ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 484 เผากระดาษให้หลินต้าฝู
ตอนที่ 484 เผากระดาษให้หลินต้าฝู
หลังจากเงียบกันไปสักระยะหนึ่ง หวังอวี้เสียก็นึกถึงปัญหาบางอย่างขึ้นมาได้ หล่อนขมวดคิ้วและมองไปที่หลินเซี่ย ถามว่า
“ฉันเพิ่งสังเกตว่าพ่อแม่ของเฉินเจียเหอไม่ได้อยู่ในรูปเลยนี่ พวกเขาไม่ได้ไปร่วมพิธีเปิดร้านของเธอหรอกเหรอ?”
หลินเซี่ยอธิบาย “พ่อและแม่สามีของฉันงานยุ่งมากค่ะ พวกเขาไม่มีเวลามา”
“จะไม่มีเวลาสักแค่ไหนกันเชียว ฉันว่าพวกเขาไม่อยากมาร่วมยินดีกับเธอมากกว่า”
เมื่อเอ่ยถึงโจวลี่หรงและเฉินเจี้ยนเจียง หวังอวี้เสียก็นึกโกรธขึ้นมาอีก “เดี๋ยวนี้พวกเขายังต่อต้านเธออย่างออกนอกหน้าอยู่หรือเปล่า?”
หวังอวี้เสียไม่ให้โอกาสหลินเซี่ยได้อธิบายต่อ หล่อนมองไปที่โจวเจี้ยนกั๋วแล้วถามว่า “โจวเจี้ยนกั๋ว คุณไม่ได้บอกว่าพี่สาวคุณยอมรับเซี่ยเซี่ยจากก้นบึ้งของหัวใจหรอกเหรอ ทำไมหล่อนถึงไม่ยอมไปร่วมพิธีเปิดร้านใหม่ของเซี่ยเซี่ยล่ะ? จะทำตัวขวางโลกไปถึงไหนกันนะ? ลูกสะใภ้ตัวเองออกจะโดดเด่นขนาดนี้ แถมยังมีความสามารถและหน้าตาดี ยังมาไม่พอใจอะไรอีก? ตกลงหล่อนอยากให้เจียเหอมีเมียแบบไหนกันแน่?”
เมื่อเห็นว่าหวังอวี้เสียดูหัวร้อนและวิพากษ์วิจารณ์โจวลี่หรงด้วยเสียงอันดัง หลินเซี่ยจึงอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “น้าสะใภ้ พวกเขามีงานที่ต้องจัดการจริง ๆ ค่ะ เลยปลีกตัวมาไม่ได้ ถึงอย่างนั้นพ่อและแม่สามีก็ให้อั่งเปาฉันเป็นของขวัญวันเปิดร้านตั้งห้าร้อยหยวน ฉันแค่เปิดร้านใหม่ พวกเขาให้ของขวัญเป็นเงินมูลค่ามากกว่าเงินเดือนของคนสองคนรวมกันด้วยซ้ำ พวกเขาดีกับฉันมากจริง ๆ ที่มาไม่ได้เพราะเรื่องงานค่ะ”
“พวกเขาเนี่ยนะยอมควักเงินให้?” หวังอวี้เสียรู้สึกเคลือบแคลงสงสัย มองไปที่หลินเซี่ยเพื่อขอคำยืนยัน
“ฉันพูดจริงนะคะ” หลินเซี่ยขอความช่วยเหลือจากหลิวกุ้ยอิง “แม่คะ ช่วยบอกน้าสะใภ้เร็วเข้าว่าเดี๋ยวนี้ฉันเข้ากับแม่สามีได้ดีหรือยัง?”
หลิวกุ้ยอิงบอกว่า “ตอนนี้แม่ของเจียเหอใจดีกับเซี่ยเซี่ยมากค่ะ ก่อนที่เราจะออกเดินทางเมื่อวานนี้ หล่อนยังอุตส่าห์แวะมาหาเราด้วย”
ในที่สุดหวังอวี้เสียก็สงบสติอารมณ์ลงได้ “ดีแล้วที่หล่อนตาสว่างสักที เพราะหล่อนคงโง่เต็มทีถ้าไม่รู้ว่าจะรักษาลูกสะใภ้แสนดีแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง”
หล่อนถามหลินเซี่ยอีกครั้งด้วยความกังวล “แล้วเธอกับเจียซิ่งญาติดีกันหรือยังล่ะ? ได้ยินมาว่าเขาหย่ากับเสิ่นเสี่ยวเหมยแล้ว กว่าเด็กคนนั้นจะสลัดหลุดจากเสิ่นเสี่ยวเหมย คงต้องทนทุกข์ทรมานมากจากการหย่าร้างมากแน่ ๆ เขาไม่ได้โทษว่าเป็นความผิดของเธอใช่ไหม?”
หลินเซี่ยบอกว่า “เขามีแฟนใหม่แล้วค่ะ”
“เร็วขนาดนี้เชียว?”
หวังอวี้เสียและโจวเจี้ยนกั๋วมองหน้ากันด้วยสายตาตกตะลึง
พวกเขาคิดเห็นตรงกันว่าเฉินเจียซิ่งดูรักคนที่ชื่อเสิ่นเสี่ยวเหมยมากถึงขั้นติดตามหล่อนมารังแกพี่สะใภ้ของตัวเองอย่างไม่เลือกหน้า ยอมแม้แต่ขัดแย้งกับพี่ชายตัวเอง การหย่าร้างระหว่างเขากับเสิ่นเสี่ยวเหมยอาจสร้างบาดแผลทางจิตใจครั้งใหญ่ให้กับเขาไม่น้อย
ไม่คาดคิดว่าสถานการณ์หลังหย่าร้างจะราบรื่นกว่าที่คิด ตอนนี้ถึงขั้นมีความรักครั้งใหม่แล้ว
“ดูสิคะน้าสะใภ้ ในรูปนี้น่าจะมีผู้หญิงคนนั้นอยู่ด้วย”
หลินเซี่ยเจอหยางหงเสียยืนอยู่มุมหนึ่ง กำลังเดินชมชุดแต่งงานอยู่ภายในร้าน
“นั่นไงคะผู้หญิงคนนั้น”
หวังอวี้เสียและโจวเจี้ยนกั๋วยื่นใบหน้าที่อยากรู้อยากเห็นมาจ่อตรงหน้าภาพถ่าย ตรวจสอบอย่างระมัดระวัง
หวังอวี้เสียมองไปที่หยางหงเสียในรูปถ่าย แสดงความคิดเห็นว่า “ดูมีอุปนิสัยแตกต่างกันสุดขั้วจากคนก่อนอย่างเสิ่นเสี่ยวเหมยเลยล่ะ”
เสิ่นเสี่ยวเหมยชอบดัดผมเป็นคลื่นใหญ่ แต่งหน้าแต่งตาจัด สวมกระโปรงเข้าชุดกับรองเท้าบูต ดูเป็นสาวเปรี้ยวสมัยใหม่
ในขณะที่หญิงสาวคนนี้มัดผมหางม้าธรรมดา สวมเสื้อคอปกทรงแหลมสีแดงแบบอนุรักษ์นิยมคู่กับกางเกงขายาวสีดำ ดูเหมือนผู้หญิงธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไปบนท้องถนน
โจวเจี้ยนกั๋วดูหญิงสาวในภาพ เมื่อเห็นว่าหล่อนดูเป็นคนเรียบง่ายติดดินก็พึงพอใจ พูดว่า “ก่อนหน้านี้เจียซิ่งอาจจะประเมินความสามารถของตัวเองต่ำไป เขาไม่สามารถควบคุมผู้หญิงที่มีนิสัยแบบเสิ่นเสี่ยวเหมยได้ ต่างจากผู้หญิงคนนี้ที่ดูเรียบร้อยเชื่อฟัง เขาอาจมองเห็นว่าหล่อนสมควรที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของตัวเอง”
น้ำเสียงของหวังอวี้เสียแสดงออกว่าไม่เห็นด้วย “เจียซิ่งใช้มาตรฐานไหนประเมินว่าหล่อนเหมาะสมจะเป็นคู่ชีวิตกันล่ะ? เขาคงคิดว่าตัวเองใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยมามากพอแล้ว เลยอยากมองหาหญิงสาวที่ซื่อสัตย์และไร้เดียงสาเพื่อให้กลับไปปรนนิบัติรับใช้และมีลูก ๆ ให้เขาน่ะสิ”
หลินเซี่ย “!!!”
ต้องบอกว่าถึงแม้หวังอวี้เสียจะปากคอเราะราย แต่คำพูดของหล่อนก็ไม่ได้ไร้เหตุผลเสียทีเดียว
หลินเซี่ยเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเฉินเจียซิ่งและแฟนใหม่ของเขามาเจอกันได้อย่างไร แน่นอนว่าเธอไม่สามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของคนอื่นได้
หลังจากดูรูปถ่ายแล้ว หลินเซี่ยก็หยิบของต่าง ๆ ออกมาจากกระเป๋าของตัวเอง
“น้าสะใภ้ นี่คือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ฉันเอามาฝากคุณค่ะ มีลิปสติกที่ซื้อมาจากเชินเฉิงด้วย เป็นเครื่องสำอางระดับไฮเอนด์ทั้งนั้นเลยนะคะ”
“ทำไมหอบมาฝากกันมากมายขนาดนี้ล่ะ?” หวังอวี้เสียมีนิสัยชอบแต่งหน้าและดูแลตัวเองอยู่เสมอ หล่อนทั้งดีใจและสะเทือนใจในเวลาเดียวกันเมื่อเห็นขวดและกล่องต่าง ๆ ที่หลินเซี่ยหยิบออกมา
“เซี่ยเซี่ย ของพวกนี้แพงมากไหม? ฉันจะจ่ายเงินให้”
หลินเซี่ยปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันตั้งใจซื้อให้คุณ จะมารีดไถเงินได้ยังไงคะ”
หลินเซี่ยสอนหวังอวี้เสียถึงวิธีการใช้งานผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเหล่านี้ ซึ่งหวังอวี้เสียก็เรียนรู้อย่างจริงจังมาก
โจวเจี้ยนกั๋วและหลิวกุ้ยอิงจึงนั่งคุยกัน
หล่อนได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมจากโจวเจี้ยนกั๋วในตอนนี้เองว่าหลังจากที่หลินจินซานปล่อยบ้านให้เช่า ครอบครัวของหลินเอ้อร์ฝูก็ยังไม่วายตามมาก่อกวนครอบครัวนั้น แต่ต่อมาพวกเขาก็ยอมแพ้เพราะอีกฝ่ายมีสมาชิกผู้ชายมากกว่า จนไม่กล้าสร้างปัญหาอีก
หลิวกุ้ยอิงรู้สึกหนักอกหนักใจยิ่งกว่าเดิมหลังจากฟังคำบอกเล่าของโจวเจี้ยนกั๋ว
คืนนั้น หลิวกุ้ยอิงจึงแทบข่มตานอนไม่หลับ
รุ่งเช้าของวันถัดมา หลินจินซานพาทุกคนไปที่ร้านขายกระดาษเงินกระดาษทองเพื่อซื้ออุปกรณ์เซ่นไหว้
เซี่ยเหลยเคยเป็นทหารมาก่อน จึงมีแนวคิดแบบนักวัตถุนิยม แต่เพื่อที่จะแสดงความเคารพต่อผู้เสียชีวิต เขาจึงยังปฏิบัติตามประเพณีท้องถิ่น ซื้อสิ่งของต่าง ๆ เช่นเงินกระดาษและธูปเทียน
หลินเซี่ยและเซี่ยไห่เลือกซื้ออุปกรณ์เซ่นไหว้เพิ่มอีกหลายประเภท เช่น ถ้วยสะสมทรัพย์ ต้นไม้เขย่าเงิน และอื่น ๆ
หลิวกุ้ยอิงก็ปลีกตัวไปซื้อผลไม้มาไหว้ด้วย
ทุกคนซื้อของกันเยอะมาก
เซี่ยเหลยยังซื้อเหล้าหนึ่งขวดเป็นพิเศษ
พอทุกคนหอบหิ้วสารพัดสิ่งพะรุงพะรัง ทำให้ไม่สะดวกที่จะขึ้นรถโดยสารประจำทาง ดังนั้นโจวเจี้ยนกั๋วจึงขอให้รถบรรทุกขนาดเล็กจากโรงงานมาส่งพวกเขากลับไปที่หมู่บ้านโดยเฉพาะ
โจวเจี้ยนกั๋วหยุดงานพอดี จึงร่วมเดินทางไปกับทุกคนด้วย
หลุมศพของหลินต้าฝูตั้งอยู่บนพื้นที่โล่งบนภูเขา
พอก้าวลงจากรถที่จอดตรงทางเข้าหมู่บ้าน เดินตรงขึ้นไปตามเส้นทาง ปีนไหล่เขา พวกเขาก็เข้าสู่พื้นที่ที่มีสภาพรกร้าง
ตอนที่ทุกคนมาถึงหมู่บ้าน โจวเจี้ยนกั๋วขอให้คนขับเข้าไปพักผ่อนที่บ้านก่อน ส่วนหลินจินซานเดินนำทุกคนไปเผากระดาษ
หลินเซี่ยเดินตามหลินจินซานและหลิวกุ้ยอิง ขณะที่เธอปีนขึ้นไปบนทางลาดชัน ก็รู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ช่างดูคุ้นเคย
จนกระทั่งเข้าไปยังพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ถึงจำได้ว่าในเดือนสิบสองของปีที่แล้ว ตอนที่เธอแต่งงานกับเฉินเจียเหอช่วงแรก ๆ เธอกับหู่จือก็เคยขึ้นมาจับกระต่ายกับเอ้อร์เลิ่งแล้วครั้งหนึ่ง
ขณะเดินตามหลินจินซานไปที่ทุ่งหญ้ารกร้าง เธอรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก
ที่แท้เมื่อปีที่แล้วเธอก็เคยเฉียดเข้าใกล้สุสานของหลินต้าฝูมาก่อน
แต่ในเวลานั้นเธอไม่รู้เลยว่าผู้มีพระคุณของตัวเองถูกฝังร่างอยู่ที่นี่
ขณะที่พวกเขาเข้าไปถึงหลุมศพ หลินจินซานผู้ซึ่งส่งเสียงร้องเพลงมาตลอดทางก็เงียบเสียงลง ใบหน้าดูเคร่งขรึม
หญ้าวัชพืชเหนือหลุมศพเริ่มสูงและรกชัฏ ดังนั้นหลินจินซานจึงวางถุงใส่กระดาษเงินกระดาษทองลงก่อนและเริ่มถอนหญ้า
หลินเซี่ยก็รีบเข้าไปช่วยเขาอีกแรง
หลินจินซานน้ำตาซึมขณะถอนวัชพืช “พ่อ ผมมันลูกอกตัญญู ตลอดทั้งปีนี้ไม่ได้มาเยี่ยมหลุมศพของพ่อเลย”
หลิวกุ้ยอิงก้มหน้าลง ไม่ยอมพูดอะไรเลย จัดการเตรียมของเซ่นไหว้อย่างเงียบ ๆ
เซี่ยเหลยก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือ หยิบของที่พวกเขาซื้อมาจากถุงหลายใบ นอกจากนี้เขายังหยิบเหล้าที่ตั้งใจซื้อมาเป็นพิเศษออกมาวางพร้อมกับเครื่องบูชา
ครั้นถอนหญ้าวัชพืชกันเสร็จสรรพ หลินจินซานก็ดึงหลินเซี่ยให้ลุกขึ้น จากนั้นก็เริ่มพูดกับหลุมศพตรงหน้า “พ่อ ดูสิว่าวันนี้ใครมาหาพ่อบ้าง”
หลินเซี่ยเดินตามหลินจินซานไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าหลุมศพ
เธอคุกเข่าลงอย่างสำรวม แนะนำตัวเองด้วยความจริงใจ “พ่อหลินคะ ฉันหลินเซี่ยเองค่ะ”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ปัจจุบันนี้แม่สามีกับน้องสามีทำตัวดีกว่าเดิมเยอะค่ะ หลังเลิกยุ่งกับพวกคนตระกูลเสิ่นแล้วก็เหมือนได้ถอนของออกเป็นปลิดทิ้ง
ไหหม่า(海馬)