ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 476 วิญญาณน้อยตามติดแม่
ตอนที่ 476 วิญญาณน้อยตามติดแม่
หู่จือตอบว่า
“คุณย่ารองที่อยู่หนานเฉิงไงครับ ตอนผมไปเที่ยวหนานเฉิงกับคุณปู่ทวดและคนอื่น ๆ คุณย่ารองก็พูดแบบนี้”
หลินเซี่ยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเมื่อได้ยินว่าอาสะใภ้รองของเฉินเจียเหอผู้ที่เธอไม่เคยพบเจอหน้าเป็นคนพูดเรื่องไร้สาระต่อหน้าลูกชายเธอแบบนี้
เธอดึงเขาเข้ามาใกล้ มองตาเขาและปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อย่าไปฟังผู้หญิงคนนั้นพูดจาไร้สาระเลย พ่อกับแม่จะรักลูกตลอดไป ลูกก็จะเป็นลูกของพวกเราตลอดไปเหมือนกัน ถ้า… แม่หมายถึงว่าถ้าสักวันแม่มีน้อง พวกเราก็จะไม่รักน้องจนลืมลูก และแม่เชื่อว่าลูกก็คงจะรักน้องด้วยใช่ไหม?”
เมื่อหู่จือได้ยินสิ่งที่หลินเซี่ยพูด ทันใดนั้นใบหน้าน้อย ๆ ของเขาก็ผ่อนคลายลง และพยักหน้าอย่างจริงจัง “ผมจะรักน้องชายหรือน้องสาวของผมแน่นอนฮะแม่ ผมอยากมีน้อง”
หลินเซี่ยกอดเขาไว้ในอ้อมแขนและพูดเบา ๆ “ดีมากจ้ะ แม่ก็รักลูกมากเหมือนกัน อย่างที่บอกไป ลูกจะเป็นลูกชายคนโตที่แม่รักสุดหัวใจตลอดไป”
ชาติที่แล้วเธอไม่เคยลืมว่าเขาเป็นเด็กที่มีเหตุผลขนาดนั้น อีกทั้งเขายังเป็นคนที่เธอไว้วางใจมากที่สุดก่อนที่เธอจะตายจาก
ชาติที่แล้วเธอไม่มีโอกาสมีลูกเป็นของตัวเอง พอมาชาตินี้ เธอจึงยินดีจะมีน้องชายหรือน้องสาวให้หู่จืออย่างแน่นอน แต่สิ่งนั้นจะไม่ทำให้ตำแหน่งของหู่จือในใจเธอสั่นคลอนเด็ดขาด
เธอทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงิน เพียงเพื่อว่าเมื่อตัวเองมีลูกในอนาคต ความแข็งแกร่งทางการเงินของเธอจะได้มากพอสำหรับสนับสนุนการดำรงชีวิตของพวกเขา เธอจะไม่ยอมให้ลูกคนไหนคิดว่าเธอลำเอียงเพราะปัญหาว่าใครจะได้ผลประโยชน์มากกว่า
หลินเซี่ยมองสบดวงตาสีเข้มกลมโตของเด็กที่อยู่ในอ้อมแขน เมื่อนึกถึงใบหน้าเศร้าหมองเมื่อครู่ เธอก็รู้สึกเสียใจไปกับเขาด้วย
พร้อมกันนั้นยังโกรธอาสะใภ้รองของเฉินเจียเหอมากที่พูดจาไร้สาระให้เด็กเกิดความหวาดระแวงด้วยเจตนาชั่วร้าย หล่อนไม่เคยเจอเธอมาก่อน แต่กลับกล้าพูดเรื่องไร้สาระต่อหน้าเด็ก ๆ
หลังจากที่เฉินเจียเหอกลับมา หลินเซี่ยก็เล่าถึงสิ่งที่หู่จือพูดให้เขาฟัง
เธอบ่นด้วยความโกรธ “อาสะใภ้รองของคุณที่อยู่หนานเฉิงพูดแบบนั้นกับเด็กได้ยังไง? หล่อนไม่เคยเจอหน้าฉันด้วยซ้ำ หล่อนเกลียดอะไรคุณหรือเปล่า? หรือมีปัญหาอะไรกับครอบครัวคุณ?”
เมื่อเอ่ยถึงอาสะใภ้รองของเขา เฉินเจียเหอก็ขมวดคิ้วเช่นกัน “หล่อนปากร้ายแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว งั้นผมจะพยายามอย่างเต็มที่ไม่ให้หู่จือติดต่อกับพวกเขาอีกในอนาคต”
หลินเซี่ยบอกว่า “หัวใจของเด็กยังอ่อนไหวและบอบบาง เขาได้ยินแล้วอาจจะรู้สึกไม่มั่นคง จบธุระวุ่น ๆ ช่วงนี้เราจะดูแลเขาด้วยตัวเอง อย่าปล่อยให้เขาไปอาศัยอยู่บ้านของคนอื่นอีก บางคนรู้หน้าไม่รู้ใจ คนบางคนพอได้หันหน้าเข้าหา เด็กก็พ่นสิ่งปฏิกูลออกจากปากทันที คิดว่าประสบการณ์ชีวิตของลูกเรายังน่าสงสารไม่พออีกเหรอ? หรือคิดว่าเขาไม่ควรมีครอบครัวที่มีความสุข?”
หลินเซี่ยยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ ถ้าอาสะใภ้รองของเฉินเจียเหออยู่ที่ไห่เฉิง เธอจะบุกจะไปที่บ้านของพวกเขาแล้วสั่งสอนบทเรียนให้หล่อนทันที
เฉินเจียเหอดูเหมือนจะรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ในใจ จึงดึงเธอเข้ามาแล้วรีบพูดว่า “อย่าโกรธไปเลย อารองกับอาสะใภ้รองเหมือนจะมาที่ไห่เฉิงในอีกไม่นานนี้แหละ ไว้ผมจะคุยกับหล่อนอย่างระมัดระวัง”
ดวงตาของหลินเซี่ยสว่างขึ้น ก่อนจะยกริมฝีปากขึ้นเหยียดยิ้ม “ต้องขอโทษด้วยที่ฉันอาจไม่สุภาพกับญาติของคุณ ฉันเองก็จะไม่ยอมเหมือนกันถ้าถึงตอนนั้นหล่อนยังทำตัวไม่รู้ดีรู้ชั่ว คอยดูได้เลยว่าฉันจะต่อสู้กับหล่อนยังไง อย่าหาว่าฉันหยาบคายก็แล้วกัน”
เฉินเจียเหอทำท่าทางเหมือนเป็นสามีที่ยอมจำนนต่อภรรยา “ถ้าคุณเอาแบบนั้น ผมจะช่วยคุณพูดอีกแรง”
เฉินเจียวั่งก็โมโหอาสะใภ้รองหลังกลับมาจากหนานเฉิงเช่นกัน ไม่นึกเลยว่าหล่อนจะไม่ยอมปล่อยแม้กระทั่งเด็ก แทนที่เขาจะไปเที่ยวอย่างสบายใจ กลับต้องมากังวลอะไรไม่เข้าท่า
ไม่ว่าเฉินเจียเหอจะเคารพผู้อาวุโสและรักเมตตาเด็กมากแค่ไหน เขาก็ทนไม่ได้
หลินเซี่ยรู้สึกขบขันกับคำพูดของเฉินเจียเหอ จากนั้นเธอก็คุยเรื่องธุระอื่น ๆ กับเขา
“อารองของฉันซื้อตั๋วรถไฟกลับบ้านเกิดรอบเช้าวันพรุ่งนี้เลย เราอาจต้องไปอยู่ที่นั่นประมาณสามถึงสี่วัน ตอนนี้คุณเองก็งานยุ่งมากจนไม่มีเวลาดูแลลูก คุณควรส่งหู่จือไปอยู่ที่บ้านคุณปู่คุณย่า หรือคุณย่าของทางฝั่งฉัน แต่ต้องอย่าลืมกำชับผู้ใหญ่ให้ระวังคำพูดเวลาอยู่ต่อหน้าลูกเราด้วย”
ปัจจุบัน ผู้สูงอายุจากทั้งสองครอบครัวนี้คือคนที่หลินเซี่ยไว้วางใจมากที่สุด
เพราะพวกเขาไม่คิดเล็กคิดน้อย รักและเอ็นดูลูกชายเธอด้วยใจจริง
เฉินเจียเหอบอกว่า “ให้หู่จือเลือกเองก็แล้วกัน เขาอยากอยู่กับใครก็ได้ทั้งนั้น ถ้าเขาอยากไปเล่นที่บ้านเหล่าฟางก็ไม่มีปัญหา”
เมื่อก่อนเขาเลี้ยงลูกคนเดียว พอมีงานยุ่งก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากพาเขาไปฝากเลี้ยงที่บ้านเพื่อนเท่านั้น
เหตุผลหลักเป็นเพราะแม่ของเขาในชุมชนบ้านพักทหารไม่ชอบ หล่อนไม่เห็นด้วยที่จะรับฝากเขาแม้แต่ชั่วคราว เขากลัวว่าแม่จะทำร้ายหู่จือหรือไล่ตะเพิดเขา จึงไม่กล้าส่งเขาไปอยู่ที่นั่นอย่างวางใจ
ตอนนี้ หู่จือกลายเป็นเด็กที่มีญาติอยู่มากมาย เขาสามารถเลือกได้ว่าจะไปอยู่กับใคร
หลังจากที่หู่จือล้างหน้าเสร็จแล้ว เขาก็วิ่งออกจากห้องน้ำ เฉินเจียเหอถามเขาว่าเขาอยากไปอยู่กับใครในช่วงนี้ ผลก็คือหู่จือมองไปที่หลินเซี่ย และพูดอย่างคาดหวังว่า “ผมอยากไปหาคุณปู่และคุณย่าทวด ขอผมตามคุณยายกับแม่ไปด้วยได้ไหมฮะ?”
หลินเซี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มองหน้าลูกชายและพูดเบา ๆ “หู่จือ ครั้งนี้แม่คงพาลูกไปด้วยไม่ได้จริง ๆ เรามีงานสำคัญที่ต้องไปจัดการ แต่จะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด ไว้ถึงช่วงปีใหม่แม่กับพ่อค่อยพาลูกไปที่นั่นดีไหม?”
หู่จือมุ่ยปากเล็ก ๆ ของเขา ก้มหน้าลงอย่างไม่เต็มใจและยังคงนิ่งเงียบ
หลินเซี่ยโอบกอดเขาไว้ในอ้อมแขน ครุ่นคิด และให้เหตุผลตามอุดมการณ์อย่างอดทน “เชื่อแม่เถอะ รอบนี้คุณตาคุณยายของลูกและตารองต้องไปทำธุระ หมายความว่าในบ้านจะเหลือแค่คุณยายทวด ในฐานะเหลนชายคนเดียวของบ้าน ลูกแม่ไม่ควรอยู่กับคุณยายทวดเพื่อคอยดูแลและปกป้องท่านหรอกเหรอ?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หูจื่อก็เงยหน้าขึ้นมองหลินเซี่ยแล้วพูดว่า “ที่บ้านไม่ได้มีคุณยายรองอยู่เหรอ?”
หลินเซี่ยลูบหัวเขาแล้วอธิบาย “คุณยายรองเขาก็งานยุ่งมากเหมือนกัน หล่อนต้องถ่ายโฆษณา และซ้อมอ่านบทถ่ายทำละครโทรทัศน์ ไม่มีเวลาอยู่กับคุณยายทวดที่บ้าน ท่านอายุมากแล้ว คนแก่อยู่บ้านตามลำพังแบบนี้ทำให้แม่อดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะงั้นคราวนี้แม่จะมอบหมายหน้าที่นี้ไว้ให้ลูก ลูกต้องอยู่เป็นเพื่อนคุณยายทวดที่บ้านจนกว่าพวกเราจะกลับมา โอเคไหมจ๊ะ?”
ทันใดนั้นหู่จือก็รู้สึกว่าตัวเองมีภาระหน้าที่ความรับผิดชอบอันท่วมท้นใหญ่ยิ่ง เขาพยักหน้าหนัก ๆ “เข้าใจแล้วฮะแม่ ผมจะอยู่ดูแลคุณยายทวดเป็นอย่างดี”
ครั้นเกลี้ยกล่อมหู่จือได้สำเร็จ หลินเซี่ยก็ยิ้มและหอมแก้มเขา “ลูกชายของแม่เก่งมาก”
หู่จือถูกหอม เขาก็หันแก้มอีกข้างเข้าหาเธออย่างมีความสุข หลินเซี่ยจึงหอมแก้มเขาอีกหนึ่งฟอดใหญ่
“เอาล่ะ ได้เวลากลับไปนอนได้แล้ว”
วันนี้หู่จืออารมณ์ดีเป็นพิเศษ เขาหอมแก้มแม่ทั้งสองข้างฟอดใหญ่เป็นการตอบแทนเช่นกัน จากนั้นจึงดึงแขนหลินเซี่ย ยืนกรานว่าจะให้เธอเป็นคนพาเขาเข้านอน
เฉินเจียเหอเฝ้าดูเด็กชายคนนี้รบกวนภรรยาของเขาราวกับเป็นวิญญาณน้อยตามติดแม่ เขาพลันมีสีหน้าไม่พอใจ ถึงอย่างนั้นก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เป็นยัยป้าที่หนานเฉิงนั่นเองที่พ่นคำพูดแย่ๆ ใส่น้องหู่จือ มาสู้กับเซี่ยเซี่ยสักแมทช์น่าจะมันนะ
ไหหม่า(海馬)