ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 49 ชายชราค่อนข้างเจ้าเล่ห์
ตอนที่ 49 ชายชราค่อนข้างเจ้าเล่ห์
ตอนที่ 49 ชายชราค่อนข้างเจ้าเล่ห์
หลินเซี่ยไม่ฟังคำพูดของหลินเยี่ยน และเริ่มตัดผมให้น้องสาว ซึ่งเป็นทรงไม่สั้นมาก
หลินเยี่ยนมักจะไว้ผมหางม้าต่ำเสมอ ดังนั้นหลังจากตัดผมแล้ว ผมของหล่อนก็ยังคงดูเรียบลื่น เมื่อใช้เครื่องเป่าผมจัดทรงเล็กน้อยจึงดูสวยงามมากทีเดียว
หลินเยี่ยนมัดผมที่ตัดออกด้วยหนังยางอย่างระมัดระวัง และเก็บใส่กระเป๋า
เส้นผมที่มีความยาวปานกลางถึงสั้น แม้จะขายได้ราคาต่ำ แต่ก็ยังเพียงพอที่จะแลกเปลี่ยนเป็นผ้าปูที่นอนหรือผ้านวมได้
“ดูดีไหม? ตอนนี้ดูอ่อนกว่าวัยและสวยกว่าเดิมใช่หรือเปล่า?”
หลินเยี่ยนมองหญิงสาวผมสั้นในกระจกพร้อมรอยยิ้มบนริมฝีปาก
หล่อนพยักหน้ารับหนักแน่น “ดูดีมากค่ะ”
ที่แท้หล่อนก็เป็นคนที่สวยได้เช่นกัน
ในช่วงบ่ายมีลูกค้าน้อย ดังนั้นหลินเซี่ยจึงต้องการเลิกงานเร็ว หลังจากเถ้าแก่เนี้ยว่าง เธอจึงถามหาค่าจ้าง
“เสี่ยวหลิน ตอนนี้เธอคิดว่าเรากลายเป็นคนรู้จักกันหรือยัง?” เถ้าแก่เนี้ยมองเธอพลางถามด้วยรอยยิ้ม
หลินเซี่ยพยักหน้า “พี่คะ พี่เป็นเจ้านายของฉัน และต้องเป็นคนรู้จักอยู่แล้ว ถ้าพี่ไปเมืองไห่เฉิงในอนาคต พี่มาหาฉันได้นะ”
“เสี่ยวหลิน ฉันเห็นฝีมือการจัดแต่งทรงผมและตัดผมของเธอดีกว่าฉันมาก ไม่กี่วันมานี้ลูกค้าส่วนใหญ่ต่างก็มาหาเธอ”
เถ้าแก่เนี้ยไม่คิดอ้อมค้อมและพูดออกไปโดยตรง “ฉันก็เลยคิดว่า เธอจะสามารถสละเวลาสักครึ่งวันเพื่อสอนเทคนิคใหม่ ๆ ของเธอให้ฉันได้ไหม? เธอจะกลับไปเมืองไห่เฉิงในอนาคต และคงไม่ได้เปิดร้านตัดผมในบ้านเกิด เราจะไม่แข่งขันกันถ้าหากฉันเรียนรู้จากเธอ”
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เถ้าแก่เนี้ยพยายามลักจำทักษะของอีกฝ่ายจากด้านข้าง แต่เพราะในร้านมีลูกค้าเยอะ และหลินเซี่ยทำเร็วเกินไป หล่อนจึงไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย
หลินเซี่ยตอบกลับอย่างไม่ถือตัว “ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา เดี๋ยวฉันจะมาพรุ่งนี้เช้า คุณรออยู่ที่ร้านได้เลย ฉันจะแวะมาหาหลังอาหารเช้า”
เถ้าแก่เนี้ยมีความสุขมาก “เสี่ยวหลิน ขอบใจเธอมากนะ”
“ฉันจดจำนวนหัวที่เธอตัดและดัดผมทุกวัน”
เถ้าแก่เนี้ยหยิบบิลออกมาและเริ่มคำนวณค่าจ้าง “ตัดผมยี่สิบแปดคน และดัดผมสิบเจ็ดคน รวมเป็นสิบแปดหยวน ถูกต้องไหม?”
หลินเซี่ยยิ้ม “ถูกค่ะ”
เถ้าแก่เนี้ยยื่นเงินให้เธอห้าสิบหยวน
หลินเซี่ยปฏิเสธ “คุณพี่คะ นี่มันมากเกินไป”
“ไม่มาก ไม่มาก พรุ่งนี้อย่าลืมแวะมานะ”
ธุรกิจของเถ้าแก่เนี้ยมักเฟื่องฟูแค่ในช่วงก่อนวันปีใหม่ และด้วยการสอนเทคนิคการตัดผมและดัดผมใหม่ ๆ จากหลินเซี่ย ในอนาคตธุรกิจร้านตัดผมของหล่อนจะต้องดีขึ้นกว่าเดิมแน่
มันคุ้มค่าที่จะจ่ายเงินเพิ่มอีกสองถึงสามหยวน เพื่อเป็นการซื้อใจของหลินเซี่ย
หลินเยี่ยนที่อยู่ด้านข้างตกตะลึง
หลินเซี่ยมีรายได้ห้าสิบหยวนในเวลาเพียงไม่กี่วัน
ในขณะที่หล่อนทำงานทั้งเดือนได้เงินเพียงสี่สิบห้าหยวน แล้วยังต้องตื่นไปทำงานตอนหกโมงเช้าและเลิกงานตอนหกโมงเย็น ไม่เพียงต้องเหนื่อยจากงานเท่านั้น หล่อนยังถูกเถ้าแก่ปฏิบัติยิ่งกว่าสุนัข
สำหรับคนที่มีทักษะ ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องง่ายในการหาเงิน
แม้แต่เฉินเจียเหอยังมองหลินเซี่ยด้วยความชื่นชม
จักรยานของเฉินเจียเหอไม่สามารถบรรทุกคนสองคนได้
แม้ว่าจะนั่งบนกันชนหน้าได้ แต่มันคงไม่เหมาะนักที่น้องภรรยาจะใกล้ชิดกับพี่เขย
ไม่ต้องพูดถึงผ้าปูที่นอนของหลินเยี่ยน และข้าวของที่เฉินเจียเหอซื้อมาจากตลาด
เฉินเจียเหอกล่าว “ก่อนอื่นพาหลินเยี่ยนไปที่สี่แยก เพื่อดูว่ามีรถสี่ล้อจากหมู่บ้านใกล้เคียงมุ่งหน้ามาจากเมืองหรือไม่ หลังจากส่งหล่อนขึ้นรถแล้ว เราค่อยกลับบ้าน”
พวกเขาทั้งสามรออยู่ที่สี่แยกเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่มีรถมา
หลังจากรอมานาน เฉินเจียเหอก็เห็นว่าใบหน้าของหลินเซี่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะความหนาวเย็น
เฉินเจียเหอเปิดซิปกระเป๋า แล้วหยิบผ้าพันคอสีแดงออกมา
ก่อนจะเอามาพันรอบคอของเธอ
“เอามาจากไหนคะ?” หลินเซี่ยถาม ขณะมองผ้าพันคอผืนหนาที่พันอยู่รอบคอเธอ
เฉินเจียเหอจัดแจงผ้าพันคอให้เธอแล้วพูดว่า “ผมซื้อมันตอนที่ไปตลาด”
“ฉันมีผ้าพันคออยู่ที่บ้านแล้ว”
“ใกล้จะถึงปีใหม่แล้ว ซื้อใหม่สิ ถือเป็นการฉลอง”
“ขอบคุณค่ะ”
หลินเซี่ยดึงผ้าพันคอขึ้นมาปิดหน้าของเธอครึ่งหนึ่ง ทำให้หน้าของเธอไม่แดงเพราะความเย็นอีกต่อไป
หลินเยี่ยนที่อยู่ด้านข้างมองดูเฉินเจียเหอสวมผ้าพันคอให้หลินเซี่ยราวกับไม่มีคนอื่นอยู่รอบ ๆ หล่อนพลันหันหนีด้วยความเขินอาย
หล่อนยังเป็นเด็กผู้หญิงอายุต่ำกว่าสิบแปดปี ยกเว้นเวลาอยู่ในร้านอาหาร หล่อนก็แทบไม่ได้พูดคุยกับผู้ชายเลย
หลินเซี่ยสังเกตเห็นว่าหลินเยี่ยนสวมใส่เสื้อผ้าชั้นบาง และหันหน้าหนีจากพวกเขา
เธอเดินไปดึงหลินเยี่ยนและพูดว่า “เสี่ยวเยี่ยน ไปซื้อเสื้อคลุมบุนวมกันเถอะ ชุดที่เธอใส่มันบางเกินไป”
หลินเยี่ยนได้ยินดังนั้นก็รีบปฏิเสธ “ไม่ต้องซื้อค่ะ ฉันมีเสื้อผ้าอยู่ในกระเป๋า”
แล้วก็ควรเก็บเงินไว้สำหรับครอบครัวเพื่อซื้อของวันปีใหม่ด้วย
ในเมื่อหล่อนยืนกรานว่าไม่เป็นไร เฉินเจียเหอจึงถามหลินเยี่ยนว่าหล่อนขี่จักรยานเป็นไหม เขาจะได้ขอยืมจักรยานจากคนรู้จักเพื่อให้หลินเยี่ยนขี่กลับบ้าน
หลินเยี่ยนส่ายหัวด้วยความอาย
หล่อนขี่ไม่เป็น
จักรยานที่บ้านมีราคาแพง และคุณย่าไม่ยอมให้หล่อนใช้
เฉินเจียเหอพบว่ามันมีปัญหาเล็กน้อย
เขาไม่สามารถปล่อยให้ภรรยายืนหนาวอยู่ที่นี่
เขากำลังจะบอกไปว่า ถ้าไม่มีทางอื่นเขาคงต้องให้หลินเซี่ยขี่จักรยานพาหลินเยี่ยนกลับ ส่วนเขาจะยืมจักรยานของคนอื่นติดตามไป
แต่ก่อนที่จะได้พูด หลินเซี่ยก็เห็นพ่อของเอ้อร์เลิ่งขับเกวียนลามาทางนี้จากระยะไกล
เธอดึงเฉินเจียเหอและชี้ไปข้างหน้า “นั่นใช่พ่อของเอ้อร์เลิ่งหรือเปล่าคะ?”
เฉินเจียเหอหันมองตามนิ้วของเธอ
เขาคือพ่อของเอ้อร์เลิ่งที่กำลังขับเกวียนตรงมาทางนี้จริง ๆ
เฉินเจียเหอเดินไปหาเขาและถามว่า “คุณอา ทำไมถึงขับเกวียนเปล่ามาที่นี่ล่ะ?”
พ่อของเอ้อร์เลิ่งตอบกลับ “อาไปขายเนื้อมา หมูที่เราฆ่าได้เนื้อมากกว่าสองร้อยชั่ง จะเก็บไว้ก็กินไม่หมดและคงเสียเปล่า อาก็เลยเอาครึ่งหนึ่งไปขายในตลาดเพื่อแลกกับเงิน”
“คุณอากำลังจะกลับบ้านหรือเปล่าครับ?”
เฉินเจียเหอกล่าว “เซี่ยเซี่ยกับผมจะขี่จักรยานกลับ คุณอาช่วยพาน้องสาวของเซี่ยเซี่ยไปส่งในหมู่บ้านได้ไหมครับ”
พ่อของเอ้อร์เลิ่งไม่ได้คุ้นเคยกับทุกคนในหมู่บ้าน เมื่อได้ยินว่าหล่อนเป็นน้องสาวของเซี่ยเซี่ย เขาก็ตอบรับอย่างอบอุ่น
“ได้สิ วางสัมภาระไว้ แล้วมานั่งตรงกลาง ไม่งั้นอาจตกลงไปได้”
หลินเยี่ยนนั่งเกวียนลาออกไป ก่อนที่ทั้งสองวางแผนจะเดินทางกลับหมู่บ้านเช่นกัน
เฉินเจียเหอเตะขาตั้งรถจักรยาน ขณะที่เธอกำลังจะนั่งซ้อนท้าย เขาก็แสดงมายากลและยื่นขนมมาด้านหน้าเธอ
หลินเซี่ยมองดูลูกอมห่อด้วยกระดาษห่อดอกไม้ จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายตรงหน้า เธอถามเขาว่า “เอามาจากไหนคะ?”
เขาตอบ “ผมได้รับมาตอนซื้อของบางอย่าง”
“งั้นฉันจะเอาไปฝากหู่จือแล้วกัน”
“เขากินเดี๋ยวฟันผุ”
เฉินเจียเหอแกะกระดาษห่อขนมและกำลังจะป้อนให้เธอกิน
“ฉันกินเองได้ค่ะ”
หลินเซี่ยรีบหยิบมันยัดเข้าไปในปากของเธอ จากนั้นก้มศีรษะลงและนั่งซ้อนท้าย
ชายชราคนนี้ชอบทำตัวหวานจนยากจะหักห้ามใจ
เฉินเจียเหอขี่จักรยานของเขาออกจากเมือง
หลังจากขี่รถมาเป็นเวลานาน เมื่อไม่เห็นว่ามือคู่นั้นกอดเขาจากด้านหลัง ดวงตาของเขาขยับเล็กน้อยและออกแรงเพื่อเพิ่มความเร็ว ก่อนที่จักรยานจะตกลงไปในหลุมอย่างแม่นยำ
หลินเซี่ยเกือบตกรถจากแรงกระแทก และรีบกอดเอวของเขาไว้ทันที
เหตุใดถนนในเทศมณฑลที่กว้างขวางเช่นนี้จึงกลายเป็นหลุมเป็นบ่อ?
เธอยืดคอออกไปมองดูถนนด้านหน้า
คำพูดของหู่จือในวันนั้นพลันก้องอยู่ในใจเธอ
บนถนนกว้างขนาดนี้ กลับขี่ตกหลุมได้
ในเวลานี้ เธอก็เพิ่งตระหนักได้ว่ารู้ตัวช้าไป เขาจงใจทำมัน!
ทำไมก่อนหน้านั้นชายเจ้าเล่ห์คนนี้ถึงขี่จักรยานอย่างดุเดือด?
แค่เพราะรอให้เธอกอดเขาใช่ไหม?
ต่อให้เขาจะอายุมาก แต่ก็ค่อนข้างเจ้าเล่ห์
ดวงตาหลินเซี่ยเผยแววเจ้าเล่ห์ เธอกอดเอวของเขาไว้แน่นและโน้มตัวไปด้านหน้า พูดเสียงเอื่อย “ขี่ช้าลงหน่อยสิคะ ฉันกลัวตก”
ขณะที่ชายคนนั้นปั่นจักรยาน จู่ๆ เขาก็รู้สึกแน่นบริเวณเอว ตามมาด้วยความรู้สึกร้อนในหู ร่างสูงของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อยพร้อมกับคลื่นความร้อนที่ไหลลงมาที่หน้าท้องของเขา…
ร่างกายก็มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเช่นกัน
ขาทั้งสองอ่อนแรง จนแทบไม่มีแรงปั่น
“โอ้ย เฉินเจียเหอ คุณขี่ช้าเกินไปแล้ว ช่วยเร่งความเร็วหน่อยเถอะค่ะ เดี๋ยวเสี่ยวเยี่ยนจะรอเรานาน”
เสียงของเขาแหบพร่า “เร็วกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
เนื่องจากโครงสร้างทางสรีรวิทยาพิเศษของผู้ชาย การขี่บนถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อเช่นนี้อาจสะเทือนไปถึงพวงสวรรค์ และหลังจากที่เธอหยอกล้อเขา ตอนนี้มันก็ไม่ได้เจ็บปวดแค่พวงสวรรค์แล้ว
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่เหอร้ายกาจ หาโอกาสใกล้ชิดกับเซี่ยเซี่ยตลอดเลยนะ โดนเอาคืนเป็นไงบ้างล่ะทรมานไหมคะ ๕๕๕
ไหหม่า(海馬)