ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 473 เฉินเจียซิ่งพาคนรักกลับมาด้วย
ตอนที่ 473 เฉินเจียซิ่งพาคนรักกลับมาด้วย
เฉินเจียเหอเองก็เจรจาต่อรองกับหัวหน้าเพื่อขอลาในช่วงเช้า เมื่อสมาชิกในครอบครัวทุกคนมาถึง หลินเซี่ยจึงเชิญเซี่ยไห่ให้เป็นประธานในงานนี้
เขาไม่ได้มาเพียงลำพัง พนักงานจากห้องเต้นรำล้วนมีประโยชน์ทั้งสิ้น ลู่เจิ้งอวี่พร้อมลูกน้องสองสามคนตั้งกระเช้าดอกไม้ตกแต่ง ที่หน้าประตูยังมีการจัดให้เด็กสาวหลายคนสวมชุดกระโปรงสีแดงจากในร้าน ซึ่งหลินเยี่ยนตั้งใจแต่งหน้าให้พวกหล่อนเป็นพิเศษเพื่อให้คอยยืนรับแขกในตอนเช้า
ธุรกิจหลักของร้านใหม่คือทำผมแต่งหน้าเจ้าสาว และให้เช่าชุดแต่งงาน ดังนั้น แทนที่จะใช้ชื่อร้านเสริมสวยต่อไป ก็เปลี่ยนไปใช่ชื่อใหม่ว่า “จุ้ยเหม่ยซินเหนียง (เจ้าสาวแสนสวย)” แทน
ชื่อร้านช่างเรียบง่าย เพียงชำเลืองมองก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าภายในร้านให้บริการอะไรบ้าง
เมื่อวานนี้หลินเซี่ยไปทำใบปลิวโฆษณาร้านใหม่มาจำนวนหนึ่งร้อยชุด ในตอนนั้นเอง ลู่เจิ้งอวี่และหลินเยี่ยนก็ถือใบปลิวจำนวหนึ่งไว้ในมือ ยืนอยู่หน้าร้านคอยแจกใบปลิวให้ผู้ที่เดินผ่านไปมา
เดิมทีตั้งใจจะทำให้เป็นการเปิดร้านแบบเรียบง่าย ทว่าสมาชิกในครอบครัวผู้กระตือรือร้นกลับพากันส่งเสียงดังจนทำให้กลายเป็นที่ฮือฮาไปทั่วถนนทั้งสาย
ส่งผลให้หลินเซี่ยตัดสินใจว่าเมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด โดยหันมาใช้รูปแบบการเปิดร้านแบบเดียวกับที่เธอเคยเห็นในชีวิตที่แล้วแทน ใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ของตนกับเซี่ยไห่หยิบยืมชุดอุปกรณ์คาราโอเกะมาตั้งหน้าร้าน มีคนหนุ่มสาวร้องเพลง แล้วก็เป็นพิธีเปิดร้าน
การทำแบบนี้ดึงดูดผู้คนได้มากกว่า
เฒ่าชราทั้งสองคนของตระกูลเฉินและคุณแม่เซี่ย ซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่เคารพนับถือ ซึ่งหลินเซี่ยได้จัดไว้ ทำการริบบิ้นและเปิดป้ายชื่อร้าน
เฉินเจียเหอและเฉินเจียวั่งต่างงานล้นมือทั้งด้านในด้านนอก คนของตระกูลเซี่ยเองก็สุขสันต์ยินดี ทว่าเมื่อคุณย่าเฉินไม่เห็นว่าเฉินเจียซิ่งมาด้วย นางก็แสดงท่าทางวิตกออกมา
นางดึงเฉินเจียวั่งมาหา แล้วถามเสียงแผ่วเบา “เจียวั่ง ไม่ใช่ว่าพี่รองของหลานบอกว่าจะมาร่วมงานหรือ? ใกล้ถึงเวลาตัดริบบิ้นแล้ว ทำไมเขายังไม่มาอีก? หลานรีบส่งเพจเจอร์ไปหาเขาที”
คุณย่าเฉินหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในโอกาสเช่นวันนี้พี่น้องตระกูลเฉินทั้งสามคนจะยืนอยู่ด้วยกันอย่างปรองดองพร้อมหน้าพร้อมตา เพื่อที่ครอบครัวเดิมของหลินเซี่ยจะได้รู้ว่าลูก ๆ ของตระกูลเฉินนั้นเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
อย่างไรเสียพ่อแม่ของเฉินเจียเหอก็ไม่ได้มา คนที่มาก็เป็นเพียงผู้เฒ่าผู้แก่สองคนอย่างพวกเขา หากกระทั่งเฉินเจียซิ่งก็ไม่ปรากฏตัว เกรงว่าทางตระกูลเซี่ยอาจรู้สึกว่าพวกเขาไม่ให้ความสำคัญกับหลินเซี่ยมากพอแล้วจะผูกใจเจ็บเอาได้
เฉินเจียวั่งกล่าวว่า “คุณย่า หากเขาอยากจะมาก็มาเองแหละครับ ไม่ต้องไปสนใจหรอก”
เฉินเจียวั่งหยิบกล้องขึ้นมา ยุ่งอยู่กับการหามุมสะดวกต่อการถ่ายภาพระหว่างการตัดริบบิ้นที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้
คุณย่าเฉินยืนอยู่คนเดียวที่มุมถนน สายตาจ้องมองไปทางถนนอย่างกังวลใจ
ตัวนางเองไม่มีโทรศัพท์ จะหยิบยืมโทรศัพท์มือถือของคนอิ่นมาเพื่อส่งข้อความไปก็ไม่เหมาะสมเท่าไรนัก จึงทำได้เพียงร้อนอกร้อนใจอยู่อย่างนั้น
ในที่สุด ในตอนที่หลินเซี่ยตะโกนให้ไปตัดริบบิ้น เฉินเจียซิ่งซึ่งมาสายก็มาถึง
เขามาพร้อมกับหญิงสาวซึ่งมัดผมหางม้าคนหนึ่ง
คุณย่าเฉินรีบเอ่ยทักเขา “เจียซิ่ง เร็วเข้า ถึงเวลาทำพิธีเปิดแล้ว”
เฉินเจียซิ่งตรงเข้ามาหานาง ก่อนแนะนำคุณย่าเฉินให้รู้จักคนข้างหาย “นี่คือหงเสียคนรักของผมครับ”
“สวัสดีค่ะคุณย่า”
คุณย่าเฉินรู้สึกประหลาดใจ ด้วยไม่คาดคิดว่าเฉินเจียซิ่งไม่ได้มาเพียงคนเดียว แต่ยังพาคนรักมาด้วย
นางมองหญิงสาวสวมเสื้อเชิ้ตเข้ารูปสีแดงที่ยืนอยู่ข้างเฉินเจียซิ่ง ก็พลันเผยสีหน้าเมตตาเอ็นดู “หงเสียหรือ เป็นชื่อที่ดีจริง ๆ…”
“คุณย่าคะ รีบหน่อยค่ะ จะตัดริบบิ้นแล้ว…”
“เจียซิ่ง พาหงเสียไปเดินดูรอบ ๆ ก่อน แล้วเราค่อยคุยกันทีหลัง”
ผู้อาวุโสทั้งสามตัดริบบิ้นและเปิดป้ายพร้อมกับหลินเซี่ย หลินจินซานเป็นผู้จุดประทัด ส่วนเฉินเจียวั่งเป็นช่างภาพ บรรยากาศทางเข้าร้านดูคึกครื้นอย่างยิ่ง
หลังจากตัดริบบิ้นเรียบร้อยแล้ว ทุกคนที่มองดูคำว่า “เจ้าสาวแสนสวย” ก็พลันมีรอยยิ้มกว้างประดับใบหน้า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาสหายหญิงซึ่งมองดูชุดแต่งงานรวมถึงเครื่องประดับศีรษะและเครื่องสำอางมากมายในร้านผ่านทางหน้าต่าง ความรู้สึกต่าง ๆ ล้วนผุดขึ้นในใจ
ยุคสมัยกำลังเปลี่ยนแปลงไปแล้วจริง ๆ และสถานะของผู้หญิงในสังคมก็ค่อย ๆ ดีขึ้น คุณแม่เซี่ยและหลิวกุ้ยอิงมองไปยังหลินเซี่ยด้วยความรู้สึกซาบซึ้งและชมชอบอย่างอธิบายไม่ถูก
เธอได้ทำสิ่งที่มีความหมายมาก
การแต่งงานสำหรับสตรีแล้วถือเป็นเหตุการณ์อันศักดิ์สิทธิ์ ในอดีต พวกหล่อนเพียงสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ แล้วก็ถูกส่งไปยังบ้านสามีอย่างสุกเอาเผากินเพื่อเริ่มต้นบทบาทใหม่ในชีวิต
การแต่งงานควรมีพิธีการที่ยิ่งใหญ่สมเกียรติฐานะ
ควรสวมชุดแต่งงาน แต่งหน้าสวย ๆ แล้วเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงสถานะใหม่ของตน
เมื่อพิธีสิ้นสุดลง คุณย่าเฉินก็รีบมาเรียกเฉินเจียซิ่งให้พาหญิงสาวข้างกายมาหา
เฉินเจียซิ่งพาหล่อนไปแนะนำกับสมาชิกในครอบครัวของเขาอย่างเป็นทางการ “หงเสีย พวกท่านเหล่านี้คือคุณปู่คุณย่าของผมนะครับ”
หญิงสาวนามหงเสียมองไปยังคนชราทั้งสอง ก่อนเอ่ยทักทายอย่างสุภาพนอบน้อม “สวัสดีค่ะคุณปู่ สวัสดีค่ะคุณย่า”
เมื่อเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยรวมถึงคนอื่นๆ ได้ยินว่าเฉินเจียซิ่งพาคนรักมาด้วย ทุกคนก็ต่างก็อยากรู้ว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไรกันแน่
เมื่อเฉินเจียซิ่งเห็นพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ของเขาเดินเข้ามา ก็กล่าวแนะนำหญิงสาวที่อยู่ข้างเขาอีกครั้ง “นี่คือพี่ใหญ่ของผม เฉินเจียเหอ นี่พี่สะใภ้ชื่อหลินเซี่ย และเจียวั่ง น้องชายคนเล็กของผมครับ”
“สวัสดีค่ะพี่ใหญ่ สวัสดีค่ะพี่สะใภ้ สวัสดีน้องสามี”
ในการพบกันครั้งแรก หญิงสาวคนนี้ดูกระตือรือร้นและปากอ่อนเรียกขานทุกคนได้อย่างไม่เคอะเขิน ทำให้เฉินเจียเหอและเฉินเจียวั่งเผยสีหน้ามีเลศนัย
“สวัสดีค่ะ เชิญเข้าไปดูในร้านได้นะคะ”
ในเมื่ออีกฝ่ายเรียกว่าพี่สะใภ้ หลินเซี่ยจึงรีบต้อนรับและเชิญหล่อนเข้าไปชมในร้าน
เมื่อทั้งสองเข้าไปในร้านแล้ว ผู้เฒ่าเฉินก็เอ่ยถามเฉินเจียซิ่งขึ้นว่า “สหายหญิงคนนี้เป็นคนที่ไหน? พวกเธอรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ด้วยเพราะบทเรียนที่ได้รับก่อนหน้านี้ จึงทำให้เขาระมัดระวังเรื่องปัญหาส่วนตัวของเฉินเจียซิ่งเป็นพิเศษ
เฉินเจียซิ่งเอ่ยตอบ “เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหล่อนเข้ามาบรรจุทำงานที่ที่ทำงานของผม หล่อนเองก็เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดเหมือนกันกับผมครับ”
คุณย่าเฉินค่อนข้างประทับใจกับหยางหงเสีย “ดีทีเดียว มองแวบแรกหล่อนทั้งดูอ่อนโยนมีชีวิตชีวาทีเดียว”
เฉินเจียวั่งซึ่งอยู่ข้าง ๆ พลันสาดน้ำเย็น “คุณย่า สังเกตกันไปก่อนแล้วค่อยสรุปเถอะครับ”
“สังเกตอะไรกัน? เดิมหล่อนเองก็เป็นคนดี เป็นคนร่าเริงมีชีวิตชีวา ทั้งยังสุภาพอ่อนโยนมาก และที่สำคัญที่สุด หล่อนปฏิบัติต่อฉันเป็นอย่างดี”
เฉินเจียซิ่งตกหลุมรักหญิงสาวแล้ว จึงไม่อาจอดรนทนไหวเมื่อคนอื่นสงสัยในตัวของคนรักของเขา เขาสบสายตาเข้ากับแววตาเย็นชาของเฉินเจียวั่ง พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้ความมั่นใจแก่เขา “เจ้าสาม อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นสิ คราวนี้ฉันไม่ได้ตาบอดจริง ๆ”
“งั้นขอให้พี่โชคดี” หลังจากที่เฉินเจียวั่งพูดจบ เขาก็ไปสะพายกล้องออกไปถ่ายรูปต่อ
เฉินเจียเหอเองก็ยุ่งเช่นกัน เฉินเจียซิ่งจึงช่วยประคองชายชรา พลางถามหยั่งเชิง
“คุณปู่ คิดว่าหงเสียเป็นอย่างไรบ้างครับ?”
“หน้าตาสะสวยทีเดียว ไม่ว่าเรื่องส่วนตัวจะเป็นยังไง พวกเราก็เคารพความต้องการของหลานอยู่ ถึงอย่างนั้นก็ยังจับตามองไปด้วย เราไม่ขอให้หล่อนมีความสามารถมากมายนัก ขอเพียงหล่อนรักษาหน้าที่รับผิดชอบ นิสัยดี ยินดีที่จะใช้ชีวิตกับหลานอย่างมีความสุขก็พอแล้ว”
อุปนิสัยของเฉินเจียซิ่งเป็นอย่างไร พวกเขาในฐานะญาติผู้ใหญ่ย่อมชัดแจ้ง ดังนั้นจึงไม่กล้าคาดหวังว่าเขาจะหาคนรักที่มีทักษะความสามารถมาก แต่อย่างน้อยที่สุดขอให้นิสัยดี ไม่สร้างปัญหา
“ผมทราบแล้วครับคุณปู่”
การที่เฉินเจียซิ่งผู้เคยล้มอย่างไม่อาจลุกขึ้นได้จากความสัมพันธ์ครั้งก่อนสามารถเอาชนะความมืดมนและออกจากความโสดได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ นั้น ทำให้พวกเขาในฐานะญาติผู้ใหญ่ต่างก็ปีติยินดีไปกับเขา
แต่ก้นบึ้งของหัวใจก็ยังมีความไม่มั่นใจอยู่บ้าง ด้วยเกรงว่าเขาจะพบเจอกับคนไม่ดีอีกครั้ง
เฒ่าชราทั้งสองเดินตามเข้าไปในร้านใหม่ด้วย หวังว่าจะได้ทำความรู้จักกับหงเสีย
หยางหงเสียเดินตามหลินเซี่ยเข้ามาเยี่ยมชมร้านใหม่ เมื่อเห็นชุดแต่งงานแขวนอยู่เรียงราย ก็อุทานออกมาเหมือนเช่นสาว ๆ คนอื่น
“ว้าว ชุดแต่งงานเต็มไปหมดเลย นี่มันสวยเกินไปหรือเปล่าคะ?”
หยางหงเสียเดินชมรอบร้าน พลางมองหลินเซี่ยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม “พี่สะใภ้ ฉันได้ยินเจียซิ่งบอกว่าคุณมีความสามารถมากจนเปิดร้านที่สองได้แล้ว คุณเก่งมากเลยค่ะ ทั้งที่เป็นผู้หญิงแท้ ๆ ทำไมคุณถึงเยี่ยมยอดถึงเพียงนี้?”
หลินเซี่ยรู้สึกเขินกับถ้อยคำชมเชยจากอีกฝ่าย “ที่ฉันเปิดร้านนี้ได้ก็เพราะแรงสนับสนุนจากครอบครัวน่ะค่ะ”
“คุณถ่อมตัวเกินไปแล้วล่ะค่ะ ตอนที่ฉันพบกับเฉินเจียซิ่งครั้งแรก ทรงผมของเขาหล่อเหลามาก เขาบอกว่าพี่สะใภ้เป็นคนตัดผมให้ ทั้งยังแนะนำเพื่อนร่วมงานผู้ชายมาตัดผมให้ที่ร้านของคุณด้วย แม้พวกเขาจะไม่หล่อท่าเฉินเจียซิ่ง แต่ทรงผมของพวกเขาก็เหมาะสมและดูสะดุดตาอย่างยิ่ง คุณมีฝีมือการตัดผมที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ แม้ครอบครัวจะไม่ช่วยเหลือ คุณก็เปิดร้านนี้ขึ้นมาได้อย่างแน่นอนค่ะ”
หลินเซี่ยได้ยินวาจาของหยางหงเสียแล้วก็พลันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จู่ ๆ ทัศนคติที่มีต่อเฉินเจียซิ่งก็แปรเปลี่ยนไปเช่นกัน
เขาถึงขั้นแนะนำลูกค้าให้เธอด้วย
ลูกค้าที่มาไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ เฉินเจียซิ่งเองยิ่งไม่เคยจะทวงความดีความชอบนี้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามีเรื่องแบบนี้ด้วย
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
คราวนี้น่าจะเจอคนดีๆ นะเจียซิ่ง บทเรียนคราวที่แล้วน่าจะสอนอะไรได้หลายอย่างเลยล่ะ
ไหหม่า(海馬)