ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 470 ในใจของหญิงชรามีอยู่หมื่นล้านคำ
ตอนที่ 470 ในใจของหญิงชรามีอยู่หมื่นล้านคำ
คุณแม่เซี่ยเพิ่งเข้าครัวต้มโจ๊กเสร็จและกำลังจะทำความสะอาดลานบ้าน
ทันทีที่เห็นเย่ไป๋และเซี่ยอวี่เดินเข้ามาทางประตูหน้า ดวงตาของหญิงชราก็เป็นประกายขึ้นโดยพลัน พลางกวาดสายตาไปมาระหว่างทั้งสอง พร้อมความคิดมากมายที่ผุดขึ้นในหัว
เย่ไป๋เมื่อเห็นคุณแม่เซี่ยก็เอ่ยเรียกว่าคุณป้า
คุณแม่เซี่ยมองดูพวกเขาด้วยสีหน้าแปลก ๆ แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเย่มาแล้วหรือ?”
ทันทีที่เซี่ยอวี่มองแววตาของผู้เป็นแม่ หล่อนก็รู้ได้ทันทีว่าในสมองของอีกฝ่ายกำลังคิดจินตนาการไปไกลแล้วอย่างแน่นอน หันมองเย่ไป๋พลางเอ่ย “ไม่ใช่ว่าคุณอยากเข้าห้องน้ำหรอกหรือ?”
เย่ไป๋จึงกล่าวกับนางว่า “คุณป้า เดี๋ยวผมมาคุยด้วยนะครับ”
คุณแม่เซี่ยพยักหน้ารับด้วยความงงงันเล็กน้อย “ได้ ได้”
เมื่อเย่ไป๋แยกตัวไปห้องน้ำ คุณแม่เซี่ยก็รีบคว้าแขนของเซี่ยอวี่เดินเข้าไปในบ้าน
เมื่อเข้าไปข้างในแล้ว หญิงชราก็มองลูกสาวด้วยสีหน้าคาดหวังแล้วเอ่ยถาม “เมื่อคืนพวกลูกออกไปอยู่ข้างนอกกันมาหรือ?”
เซี่ยอวี่ “!!!”
หญิงสาวมองดูสีหน้าของมารดาที่หวังให้เมื่อคืนนี้หล่อนไปค้างอ้างแรมกับผู้ชายใจจะขาด ก็หมดคำพูดระคนปวดใจ
เมื่อสิบปีก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้ ตอนนั้นหล่อนเลิกงานดึกดื่นอยู่บ่อยครั้ง และไม่ว่าจะเดินเข้าบ้านไปกี่โมงกี่ยามก็ตาม แม่ของหล่อนก็มักจะนั่งรออยู่ที่โซฟาเสมอ
นอกจากรอหล่อนกลับมาแล้วยังไม่วางใจต้องถามซักไซ้เจาะลึกทุกคำถาม ด้วยกลัวว่าหล่อนจะออกไปอยู่กับผู้ชายมา
ผ่านมาเพียงไม่กี่ปี สภาวะความคิดของหญิงชรากลับเปลี่ยนไปอย่างมาก
หล่อนอดไม่ได้ที่จะแอบค่อนแขวะอยู่ในใจ ฮึ่ม แม่เฒ่าคนนี้จะเสียใจบ้างหรือไม่ที่หลายปีมานี้เข้มงวดกับหล่อนมากไป?
เซี่ยอวี่เอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “แม่คะ พูดถึงอะไรน่ะ?”
“เขาเพิ่งมาค่ะ” เซี่ยอวี่อธิบาย
“โอ้” คุณแม่เซี่ยเผยให้เห็นสีหน้าผิดหวังเล็ก ๆ ออกมา
เย่ไป๋ซึ่งออกมาจากห้องน้ำพลันจามอย่างหนักที่ลานบ้าน
เซี่ยอวี่ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าหล่อนต้องไปขอยืมเสื้อผ้าของเซี่ยไห่มาให้เขา
เซี่ยไห่ยังไม่ลุกจากเตียง เซี่ยอวี่จึงไปเคาะประตู
เซี่ยไห่ยืนหาวอยู่ข้างประดูด้วยผมทรงรังนก พลางหรี่ตามอง “พี่สาว มีอะไรเหรอครับ?”
“เย่ไป๋มาที่นี่ เขาสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นอยู่สักหน่อย ช่วยเอาเสื้อคลุมตัวนอกของนายมาให้เขายืมใส่ขี่รถกลับบ้านหน่อยสิ”
เซี่ยไห่มองไปทางห้องโถงกลางบ้านด้วยความงุนงง “เขามาทำอะไรที่นี่ตั้งแต่เช้า?”
ดวงตาของเซี่ยอวี่กระพริบระยิบระยับ“ก็มีเรื่องนิดหน่อย”
“ไม่สิ พี่ครับ ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกคุณสองคนคืออะไร? หากพี่ไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นกับเขาจริง ๆ พี่ก็ควรอธิบายให้แม่และพี่ใหญ่เข้าใจ อย่าพาเขามาที่บ้าน ระวังเถอะว่าสุดท้ายแล้วจะปิดเกมนี้ไม่ลง”
“นายไปหยิบเสื้อมาก่อน”
เซี่ยไห่ขยี้ผมอย่างเก้อเขินเมื่อไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ พลางเดินเข้าไปในห้องแล้วหยิบแจ็กเกตผ้าเดนิมตามสมัยนิยมจากตู้เสื้อผ้าให้หล่อน
“ขอบคุณ”
เซี่ยอวี่ส่งเสื้อตัวนั้นให้เย่ไป๋ ชายหนุ่มสวมมันทับเสื้อเชิ้ตสีขาว
รูปร่างเขาใกล้เคียงกับเซี่ยไห่ และเขาก็สวมใส่แจ็กเกตเดนิมตัวนี้ได้อย่างพอดิบพอดี
ปกติเขาไม่ค่อยได้ลองสวมใส่เสื้อผ้าแนวนี้นัก โดยปกติแล้วมักจะใส่สูทเสียมากกว่า เซี่ยอวี่มองไปเย่ไป๋ที่ดูทันสมัยขึ้นแล้วก็ต้องถอนหายใจให้กับความหล่อเหลา ใส่ชุดอะไรก็ดูดีไปหมด
เมื่อตระหนักว่าตนหลงใหลได้ปลื้มเกินไป หล่อนก็รีบตั้งสติแล้วเอ่ยขึ้นว่า
“คุณรีบกลับให้เร็วหน่อยก็ดีมั้ง?”
“กลับเกิบอะไรกัน? ให้เย่ไป๋อยู่กินข้าวเช้าด้วยกันก่อนสิ” คุณแม่เซี่ยกล่าว “เสี่ยวเย่ นั่งลงก่อนสิ ฉันต้มโจ๊กแปดสมบัติไว้แล้ว อีกสักพักก็เสร็จ”
“ได้ครับคุณป้า” เขาเอ่ยถามอย่างใส่ใจว่า “คุณป้า มีอะไรให้ช่วยไหมครับ?”
คุณแม่เซี่ยตอบว่า “ไม่มีหรอก มีแค่ต้มโจ๊ก ส่วนซาลาเปาอุ่นให้ร้อนก็ใช้ได้แล้ว”
เอ่ยจบ คุณแม่เซี่ยก็เข้าไปในครัว
เย่ไป๋นั่งบนโซฟาด้วยท่าทางสบาย ๆ ก่อนหยิบหนังสือพิมพ์บนโต๊ะขึ้นมาอ่าน
เซี่ยอวี่เอ่ยขึ้นว่า “ฉันจะไปแต่งหน้านะ”
เย่ไป๋มองไปที่แผ่นหลังของหญิงสาวอย่างอารมณ์ดี
มุมปากของเขายิ้มไม่หุบ
เขาวางหนังสือพิมพ์ลง ตั้งใจว่าจะหาอะไรทำ
เมื่อฉุกคิดขึ้นได้ว่าป้าเซี่ยกวาดลานบ้านได้ครึ่งเดียว เขาก็ออกจากห้องโถงไปกวาดลานบ้านทันที
ตอนนี้สถานะเปลี่ยนไปแล้ว จะปฏิบัติตัวในฐานะแขกเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้อีก
เซี่ยไห่ซึ่งลุกจากเตียงและออกมาจากห้องก็เห็นว่าเย่ไป๋กำลังกวาดลานบ้าน ก็เผยสีหน้ามีเลศนัย ก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“นี่ คุณหมอเย่ วิ่งมากวาดลานบ้านผมตั้งแต่เช้าตรู่เชียวหรือ?”
“ตื่นแล้วหรือ?” เย่ไป๋ไม่ได้ละมือจากสิ่งที่ทำ เขาทักทายเซี่ยไห่ด้วยน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติ
เซี่ยไห่มองไปยังคุณหมอตรงหน้าที่สามารถทำงานบ้านได้อย่างดีและเป็นธรรมชาติแล้วก็พลันหรี่ตาลงเล็กน้อยด้วยท่าทางที่พินิจพิเคราะห์
สองคนนี้มีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง
สายตาของเย่ไป๋ซึ่งมองตามหล่อนนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
อาหารเช้าถูกจัดขึ้นโต๊ะ คุณแม่เซี่ยก็เอ่ยคำพูดซ้ำเดิมขึ้นมา “เมื่อวานก็บันทึกเทปรายการการแข่งขันอะไรนั่นเสร็จแล้ว อีกทั้งอาการบาดเจ็บของเย่ไป๋ก็เกือบหายดีแล้ว พวกเธอวางแผนไว้ว่าจะทำอะไรต่อ?”
ในฐานะผู้ปกครองของฝ่ายหญิง ย่อมไม่อาจเป็นฝ่ายเร่งเร้าให้พวกผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมาพบกันอย่างเป็นทางการได้โดยตรง
หากทำเช่นนั้นก็จะดูเหมือนว่านางรีบผลักไสลูกสาวให้ออกเรือนเร็วๆ
แต่หากยังไม่ได้ข้อมูลที่ชัดเจน ก็กลัวว่าลูกสาวของตนจะเสียเปรียบ
เย่ไป๋กล่าวว่า
“คุณป้า ถ้าสัปดาห์นี้คุณป้าและพี่ใหญ่รวมถึงเหล่าเซี่ยพอมีเวลา คุณพ่อคุณแม่ของผมก็อยากจะเลี้ยงอาหารพวกคุณสักมื้อน่ะครับ”
คุณแม่เซี่ยตอบรับอย่างไม่ลังเล “ได้เลยจ้ะ พวกเรามีเวลาอยู่แล้ว”
เย่ไป๋มองไปยังเซี่ยอวี่เพื่อถามความเห็นของหล่อน “อย่างนั้นสัปดาห์นี้เรามาทานอาหารเย็นด้วยกันนะครับ ตกลงไหม?”
เซี่ยอวี่ตักโจ๊กในชามพลางเอ่ย “ไว้ค่อยว่ากันตามสถานการณ์”
เมื่อได้ยินถ้ยอคำของพวกเขา เซี่ยไห่ก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขามองเย่ไป๋และเซี่ยอวี่ด้วยใบหน้าที่ฉายชัดถึงความไม่เชื่อ
หมายความว่าอย่างไร?
การพบกันของพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย?
นี่มัน…จากคู่รักกำมะลอกลายเป็นคู่จริงงั้นหรือ?
เย่ไป๋ระบายยิ้ม เมื่อมองสีหน้าตื่นตะลึงของเซี่ยไห่ก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “เถ้าแก่เซี่ย ฝั่งคุณก็คงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”
“ไม่มีปัญหาสิ แน่นอนว่าไม่มีปัญหา”
หลังอาหารเช้า เมื่อเย่ไป๋ขอตัวกลับ เซี่ยอวี่ก็ไม่รอให้มารดากระตุ้นแต่อย่างใด เป็นฝ่ายเดินออกไปส่งชายหนุ่มที่หน้าประตูด้วยตัวเอง
คุณแม่เซี่ยดูโล่งใจ “โอ๊ย ในที่สุดผู้หญิงคนนี้ก็ตรัสรู้ได้เสียที”
เซี่ยไห่เองรู้ดีว่าผู้เป็นมารดาจะหันหัวหอกมุ่งเป้ามาที่เขาในประโยคถัดไป เขาจึงชิงหนีออกมาก่อนโดยอาศัยลางบอกเหตุล่วงหน้า
“ลูกบอกว่าเมื่อไหร่นะ…”
“เอ๋ จะวิ่งไปไหน? แม่ยังพูดไม่จบเลย”
…….
ทั้งเย่ไป๋และเซี่ยอวี่ไม่ได้บอกกับครอบครัวของตนว่าก่อนหน้านี้พวกเขาเพียงแสดงละครแสร้งเป็นคนรักกัน คนสองคนที่เป็นผู้ใหญ่ หลังจากผ่านความยุ่งเหยิงพัวพันทุกรูปแบบ ในท้ายที่สุดก็เลือกที่จะเผชิญกับหัวใจของพวกเขาอย่างซื่อสัตย์
หลังเย่ไป๋ออกไปแล้ว เซี่ยอวี่ก็เห็นรอยเท้าขนาดใหญ่จากรองเท้าหนังที่หน้าประตู จากนั้นก็มีปฏิกิริยาตอบสนองหลังจากได้รู้ เมื่อคืนนี้ไม่รู้ว่าตอนไหน เหมือนว่าหล่อนจะได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์
เมื่อนำมาประกอบกับเส้นเลือดฝอยในดวงตาของเขาแล้ว หญิงสาวก็ตระหนักได้ว่าเขาน่าจะไม่ได้เพิ่งมาเมื่อตอนเช้าตรู่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ความประทับใจก็แล่นผ่านเข้ามาในหัวใจของหล่อน
หลังจากการประกวดนางแบบรอบชิงชนะเลิศสิ้นสุดลง หน้าแรกของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในเมื่อไห่เฉิงก็เต็มไปด้วยข่าวเกี่ยวกับการประกวดในครั้งนี้
กระทั่งมีคอลัมน์เล็ก ๆ ที่ลงภาพของเซี่ยอวี่และเย่ไป๋ด้วย
เนื้อหาต้นฉบับเผยแพร่วาจาของเซี่ยอวี่ถึงผู้ชมท่านนั้น
นักข่าวเองก็ช่างเก่งกาจ ฉวยโอกาสนี้ขุดคุ้ยเรื่องที่ว่าน้องชายของเซี่ยอวี่เป็นเจ้าของห้องเต้นรำในเมืองไห่เฉิงขึ้นมา
ทว่าเรื่องตัวตนของพี่ชายคนโตของเซี่ยอวี่นั้น สื่ออาจรู้สึกอ่อนไหวมากกว่า จึงกล่าวผ่าน ๆ แค่นั้น
หลินเซี่ยซื้ออาหารรสเลิศมาให้เซี่ยไห่เป็นพิเศษ
เซี่ยไห่ยังคงโกรธหลินเซี่ยอยู่ และเมื่อเขาเห็นเธอ เขาก็ส่งเสียงฮึดฮัด ไม่ยอมสนใจเธอ
“อารองยังโกรธฉันอยู่หรือคะ?”
หลินเซี่ยเชิญตัวเองนั่งลงแล้วเอ่ยกับเขา “เถ้าแก่อู๋โทรศัพท์มาหาฉันว่าเขาเดินทางไปถึงเมืองเชินเฉิงอย่างราบรื่นปลอดภัย กล่าวบอกว่าภายในสองวันเขาจะเริ่มรื้อถอนบ้านเก่าพวกนั้น”
น้ำเสียงของเซี่ยไห่แฝงไว้ด้วยความประชดประชัน “เรื่องการรื้อถอนน่ะ รื้อแล้วซ่อมแซมให้กลับคืนสภาพเดิมได้ถึงจะถือว่ามีฝีมือ มีเพียงต้องซ่อมแซมเท่านั้นจึงจะขายออกได้ แล้วเราจึงจะได้เงินกลับมา”
“อารอง นี่ค่ะ” หลินเซี่ยปอกกล้วยแล้วส่งให้เขา
เธอทำหน้ามุ่ยใส่เซี่ยไห่ “อย่างไรเสียก็ลงเงินลงทุนไปแล้ว คุณอาอย่าโกรธไปเลยนะคะ พูดกันตามตรง คุณอาเองก็เป็นผู้ถือหุ้น”
เซี่ยไห่เห็นสีหน้ากระตือรือร้นของเธอแล้ว หลังจากวางมาดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หยิบกล้วยขึ้นมากัด
“ช่างเถอะ จ่ายไปแล้วก็ไม่ใช่เงินของฉันแล้ว”
“อารองคะ ร้านใหม่ของฉันจะเปิดให้บริการเร็ว ๆ นี้ และฉันอยากให้คุณอาออกหน้าเป็นคนดูแลสถานการณ์ภาพรวมทั้งหมด”
เซี่ยไห่เมื่อได้ยินดังนั้น ก็ส่งเสียงในลำคออย่างเล่นตัวเล็ก ๆ “ได้ดีไปแล้วนี่ ยังต้องให้ฉันต้องออกหน้าอีกเหรอ?”
หลินเซี่ยเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ใช่แล้ว คุณอาคือเข็มเทพใต้ทะเลของฉันค่ะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คู่เซี่ยอวี่ลงตัวแล้วน้า เหลือแต่คู่เซี่ยไห่นี่แหละจะลงตัวกี่โมง
ไหหม่า(海馬)