ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 481 เครื่องจักรกลการเกษตรที่หลินเซี่ยคิดค้น
ตอนที่ 481 เครื่องจักรกลการเกษตรที่หลินเซี่ยคิดค้น
เซี่ยเหลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นแนบหู ก่อนที่เสียงผู้ชายจะดังออกมาจากโทรศัพท์ “สวัสดีครับ ใช่เบอร์ของสหายเซี่ยเหลย พ่อของหลินเซี่ยหรือเปล่า?”
เซี่ยเหลยถามกลับ “นี่ใครครับ?”
เสียงของอีกฝ่ายตอบกลับมา “ผมโจวเจี้ยนกั๋ว น้าของเฉินเจียเหอครับ เจียเหอโทรหาผม บอกว่าคุณจะมาถึงเมืองจินซานวันนี้ ตอนนี้คุณลงจากรถไฟแล้วหรือยัง?”
เซี่ยเหลยได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นน้าของเฉินเจียเหอ จึงตอบกลับอย่างสุภาพ “สวัสดีครับ ผมเพิ่งลงจากรถไฟ”
“ขอสายเซี่ยเซี่ยทีครับ ผมมีบางอย่างจะบอกหล่อน”
เซี่ยเหลยจึงส่งมือถือของเขาให้กับหลินเซี่ย
หลินเซี่ยรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินว่าสายนี้มาจากโจวเจี้ยนกั๋ว เธอเรียกเขาด้วยความเคารพว่า “น้าคะ พวกเราเพิ่งลงจากรถไฟเมื่อกี้นี้เองค่ะ”
โจวเจี้ยนกั๋วตอบกลับทางโทรศัพท์ว่า “เซี่ยเซี่ย ฉันจะไปอยู่รอต้อนรับพวกเธอที่ข้างนอกสถานี ช่วยเดินออกมาจากสถานีหน่อย”
หลินเซี่ยวางสาย แล้วพูดกับทุกคนว่า “คุณน้าเป็นคนมารับพวกเราค่ะ ตอนนี้เขารออยู่นอกสถานี เรารีบออกไปกันเถอะ”
เมื่อเดินออกจากสถานีมาแล้ว เธอเห็นโจวเจี้ยนกั๋วยืนอยู่ตรงนั้นและกำลังมองไปรอบ ๆ
“คุณน้า” หลินเซี่ยเห็นโจวเจี้ยนกั๋ว จึงโบกไม้โบกมือให้เขาอย่างมีความสุข
โจวเจี้ยนกั๋วทักทายเธอด้วยรอยยิ้มกว้าง
“เซี่ยเซี่ย เจียเหอโทรมาบอกว่าวันนี้พวกเธอจะมาถึง ฉันก็เลยมารอรับด้วยตัวเอง”
“ขอบคุณมากนะคะคุณน้า” หลินเซี่ยหันไปแนะนำสมาชิกในกลุ่มคนให้เขาฟัง “คุณน้าคะ ฉันขอแนะนำให้คุณรู้จัก นี่พ่อฉันเองค่ะ ส่วนผู้ชายหน้าหล่อคนนี้คืออารองของฉัน คุณคงรู้จักแม่กับพี่ชายของฉันดีอยู่แล้ว”
โจวเจี้ยนกั๋วดูตื่นเต้นมาก เดินเข้าไปจับมือของเซี่ยเหลยราวกับอยากจะแสดงความเสียใจ “สหายเซี่ยเหลย คุณคงทนทุกข์ทรมานมานาน ตอนนี้สบายดีแล้วสินะครับ”
เซี่ยเหลยดูเคอะเขินเล็กน้อย
ไม่รู้จะตอบรับอีกฝ่ายอย่างไร
นับตั้งแต่เขามาถึงไห่เฉิง ดูเหมือนว่าญาติ ๆ และมิตรสหายทุกคนที่ได้เจอเขา จะเริ่มทักทายด้วยประโยคเดียวกันนี้เสมอ
ในเทศมณฑลจินซานก็ไม่มีข้อยกเว้น
โจวเจี้ยนกั๋วจับมือเซี่ยเหลยไม่ยอมปล่อย แสดงอารมณ์และความเคารพศรัทธาต่อเขาอย่างจริงใจ จากนั้นก็หันเหความสนใจไปที่เซี่ยไห่
เขาพูดกับเซี่ยไห่ด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายและยิ้มแย้มว่า “ผมรู้จักคุณเซี่ยไห่ แม้จะไม่เคยเจอหน้าคุณมาก่อน แต่ผมเคยเห็นรูปถ่ายของคุณในบ้านเก่าของเรา เจียเหอถ่ายรูปหมู่กับสหายของเขาตั้งแต่สมัยที่เขายังอยู่ในกองทัพ คุณหน้าตาเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลงเลย หล่อเหมือนในรูปไม่มีผิด”
เซี่ยไห่ยิ้มอย่างมีความสุขหลังจากได้ยินสิ่งที่โจวเจี้ยนกั๋วพูด “ขอบคุณพี่ใหญ่โจวสำหรับคำชมครับ”
“อ่า ถ้าคุณเรียกผมว่าพี่ใหญ่โจว แสดงว่าเจียเหอเปลี่ยนมาเรียกคุณว่าอารองแล้วน่ะสิ?” พอโจวเจียนกั๋วคิดถึงเรื่องนี้ น้ำเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยการหยอกล้อ
เซี่ยไห่ยิ้มอย่างมีชัย
“พี่ใหญ่โจว เขาเป็นคนเปิดกว้างมาก อย่างน้อยก็สามารถเอ่ยปากเรียกผมว่าอารองอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ ผมเคยเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของเขามาก่อน แต่ตอนนี้ผมกลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว หู่จือตอนนี้ก็เรียกผมว่าตารองเหมือนกัน พวกเขาทุกคนเคารพผมมากเลย”
โจวเจี้ยนกั๋วรู้สึกขบขันเมื่อนึกถึงฉากนั้น “ฮ่าๆๆ เจียเหอเป็นคนสุภาพมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เคารพผู้อาวุโสและรักเมตตาเด็ก”
โจวเจี้ยนกั๋วไม่ได้รู้สึกเลยแม้แต่น้อยว่าคำพูดของเขาส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของหนุ่มโสดสุดหล่อ เขาหันไปหาหลิวกุ้ยอิงและหลินจินซาน
“พี่สะใภ้กุ้ยอิง คุณเองก็ทุกข์ทรมานมามากเหมือนกัน ได้ยินเจียเหอเล่าให้เราฟังเกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตของคุณและภูมิหลังแท้จริงของเซี่ยเซี่ยแล้ว เราทุกคนรู้สึกทึ่งและชื่นชมคุณมาก หลังจากนี้ชีวิตจะยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนครับ”
เนื่องจากโจวเจี้ยนกั๋วถูกขอให้มารับเซี่ยเหลยและคนอื่น ๆ เฉินเจียเหอจึงต้องบอกเล่าประสบการณ์ชีวิตของหลินเซี่ยอย่างคร่าว ๆ ผ่านทางโทรศัพท์ เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนเกี่ยวกับความสัมพันธ์เมื่อโจวเจี้ยนกั๋วเจอหน้าทุกคน
หลังจากที่ได้ยินเฉินเจียเหอพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตอันตรากตรำของหลิวกุ้ยอิง เขาก็เต็มไปด้วยความเคารพต่อหล่อน
หลิวกุ้ยอิงตอบกลับ “ขอบคุณค่ะ”
“พ่อหนุ่มจินซานคนนี้เปลี่ยนไปแยะจนฉันแทบจะจำเขาไม่ได้” โจวเจี้ยนกั๋วตบไหล่หลินจินซาน หยิบกระเป๋าเดินทางติดมือไปด้วย แล้วพูดว่า “ไปกัน กลับบ้านกันก่อนเถอะ”
บ้านของโจวเจี้ยนกั๋วอยู่ในอาคารพักอาศัยของโรงงานเครื่องจักรประจำเทศมณฑล ถึงจะเรียกว่าเป็นอาคารพักอาศัย แต่สภาพแวดล้อมที่นี่กลับแย่กว่าในไห่เฉิงเสียอีก
โจวเจี้ยนกั๋วมีตำแหน่งเป็นหนึ่งในคณะผู้บริหารของโรงงาน ได้รับการจัดสรรสวัสดิการเป็นทาวน์เฮ้าส์สองชั้น ในขณะที่คนงานธรรมดาอาศัยอยู่ในบังกะโล
ทันทีที่มาถึงประตู ก็ได้กลิ่นหอมของอาหารโชยมาปะทะจมูก
โจวเจี้ยนกั๋วยิ้มและพูดกับหลินเซี่ยว่า “น้าสะใภ้ได้ยินว่าเธอกลับมาแล้ว หล่อนก็เลยตั้งใจขอลางานช่วงบ่ายของวันนี้ และทำกับข้าวที่บ้านเพื่อต้อนรับเธอเป็นพิเศษ”
เมื่อเปิดประตูเข้ามา หวังอวี้เสียก็รีบวิ่งออกมาจากครัวโดยสวมผ้ากันเปื้อน เมื่อเห็นหลินเซี่ยก็รีบโผเข้ากอดเธอก่อนใคร ๆ
“ไอหยา เซี่ยเซี่ย น้าคิดถึงเธอจังเลย”
“น้าสะใภ้ ฉันก็คิดถึงคุณมากเหมือนกันค่ะ”
เดิมทีเซี่ยเหลยกำลังอารมณ์ไม่ดี เพราะหู่จือเล่าเรื่องในอดีตเกี่ยวกับหลินเซี่ยว่าเธอเคยถูกแม่สามีและน้องสะใภ้รังแกก่อนที่จะขึ้นรถเมื่อวาน ทำให้เขาไม่มีความประทับใจที่ดีกับญาติของทางฝั่งเฉินเจียเหอ
ตอนนี้เมื่อเห็นว่าหลินเซี่ยมีความสนิทสนมกลมกลืนกับน้าชายและน้าสะใภ้ของเฉินเจียเหอมากแค่ไหน และเมื่อได้เห็นว่าพวกเขารักหลินเซี่ยจากใจจริง แสงอันนุ่มนวลก็แวบผ่านดวงตาของเขา
“เซี่ยเซี่ย ดูสิ เธอซูบลงกว่าเดิมซะอีก” หวังอวี้เสียมองไปที่หลินเซี่ยและพูดอย่างเศร้าใจ
“น้าสะใภ้ ฉันว่าฉันไม่ได้ผอมลงนะคะ”
หลินเซี่ยแนะนำหวังอวี้เสียให้รู้จักกับพ่อแม่และอารองของเธอ
หวังอวี้เสียกล่าวสวัสดีทีละคนและต้อนรับพวกเขาอย่างอบอุ่น
“ทุกคนเชิญเข้ามาก่อนค่ะ กับข้าวใกล้จะพร้อมแล้ว”
หวังอวี้เสียผลุบหายเข้าไปที่ห้องครัวเพื่อยกอาหารออกมาเสิร์ฟ หลินเซี่ยก็ตามไปช่วย
“น้าสะใภ้ ทำกับข้าวไว้หลายอย่างเลยนะคะเนี่ย”
“นี่เป็นครั้งแรกที่พ่อแม่ของเธอมาที่นี่ ฉันเลยต้องให้การต้อนรับพวกเขาอย่างพิถีพิถันหน่อย”
โจวเจี้ยนกั๋วเชื้อเชิญทุกคนให้นั่งลง ชงชา และเตรียมเมล็ดแตงโมให้พวกเขา
อาหารที่หวังอวี้เสียลงมือปรุงถูกวางเรียงไว้บนโต๊ะ
โจวเจี้ยนกั๋วกล่าวขึ้น “ทุกคนกินข้าวกันไปก่อน ผมขอออกไปจองห้องพักที่เกสต์เฮาส์ตรงข้ามอาคารพักอาศัยของโรงงานหน่อย พวกคุณจะได้มีที่พักแรมในคืนนี้ พรุ่งนี้เราค่อยกลับหมู่บ้านด้วยกัน”
ตอนแรกพวกเขายังเคว้งคว้างอยู่เลยว่าควรพักที่ไหนก่อนกลับหมู่บ้าน แต่ตอนนี้โจวเจี้ยนกั๋วได้จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทุกคนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปฏิบัติตาม
“คุณตาคุณยายสบายดีหรือเปล่าคะ?”
โจวเจี้ยนกั๋วกล่าวว่า “พวกเขายังแข็งแรงเหมือนเดิม ฉันขอให้พวกเขาย้ายมาอาศัยอยู่กับเราในตัวอำเภอแล้ว แต่พวกเขาไม่อยากมาท่าเดียว ตอนนี้ฉันเลยกลับไปเยี่ยมพวกเขาสัปดาห์ละครั้ง”
หลินจินซานไม่อยากเฉียดเข้าใกล้บ้านเกิด แต่หลินเซี่ยกระตือรือร้นมากที่จะกลับบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมาถึงตัวอำเภอแล้ว เธอก็อยากเข้าไปที่หมู่บ้านเร็ว ๆ เพื่อพบผู้เฒ่าทั้งสอง
เธอรู้สึกขอบคุณผู้สูงวัยทั้งสองคนของตระกูลโจวมาโดยตลอด
ถ้าพวกเขาไม่สนับสนุนเฉินเจียเหอให้แต่งงานกับเธอ การแต่งงานครั้งนี้อาจไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้
จนถึงตอนนี้ เธอยังจดจำความอดทนและความรักของผู้อาวุโสทั้งสองที่มีต่อเธอได้อย่างชัดเจนในชาติที่แล้ว
หลังจากกินข้าวเสร็จ โจวเจี้ยนกั๋วก็ขนย้ายเครื่องจักรกลทางการเกษตรเครื่องหนึ่งออกมา ตามด้วยเครื่องจักรขนาดเล็กสองเครื่องมาจากห้องเก็บของเล็ก ๆ
หลินจินซานถามอย่างสงสัย “น้า นี่คืออะไรเหรอ?”
โจวเจี้ยนกั๋วตอบรับขณะที่เขาขยับเคลื่อนไหว “นี่เครื่องจักรกลการเกษตรที่เซี่ยเซี่ยคิดค้นขึ้นไงล่ะ”
ทุกคนมองดูเครื่องจักรที่เรียงรายอยู่บนพื้นด้วยความประหลาดใจ ในขณะเดียวกันก็มองไปที่หลินเซี่ย “เซี่ยเซี่ยเป็นคนคิดค้นมันขึ้นมาเหรอ?”
โจวเจี้ยนกั๋วแนะนำว่า “เครื่องหยอดเมล็ดข้าวโพดนี่เซี่ยเซี่ยเป็นคนคิดขึ้นมาจริง ๆ ส่วนเครื่องนวดข้าวเป็นอุปกรณ์ที่ผลิตจากภาพเขียนที่หล่อนร่างไว้ให้เรา ส่วนนี่เครื่องหว่านปุ๋ย โรงงานเราคิดค้นมันขึ้นมาโดยอาศัยหลักการทำงานอย่างเดียวกันกับเครื่องหยอดเมล็ดข้าวโพดของเซี่ยเซี่ย”
เซี่ยไห่มองไปที่หลินเซี่ยด้วยความเหลือเชื่อ “พระเจ้าช่วย เธอเก่งขนาดนี้เชียวเหรอ?”
หลินเซี่ยไม่คาดคิดว่าภาพวาดที่เธอร่างขึ้นง่าย ๆ ในตอนนั้นจะถูกผลิตออกมาได้จริงๆ
เธอมองดูเครื่องจักรกลการเกษตรเหล่านี้ ในใจเต็มไปด้วยความสุข
ในฐานะคนที่ได้รับโอกาสให้เกิดใหม่ เธอได้ใช้ความสามารถของตัวเองเพื่อช่วยเหลือสังคมแล้ว
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จริงๆ เซี่ยเซี่ยเกิดมาแล้วชาติหนึ่งน่ะค่ะ แล้วอาศัยความทรงจำจากชาติที่แล้ว
ไหหม่า(海馬)