ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 477 แต่งงานใหม่
ตอนที่ 477 แต่งงานใหม่
หลินเซี่ยเดินตามหู่จือเข้าไปในห้อง เฝ้าอยู่จนกระทั่งเขาหลับ จากนั้นจึงปิดประตูแล้วออกมาอย่างเงียบ ๆ
เฉินเจียเหอยังรอหลินเซี่ยอยู่ข้างนอก ทันทีที่เธอออกมา เขาก็พาเธอเข้าไปในห้องนอน มองหน้าเธอด้วยความรู้สึกผิด “ที่รัก ผมขอโทษจริง ๆ ในช่วงนี้งานในโรงงานค่อนข้างเร่งด่วนมาก ผมขอลางานกลับบ้านไปกับคุณไม่ได้เลย”
หลินเซี่ยพูดอย่างเรียบเฉย “คุณตั้งใจทำงานของตัวเองเถอะค่ะ มีอารองและพี่ชายตามพวกเราไปด้วยตั้งสองคน พวกเรามีกันทั้งหมดห้าคน หอบกันไปมากกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์
ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะแวะไปเยี่ยมคุณตาคุณยายของคุณ ถ้าพวกเขายินดี ฉันอาจจะถือโอกาสพาพวกเขามาใช้ชีวิตอยู่ที่ไห่เฉิงสักระยะ”
เฉินเจียเหอส่ายหัวด้วยท่าทางที่ซับซ้อน “พวกเขาไม่มีทางมาแน่ แม่ผมแต่งงานกับพ่อมานานกว่าสามสิบปี ตลอดระยะเวลาดังกล่าวตากับยายเคยมาที่ไห่เฉิงแค่สองครั้งเท่านั้น”
เขาเล่าต่อ “ตอนแรกคือตอนที่พวกเขาแต่งงานกัน พวกผู้เฒ่าจึงจำเป็นต้องมาในฐานะญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาว อีกครั้งหนึ่งคือตอนที่ผมยังเด็กแล้วมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้าน ตอนนั้นแม่ยังสาว ไม่สามารถดูแลผมได้ พวกเขาเลยเดินทางมาที่ไห่เฉิงเพื่อรับผมไปดูแลในชนบท หลังจากกลับมาที่บ้านเกิดคราวนั้น พวกเขาก็ไม่เคยกลับมาเหยียบที่นี่อีกเลย แม้แต่บ้านของน้าในตัวอำเภอก็ยังไม่ค่อยแวะไปเยี่ยมเยียนเท่าไหร่ พอใจจะอยู่แต่ในหมู่บ้าน”
เมื่อพูดถึงตายาย ดวงตาของเฉินเจียเหอก็ทอแววนุ่มนวล รู้สึกผิดและติดค้างต่อพวกเขา
หลินเซี่ยพูดกับเขาว่า “วันนี้คุณปู่คุณย่าของคุณมาคุยกับพ่อแม่ฉัน บอกว่าพวกเขาต้องการจัดงานแต่งให้เราสองคน ถ้าพวกเราจะจัดงานจริง ๆ เราก็ต้องเชิญคุณตา คุณยาย คุณน้า และคุณน้าสะใภ้มาที่นี่ด้วย”
“ในที่สุดพวกเขาก็พูดเรื่องนี้เสียที” เมื่อเฉินเจียเหอได้ยินว่าผู้อาวุโสในครอบครัวเขาเป็นฝ่ายริเริ่มพูดถึงเรื่องดังกล่าว เขาก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะเอาเรื่องนี้เข้าเป็นวาระปรึกษาหารือกับครอบครัวอย่างเป็นทางการหลังจากที่ผมย้ายไปโรงงานแห่งใหม่แล้วมีเวลาทำงานน้อยลงกว่านี้นิดหนึ่ง ไม่นึกว่าคุณปู่คุณย่าจะเอาใจใส่เรื่องนี้ด้วย”
หลินเซี่ยไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักสำหรับงานแต่งงาน เธอและเฉินเจียเหอแค่ครองรักกันและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็เพียงพอแล้ว
แต่เพราะบรรดาผู้ใหญ่อยากจัดเตรียมงานต่าง ๆ อย่างเป็นทางการ และเฉินเจียเหอเองก็อยากจัดงานแต่งมาโดยตลอด อยากให้เธอสวมชุดแต่งงานและถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง
ในเมื่อเป็นอย่างนั้น เธอก็เต็มใจที่จะให้ความร่วมมือ
“ไม่ต้องรีบร้อนหรอกค่ะ รอแม่กับพ่อจดทะเบียนสมรสกันอย่างถูกต้องซะก่อน พวกเขาจะได้ไม่มีภาระทางจิตใจ”
ถ้ามีงานแต่งงาน หลินเซี่ยก็อยากเชิญผู้อาวุโสทั้งสองคนจากบ้านเกิดของเธอมาร่วมงานมากที่สุด เพราะพวกเขาเป็นคนที่จัดงานแต่งให้เธอกับเฉินเจียเหอตอนที่พวกเขายังอยู่ในชนบท ตอนนี้งานแต่งที่เป็นทางการกำลังจะถูกจัดขึ้นในเมือง แน่นอนว่าเธอก็อยากเชิญพวกเขาให้มาร่วมเป็นสักขีพยานความรักของทั้งคู่
“ฉันจะกลับไปแจ้งข่าวดีกับคุณตาคุณยายเกี่ยวกับงานแต่งงานของเรา พวกเขาต้องเต็มใจมาร่วมงานอย่างแน่นอนค่ะ”
“ได้ แล้วผมจะรอฟังข่าวดีจากคุณ” เฉินเจียเหอมองหน้าเธอ จากนั้นก็กำชับเตือนอย่างจริงจัง
“เซี่ยเซี่ย พอกลับไปถึงที่นั่นให้เก็บเนื้อเก็บตัวสักหน่อย พยายามอย่าหาเรื่องขัดแย้งกับตระกูลหลินไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ต่อให้มีเซี่ยไห่กับจินซานอยู่ด้วย คุณก็ต้องป้องกันตัวเองเป็นอันดับแรก อย่าทำอะไรหุนหันพลันแล่น”
แม้ว่าเฉินเจียเหอจะเตือนหลินเซี่ยแบบนั้นแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงผู้คนที่ไร้เหตุผลในหมู่บ้าน เช้าวันรุ่งขึ้น เขาจึงไปหาเซี่ยไห่และหลินจินซาน
จุดประสงค์ก็เพื่อกำชับกับพวกเขาเป็นพิเศษ
“เหล่าเซี่ย นายต้องปกป้องแม่ยายของฉันกับเซี่ยเซี่ยให้ดีที่สุดนะ”
เฉินเจียเหอดูจริงจังมาก แต่เซี่ยไห่กลับไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าไรนัก “อย่ากังวลเลย เราทุกคนต่างก็โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นแหละ”
เฉินเจียเหอมองเขาด้วยสีหน้าจริงจังแล้วพูดว่า “ไม่กังวลไม่ได้ คนตระกูลหลินพวกนั้นรับมือยากยิ่งกว่าอะไร พวกเขาทุกคนคดในข้องอในกระดูกกันทั้งบ้าน”
เฉินเจียเหอคิดว่าหลินจินซานน่าจะมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องนี้ เขาจึงพูดกับหลินจินซานว่า “พี่เขย พอเข้าไปในหมู่บ้านแล้วอย่าซี้ซั้วเดินพล่านไปทั่วเชียว หลังจากเผากระดาษเสร็จ ให้ทุกคนรีบไปอยู่ที่บ้านตาของฉันทันที พยายามไม่ให้เกิดขัดแย้งกับอารองของนายเลยจะดีที่สุด คนขายเนื้อหวังกับลูกชายเขาก็ด้วย ถ้านายเจอพวกเขาก็อย่าให้ความสนใจ”
หลินจินซานรับคำเขาเป็นมั่นเป็นเหมาะ “น้องเขย ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่มีฉันอยู่ทั้งคนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ฉันเติบโตมาในหมู่บ้านนั้น การกลับบ้านเกิดของฉันจะไปมีเรื่องอะไรได้?”
เพียงแต่ย่าและอารองของเขาต้องรับไม่ได้แน่ถ้ารู้ว่าแม่ของเขากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น พ่อผู้ให้กำเนิดของเขาเสียชีวิตไปสามปีแล้ว การแต่งงานใหม่ถือเป็นสิทธิของหล่อน ขนาดลูกชายอย่างเขายังเห็นด้วย แล้วพวกเขามีสิทธิ์อะไรมาต่อต้าน
หลินจินซานมีการเตรียมพร้อมด้านสภาพจิตใจมาเป็นเวลานาน เขาเป็นผู้ชาย ไม่ว่าอย่างไรเขาต้องเป็นฝ่ายออกหน้าก่อน
เพื่อยืนหยัดปกป้องแม่และน้องสาว
ทางด้านเซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงก็กำลังเตรียมตัวเดินทางกลับบ้านเกิดในวันพรุ่งนี้
เซี่ยเหลยกระตือรือร้นมาก ตั้งตารอคอยการเดินทางที่กำลังจะมาถึง
แต่หลิวกุ้ยอิงกลับรู้สึกวิตกกังวลและไม่สบายใจอย่างยิ่ง
หล่อนกำลังจะกลับไปสถานที่นั้นอีกครั้ง
ตลอดช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ต่อให้ออกมาอยู่ข้างนอกแล้วจะต้องเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน หล่อนก็ยังรู้สึกสบายใจมากกว่า แต่พอคิดว่าตนอาจต้องเผชิญหน้ากับอดีตแม่สามีกับหลินเอ้อร์ฝูจอมขี้เกียจรวมถึงคนอื่น ๆ เมื่อกลับไปในคราวนี้ หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะประหม่าโดยสัญชาตญาณ
แรงจูงใจเดียวที่สนับสนุนให้หล่อนมีความกล้าคือการกลับไปเยี่ยมหลุมศพของหลินต้าฝู เพื่อเผากระดาษเงินกระดาษทองให้เขา และแนะนำเซี่ยเหลยให้เขารู้จัก
หล่อนอยากบอกเขาว่าตอนนี้ทั้งจินซานและหลินเยี่ยนต่างก็มีชีวิตที่ดีกันทั้งคู่ หล่อนจะเฝ้าดูพวกเขาแต่งงานและสร้างครอบครัว วิญญาณของเขาจะได้วางใจ
หลิวกุ้ยอิงมีความคิดมากมายในขณะนี้ เมื่อคิดถึงความยากลำบากที่ต้องเผชิญในช่วงยี่สิบปีก่อน แล้วคิดว่ากำลังจะก้าวเข้าสู่การแต่งงานใหม่ในตอนที่ตัวเองอายุมากแล้ว หล่อนก็รู้สึกซับซ้อนขึ้นมา
หล่อนกับเซี่ยเหลยจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขจริง ๆ ได้ไหม?
หรือถ้าไม่พูดถึงความสุข หล่อนกับเซี่ยเหลยจะเข้ากันได้หรือเปล่า?
พวกเขามีลูกด้วยกันสามคน เป็นพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงกันทั้งคู่ หล่อนอดกลัวไม่ได้ว่าหลังจากพวกเขาได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในอนาคต จะเกิดความขัดแย้งต่าง ๆ ระหว่างกันหรือไม่
เซี่ยเหลยหยิบกระเป๋าของหลิวกุ้ยอิงขึ้นมา แล้วลุกขึ้นยืน “ไปกันเถอะ”
พวกเขาทั้งสองไปรวมตัวกันที่บ้านของเซี่ยไห่ หลินเซี่ยและหลินจินซานต่างก็เตรียมตัวไปรออยู่ที่นั่นกันก่อนแล้ว
เซี่ยเหลยเดินเข้ามา พอเห็นหลิวกุ้ยอิงยืนเหม่อลอย เขาก็ถามว่า “เก็บข้าวของเสร็จแล้วหรือยัง?”
หลิวกุ้ยอิงรู้สึกตัวได้เมื่อได้ยินเสียงของเขา จึงรีบลูบใบหน้าและปรับอารมณ์ของตัวเอง พูดว่า “ไม่มีอะไรให้เก็บเยอะแยะมากมาย ฉันจัดระเบียบบ้านเรียบร้อยแล้ว เสี่ยวเยี่ยนต้องอยู่ที่นี่คนเดียว ฉันเลยซื้อผักเก็บไว้ในครัวให้หล่อนตั้งแต่เมื่อวาน หลังเลิกงานหล่อนจะได้กลับมาทำกับข้าวกินเอง”
หลิวกุ้ยอิงกำลังจะไปที่ห้องครัว แต่เซี่ยเหลยหยุดหล่อนไว้ “ผมมีเรื่องจะบอกคุณอยู่พอดี แม่ผมอยากให้เสี่ยวเยี่ยนไปอยู่เป็นเพื่อนท่านในอีกไม่กี่วันหลังจากนี้ หู่จือก็จะไปนอนค้างที่นั่นด้วยเหมือนกัน ให้สามย่าหลานอยู่ด้วยกัน ท่านจะได้มีเพื่อนคุยด้วย”
“เซี่ยอวี่อยู่ด้วยหรือเปล่า?” หลิวกุ้ยอิงถาม
เซี่ยเหลยตอบว่า “เซี่ยอวี่บอกตั้งแต่สองวันที่แล้วว่าหล่อนต้องไปถ่ายทำโฆษณา นี่เป็นโฆษณาชิ้นแรกที่หล่อนได้ถ่ายทำหลังจากมาถึงไห่เฉิง น่าจะต้องไปถ่ายที่เมืองหลินชื่อและอยู่ที่นั่นเป็นอาทิตย์ คนแก่กับเด็กอยู่บ้านกันตามลำพังมันไม่ปลอดภัย ผมอดกังวลไม่ได้ เลยอยากให้เสี่ยวเยี่ยนไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน”
“ค่ะ ไว้ฉันจะบอกเสี่ยวเยี่ยน ดูว่าหล่อนอยากอยู่ที่ไหน” หลิวกุ้ยอิงไม่แน่ใจว่าหลินเยี่ยนเต็มใจจะไปอยู่กับบ้านตระกูลเซี่ยหรือเปล่า ดังนั้นหล่อนจึงไม่กล้าให้คำตอบที่ชัดเจนแก่เซี่ยเหลย
ถึงอย่างนั้น เซี่ยเหลยบอกกับหล่อนตามตรงด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ผมเพิ่งกลับมาจากร้าน และก็บอกเสี่ยวเยี่ยนเรียบร้อยแล้ว กว่าเสี่ยวเยี่ยนจะกลับหลังจากเลิกงานก็มืดค่ำ ผมคิดว่าตรอกนี้ไม่ค่อยปลอดภัย พวกผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในละแวกนี่ก็ไว้ใจไม่ค่อยได้ ไม่รู้ว่าพวกหล่อนเป็นคนประเภทไหน เห็นแต่งตัวแปลก ๆ และมีคนแปลกหน้าแวะเวียนเข้าออกอยู่ตลอด พอเราจดทะเบียนกันแล้วคุณกับเสี่ยวเยี่ยนย้ายไปอยู่ด้วยกันที่บ้านของผมนะ ที่นั่นกว้างขวางกว่า มีห้องส่วนตัวให้ลูกเราอาศัยด้วย”
“ถ้าเด็กเต็มใจไป ฉันก็ไม่มีอะไรขัดข้อง” หลิวกุ้ยอิงเป็นผู้หญิงที่มีกำแพงทางอารมณ์สูง ถึงแม้ว่าระหว่างหล่อนกับลูก ๆ จะไม่มีอุปสรรคใดขวางกั้น แต่หล่อนกลับไม่รู้ว่าจะพูดคุยกับหลินเยี่ยนเกี่ยวกับหัวข้อที่ละเอียดอ่อนบางเรื่องอย่างไรดี
หล่อนไม่รู้ว่าจะบอกหลินเยี่ยนอย่างไรให้ยอมรับเซี่ยเหลยเป็นพ่อเลี้ยงในอนาคต
หลินจินซานกลายเป็นหนึ่งเดียวกับตระกูลเซี่ยโดยไร้แรงกดดันใด ๆ ทั้งคุณแม่เซี่ยและเซี่ยไห่ต่างก็ใจดีกับเขา เขาจึงถือว่าตัวเองเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลเซี่ยโดยอัตโนมัติ
แต่หลินเยี่ยนเป็นคนระมัดระวังและเก็บตัวกว่า
ทุกครั้งที่ทุกคนอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า หล่อนก็มักจะหลีกเลี่ยงพวกเขาไปอยู่ลำพัง อ้างว่าต้องไปอยู่เฝ้าร้านบ้าง
หล่อนจึงรู้สึกอยู่เสมอว่าหลินเยี่ยนอาจจะไม่ได้ยอมรับการแต่งงานใหม่ของหล่อนจากใจจริง ๆ
ในเวลานี้ หลิวกุ้ยอิงกลับรู้สึกโล่งใจมากเมื่อได้ยินจากเซี่ยเหลยว่าหลินเยี่ยนตกลงจะไปอยู่ที่บ้านตระกูลเซี่ยเพื่อดูแลและอยู่เป็นเพื่อนคุยของหญิงชรา
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เสี่ยวเยี่ยนน่าจะโตพอที่จะเข้าใจสถานการณ์แหละค่ะ คุณแม่อย่ากังวลไปเลย
ไหหม่า(海馬)