ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 486 ไม่มีการซื้อขาย ไม่มีการสูญเสีย
ตอนที่ 486 ไม่มีการซื้อขาย ไม่มีการสูญเสีย
พ่อแม่ของเอ้อร์เลิ่งหวาดกลัวกับรังสีของเซี่ยไห่ สิ่งที่พวกเขาทำนั้นผิดกฎหมายจริง ๆ พวกเขารู้สึกผิด ไม่กล้ามองสบตาเซี่ยไห่อีกต่อไป
เซี่ยไห่พูดต่อ “คุณกลัวว่าครอบครัวของผู้หญิงคนนั้นจะแก้แค้นลูกชายตัวเอง นั่นแปลว่าพวกคุณก็รู้ดีแก่ใจว่าการกระทำของตัวเองมันผิดกฎหมาย ผมจะบอกอะไรให้ คุณกำลังทำลายสังคมและคนที่เป็นกำลังหลักของประเทศชาติในอนาคต รู้ไหมว่าหลังจากช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้นได้แล้ว หล่อนได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจอย่างสาหัสมาก จนป่านนี้ยังไม่กล้าออกจากบ้านไปพบปะผู้คนด้วยซ้ำ หล่อนคือนักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบและกำลังจะได้ทำงานดี ๆ แต่เพราะความโง่เขลาและเห็นแก่ตัวของพวกคุณ เลยทำให้ทั้งชีวิตอันรุ่งโรจน์ของหล่อนถูกทำลายไป”
เซี่ยไห่ยังได้รู้ความจริงจากถังจวิ้นเฟิงเมื่อไม่กี่วันก่อน ว่าทุกครั้งที่เขาได้รับข้อความเพจเจอร์จนต้องรีบร้อนออกไป จริง ๆ แล้วไม่ได้เป็นเพราะเขากำลังมีความสัมพันธ์
เรื่องของเรื่องเป็นเพราะเด็กสาวคนนั้นที่เขาไปช่วยเหลือมาจากชนบท
จากการซักถาม เขาถึงได้รู้ว่าหญิงสาวชื่อไล่เสี่ยวอวิ๋น หล่อนได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างสาหัสจนเอาแต่ขังตัวเองอยู่ที่บ้าน ไม่กล้าออกไปเจอใครหน้าไหนทั้งนั้น เนื่องจากถังจวิ้นเฟิงเป็นคนแรกที่ช่วยหล่อนออกมาจากห้องใต้ดิน เป็นคนแรกที่หล่อนเห็นหน้าและยังเป็นคนที่พากลับเข้าเมือง ถังจวิ้นเฟิงจึงถือเป็นแสงสว่างหนึ่งเดียวของชีวิตที่หล่อนไว้วางใจ
ดังนั้น ช่วงที่ผ่านมา หล่อนจึงมีที่พึ่งคือถังจวิ้นเฟิงเพียงคนเดียวเท่านั้น
ทุกครั้งที่ตกอยู่ในภวังค์ฝันร้าย หรือมีอารมณ์ไม่มั่นคง ครอบครัวของหล่อนจะส่งเพจเจอร์ไปหาถังจวิ้นเฟิงตลอด ขอให้เขาช่วยปลีกเวลามาอยู่กับหล่อน
แม้ว่าเด็กสาวที่ถูกลักพาตัวจะได้รับการช่วยเหลือจนปลอดภัย แต่หล่อนจะยังมีเงาดำมืดทางจิตใจไปตลอดชีวิต
พ่อของเอ้อร์เลิ่งคนนี้อ้างความไม่รู้กฎหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งความเห็นอกเห็นใจ กระนั้นก็ยังกลัวว่าลูกชายของเขาที่อยู่ในเมืองจะถูกแก้แค้น
ถ้ากลัวการแก้แค้น ก็เท่ากับรู้ว่าตัวเองผิดน่ะสิ?
พวกเขารู้ดีแก่ใจว่าการกระทำของตัวเองขัดต่อศีลธรรมขนาดไหน
ถ้าอย่างนั้นพวกเขาต้องเห็นแก่ตัวและโง่เขลาแค่ไหนกันเชียว ถึงเลือกซื้อภรรยาให้กับลูกชายที่ป่วยทางจิต?
เมื่อเห็นว่าเซี่ยไห่กำลังหัวร้อน เซี่ยเหลยจึงพยายามปรามเขา “เสี่ยวไห่ ระงับอารมณ์หน่อย”
เซี่ยไห่สูดหายใจเข้าลึก ๆ สองครั้ง แล้วพูดว่า “ช่างเถอะ เถียงกับพวกคุณไปก็ไม่เกิดประโยชน์”
อาชญากรรมเกิดขึ้นไปแล้ว
ฟังจากสิ่งที่ถังจวิ้นเฟิงพูด ผู้หญิงที่เขาไปช่วยมาจากบ้านของเอ้อร์เลิ่งนับว่าค่อนข้างโชคดี
แม้จะมีเงาดำมืดทางจิตใจ แต่อย่างน้อยร่างกายหล่อนก็ไม่ได้รับอันตรายใด ๆ
ต่างจากคนอื่น ๆ ที่โชคไม่ดีนัก ผู้หญิงอีกคนที่ได้รับการช่วยเหลือมาไม่เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บทั่วร่างกายเท่านั้น ยังตั้งท้องไม่พึงประสงค์อีกด้วย…
พวกค้ามนุษย์สมควรโดนประหารด้วยการยิงเป้ากันทั้งหมด
กระทั่งผู้ซื้อก็ไม่ใช่คนดีไปกว่ากัน
ดังคำกล่าวที่ว่า ไม่มีการซื้อขาย ไม่มีการสูญเสีย
อาจเป็นเพราะมีคนหนุ่มสาว ผู้สูงอายุ และผู้ชายที่ขายไม่ออกในชนบทจำนวนมากยินดีจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อซื้อตัวผู้หญิงจากขบวนการค้ามนุษย์ ผู้ค้ามนุษย์จึงตามืดบอดมองไม่เห็นศีลธรรม มองเห็นแต่ผลกำไรและโอกาสในการทำธุรกิจ
เซี่ยไห่มองไปที่พ่อแม่ของเอ้อร์เลิ่งด้วยสายตาที่เฉียบคมดุดัน พ่อของเอ้อร์เลิ่งที่ร่างกายทรุดโทรมเนื่องมาจากความผันผวนของชีวิตก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด ไม่กล้าพูดอะไร
คู่สามีภรรยาสูงอายุมีสีหน้าย่ำแย่มาก หลังของพวกเขางองุ้ม กิริยาท่าทางค่อนข้างน่าสงสาร
ผู้เฒ่าโจวกระแอมไอเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เอาล่ะ พวกคุณสองคนกลับไปก่อน ในเมื่อเซี่ยเซี่ยบอกว่าเอ้อร์เลิ่งอาการดีขึ้นแล้ว ก็แปลว่าความเป็นอยู่ของเขาต้องดีขึ้นตามไปด้วย พอเซี่ยเซี่ยกลับไป ค่อยฝากบอกเอ้อร์เลิ่งให้เขียนจดหมายมาถึงพวกคุณ”
หลินเซี่ยบอกว่า “เอ้อร์เลิ่งบอกว่าเขาเขียนจดหมายส่งถึงครอบครัวตลอดนะคะ พวกคุณไม่ได้รับเลยเหรอ?”
“ไม่เลย”
“อาจเป็นเพราะเขาเขียนที่อยู่ผิดก็ได้ ไว้ฉันกลับแล้วจะบอกเอ้อร์เลิ่งอีกที ให้เขาเขียนจดหมายฉบับใหม่แล้วส่งถึงคุณ”
“อืม ขอบคุณนะเซี่ยเซี่ย” พ่อแม่ของเอ้อร์เลิ่งจากไป สีหน้าของเซี่ยไห่ยังคงไม่สู้ดี เพราะไม่สามารถระบายความโกรธและความคับข้องใจใส่ใครได้
ผู้เฒ่าโจวมองเซี่ยไห่ผู้รักความชอบธรรมทนเห็นทรายเข้าตาไม่ได้ ก่อนจะเกลี้ยกล่อมเขาว่า “เสี่ยวเซี่ย อย่าโกรธไปเลย คนบ้านนอกน่ะขาดความรู้ ถึงยังไงพวกเขาก็ได้ชดใช้ความผิดสำหรับการกระทำของพวกเขาไปแล้ว “
หลินเซี่ยช่วยปลอบเซี่ยไห่อีกแรง “ช่างเถอะค่ะ อย่าโกรธไปเลย”
เซี่ยไห่ถอนหายใจยาว “ฉันไม่ได้โกรธ แค่รู้สึกสะเทือนใจแทนเหยื่อ”
เขาปรับอารมณ์ใหม่ แล้วถามหลินเซี่ย “พวกเธอสองคนเคยอยู่ในห้องไหนมาก่อน?”
หลินเซี่ยชี้ไปที่ห้องฝั่งตะวันตก “ตรงนั้นค่ะ”
เซี่ยไห่เดินตามหลินเซี่ยไปเยี่ยมชมห้องของเธอและเฉินเจียเหอ
แม้ว่าจะไม่มีใครอาศัยอยู่ในนั้นมาเป็นเวลานาน แต่ผู้เฒ่าทั้งสองก็ดูแลรักษาห้องอย่างสะอาดเอี่ยมมาก
กรอบรูปเล็ก ๆ บนผนังก็สะอาดเอี่ยมเช่นกัน
หลินจินซานพูดกับหลิวกุ้ยอิงว่า “แม่ แม่รออยู่ที่นี่แล้วกันนะ ผมขอกลับบ้านไปตรวจดูบ้านของเราก่อน”
หลิวกุ้ยอิงบอกว่า “แม่ไปด้วย”
“แม่ ไม่กลัวย่ากับอารองเป็นบ้าขึ้นมาอีกเหรอ?”
หลิวกุ้ยอิงมีท่าทางหนักแน่น “ไม่กลัวหรอก ไม่ช้าก็เร็วยังไงแม่ก็ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ต้องเผชิญ ตอนนี้แม่กลับมาแล้ว แม่ควรกลับไปเยี่ยมย่าของลูกสักหน่อย”
ถึงอย่างไรนางก็เป็นมารดาของหลินต้าฝู เมื่อหลินต้าฝูจากไป หมายความว่าหล่อนจะไม่สามารถตอบแทนความกตัญญูต่อหลินต้าฝูในอนาคตได้อีก การที่หล่อนกลับมาเยี่ยมหลินต้าฝูในครั้งนี้ วันข้างหน้าอาจไม่มีโอกาสได้มาอีก
ที่หน้าประตูบ้าน พวกเขาเห็นกำแพงครึ่งหนึ่งพังทลายลงด้วยเหตุผลบางอย่างโดยไม่มีใครสนใจซ่อมแซมมัน อีกทั้งประตูยังปิดสนิทแน่นหนา
หลินจินซานก้าวไปข้างหน้าเพื่อเคาะประตู
“เถี่ยจู้ เถี่ยจู้ อยู่บ้านหรือเปล่า?” หลินจินซานปล่อยบ้านให้คนที่ชื่อเถี่ยจู้เช่า เขาตะโกนเรียกชื่อเถี่ยจู้เป็นเวลานาน กว่าจะมีคนตอบรับ
พ่อเถี่ยจู้เดินออกจากประตู
หลินจินซานเห็นพ่อของเถี่ยจู้ถือท่อเหล็กอยู่ในมือ จึงถามเขาว่า
“ลุงครับ เถี่ยจู้อยู่หรือเปล่า?”
ใบหน้าอันมืดมนของพ่อเถี่ยจู้เต็มไปด้วยความไม่พอใจ เมื่อเขาเห็นหลินจินซานและหลิวกุ้ยอิง เขาก็พูดว่า “พวกเธอกลับมาได้สักทีนะ”
“ไปคุยกันข้างในเถอะ”
พ่อของเถี่ยจู้ดึงหลินจินซานและหลิวกุ้ยอิงเข้าไปในบ้าน
จากนั้นเขาก็บอกว่า “เถี่ยจู้กับเมียของเขาไปทำงานข้างนอก เราตั้งใจว่าจะไม่เช่าบ้านหลังนี้อีกต่อไป อย่าลืมคืนค่าเช่าที่เหลือมาให้ฉันด้วย”
หลินจินซานถามอย่างสงสัย “ทำไมจู่ ๆ ถึงอยากเลิกเช่าล่ะลุง เถี่ยจู้จ่ายค่าเช่าให้ฉันตั้งหนึ่งปี บอกว่าอยากเช่าในระยะยาว”
พ่อเถี่ยจู้ตอบเสียงเศร้า ๆ ว่า “เราจะอยู่ที่นี่ต่ออย่างสงบสุขได้ยังไง? ตั้งแต่พวกเราย้ายมาอยู่ในบ้านของเธอ ครอบครัวอารองของเธอก็เริ่มก่อปัญหาอย่างเปิดเผย หาเรื่องทะเลาะกับเราไม่เว้นวัน ถึงพวกเราจะเอาสัญญาเช่าที่เธอเขียนไว้มาให้ดู พวกเขาก็เพิกเฉยต่อมัน แอบสร้างปัญหาให้เราอย่างลับ ๆ ตอนกลางคืนก็แอบเอามูลวัวมาปาใส่หน้าบ้าน พอภรรยาของเถี่ยจู้ออกไปข้างนอกตอนเช้าก็เหยียบขี้วัวเข้าเต็ม ๆ หญิงสาวที่มาจากในเมืองจะทนความโสโครกนี้ได้ยังไง? ตอนแรกครอบครัวของเราจำเป็นต้องเช่าบ้านเพื่ออยู่อาศัยเพราะลูกชายฉันยังไม่มีปัญญาซื้อบ้านเป็นของตัวเองและเพื่อให้ภรรยาได้อยู่อย่างสุขสบาย แต่ตอนนี้เห็นทีเราคงเช่าต่อไม่ได้แล้ว อารองของเธอมันไม่ใช่มนุษย์”
เมื่อพ่อของเถี่ยจู้พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็เคาะท่อเหล็กในมือกับผนังด้วยความโกรธสองครั้ง แล้วพูดต่อว่า “เถี่ยจู้และคนอื่น ๆ ออกไปทำงาน ฉันอยากย้ายออกจากบ้านหลังนี้เต็มทน แต่ไม่สามารถติดต่อเธอได้เลย ตอนนี้ในที่สุดเธอก็กลับมาซะที จ่ายเงินที่เหลือคืนมาซะ พวกเราจะย้ายออก ไม่เช่าบ้านหลังนี้อีกต่อไป”
หลินจินซานพูดว่า “ลุง อย่าเพิ่งโกรธไปเลย ผมจะไปถามย่ากับอารองด้วยตัวเอง”
พ่อของเถี่ยจู้ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “จะถามไปทำไม? ต่อให้เธอถามแล้วพวกเขาจะยอมรับไหม? ตอนกลางวันเวลาเจอหน้ากันคนพวกนี้ก็ส่งยิ้มให้ตลอด ตกตอนกลางคืนถึงสร้างปัญหาก่อกวนเรา ไร้จรรยาบรรณจริง ๆ”
“งั้นอีกสักพักผมจะกลับมาแล้วคืนค่าเช่าให้ลุงนะ” หลินจินซานพูดกับหลิวกุ้ยอิงด้วยใบหน้าเข้มขรึม “แม่ ไปเถอะ ไปบ้านอารองกัน”
หลินจินซานและหลิวกุ้ยอิงไปที่บ้านของหลินเอ้อร์ฝู ทันทีที่พวกเขามาถึงประตู ก็ได้ยินอาสะใภ้รองหวังจวี๋เซียงกำลังดุด่าใครบางคน
“แม่มันยายแก่ไร้ประโยชน์ เอาแต่โอดครวญพร่ำเพ้อตลอดทั้งวัน ไม่ยอมหยิบจับทำงานอะไรเลย เมื่อวานเพิ่งบ่นว่าเจ็บขา วันนี้บ่นปวดท้องอีกแล้ว ทำไมข้ออ้างถึงได้มากมายนักนะ?”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พี่ไห่ใจเย็นๆ ค่ะ บางเรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้วโดยที่เราช่วยอะไรไม่ได้ คิดป้องกันไม่ให้เกิดอะไรแบบนี้ขึ้นอีกจะดีกว่า (แต่ในใจผู้แปลก็อินเหมือนกันแหละ ทำไมผู้หญิงต้องมารับกรรมอะไรแบบนี้จากการที่ผู้ชายมันควบคุมอวัยวะท่อนล่างไม่ได้อยู่ตลอดเลยนะ)
สู้ๆ นะจินซาน คุณแม่อิงจื่อ เอาชนะอุปสรรคในใจก้อนนี้ให้ได้นะ
ไหหม่า(海馬)