ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 474 สามัคคีคือพลัง
ตอนที่ 474 สามัคคีคือพลัง
คุณย่าเฉินเห็นหลินเซี่ยพาหยางหงเสียเข้าไปเยี่ยมชมร้าน ทั้งยังพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง ใบหน้าของนางก็เกิดรอยยิ้ม
คุณย่าเฉินดึงหลินเซี่ยออกไปข้างนอก แล้วถามด้วยเสียงกระซิบ “เซี่ยเซี่ย เธอว่าผู้หญิงคนนี้ดูเป็นยังไงบ้าง?”
หลินเซี่ยยิ้มและตอบว่า “คุณย่า หล่อนดูอัธยาศัยดีมากเลยค่ะ”
เมื่อได้ยินว่าหลินเซี่ยมีความประทับใจที่ดีต่อหยางหงเสีย คุณย่าเฉินก็ดูพอใจ พูดว่า “ฉันคิดว่าเธอก็ดูเป็นคนดีเหมือนกัน”
ไม่รู้พูดได้หรือเปล่า ถึงแม้จะเพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรก แต่นางกลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายค่อนข้างกลมกลืนกับครอบครัวพวกเขา
เมื่อคุณแม่เซี่ยได้ยินว่าน้องชายของเฉินเจียเหอพาแฟนใหม่กลับมาหลังหย่ากับภรรยาเก่า นางก็รู้สึกไม่สบายใจอีกครั้ง
พอมองดูเซี่ยไห่ที่ไม่เป็นโล้เป็นพาย นางก็เริ่มถอนหายใจ
เซี่ยไห่และเฉินเจียเหอกำลังยุ่งอยู่กับการปรับแต่งอุปกรณ์ทีวีสีและเครื่องเสียงตรงทางเข้าร้าน วางแผนว่าจะจัดซุ้มคาราโอเกะเล็ก ๆ ที่นี่ในเพื่อดึงดูดผู้คนที่เดินผ่านไปมา
เมื่อจัดอุปกรณ์เข้าที่เข้าทางแล้ว ผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็แวะมาขอร้องเพลงได้ฟรี เพื่อดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมร้านมากขึ้น จะได้แจกใบปลิวหรืออะไรก็ตามเพื่อให้ทุกคนรู้จักธุรกิจของร้านเบื้องต้น
เฉินเจียเหอขอลางานแค่สองชั่วโมง ซึ่งก็ได้มาหลังจากถกเถียงกับหัวหน้างานอยู่พักหนึ่ง เขาดูนาฬิกาแล้วพูดกับหลินเซี่ยอย่างรู้สึกผิดและเสียใจว่า “เซี่ยเซี่ย ผมอาจจะต้องกลับไปที่โรงงานก่อน ที่นั่นไม่มีใครอยู่คุมงาน รายละเอียดต่าง ๆ อาจมีข้อผิดพลาด”
“คุณกลับไปเถอะค่ะ พิธีเปิดร้านจบแล้ว ฉันจะอยู่รับแขกที่นี่เอง ไว้ค่อยคุยกันคืนนี้นะ”
“ได้ งั้นผมไปแล้วนะ” เฉินเจียเหอบอกลาผู้อาวุโสแล้วรีบออกไปทันที
เซี่ยไห่สั่งลู่เจิ้งอวี่ให้ปรับไมโครโฟน หลังจัดการสิ่งต่าง ๆ เสร็จเขาก็กระหายน้ำมากอยากเข้าไปจิบน้ำสักหน่อย แต่พอหันกลับมาแล้วปะทะกับสายตาขุ่นเคืองของหญิงชรา จึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “ฮั่นแน่ ใครทำให้แม่สาวน้อยของผมไม่สบอารมณ์อีกแล้ว?”
“แกรู้จักผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า?”
เซี่ยไห่มองตามสายตาผู้เป็นแม่แล้วตอบว่า “รู้จักสิ นั่นเฉินเจียซิ่งไม่ใช่เหรอ?”
“แล้วรู้จักผู้หญิงชุดแดงที่อยู่ข้าง ๆ เขาไหม?”
“นั่นแฟนใหม่เขาล่ะ”
“โอ้”
เมื่อเห็นว่าเซี่ยไห่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ นางก็พูดเสริมด้วยน้ำเสียงเย็นชา “น้องชายของเจียเหอกำลังจะได้เริ่มต้นชีวิตคู่ครั้งใหม่ เมื่อกี้เหมือนแม่หนูนั่นมาดูชุดแต่งงานไว้”
ยิ่งไปกว่านั้น นางยังสังเกตว่าหญิงสาวที่ชื่อเจียงอวี่เฟยก็เหมือนจะตามติดลูกชายคนที่สามของตระกูลเฉินอย่างใกล้ชิด ดูเหมือนพวกเขาจะมีใจให้กันอยู่บ้าง
เซี่ยไห่เข้าใจทันทีว่าท่าทางเศร้าโศกและการทอดถอนหายใจของหญิงชรามาจากไหน เขาจิบน้ำแล้วพูดกับแม่ของเขาว่า “แม่ครับ ผมมีธุระ แม่ไปยุ่งเรื่องแต่งงานของพี่สาวกับพี่เขยดีกว่า ลองดูว่าอยากให้พวกเขาใส่ชุดอะไรในวันงาน แล้วรีบจัดการเรื่องระหว่างพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ให้เสร็จ เราค่อยว่ากันทีละเรื่อง โอเคไหม?”
คุณแม่เซี่ยรู้สึกว่าสิ่งที่เซี่ยไห่พูดนั้นสมเหตุสมผล
ครอบครัวนางกำลังจะมีงานมงคล
เรื่องระหว่างเจ้าใหญ่กับอิงจื่อล่าช้ามานานแล้ว ไหน ๆ ตอนนี้ชุดแต่งงานก็พร้อมพรั่ง นางต้องรีบเลือกชุดให้อิงจื่อก่อน
ทันใดนั้นคุณแม่เซี่ยก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ไปขอให้หลิวกุ้ยอิงเลือกชุดแต่งงานที่ชอบ
เซี่ยไห่เห็นแบบนั้นก็หัวเราะ ออกไปทำงานในฐานะหัวเรือใหญ่ต่อไป
อุปกรณ์คาราโอเกะถูกจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว เซี่ยไห่พูดว่า “เชิญครับ ใครสนใจอยากร้องเพลงกรุณาเชิญทางนี้”
การร้องเพลงบนท้องถนนเป็นสิ่งที่น่าอายเกินไป ไม่มีใครยกมือขึ้น หลินเซี่ยจึงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ดูเหมือนจะยังไม่มีผู้กล้า ถ้าอย่างนั้นฉันในฐานะเจ้าของร้านขอเป็นคนเปิดก่อนแล้วกันเพื่อวอร์มสถานที่”
หลินเซี่ยเปิดดูเพลงในแผ่นดิสก์ แล้วพูดกับลู่เจิ้งอวี่ว่า “ขอร้องเพลงสาวน้อยใต้ไฟถนนนี้แล้วกันค่ะ ”
เพลงนี้ถือเป็นเพลงแดนซ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในห้องเต้นรำของเซี่ยไห่ เรียกได้ว่าเป็นเพลงแดนซ์ฮอลล์แห่งยุคนี้เลยก็ว่าได้
หลินเซี่ยหยิบไมโครโฟน ยืนอยู่หน้าจอทีวีสีที่เชื่อมต่อกับเครื่องเล่น เมื่อเปิดแผ่นดิสก์ เสียงเพลงบรรเลงก็ดังขึ้นและเธอก็เริ่มร้องเพลงตาม
พนักงานหลายคนในห้องเต้นรำได้ยินทำนองของเพลงนี้และฮัมเพลงตามทันที จากช่วงเริ่มต้นของเพลง จู่ ๆ ท่อนโซโลของหลินเซี่ยก็กลายเป็นท่อนคอรัส
หลินจินซานและคนอื่น ๆ ถึงกับโยกย้ายส่ายสะโพกตามทำนองเพลง
ที่ตั้งของร้านใหม่ไม่มีอาคารบ้านเรือนหนาแน่นเท่ากับร้านตัดผม แต่เนื่องจากหน้าร้านมีเสียงดังชวนให้สนใจ แถมยังมีการแจกใบปลิวตั้งแต่เช้า และยังมีการร้องคาราโอเกะเพื่อส่งเสริมกิจกรรมการขาย ทำให้มีคนเข้ามามุงดูมากขึ้น
หลินเยี่ยนและลู่เจิ้งอวี่ใช้โอกาสนี้เชิญทุกคนเข้าไปในร้านอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ในบรรดาผู้คนที่เดินผ่านไปมาและมีนิสัยชอบร้องรำทำเพลงก็หยุดแวะตามคำเชิญ แล้วร้องคาราโอเกะอย่างสนุกสนาน
เซี่ยไห่จึงค้นพบโอกาสทางธุรกิจเช่นเดียวกัน
เมื่อเห็นว่ามีคนสนใจจะร้องเพลงและเต้นรำ เขาจึงถือโอกาสโปรโมทธุรกิจห้องเต้นรำและห้องร้องคาราโอเกะ เพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ ให้มาใช้บริการที่ห้องเต้นรำเพิ่ม
ยุคนี้สถานประกอบการเกี่ยวกับกิจกรรมบันเทิงมีน้อย เมื่อเห็นสิ่งแปลกใหม่แบบนี้อยู่บนท้องถนน ผู้สูงอายุก็แห่เข้ามาร่วมสนุกด้วย
คนเริ่มเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไมโครโฟนตัวเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป เซี่ยไห่บอกให้หลินจินซานรีบหาไมโครโฟนมาอีกตัวแล้วเสียบปลั๊ก
ขณะนอกร้านเสียงเพลงดังลั่น คนหนุ่มสาวต่างก็สนุกสนานกัน คุณแม่เซี่ยและคุณย่าเฉินภายในร้านก็กำลังพูดคุยกันและเลือกชุดแต่งงาน หลินเยี่ยนเป็นผู้แนะนำชุดแต่งงานสไตล์ต่าง ๆ ในร้านให้กับลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชม รวมถึงแนะนำบริการอื่น ๆ ของร้านด้วย
บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกครื้น
สักพักป้า ๆ หลายคนก็รีบพูดว่าที่บ้านของพวกหล่อนกำลังจะมีงานมงคล และอยากพาลูกสาวและลูกสะใภ้มาลองชุดแต่งงานที่นี่
หลินเยี่ยนมีไหวพริบและรู้เทคนิคทางการตลาด หล่อนรีบจดข้อมูลติดต่อของพวกหล่อนรวมถึงกำหนดการงานแต่งเอาไว้ เพื่อที่พวกเขาจะได้โทรกลับไปเสนอบริการของร้านในภายหลัง
คุณแม่เซี่ยต้องการเลือกชุดแต่งงานให้กับหลิวกุ้ยอิง แต่เนื่องจากวัยของหล่อน หลิวกุ้ยอิงก็กลัวว่าจะโดนคนหนุ่มสาวหัวเราะเยาะเอาได้ จึงปฏิเสธความหวังดีของว่าที่แม่สามี จากนั้นหล่อนและเซี่ยเหลยก็วางแผนว่าจะกลับไปที่ร้านอาหารแต่เช้าเพื่อเตรียมอาหารให้กับทุกคน
มีแขกมาให้กำลังใจลูกสาวมากมาย ในฐานะพ่อแม่ย่อมรู้สึกเต็มตื้นยินดีและซาบซึ้งในน้ำใจของทุกคนมาก อย่างน้อยก็ควรเลี้ยงอาหารว่างเขาสักหน่อย
เฉินเจียวั่งเชิญปู่ย่าของเขาขึ้นไปบนเวทีและยื่นไมโครโฟนให้ทั้งสอง
“คุณปู่ คุณย่า คุณสองคนก็ร้องเพลงด้วยสิครับ”
“คุณปู่ ร้องเพลงมาร์ชกองทัพก็ได้นี่ครับ ตอนอยู่บ้านปู่ไม่ได้ร้องออกบ่อยหรอกเหรอ? โชว์สักหน่อยเถอะ”
“ใช่ งั้นส่งไมโครโฟนให้ปู่เขาแล้วกัน”
เฉินเจียซิ่งถือวิสาสะเลือกหนึ่งเพลงหลังจากเครื่องเล่น “เพลงนี้แล้วกัน สามัคคีคือพลัง”
“ตาเฒ่า ร้องเพลงเป็นขวัญตาให้คนรุ่นใหม่สักสองสามท่อนเถอะ หลานสะใภ้เปิดร้านใหม่ คิดซะว่าสนับสนุนหล่อน อย่าทำให้งานกร่อย”
คุณย่าเฉินผลักเขาและพูดต่อ “เพลงนี้เข้ากับแนวคิดทางด้านศิลปะ หลังจากที่คุณร้องเพลงนี้จบแล้ว ลองพูดสักสองสามคำเพื่อให้พวกเขาสมัครสมานสามัคคีและอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวสิ”
หลาน ๆ ต่างส่งเสียงเชียร์ ภรรยาของเขาก็สนับสนุน ดังนั้นผู้เฒ่าเฉินจึงเลี่ยงไม่ได้ จัดคอเสื้อนิดหน่อยแล้วหยิบไมโครโฟน กระแอมในลำคอ ยืนอยู่หน้าเครื่องเสียงแล้วเริ่มร้องเพลงด้วยเสียงอันเป็นเอกลักษณ์
แม้ว่าชายชราจะอายุเกินเจ็ดสิบปีแล้ว แต่เขายังคงร้องเพลงมาร์ชกองทัพได้ด้วยเสียงดังกังวานและทรงพลัง
ที่สำคัญคือไม่คร่อมจังหวะแม้แต่นิดเดียว
หลังจากเพลงจบ ฝูงชนก็ปรบมือกันเกรียวกราว
ผู้เฒ่าเฉินรู้สึกประทับใจมาก วันทยาหัตถ์ให้กับทุกคนด้วยท่าทางทหารกล้า
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
มันเข้าตัวใช่ไหมคะพี่ไห่ คนรอบตัวมีแฟนใกล้จะแต่งงานกันหมด เหลือพี่โสดอยู่คนเดียว
ไหหม่า(海馬)