าทางโมโหของเขา
เขากล่าวความต้องการของตัวเองออกมาหน้าตาย “ทำตามที่พูดต่อหน้าสื่อมวลชนเมื่อคืนนี้”
เซี่ยอวี่มองใบหน้าที่หล่อเหลาและจริงจังของเขาซึ่งทำราวกับว่ากำลังเจรจากับเธอ หญิงสาวเห็นท่าทางของเขาแล้วก็รู้สึกขบขัน “คุณหมอเย่ คุณกำลังข่มขู่ฉันอยู่หรือ?”
เย่ไป๋ไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไร เพียงมองตรงมาที่หล่อน
เซี่ยอวี่ไม่อาจต้านทานต่อดวงตาอันลึกซึ้งคู่นั้นที่จับจ้องมา หล่อนกระแอมไอเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “พวกเราลองดูก็ได้”
เย่ไป๋แก้ประโยคของหล่อนด้วยความจริงจังอย่างยิ่ง “ไม่ใช่ลอง แต่เป็นการคบหากันอย่างจริงจัง”
สีหน้าของเขาไม่ค่อยเหมือนการสารภาพรักและการเกี้ยวขอความรัก แต่เหมือนการบังคับให้ทำมากกว่า
ท่าทางหยอกล้อของเซี่ยอวี่พลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ท่าทางแบบนี้ของคุณคืออะไรกัน?”
เย่ไป๋จึงตระหนักได้ว่าเขาตึงเครียดและจริงจังเกินไปจนทำให้หล่อนเข้าใจผิด ก็รีบปรับน้ำเสียงให้อ่อนลงทันที แล้วมองหล่อนด้วยความรักอย่างสุดซึ้ง “คุณเซี่ยอวี่ ผมชอบคุณ เป็นแฟนกับผมได้ไหมครับ?”
เสียงของเขาอบอุ่นรื่นหู โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรวมกับสายตาที่มองมาด้วยความรักใคร่ เซี่ยอวี่ย่อมไม่อาจต้านทานได้ ทั้งยังอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“ได้ไหมครับ?” ดวงตาของเขามองตามหล่อนอยู่ตลอด เมื่อเห็นว่าหล่อนไม่เอ่ยตอบ เขาก็ซักถามอย่างนุ่มนวลอีกครั้ง
เขาดันตัวหล่อนเข้ากำแพง ไม่ให้โอกาสหล่อนได้ปฏิเสธหรือหลบเลี่ยง ไม่ยอมเลิกราจนกว่าเขาจะได้คำตอบที่น่าพอใจ
เมื่อเห็นว่าหล่อนลังเลที่จะตกปากรับคำ เขาก็เปลี่ยนวิธีการพูดอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาในคราวนี้แฝงไปด้วยความออดอ้อน “หืม? ให้ผมได้เป็นคนรักของคุณนะครับ?”
เซี่ยอวี่ถูกน้ำเสียงอันน่าลุ่มหลงนั้นบดขยี้เสียจนหน้าแดงจรดใบหู ไม่อาจต้านทานไว้ได้เลย
หล่อนกระพริบตาอยู่นาน ก่อนจะมีหนึ่งคำหลุดออกมา “อืม”
“ตกลงแล้วนะ?” มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย และด้วยกลัวว่าตนจะได้ยินผิดพลาดไป จึงขอคำยืนยันอีกครั้งว่า “คุณตกลงที่จะคบหากับผมใช่ไหมครับ?”
เซี่ยอวี่เป็นเหมือนลูกแกะที่รอถูกเชือด ถูกเขากักไว้ในอ้อมแขนจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนยามเขาเอื้อนเอ่ย รู้สึกว่าลมหายใจนั้นกระชั้นถี่
หล่อนเคยแสดงฉากใกล้ชิดกับนักแสดงชายมาหลายคน และไม่ว่าฉากไหน หล่อนก็ทุ่มเทตั้งใจแสดงในฉากนั้น ๆ อย่างเต็มที่ ไม่ว่าพระเอกสุดแสนจะหล่อเหลาคนไหนจะมายืนอยู่ตรงหน้า หล่อนก็สามารถรับมือได้ราวปอกกล้วยเข้าปาก
ไม่มีฉากไหนเลยที่ทำให้หัวใจของหล่อนเต้นระรัวและควบคุมไม่ได้เหมือนเช่นตอนนี้
ดังนั้น ยามที่หัวใจเกิดหวั่นไหวขึ้นมาจริง ๆ ปฏิกิริยาทั้งหมดจะเกิดขึ้นตามสัญชาตญาณ
ไม่ว่าฝีมือการแสดงจะยอดเยี่ยมเพียงไรก็ไม่อาจทำเทียบเคียงได้
“คุณช่วยเลิกถามสักทีได้ไหม?” หล่อนผลักเขาออกอย่างเหลืออด
แต่เขากลับไม่ให้โอกาสหล่อนหนีด้วยซ้ำ “คุณก็ให้คำตอบที่ชัดเจนกับผมสิครับ ผมจะได้สบายใจ!”
“ตกลงให้คุณเป็นแฟนเด็กของฉัน พอใจหรือยัง”
เย่ไป๋มองเธอ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาจริงจัง พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงขึงขัง “คุณเซี่ย ผมไม่เด็ก”
เซี่ยอวี่ “!!!”
หล่อนไม่สามารถสบตาเขาได้ จึงผลักเขาออกไปอย่างสุดกำลัง พลางเบือนหน้าหนี “ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าคุณจะเป็นคนกะล่อนแบบนี้”
เย่ไป๋ “ผมพูดถึงอายุ”
เซี่ยอวี่ “…”
หล่อนโต้กลับว่า “ฉันก็พูดถึงเรื่องอายุเหมือนกัน คุณอายุน้อยกว่าฉันไม่ใช่หรือไงล่ะ?”
“นั่นไม่สำคัญเลย” สายตาของเย่ไป๋คอยมองตามหล่อนอยู่ตลอด “อย่างนั้นก็เท่ากับว่าพวกเรา… คบหาดูใจกันอย่างเป็นทางการนับแต่นี้ไป”
“ค่ะ”
ในที่สุดเขาก็ได้คำตอบที่ต้องการ ชายหนุ่มถอนหายใจเล็ก ๆ ก่อนจะผ่อนคลายตัวเองลง
ในที่สุดก็ได้คบกันแล้ว
มุมปากของเขายกขึ้น ก่อนกางแขนออกแล้วโอบกอดหล่อนเอาไว้แน่น
เซี่ยอวี่เหลือบมองบนถนนรอบ ๆ โดยสัญชาตญาณ แล้วก้าวถอยหลังอย่างระมัดระวัง “นี่มันที่สาธารณะ คุณทำอะไรน่ะ?”
เป็นอีกครั้งที่เย่ไป๋ไม่ให้โอกาสหล่อนได้หลบเลี่ยง เขาออกแรงกดหล่อนเข้ากับกำแพง แล้วชิดใกล้เข้ามา น้ำเสียงชวนให้คนเข้าใจผิด“คุณเซี่ย คุณเองเล่นละครมาหลายเรื่อง คุณก็น่าจะรู้…. ความรักไม่อาจแสดงออกได้ด้วยคำพูด”
แม้ถ้อยวาจาของเขาจะแข็งกร้าว ทว่าการเคลื่อนไหวกลับอ่อนโยนและเป็นสุภาพบุรุษ เขารวบตัวหล่อนเข้ามาในอ้อมแขนแล้วกอดแน่น
มีเพียงการกอดกันเท่านั้นที่จะทำให้เขาสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ของพวกเขาอย่างแท้จริง
ตอนนี้พวกเขาเป็นแฟนกันแล้ว
ตอนนี้เขาเป็นแฟนหนุ่มของเซี่ยอวี่แล้ว
เขามีความสุขมากเสียจนไม่อาจหุบยิ้ม
เซี่ยอวี่ค่อนข้างเขินอายในตอนแรก ทั้งยังกลัวว่าจะมีใครมาเห็นเขา แต่เย่ไป๋กลับเอาแต่ใจมาก ไม่ยอมให้โอกาสหล่อนได้ปฏิเสธ หญิงสาวจึงถูกรวบเข้าไปในอ้อมแขนของชายหนุ่มและสัมผัสได้ถึงกลิ่นกายของเขา หัวใจของหล่อนก็พลันสั่นไหวเต้นรัวราวกับเด็กสาวอย่างไรอย่างนั้น สุดท้ายจึงกอดเขาอยู่เงียบ ๆ
ในตอนนั้นเอง เซี่ยเหลยก็เดินออกมาจากประตูบ้านพร้อมกระเป๋าในมือ
เดิมทีเห็นประตูเปิดแต่เช้าก็นึกว่าเมื่อคืนนี้ลืมล็อคประตู ผลปรากฏว่าเมื่อเขาเดินออกมา ก็เห็นรถมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ และสองร่างที่กำลังเกี่ยวกอดกัน
เซี่ยเหลยไม่ได้เตรียมใจเอาไว้ จู่ ๆ ก็มาเห็นฉากที่ “ไม่น่ามาเห็น” เช่นนี้ ใบหน้าที่เย็นชาของเขาจึงกระอักกระอ่วนจนถึงขีดสุด
เขาคิดจะถอยกลับเข้าไปในบ้านอย่างเงียบ ๆ และไม่รบกวนพวกเขา
หากแต่เขาต้องไปตลาดอาหารเพื่อซื้อของ และหากไปช้า วัตถุดิบที่ได้จะไม่สด
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น แล้วเดินย่องผ่านพวกเขาไปอย่างเงียบๆ
เซี่ยอวี่หัวใจสั่นไหว รู้สึกถึงประสบการณ์อันหอมหวานและสดชื่น ในทันใดนั้นเอง หางตาก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินย่องผ่านพวกเขาสองคนไปโดยเบือนหน้าหนีไม่มอง หญิงสาวพลันตื่นตกใจ รีบผลักเย่ไป๋ออกไปอย่างแรง
หล่อนรีบจัดผมเผ้าให้เข้าทรง และกล่าวทักทายอย่างทำตัวไม่ถูก “พี่ใหญ่”
เซี่ยเหลยเคยคิดว่าเขาจะแอบย่องผ่านไปได้สำเร็จโดยไม่รบกวนทั้งคู่
ใครจะคาดคิดว่าโดนจับได้ตั้งแต่ก้าวที่สอง
เขารู้สึกค่อนข้างหงุดหงิด ระดับความเป็นมืออาชีพของเขาถดถอยไปมากเมื่อเทียบกับตอนนั้น
ในตอนนั้นครั้งที่อยู่ในสนามรบ เขาสามารถแอบเข้าไปทิ้งระเบิดในพื้นที่ยึดครองของศัตรูได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น
เฮ้อ การเดินด้วยขาที่พิการนั้นไม่อาจรักษาสมดุลได้ และมักจะส่งเสียงอยู่เสมอ
เซี่ยเหลยจำต้องหยุดฝีเท้าลง แล้วส่งเสียงอืมตอบรับในลำคอด้วยใบหน้านิ่ง
เย่ไป๋เห็นเซี่ยเหลยก็พลันเขินอายอย่างมาก เขาเขยิบออกห่างจากเซี่ยอวี่ พลางกระแอมไอเบา ๆ ก่อนปริปากเอ่ยว่าพี่ใหญ่
“ฉันจะไปซื้อของสักหน่อย” เซี่ยเหลยเดินตรงไปโดยไม่หันมามอง “พวกเธอเชิญตามสบาย”
เอ่ยจบเขาก็รีบเดินออกไป
เมื่อถูกเซี่ยเหลยขัดจังหวะเช่นนี้ เย่ไป๋ก็รู้สึกอายเกินกว่าจะเข้าไปชิดใกล้หล่อนต่อ
เซี่ยอวี่ม้วนผมของตัวเองเล่นอย่างทำตัวไม่ถูก พลางเอ่ยขึ้นว่า “คุณกลับไปก่อนเถอะ”
หากมารดาและเซี่ยไห่มาเห็นเข้า คงจะน่ากระอักกระอ่วนกว่านี้มาก
“ผม…” เขาไม่อยากไป
“ทำไม?” เซี่ยอวี่มองเขาอย่างสงสัย
เย่ไป๋พลันจามออกมา “ขี่รถกลับไปมันหนาวนะ”
เขาแต่งตัวน้อยชิ้น ทั้งอากาศเมื่อคืนยังหนาวมากเพราะมีลมพัดแรงเกือบทั้งคืน
“โอ้ อย่างนั้นฉันจะเข้าไปเอาเสื้อผ้าของเซี่ยไห่มาให้ คุณใส่เพิ่มแล้วก็กลับบ้านเสีย”
เซี่ยอวี่เอ่ยพร้อมทำท่าจะก้าวเข้าไปในบ้าน
ไร้ซึ่งเจตนาที่จะชักชวนเขาเข้าไปในบ้าน
เย่ไป๋จึงปิดปากไอ แล้วกล่าวเสริม “ผมอยากเข้าห้องน้ำ”
ด้วยคำร้องขอดังกล่าว เซี่ยอวี่จึงไม่สามารถปฏิเสธได้ ได้แต่เอ่ยว่า “อย่างนั้นก็เข้ามาก่อน”
มุมปากของเย่ไป๋ยกขึ้นเล็กน้อย พร้อมเดินตามหล่อนเข้าไปในบ้าน
เขาเองเคยมาบ้านตระกูลเซี่ยหลายครั้ง
ทว่าสภาพจิตใจในคราวนี้นั้นแตกต่างไปจากครั้งก่อน ๆ อย่างสิ้นเชิง
เพียงรู้สึกว่า… ครั้งนี้เขาเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยกว่าครั้งใดๆ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หมอเย่รุกแรงมาก เขินแทนคุณดาราเลยค่ะ หมาป่าในคราบโกลเด้นเด็กฯมันน่ารักใจละลายใช่ไหมล่ะ
ไหหม่า(海馬)