ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 482 แนวคิดเป็นตัวกำหนดอนาคต
ตอนที่ 482 แนวคิดเป็นตัวกำหนดอนาคต
หลินจินซานที่เคยทำสวนทำไร่อยู่ในชนบทมาก่อนได้หยิบเครื่องหยอดเมล็ดข้าวโพดขึ้นมาดูแล้ว ไม่นานเขาก็รู้วิธีการใช้งานที่ถูกต้องของเจ้าเครื่องนี้
“มีเครื่องทุ่นแรงช่วยแบบนี้ ทำให้ทำงานสะดวกขึ้นกว่านั่งยอง ๆ ค่อย ๆ หยอดเมล็ดข้าวโพดแล้วใช้พลั่วกลบมาก แค่จิ้มลงไป เมล็ดข้าวโพดก็จะร่วงลงเองอัตโนมัติ”
โจวเจี้ยนกั๋วถอนหายใจ “ฉันบอกให้เซี่ยเซี่ยยื่นเรื่องขอสิทธิบัตรในการประดิษฐ์แล้ว แต่เด็กคนนี้ไม่ต้องการท่าเดียว หลังจากอุปกรณ์พวกนี้ถูกวางขายในตลาดการเกษตร โรงงานเครื่องจักรอื่น ๆ ก็เริ่มผลิตเลียนแบบพวกเรา”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณน้า ประเทศเราเป็นประเทศเกษตรกรรมขนาดใหญ่ ควรเปิดให้ทุกหน่วยงานมีเสรีภาพในการผลิตจะดีกว่า เกษตรกรจะได้เพาะปลูกกันอย่างสะดวกสบายมากขึ้น ยิ่งผลิตได้ในปริมาณมากก็ยิ่งดี ไม่ต้องจดสิทธิบัตรหรอกค่ะ”
นี่ไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ที่มาจากความคิดของเธอเอง เธอเพียงมอบแนวคิดเชิงโครงสร้างของสิ่งเหล่านี้ให้กับโรงงานเครื่องจักรล่วงหน้าสองสามปี เพื่อให้ทางโรงงานสามารถผลิตได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และส่งมอบให้ถึงมือเกษตรกรโดยไว
เธอจะยื่นขอจดสิทธิบัตรอย่างไร้ยางอายได้อย่างไร
หลังจากได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย เซี่ยเหลยก็พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ ของพวกนี้จะได้เป็นประโยชน์ต่อผู้คนมากขึ้น เราไม่จำเป็นต้องหาเงินจากของพวกนี้”
หลินเซี่ยเห็นเครื่องรีดเส้นบะหมี่เล็ก ๆ บนพื้น เธอก็นั่งยอง ๆ เพื่อมองดูมัน “มีเครื่องรีดเส้นบะหมี่ด้วย? น้าคะ โรงงานคุณผลิตของแบบนี้ด้วยเหรอ?”
โจวเจี้ยนกั๋วตอบว่า “เราร่วมมือกับโรงงานเครื่องจักรในเมืองอีกที โรงงานพวกเขาได้จัดหามอเตอร์ที่เหมาะสมสำหรับใช้งานกับเครื่องรีดเส้นบะหมี่อัตโนมัติขนาดเล็กเป็นพิเศษ ทำให้เราผลิตเครื่องรีดเส้นบะหมี่ที่มีน้ำหนักเบาพกพาง่ายขึ้นได้”
เซี่ยเหลยกับหลิวกุ้ยอิงซึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหารต่างสนใจเครื่องรีดเส้นบะหมี่นี้มาก หลังจากดูการสาธิตวิธีการใช้ของโจวเจี้ยนกั๋วแล้ว เซี่ยเหลยก็มองไปที่เครื่องรีดเส้นบะหมี่แล้วพูดว่า “เครื่องนี้เข้าท่ามากเลย ทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องหมุนด้วยมือ แถมยังมีขนาดเล็ก ยกวางบนเขียงก็ใช้งานได้แล้ว”
โจวเจี้ยนกั๋วตอบกลับ “ใช่ครับ เจ้าเครื่องนี้ถูกผลิตมาสำหรับใช้ในครัวเรือน เพิ่งวางขายในตลาดได้แค่เดือนเดียวขายดีมากในตัวอำเภอ ตำบล และเมืองต่าง ๆ โดยรอบ”
“เยี่ยมไปเลย”
เซี่ยเหลยมองลูกสาวของเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
เขาไม่เคยคาดหวังว่าลูกสาวของเขาจะมีความสามารถรอบด้านและรู้ไปเสียทุกอย่าง
เมื่อเซี่ยไห่ได้รับคำยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้ได้รับการออกแบบและพัฒนาตามแนวคิดของหลินเซี่ยจริง ๆ เขาก็ประทับใจในตัวหลินเซี่ยเช่นกัน
สาวน้อยคนนี้ มีความคิดอ่านที่ไม่ธรรมดาเหลือเกิน
ยิ่งได้รู้ความสามารถของหลินเซี่ยอย่างแจ่มชัดมากขึ้น เซี่ยไห่ถึงรู้สึกว่าบางทีเธออาจจะไม่ใช่คนหน้ามืดตามัวขนาดนั้น หลังจากตัดสินใจลงทุนไปสามแสนหยวนอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า
สาวน้อยคนนี้อาจไม่ได้หลงเชื่อโครงการขายฝันของใคร แต่อาจลงทุนเพราะคิดว่ามันทำเงินได้จริง ๆ
ในฐานะสมาชิกครอบครัวเดียวกับหลินเซี่ย ไม่ต้องพูดถึงว่าทุกคนภาคภูมิใจแค่ไหน
โจวเจี้ยนกั๋วยิ้มและพูดกับหลินเซี่ย “จริงสิ เซี่ยเซี่ย ผู้อำนวยการโรงงานของเราอยากจะขอบคุณเธอเป็นการส่วนตัวด้วย เขาขอให้ฉันไปแจ้งให้เขาทราบทันทีที่เธอกลับมาเยือนบ้านเกิด ฉันจะไปหาเขาตอนนี้เลย เขาจะได้ขอบคุณเธออย่างเป็นทางการ”
หลินเซี่ยรู้สึกยินดีเมื่อได้ยินอย่างนั้น “อย่าเลยค่ะคุณอา จริง ๆ แล้วเขาไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉันด้วย ฉันแค่เป็นคนออกแนวคิด ส่วนการวาดโครงร่างลงพิมพ์เขียวก็เป็นฝีมือของมืออาชีพอย่างเฉินเจียเหอทั้งนั้น”
“ถ้าไม่ใช่เธอที่ให้แนวคิดกับเรา ไม่ว่าคนวาดจะมีความเป็นมืออาชีพแค่ไหน ก็คงออกแบบอะไรแบบนี้ไม่ได้แน่”
แนวคิดเป็นตัวกำหนดอนาคต
ต่อให้มีเทคโนโลยีแต่ถ้าไม่มีแนวคิดสร้างสรรค์มันก็เท่านั้น โรงงานไม่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกวางขายเลยในช่วงสองปีที่ผ่านมา ชิ้นส่วนที่ถูกสั่งผลิตและส่งไปยังโรงงานอื่น ๆ ก็มีคำสั่งซื้อไม่แน่นอน ผลประกอบการที่ได้จึงค่อนข้างย่ำแย่ ทั้งยังทำให้พนักงานหลายคนต้องเผชิญความเสี่ยงจากการถูกเลิกจ้างด้วย
นับตั้งแต่โรงงานเริ่มผลิตเครื่องจักรทางการเกษตรเหล่านี้ ประสิทธิภาพของโรงงานก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาหกเดือนเท่านั้น พวกเขายังยื่นเรื่องขอเงินทุนสนับสนุนเพิ่มเพื่อเปิดสายการผลิตเป็นกรณีพิเศษด้วย
โจวเจี้ยนกั๋วอดใจไม่ได้ ออกไปเรียกหาผู้อำนวยการโรงงานทันที
ผู้อำนวยการโรงงานอาศัยอยู่ในตึกแถวหลังข้าง ๆ ภายในห้านาทีเขาก็มาถึง
ผู้อำนวยการโรงงานเป็นคุณลุงวัยกลางคนตัวอ้วนเตี้ย สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นธรรมดา ๆ ทันทีที่เข้ามา เขาก็กวาดตามองทุกคนเพื่อหา ‘ผู้กอบกู้วิกฤต’ ของโรงงานพวกเขา
โจวเจี้ยนกั๋วแนะนำหลินเซี่ยให้รู้จัก ใบหน้าอ้วนท้วมของผู้อำนวยการโรงงานตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปจับมือกับหลินเซี่ยด้วยความเคารพ แสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง “เสี่ยวหลิน เธอคือผู้กอบกู้วิกฤตของโรงงานเราโดยแท้”
หลินเซี่ยถอนมือออกด้วยความเขินอาย และพูดอย่างสุภาพ “ผู้อำนวยการ อย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะ”
“ดูเครื่องจักรกลการเกษตรพวกนี้สิ ถ้าเธอไม่ส่งแบบมาให้ พวกเราไม่มีทางปรับเปลี่ยนความคิดและมุ่งความสนใจไปที่เครื่องมือทางการเกษตรเลย เราเคยทำชิ้นส่วนอะไหล่ส่งให้โรงงานในเมืองใหญ่ แต่คำสั่งซื้อก็น้อยนิดนัก แถมยังมีประสิทธิภาพไม่ดีพอ เรากำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่ต้องเลิกจ้างพนักงาน ตอนนี้ปัญหาพวกนั้นหมดไปแล้ว เราหันเหความสนใจไปที่ตลาดการเกษตร ขอเพิ่มสายการผลิตใหม่เมื่อเดือนที่แล้ว เธอคือผู้มีพระคุณของเราจริง ๆ”
หลินเซี่ยคลี่ยิ้มช้าๆ “ขอบคุณผู้อำนวยการสำหรับคำชมค่ะ”
โจวเจี้ยนกั๋วขอให้ผู้อำนวยการโรงงานนั่งลง จากนั้นก็แนะนำให้เขารู้จักกับเซี่ยเหลยและคนอื่น ๆ
เมื่อได้ยินว่าเซี่ยเหลยเป็นพ่อของหลินเซี่ย ผู้อำนวยการโรงงานก็คว้ามือเซี่ยเหลยมาจับไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง
“คุณคือพ่อของสหายเสี่ยวหลินสินะครับ?”
เซี่ยเหลยพยักหน้ารับอย่างสงบ “ใช่ครับ”
“คุณเองก็เป็นผู้อำนวยการของโรงงานเครื่องจักรไห่เฉิงใช่ไหม?”
น้ำเสียงของผู้อำนวยการโรงงานอ้วนเต็มไปด้วยความชื่นชม เขายังแสดงความดีใจและคาดหวังที่ได้พบเพื่อนร่วมงานอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม คำพูดของเขาทำให้ใบหน้าของเซี่ยเหลยมืดลง
บรรยากาศแห่งความยินดีกลายเป็นกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
เมื่อเห็นแบบนี้ โจวเจียนกั๋วก็กระแอมไอเล็กน้อยด้วยความลำบากใจและรีบอธิบาย
“ไม่ใช่ครับไม่ใช่ พ่อผู้ให้กำเนิดของเซี่ยเซี่ยเป็นทหารผ่านศึกผู้รอดชีวิตจากสนามรบ ไม่ใช่ผู้อำนวยการโรงงาน”
โจวเจี้ยนกั๋วหลบตา รู้สึกกระดากอายขึ้นมาทันทีทันใดที่ต้องเผชิญหน้ากับเซี่ยเหลยและหลินเซี่ย
ปีก่อน เขาแสดงภาพร่างที่หลินเซี่ยวาดให้ผู้อำนวยการโรงงานดู พอผู้อำนวยการโรงงานได้ยินว่าเด็กสาวอายุน้อยคนหนึ่งเป็นคนทำ เขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับมันมากนักในตอนแรก โจวเจี้ยนกั๋วต้องอธิบายให้คนอื่น ๆ ฟังว่าพ่อของภรรยาหลานชายเป็นผู้อำนวยการโรงงานเครื่องจักรของเมืองไห่เฉิง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะมีความรอบรู้เกี่ยวกับมันมาตั้งแต่เด็ก มีองค์ความรู้เกี่ยวกับกลไกมากมาย โรงงานเครื่องจักรไห่เฉิงเปรียบเสมือน ‘ดาวเหนือ’ ของอุตสาหกรรมเครื่องจักร เพราะพวกเขาจัดหาชิ้นส่วนที่มีลักษณะแม่นยำเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตรถไฟ
ครั้นผู้อำนวยการได้ยินว่าหลินเซี่ยเป็นลูกสาวของผู้อำนวยการโรงงานเครื่องจักรไห่เฉิง จึงให้ความสนใจกับภาพร่างที่เธอเป็นคนวาดทันที
ผู้อำนวยการโรงงานตระหนักว่าบรรยากาศไม่ถูกต้อง จึงรีบแก้ไขคำพูดทันควัน “โอ้ ผมคงสับสนไปเอง”
ผู้อำนวยการโรงงานหยิบเอกสารออกมาแล้วมอบให้หลินเซี่ย “สหายเสี่ยวหลิน เธอมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนโรงงานเครื่องจักรของเรา โรงงานของเรามีมติว่าจะมอบตำแหน่งนักออกแบบกิตติมศักดิ์ให้กับเธอ และฉันจะออกเอกสารรับรองให้อย่างเป็นทางการ ถ้ามีเวลาอย่าลืมแวะไปเยี่ยมชมโรงงานของเราด้วย”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หลินเซี่ยก็ปฏิเสธอย่างสุภาพ “นั่นคงเกินขอบเขตของฉันไปมั้งคะ? ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย”
ผู้อำนวยการโรงงานกระตือรือร้นมาก เขาไม่ยอมให้เธอปฏิเสธ “เธอจะไม่ได้ทำอะไรเลยได้ยังไง? เธอบริจาคแนวคิดที่สร้างคุณูปการให้กับโรงงานของเรามากมายมหาศาล เราจึงต้องการจ้างเธอเป็นพนักงานออกแบบนอกเวลาของโรงงาน เพื่อที่ในอนาคตเราจะได้มีผลิตภัณฑ์ดี ๆ ออกสู่ตลาดอีก เธอสามารถเสนอแนวคิดเพิ่มเติมให้เราได้ทุกเมื่อ แน่นอนว่าเรามีผลตอบแทนให้กับบุคลากรที่ไม่ใช่พนักงานด้วยเช่นเดียวกัน”
หลินเซี่ย “…”
ที่แท้เขาก็ดีดลูกคิดรางแก้ว(1)ไว้แล้วนั่นเอง
หลินเซี่ยยิ้มและตอบกลับว่า “ไว้ฉันจะลองกลับไปคิดดูค่ะ”
“ได้ เสี่ยวหลิน ค่อย ๆ พิจารณาข้อเสนอนี้ดูนะ” ขณะที่ผู้อำนวยการโรงงานกำลังคุยกับหลินเซี่ย เขาก็หันไปขยิบตาให้โจวเจี้ยนกั๋ว เห็นได้ชัดว่ากำลังขอให้อีกฝ่ายทำหน้าที่เป็นนักการทูตคนกลางเพื่อรักษาหญิงสาวผู้มีความสามารถคนนี้ไว้
“ถ้างั้นฉันไม่รบกวนเธอแล้ว เสี่ยวหลิน ตัดสินใจได้ยังไงอย่าลืมฝากข้อความผ่านน้าของเธอมาบอกฉันอีกทีนะ”
“ค่ะ”
ผู้อำนวยการโรงงานกล่าวคำอำลาและจากไป โจวเจี้ยนกั๋วจึงอธิบายให้หลินเซี่ยฟังด้วยความไม่สบายใจ
“เซี่ยเซี่ย อย่าโกรธกันเลยนะ ผู้อำนวยการโรงงานของเราแค่อยากจะรักษาคนมีความสามารถแบบเธอไว้ เขากลัวว่าถ้าในอนาคตเธอมีแนวคิดหรือข้อเสนอที่สร้างสรรค์ให้กับโรงงานอื่น ๆ เราจะพลาดโอกาสในการทำเงินไป”
“ทั้งหมดนี้ก็เพื่อประสิทธิภาพของผลประกอบการ และเพื่อพนักงานหลายร้อยคนในโรงงานด้วย”
หลินเซี่ยยิ้มและพูดว่า “ฉันเข้าใจค่ะน้า เพียงแต่ฉันไม่มั่นใจเลยว่าตัวเองจะสามารถทำงานเป็นนักออกแบบนอกเวลาอย่างที่เขาต้องการให้สมกับเงินเดือนที่ได้รับ ถึงยังไงฉันก็มีงานอื่นที่ต้องทำ ฉันจะมีคุณสมบัติเพียงพอได้ยังไง? ไว้ฉันจะกลับไปหารือกับเฉินเจียเหอก่อนที่จะให้คำตอบกับคุณนะคะ”
เธอเปิดร้านตัดผมในไห่เฉิง ถ้าต้องทำงานพาร์ทไทม์เป็นนักออกแบบเครื่องจักรกลให้กับโรงงานในเทศมณฑลเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ เกรงว่าเธออาจไม่มีพลังงานมากเพียงพอ
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นไว้ค่อยคุยกันทีหลังก็ได้”
ตอนนี้เริ่มดึกแล้ว เซี่ยไห่จึงบอกว่าเขาต้องการกลับไปนอนพักผ่อนที่โรงแรม
“ครับ ผมจะพาพวกคุณไปส่งโรงแรมก่อน แล้วค่อยคุยเรื่องอื่นกันพรุ่งนี้”
หวังอวี้เสียจับมือหลินเซี่ยไว้ “เซี่ยเซี่ย ห้องลูกพี่ลูกน้องของเธอไม่มีใครอยู่ เธอนอนค้างที่บ้านเราแล้วกันนะ ปล่อยให้พ่อแม่ อารอง และจินซานไปพักที่โรงแรมฝั่งตรงข้ามเถอะ ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอเยอะแยะเลย”
หลินเซี่ยพยักหน้า “ได้ค่ะ งั้นฉันจะนอนค้างที่บ้าน”
โจวเจียนกั๋วพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันเพิ่งจองห้องพักไว้สามห้อง ตั้งใจว่าจะให้เธอนอนค้างที่บ้านเราแต่แรกแล้ว”
หลังจากได้ยินคำพูดของโจวเจี้ยนกั๋ว ใบหน้าของหลิวกุ้ยอิงก็หม่นลงเพราะความวิตกกังวล
สามห้อง นั่นทำให้หล่อนตระหนักได้ทันทีว่าโจวเจี้ยนกั๋วตั้งใจจัดให้หล่อนและเซี่ยเหลยนอนพักร่วมห้องเดียวกัน
ตอนที่พวกเขาอยู่ในไห่เฉิง พวกเขาเปิดร้านอาหารด้วยกันก็จริง แต่ต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้านหลังจากปิดทำการ เรื่องนั้นหล่อนไม่รู้สึกลำบากใจเลย แต่ตอนนี้หล่อนรู้สึกลำบากใจจริง ๆ
คนอื่นคิดว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากันโดยชอบธรรม จึงจัดห้องพักให้พวกเขาอยู่ด้วยกันโดยปริยาย
แต่ความเป็นจริงแล้ว สถานะของพวกเขายังไม่เป็นทางการ ขนาดตอนอยู่ไห่เฉิงยังอยู่กันคนละบ้านเลย
ไม่น่าแปลกใจที่คุณแม่เซี่ยยืนกรานว่าต้องจัดการเรื่องระหว่างพวกเขาทั้งสองคนก่อน ถึงจะจัดงานแต่งให้ลูก ๆ ได้
หลินเซี่ยสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบนสีหน้าของหลิวกุ้ยอิง เธอจึงพูดว่า “ฉันขอให้แม่อยู่ที่บ้านด้วยนะคะ เราสองคนนอนห้องเดียวกันได้”
………………………………………………………………………………………………………………………….
ดีดลูกคิดรางแก้ว แปลตรงตัวว่า ลูกคิดสมปรารถนา ซึ่งหมายถึงการคิดคำนวณทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้ผลประโยชน์สูงสุด
สารจากผู้แปล
งานเครื่องจักรกลแบบนี้ต้องพึ่งพาพี่เหอช่วยเสียแล้วสิ
คุณพ่อกับคุณแม่จะแต่งงานเป็นทางการกันตอนไหนหนอ
ไหหม่า(海馬)