ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 471 เขาเองก็อยากเป็นคนติดคนรักบ้าง
ตอนที่ 471 เขาเองก็อยากเป็นคนติดคนรักบ้าง
หลินเซี่ยลูบแขนเซี่ยไห่เบา ๆ จากนั้นจึงไปที่ร้าน
แม้ว่าร้านใหม่จะยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการ แต่หลินเยี่ยนก็ต้องอยู่ที่ร้านเพื่อฝึกแต่งหน้าทุกวัน ประกอบกับประกาศรับสมัครงานที่ลงเอาไว้ ด้วยเหตุนี้จึงกลัวว่าเมื่อมีคนมาสมัครงานที่ร้านแล้วจะไม่มีใครมาดูแล
ทันทีที่หลินเซี่ยเข้ามาในร้านก็เอ่ยถามหลินเยี่ยนว่า “เสี่ยวเยี่ยน มีใครมาสมัครงานไหม?”
หลินเยี่ยนเอ่ยตอบ “มีค่ะ เมื่อเช้ามีพี่สาวอายุราวสี่สิบปีเข้ามาถามฉันว่าขอมาเป็นเด็กฝึกงานได้ไหม หล่อนบอกว่าหล่อนไม่เคยสัมผัสงานนี้มาก่อน ฉันบอกไปว่ารอให้พี่กลับมาก่อนแล้วจะสอบถามให้ จากนั้นจะบอกหล่อนอีกที”
หลินเซี่ยได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “จะดีกว่าหากเป็นคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ”
หากไม่เคยแต่งหน้ามาก่อนและอายุมากกว่าเล็กน้อย ก็อาจตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในการเลี้ยงดูจุนเจือครอบครัว ทั้งการเริ่มต้นจากการเป็นเด็กฝึกงานนั้นไม่มีค่าจ้าง หลินเซี่ยจึงกลัวว่าจะไม่เหมาะสมนัก
“ได้ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”
หลินเซี่ยหมุนตัวกลับไป ทุกอย่างในร้านนั้นพร้อมแล้ว ป้ายร้านใหม่จะถูกส่งมาก่อนวันเปิดร้าน ตอนนี้เพียงรอวันที่เป็นฤกษ์งามยามดีในการเปิดกิจการ
หลังจากหลินเซี่ยตรวจสอบอยู่สักพักและกำลังจะออกไป พลันหญิงวัยกลางคนซึ่งมาทำผมเมื่อวันก่อนก็เข้ามาดูชุดแต่งงานพร้อมกับลูกสาว
หลินเซี่ยเห็นพวกหล่อนแล้วก็รีบให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
ร้านยังไม่ทันเปิดอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีลูกค้าเข้ามาแล้ว หลินเยี่ยนตื่นเต้นมาก รินน้ำให้พวกหล่อนอย่างกระตือรือร้น ก่อนทำการแนะนำชุดแต่งงานประเภทต่าง ๆ ในร้านให้สองแม่ลูก
หญิงวัยกลางคนนั้นเป็นแต่งตัวโก้เก๋เหมือนชาวต่างชาติ หล่อนเพิ่งอายุสี่สิบต้น ๆ ส่วนลูกสาวของหล่อนอายุน้อยกว่าหลินเซี่ยหนึ่งปีตามคำบอกกล่าวของหล่อน
หลินเซี่ยเอ่ยแนะนำด้วยรอยยิ้ม “คุณน้องคะ ชุดแต่งงานทั้งหมดที่คุณเห็นนี้ ฉันเพิ่งนำมาจากเมืองเชินเฉิงทั้งหมดค่ะ มีหลากหลายรูปแบบ คุณลองดูก่อนว่าชอบแบบไหน ด้านนี้ยังมีชุดเดรสสีแดง เป็นชุดสำหรับใส่รับแขก สวยสดงดงามมากทุกชุด อีกทั้งร้านของเรายังมีทรงผม รวมถึงเครื่องประดับศีรษะหลากหลายแบบให้เลือก โดยจะมีการจัดให้เหมาะสมกับเสื้อผ้าอาภรณ์ที่คุณเลือก คุณค่อย ๆ เลือกดูก่อนนะคะ”
หญิงสาวรอให้หลินเยี่ยนดึงผ้าระหว่างฉากกั้นให้เปิดออก และทันทีที่เห็นชุดแต่งงานแถวหนึ่งแขวนอยู่ หล่อนก็อุทานด้วยความเบิกบาน “ว้าว เยอะขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
สองแม่ลูกตื่นตาตื่นใจ รู้สึกว่าทุกชุดล้วนงดงามดูดีทั้งสิ้น
หญิงสาวมองไปรอบ ๆ แล้วเลือกหยิบชุดแต่งงานคอกว้างแขนตุ๊กตาออกมา หล่อนสัมผัสดูเนื้อผ้าแล้วมองผู้เป็นมารดา.
“แม่ค่ะ พ่อจะยอมให้ใส่ชุดนี้ไหม? หนูชอบชุดนี้”
แม่ของหล่อนเห็นชุดแต่งงานมากมายก็ละสายตาไม่ได้ ในฐานะผู้หญิงที่ผ่านช่วงยุคของตัวเองนั้น หล่อนต้องตัดเย็บชุดแต่งงานเองและประดับช่วงอกด้วยเข็มกลัดดอกไม้แดงเท่านั้น
มาถึงตอนนี้เมื่อลูกสาวของหล่อนมีชุดแต่งงานให้เลือกมากมาย ในใจก็รู้สึกถึงอารมณ์นับหมื่นพัน พร้อมตัดสินใจทันทีว่า “ลูกเลือกชุดที่ชอบเถอะ แม่จะกลับไปคุยกับพ่อให้”
“ขอบคุณค่ะแม่”
หญิงสาวเลือกชุดแต่งงานอย่างมีความสุข ส่วนแม่ของหล่อนหันกลับมาและเห็นหลินเซี่ยเดินตามหลังมา ก็อธิบายว่า
“พ่อของหล่อนคิดว่าการสวมชุดสีขาวในวันแต่งงานจะนำพามาซึ่งโชคร้าย และยืนกรานให้หล่อนสวมชุดสีแดงเท่านั้นน่ะค่ะ”
หลินเซี่ยยกยิ้ม ก่อนอธิบาย “พี่สาว สีขาวแสดงถึงความรักอันบริสุทธิ์ ส่วนสีแดงคือชุดตามประเพณีซึ่งให้ความรู้สึกปีติยินดีมากกว่า ดังนั้นคำแนะนำของร้านเราคือให้เลือกสองชุดค่ะ”
เมื่อหญิงสาวได้ยินว่าหล่อนสามารถเลือกได้สองชุด ก็รู้สึกพออกพอใจอย่างยิ่ง ทั้งยังสามารถนำไปโน้มน้าวผู้เป็นพ่อได้ จึงเลือกชุดแต่งงานที่ตัวเองชอบที่สุดอย่างเริงร่า
หลังจากเลือกชุดแล้ว ผู้เป็นมารดาก็เอ่ยถามคำถามซึ่งเป็นสิ่งที่กังวลที่สุด “ค่าเช่าวันละเท่าไหร่หรือ?”
หลินเซี่ยเอ่ยตอบว่า “ราคาเช่าชุดแต่งงานอยู่ที่ชุดละสิบหยวนต่อวัน หากเพิ่มการแต่งหน้าเข้าไปด้วยจะเป็นสามสิบหยวนค่ะ”
สองแม่ลูกเมื่อได้ยินราคาก็ลังเล “มันแพงไปหน่อย”
“พี่สาว เหตุการณ์สำคัญในชีวิตลูกผู้หญิงก็คืองานนี้นะคะ มันเป็นโอกาสที่ผู้หญิงจะแต่งตัวได้สวยสดงดงามที่สุด เสียเงินสามสิบหยวนนับว่าคุ้มค่า งานแต่งงานของน้องสาวจะมีขึ้นหลังจากร้านของเราเปิดอย่างเป็นทางการแล้ว ในเวลานั้น ทางร้านของเราจะมีการเปิดตัวบริการถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอด้วย ซึ่งหนึ่งชุดนี้รวมทั้งหมดแล้วจะมีราคาห้าสิบหยวน สามารถเก็บภาพงานแต่งงานอันล้ำค่าบันทึกใส่ซีดีเอาไว้ ในอนาคตก็กลับมาเปิดย้อนดูได้ เป็นของที่ระลึกอันมีความหมายยิ่ง”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินเซี่ยแนะนำ พี่สาววัยกลางคนก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยกับหลินเซี่ย
“เสี่ยวหลิน คุณช่วยแต่งหน้าเจ้าสาว รวมถึงทำผมให้ลูกสาวของฉันได้ไหม พวกเราดูผลลัพธ์ที่ออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”
หลินเซี่ยรับตกปากรับคำทันที “ไม่มีปัญหาค่ะ”
“น้องสาว คุณชอบแบบไหนหรือ?”
“แค่เป็นทรงผมเจ้าสาวก็พอค่ะ”
“อย่างนั้นฉันจะคิดแบบทรงผมให้ตามโครงหน้าของคุณนะคะ”
หลินเซี่ยแต่งหน้าให้อีกฝ่าย จากนั้นจึงเกล้ามวยผมขึ้น พร้อมประดับด้วยดอกไม้ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของยุคนี้
การแต่งหน้าเจ้าสาวในยุคนี้ เครื่องประดับดอกไม้ถือเป็นจิตวิญญาณ แม้จะไม่ได้สวมชุดพิธีการ ทุกคนก็สามารถรับรู้ได้ทันทีที่เห็นว่าหล่อนคือเจ้าสาว
หลินเซี่ยแต่งหน้าเสร็จจึงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เป็นอย่างไรบ้าง?”
หญิงสาวมองดูตัวเองในกระจกแล้วอุทานว่า “ว้าว สวยจังเลยค่ะ”
ปกติหล่อนแต่งหน้าแต่งตัวไม่ค่อยเป็นเสียเท่าใดนัก ไม่คาดคิดเลยว่าตนจะสวยได้ถึงเพียงนี้ แทบจะเป็นคนละคนอย่างไรอย่างนั้น
หญิงสาวตัดสินใจทันทีว่า
“งานแต่งงานของฉันจะให้คุณแต่งหน้าทำผมให้ ชุดเจ้าสาวก็เช่าจากร้านคุณเหมือนกันค่ะ
หลินเซี่ยกล่าวตอบ “ได้ค่ะ หากคุณแน่ใจแล้วว่าจะเช่าชุดไหนแล้ว ให้รีบจ่ายเงินมัดจำนะคะ ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะจองไปเสียก่อน”
“ค่ะ อย่างนั้นพวกเรากลับไปหารือกับพ่อของหล่อนก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาจ่ายเงินมัดจำ”
เมื่อสองแม่ลูกออกจากร้านไป หลินเยี่ยนมองหลินเซี่ยอย่างอ่อนแรง “พี่สาว ในอนาคต ราคาค่าแต่งหน้าหนึ่งครั้งอยู่ที่ยี่สิบหยวนเลยหรือ?”
“อ้อ เข้าใจแล้วค่ะ”
หลินเยี่ยนไม่กล้าถามว่าราคาแพงเพียงนี้จะดำเนินกิจการได้ไหม?
ในความเป็นจริง หล่อนประเมินระดับการใช้จ่ายของคนเมืองต่ำไปจริง ๆ แม้ว่าคนทั่วไปจะมีรายได้ไม่มาก แต่ก็ต้องจับจ่ายในสิ่งที่จำเป็น
ในช่วงบ่าย เฉินเจียเหอกลับมาจากที่ทำงาน หลินเซี่ยบอกว่าเธอจะกลับไปยังบ้านตระกูลเฉินเพื่อแจ้งเรื่องการเปิดกิจการกับพ่อแม่สามี
เฉินเจียเหอซึ่งกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าก็เอ่ยขึ้นอย่างลำบากใจ “ภรรยา เย่ไป๋อยากเลี้ยงข้าวผม ผมเองตอบตกลงไปแล้ว เขากำลังจะมารับ พรุ่งนี้เราค่อยกลับบ้านดีไหม?”
หลินเซี่ยซึ่งเตรียมตัวเสร็จแล้ว ทั้งยังนำชุดกระโปรงลายดอกไปให้คุณย่าเฉินด้วย ก็ไม่ได้มีสีหน้าแปรเปลี่ยน “คุณไปกินข้าวเถอะ ฉันกลับไปคนเดียวก็ได้ค่ะ เพียงไปเยี่ยมเยียนทักทายแล้วก็กลับ”
“ไปคนเดียวได้หรือ?” เฉินเจียเหอมองเธออย่างไม่สบายใจ
“ได้สิคะ คุณไม่ต้องเป็นห่วงฉันนะ การที่คุณหมอเย่ชวนไปกินข้าวด้วย ฉันคิดว่าเขาคงมีเรื่องอะไรบางอย่าง ส่วนหู่จืออยู่ที่ร้านอาหารกับแม่ คืนนี้ก็จะค้างกับแม่ คืนนี้คุณจะกลับมาดึกหน่อยก็ได้ค่ะ ฉันไปก่อนนะ ” หลินเซี่ยเอ่ยจบก็ถือกระเป๋าออกจากบ้านไป
เฉินเจียเหอตามมาส่งผู้เป็นภรรยาที่หน้าประตู จากนั้นหลินเซี่ยก็ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป เฉินเจียเหอมองดูมอเตอร์ไซค์ที่ค่อย ๆ ห่างไกลจนลับสายตา ทันใดนั้นก็พลันรู้สึกว่างเปล่าในใจ
ภรรยาของเขานั้นพัฒนาพึ่งพาตัวเองอย่างยิ่ง ตอนนี้ราวกับว่าเธอไม่ต้องพึ่งเขาเลย
เขากลับไปล็อคประตูบ้าน ทันทีที่ออกมา ก็ประจวบเหมาะกับที่เย่ไป๋มารับเขาพอดี
ทั้งเย่ไป๋และเฉินเจียเหอเป็นคนบ้างาน ซึ่งหากไม่มีเรื่องอะไรก็ไม่เคยเลี้ยงข้าวเลี้ยงปลากันเลย ทว่าพวกเขาเข้ากันได้ดียิ่งราวกับเพื่อนที่รู้ใจกัน
แม้จะไม่ได้เจอกันหรือติดต่อกันหลายเดือน แต่ก็ไม่เคยรู้สึกไม่สนิทไม่คุ้นเคยและอึดอัดเพียงเพราะไม่ได้เจอกันนาน
วันนี้อากาศไม่ค่อยดีนัก รู้สึกเหมือนฝนจะตก ทั้งยังมีหมอกหนา เย่ไป๋สวมแจ็กเกตเดนิมที่เซี่ยอวี่ให้เมื่อเช้า
คิ้วทรงดาบของเฉินเจียเหอยกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นชายหนุ่มแต่งตัวหล่อเหลาลงจากมอเตอร์ไซค์
คนผู้นี้มักจะใส่เสื้อผ้าสีดำหรือขาวอยู่เสมอ วันนี้เขาเปลี่ยนแนวการแต่งตัวงั้นหรือ?
เมื่อเห็นว่าเฉินเจียเหอจับจ้องมา เย่ไป๋จึงวางท่า “เป็นอย่างไร? หล่อใช่ไหม?”
เฉินเจียเหอ “???”
เขามองอีกฝ่ายพลางเอ่ยถาม “ทำไมจู่ ๆ นายถึงชวนฉันไปกินข้าวล่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มีอะไร วันนี้ฉันเลิกงานเร็ว อยากชวนนายออกไปนั่งพูดคุยกันข้างนอก”
“ขึ้นรถเถอะ”
เฉินเจียเหอมองดูมอเตอร์ไซค์ ก่อนจำต้องขึ้นไปนั่ง
เย่ไป๋พาเขาเข้าไปยังร้านอาหาร หาที่นั่งแล้วเอ่ยปากสั่งอาหารกับเถ้าแก่
“อยากกินอะไรก็สั่งได้เลย”
เฉินเจียเหอเองไม่ได้ลังเล เขาสั่งไก่สับและปลาเจี๋ยนน้ำแดง ก่อนส่งสัญญานให้เย่ไป๋ “ฉันเอาแค่นี้ นายสั่งเถอะ”
เย่ไป๋สั่งอาหารมังสวิรัติมาอีกสองจาน จากนั้นก็รินชาให้เฉินเจียเหออย่างกระตือรือร้น
เฉินเจียเหอมองเขาแล้วเปิดปากถาม
“มาหาฉันแบบไม่มีอะไรจริง ๆ น่ะหรือ? ทำไมนายไม่บอกแต่แรก หากไม่มีเรื่องอะไรฉันจะได้ไม่มา ฉันต้องกลับบ้านเป็นเพื่อนภรรยา”
นับตั้งแต่แต่งงาน เฉินเจียเหอก็ทำตัวติดหลินเซี่ยราวกับตังเม ในตอนแรกที่เห็นว่าเฉินเจียเหอผู้เป็นชายชาตรีอกสามศอกผันเปลี่ยนกลายเป็นคนติดคนรัก สีหน้าท่าทีของเย่ไป๋ก็สับสนงุนงงอย่างยิ่ง ทว่าตอนนี้… เขาไม่เพียงแต่เข้าใจ แต่ยังต้องการเอาชนะอีกฝ่ายด้วย
หากไม่ใช่เพราะเซี่ยอวี่มีกิจธุระในวันนี้ เขาเองก็อยากจะไปเอาตัวไปติดอยู่กับหล่อน
เย่ไป๋แตะจมูกของเขา ก่อนเอ่ยขึ้นว่า “อันที่จริงก็มีเรื่องอยู่นิดหน่อย กินข้าวไปคุยกันไปดีกว่า”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ได้เจอความรักบ้าง ทีนี้เข้าใจพี่เหอแล้วหรือยังคะ
ไหหม่า(海馬)